Skip to content

A World Worth Protecting 1324

บทที่ 1324 เมืองปรารถนารส

หวังเป่าเล่อเหลือบมองป้ายคำสั่ง ไม่ได้ถามอะไรมาก เขายกมือจับอากาศ ทันใดนั้นป้ายคำสั่งก็พุ่งมาหา พอจับไว้ได้หวังเป่าเล่อก็เก็บมัน จากนั้นจึงมองไปที่ ข้างในป่าที่ซึ่งส่งกลิ่นหอมแปลกประหลาดออกมา

เมื่อผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผู้นั้นเห็นหวังเป่าเล่อเก็บป้ายคำสั่งไปแล้ว ในใจก็โล่งอกเล็กน้อย แต่ความระแวดระวังยังคงอยู่ เขาเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ

“สหายเต๋า เชิญ”

กล่าวพลาง ตัวเขาก็เอียงไปด้านข้าง ไม่กล้าเดินนำหน้าและหันหลังให้หวังเป่าเล่อ แต่รอให้เขาเดินไปด้วยพร้อมกัน ตอนนี้ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นต้นสองคนที่อยู่ อีกสองด้านก็พากันแผ่พลังมากขึ้น ไม่ได้แสดงเจตนาโจมตี แต่ป้องกันเป็นหลัก

หวังเป่าเล่อไม่สนใจการกระทำของคนทั้งสาม ตอนนี้เขาเดินเข้าไปในป่าเพียง ชั่วแวบเดียว ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายที่อยู่ข้างๆ ก็ก้าวไปพร้อมกัน แทบจะในชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ในป่าและมองเห็นที่มาของกลิ่นหอมประหลาดแล้ว

มันคือหม้อใหญ่สูงราวหนึ่งคนกว่าๆ ทั้งใบเป็นสีเขียว ด้านบนสลักสัญลักษณ์และอักขระเอาไว้ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายเก่าแก่ออกมาพร้อมกัน อักขระเหล่านั้นคล้ายแฝงความล้ำลึก ซึ่งเข้ากันกับสัญลักษณ์ด้านบน ทำให้หม้อนี้ส่งเสียงคำรามต่ำออกมา

ราวกับมีสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองพลังยิ่งใหญ่กำลังกระแทกโจมตีจากข้างในหม้อใบนี้ ไม่หยุดในชั่วขณะนี้ มันพยายามพังหม้อใบนี้ออกมา แต่กลับยากจะฝ่าออกมาได้ ทำได้เพียงถูกหม้อใหญ่หลอมละลายอย่างต่อเนื่อง จนส่งกลิ่นหอมฟุ้งชวนท้องไส้ปั่นป่วนออกมา

ขณะเดียวกัน รอบด้านยังมีร่องรอยของการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด และยังมองเห็นศพหลายศพอยู่ไกลๆ ด้วย

ภาพนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเลิกคิ้ว ขณะก้าวเดินเขาก็แผ่ดวงจิตเทพมากวาดมองข้างในหม้อใหญ่ใบทันที เห็นชัดเจนว่าข้างในหม้อใบนี้มีเส้นสีทองหนึ่งเส้นที่มีลักษณะเหมือนกับหนวดเคราหรือเส้นผมของสิ่งมีชีวิตกำลังถูกต้มอยู่ในหม้อ

บางทีน้ำที่นำมาต้มเดิมอาจจะใสไร้สี แต่ตอนนี้มองด้วยตาเปล่าก็เห็นชัดว่า สีของมันเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ จนกลายเป็นสีทองอ่อน กลิ่นหอมก็เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

“นี่คือ…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง อาศัยความรู้กว้างขวางของร่างจริง แต่กลับ ไม่รู้อยู่ดีว่านี่คือสิ่งมีชีวิตใด แต่เขาสัมผัสได้ว่าหากกินเจ้าสิ่งนี้เข้าไป มันจะบำรุง กายเนื้อและมอบประโยชน์ที่นับว่าไม่เลวให้

สำหรับเขา มันมีประโยชน์แบบธรรมดา แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากสมบัติล้ำค่า

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังประเมินหม้อใหญ่ใบนี้อยู่ ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายก็สังเกตดูหวังเป่าเล่อเช่นกัน เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหวังเป่าเล่อยังเหมือนเดิมราวกับ ไม่มีความคิดโลภเพราะหนวดอัศจรรย์เส้นนี้แล้ว จิตใจของเขาก็นับว่าสงบลงเล็กน้อย ถึงกับลอบถอนหายใจออกมา นึกเสียดายว่าก่อนหน้านี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอีกฝ่ายกำลัง จะจากไป แล้วเหตุใดตนถึงต้องคิดหยุดเขาไว้ด้วย

ผลสุดท้ายดันไปหยุดเทพสังหารตนหนึ่งเสียได้

ตอนนี้เขาตั้งสติ โบกมือให้แสงสีฟ้าบินออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บของตน ก่อนกลายเป็นหุ่นเชิดลักษณะเหมือนเด็กคนหนึ่ง เขาถือชามทองแดง เดินไปตักของจากด้านหน้าหม้อใบนั้นมาบางส่วน จากนั้นจึงส่งไปตรงหน้าหวังเป่าเล่อ

“สหายเต๋า ของสิ่งนี้มีผลบำรุงดีนัก เชิญ”

ใบหน้าของหวังเป่าเล่อไร้อารมณ์ เขารับมาแล้วก็ดื่มมันเข้าปากทันที จากคุณสมบัติของร่างจริง ไม่ว่าคำสาปก็ดี ยาพิษก็ช่าง ล้วนแต่ไม่มีผลกับตัวเขา มานานแล้ว

แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ร่างแยกก็ยังเป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เมื่อซุปร้อนอุ่นๆ ตกถึงท้อง มันก็กลายเป็นกระแสอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วกาย ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้ว่าประสิทธิภาพของซุปถ้วยนี้แทบจะไม่มีผลอะไรต่อเขามากมาย แต่รสชาติของมันกลับอร่อยล้ำเลิศอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง มาก่อน

“ขออีกชาม” หลังจากดื่มจนหมดแล้ว หวังเป่าเล่อก็เลียริมฝีปากแล้วเอ่ยบอก

ตอนนี้ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผู้นั้นพลันรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ยังให้หุ่นเชิดเต๋าไปตักมาเพิ่มอีกหนึ่งชาม จากนั้นเขาก็ทำแบบเดียวกัน มานั่งข้าง หวังเป่าเล่อแล้วลิ้มรสมัน

ส่วนผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นต้นสองคนก็ทำได้เพียงยืนกลืนน้ำลายอยู่ตรงนั้น

เป็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อและผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายก็ดื่มกันอย่าง ข้าชามเจ้าชาม ดื่มไปพลาง หวังเป่าเล่อก็คล้ายเอ่ยถามไปเรื่อย เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาบอกว่าตนเป็นผู้ฝึกตนจากเมืองโบราณ ดังนั้นผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติชั้นปลายจึงไม่ได้คิดมากกับคำถามของหวังเป่าเล่อ ถึงอย่างไรทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่เรื่องความรู้เบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องปิดบังเพื่อทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น

ดังนั้น หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อหนวดทองในหม้อใบนั้นหลอมละลาย จนสมบูรณ์ ซุปเนื้อกลายเป็นสีทอง ทั้งยังถูกพวกเขาทั้งสองดื่มลงไปเกือบแปดส่วน หวังเป่าเล่อก็ได้รับสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นเขารู้แล้วว่าหนวดสีทองนี้มีชื่อว่าหนวดอัศจรรย์ ของสิ่งนี้คืออะไรกันแน่ ผู้ฝึกตนคนนั้นก็ไม่รู้แน่ชัด รู้แต่ว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้เป็นวัตถุดิบที่มีเฉพาะในเมืองปรารถนารส ทุกๆ ปีจะมีการจำกัดการซื้อขาย และต้องทำภารกิจที่เมืองปรารถนารสออกประกาศให้สำเร็จเสียก่อนจึงจะมีสิทธิซื้อได้

หนวดที่พวกเขามีอยู่ตรงนี้ไม่ได้ซื้อ แต่ปล้นชิงมา ดังนั้นจึงเก็บของสิ่งนี้ยาก เลยแก้ไขด้วยการนำไปทำอาหาร พวกเขาไม่มีเวลาเหลือมากนัก ทำได้เพียงหุงต้ม อยู่ที่เดิมหลังฆ่าชิงสมบัติมาเท่านั้น

ตอนนั้นเองจึงมีกลิ่นหอมประหลาดโชยออกมา ทำให้ชายชราชุดดำที่ตายด้วยมือของหวังเป่าเล่อผู้นั้นไปคอยขวางไว้ข้างนอก

ขณะเดียวกัน สำหรับเรื่องป้ายคำสั่งเข้าเมืองของเมืองปรารถนารส หวังเป่าเล่อ ก็ได้รับคำตอบที่ตนต้องการเช่นกัน ห่างจากที่นี่ราวๆ หลายแสนลี้ก็จะเป็น เมืองปรารถนารสซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว

แม้ว่าเมืองนี้จะไม่ได้ปิดประตูตลอดปี แต่ก็มีเงื่อนไขเข้มงวดสำหรับคนเดินทางเข้าออกซึ่งจะต้องมีป้ายคำสั่งพิเศษ จึงจะเข้าและออกจากเมืองได้ อีกทั้งภายในป้ายคำสั่งทุกป้ายล้วนมีจำกัดจำนวนครั้งและเวลาที่พักอยู่ในเมือง หากเวลาพักหมดแล้วและยังไม่จากไป ก็จะถูกเมืองปรารถนารสลงโทษ

อีกทั้งหลังจากจำนวนครั้งถูกใช้ไปหมดแล้ว ก็ต้องทำภารกิจเพื่อเติมจำนวนครั้งของป้ายคำสั่ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีสิทธิเข้าเมืองอีกต่อไป

“เมืองปรารถนารสคือสวรรค์ของพวกผู้ฝึกตนอย่างข้า” ผู้ฝึกตนระดับวิญญาณจุติ ชั้นปลายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับหวังเป่าเล่อทอดถอนใจออกมา

“ที่นั่น ขอเพียงเจ้าจ่ายค่าตอบแทน ก็จะได้อาหารรสเลิศที่ไม่อาจจินตนาการ และอาหารรสเลิศทุกชนิดก็ล้วนทำให้การฝึกตนของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นได้ด้วย”

“โดยเฉพาะเทศกาลสวาปามในวันแรกของทุกเดือน ทั่วทั้งเมืองจะกู่ก้องร้องยินดี แค่ได้กลิ่นหอมก็บำรุงวิญญาณเทพได้แล้ว พอนับวันดูก็คือวันนี้เอง น่าเสียดายที่ข้า ยังมีธุระอื่น ไปไม่ทันแล้ว…”

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ฝึกตนที่อยู่ตรงหน้าและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกชื่นชม ต่อเมืองปรารถนารสของอีกฝ่าย หวังเป่าเล่อก็รู้สึกสนใจขึ้นมา เห็นว่าดื่มซุปไปได้พอสมควรแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืน ก่อนเอ่ยลาท่ามกลางสายตาลอบแปลกใจของผู้ฝึกตน ผู้นั้น

กระทั่งหวังเป่าเล่อเดินไปไกลแล้ว ระดับวิญญาณจุติชั้นปลายผู้นี้ก็โล่งอกได้อย่างแท้จริง สหายอีกสองคนที่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ก็รีบพุ่งเข้ามาตักซุปกินทันที ขณะที่รู้สึกหดหู่ก็มีความยินดีอยู่ด้วยเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็ยังเหลือ…

พวกเขากินจนหมดด้วยความเร็วขั้นสุด จากนั้นทั้งสามก็รีบเก็บหม้อใหญ่แล้ว จากไปอย่างร้อนรน

ด้านหวังเป่าเล่อในตอนนี้กำลังเดินทางอยู่บนฟ้า พุ่งตรงไปยังเมืองปรารถนารสตามทิศทางที่ได้รับมา หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนคนอื่น แม้ว่าระยะทางหลายแสนลี้ จะไม่ถือว่าไกลเท่าไร แต่ก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย อีกทั้งที่นี่ยังมีข้อจำกัดและ การขวางกั้นวิชาเคลื่อนย้ายด้วย

แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหา และเป็นเช่นนี้เอง หลังผ่านไป หนึ่งชั่วยาม ด้านหน้าหวังเป่าเล่อที่กำลังท่องทะยานอยู่บนฟ้า บนพื้นที่ระหว่างฟ้าดินไกลๆ นั่น เขาก็มองเห็น…เมืองใหญ่มหึมาชวนให้ใจสั่นสะท้าน!

ทั่วทั้งเมืองเหมือนกับหม้อใบใหญ่ยักษ์ ด้านนั้นมีเสียงอึกทึกจอแจปะทุขึ้น อยู่ไกลๆ ก็ยังได้ยิน และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือควันสีเขียวเป็นหย่อมๆ ที่กำลังลอยขึ้นฟ้ามาจากภายในเมืองแห่งนี้ แล้วก่อตัวเป็นเมฆครึ้มก้อนใหญ่อยู่บนท้องฟ้า สายฟ้ามากมายแลบผ่านก้อนเมฆ เสียงฟ้าร้องดังลั่น

แต่กลับสะกดกลั้นเสียงกู่ร้องภายในเมืองไม่ได้เลย ราวกับว่าตอนนี้…ภายในเมืองแห่งนี้กำลังจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ขึ้น

และจะมองเห็นได้ว่าที่นอกเมืองมีผู้ฝึกตนจำนวนมากกำลังต่อเป็นแถวยาว เข้าเมืองกันอย่างต่อเนื่อง

“เมืองปรารถนารส” หวังเป่าเล่อหรี่ตา พุ่งไปฉับพลัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version