Skip to content
Home » Blog » A World Worth Protecting 156

A World Worth Protecting 156

บทที่ 156 เจ้าเป็นใครมาสั่งข้า

ขณะที่ชายหัวโล้นกำลังแผดเสียงคำราม หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะดังก้องในโลกมายาแห่งหยดน้ำ อักขราจารึกทั้งหมดทอแสงกล้าเมื่อหวังเป่าเล่อโบกมือ      ทั้งสองข้าง และเข้าผสานรวมกับความว่างเปล่าและโลกมายานี้!

อักขราจารึกนับไม่ถ้วนประดับอยู่บนฟากฟ้า แม้ทั้งผืนฟ้าจะไม่ได้อัดแน่นไปด้วยตัวอักษร แต่เหล่าอักขระเรืองแสงก็ทอประกายระยิบระยับราวดวงดาว                    ที่มีพร่างพรายจนนับด้วยตาเปล่าไม่ไหว!

“ถูกแล้ว ความรู้สึกนี้!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เส้นผมของเขาปลิวไสวไปตามแรงลม ดวงตาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา สมองของชายหนุ่มอันแน่นด้วย      สูตรอักขราจารึกมากมาย ราวกับว่าอาวุธเวทนี้คือของเล่นชิ้นโปรดที่เขาวางไม่ลง

“สลักต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่เสร็จสิ้นหรอกนะ เพราะโลกใบนี้มันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำกับตนเอง เขาดูกระตือรือร้นมากจนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ โอกาสงามๆ มาเยือนเพราะโชคช่วยเท่านั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้แน่นอน

หวังเป่าเล่อโบกมือเพื่อสร้างอักขระเพิ่ม อักขระชุดใหม่นั้นหมุนวนรอบตัวเขา ก่อนรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันกันเดียวกับโลกมายาอีกครั้ง ไม่นานนักท้องฟ้าของ      โลกมายาก็เต็มไปด้วย ‘ดวงดาว’ มากมายเหลือคณานับ ดวงดาวอักขระนั้นมีมากจนคะเนด้วยตาไม่ได้!

ณ บัดนั้น โลกหมอกมายาเต็มไปด้วยอักขระนับไม่ถ้วน อักขระแต่ละตัวคือสิ่งประดิษฐ์ของหวังเป่าเล่อ และอัดแน่นไปด้วยความฝันของเขา ด้วยเหตุนี้เอง      เมื่ออักขระแต่ละตัวรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับหยดน้ำนั้น มันจึงเริ่มต่อสู้กับ     ชายหัวโล้น เพื่อแย่งเอาการควบคุมโลกนี้มาเป็นของตน!

เมื่อชายหนุ่มในโลกภายนอกเห็นสิ่งนี้เข้า สีหน้าเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเลิกนั่งขัดสมาธิ ผุดลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนประณาม

“หวังเป่าเล่อ ไอ้หน้าด้านไร้ยางอาย! นี่มันขโมยกันชัดๆ หยุดเดี๋ยวนี้!”

ชายหัวโล้นกระสับกระส่ายไปหมด สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากอารมณ์หนึ่งไปสู่อีกอารมณ์หนึ่ง ความสงบเยือกเย็นเมื่อก่อนหน้าอันตรธานหายไปแล้ว บัดนี้เขาดูว้าวุ่นจนแทบเสียสติ

เขาหยิบเอาผนึกมือออกมาเพื่อกู้อาวุธมายานั้นให้กลับมาเป็นของตน ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ที่ตัดสินใจพลาดมาตามหาหวังเป่าเล่อ เพื่อหวังทดสอบอานุภาพของอาวุธมายา เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าหวังเป่าเล่อจะมักใหญ่ใฝ่สูง ขนาดพยายามแย่งอาวุธมายานี้ไปเป็นของตน!

หากหวังเป่าเล่อหลอมอาวุธมายาสำเร็จ หยาดเหงื่อและแรงกายของเขาก็จะโดนชุบมือเปิบไปในทันที เขาไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อนเลย ช่างเหนือความคาดหมายและน่าสมเพชยิ่งนัก!

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก ชายหัวโล้นโบกมืออย่างรวดเร็วเพื่อปลุกผนึกมือมากมาย ที่พุ่งเข้าปกคลุมหยดน้ำอย่างรวดเร็ว หยดน้ำนั้นเริ่มบิดเบี้ยวและทำท่าเหมือนจะสลายหายไป

สายไปเสียแล้ว…

ในโลกหมอกมายา ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอแสงประหลาด เขายกมือขวาขึ้นหยิบเอาศิลาวิญญาณอารมณ์ทั้งเจ็ดและประสาทสัมผัสทั้งหกออกมา และกดมันลงบนพื้นอย่างฉับไว เสียงตะโกนก้องดังจากปากของชายหนุ่มร่างท้วม

“โลกทั้งใบคือศิลาวิญญาณ!

“สลักไปด้วยอักขราจารึกไม่มีที่สิ้นสุด!

“หลอมรวมทุกสิ่ง…ให้เป็นแก่นวิญญาณสูงสุด!”

สามประโยคนี้มาจากวิชาแปรสภาพอาวุธไร้ขอบเขตที่หวังเป่าเล่อนำมาประยุกต์ เสียงตะโกนของเขายิ่งใหญ่ เหนือชั้น สะเทือนไปทั้งโลกหล้า! ท้องฟ้าสั่นไหว         อักขราจารึกนับล้านในโลกหมอกมายาที่เป็นประกายเหมือนดวงดาวนั้น ทอแสงระยับขึ้นอีกอย่างแก่กล้า จนโลกทั้งใบเต็มไปด้วยแสงสว่างขาวโพลน!

เมื่อหวังเป่าเล่อกดมือของตนเองลงที่พื้น ศิลาวิญญาณอารมณ์ทั้งเจ็ดและประสาทสัมผัสทั้งหกแหลกละเอียดก่อนระเบิดออก อักขระนับไม่ถ้วนภายในศิลาพวยพุ่งกระจายออกมาในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นพายุก็ก่อตัวขึ้นภายในใจของหวังเป่าเล่อ

อักขราจารึกที่เขาสั่งสมความรู้มาจนแก่กล้า ตั้งแต่เริ่มศึกษาศาสตร์การหลอมวัตถุเวทเป็นครั้งแรกนั้น ระเบิดออกจากสมองของเขาในเสี้ยววินาที จากสูตรการคำนวณที่รวดเร็วฉับไว อักขระใหม่เหล่านี้รวมตัวเข้ากับอักขราจารึกในศิลาวิญญาณอารมณ์ทั้งเจ็ดและประสาทสัมผัสทั้งหก จนกลายเป็นมหาสมุทรแห่งอักขระ!

อักขระนี้มีมากมายเหมือนหยดน้ำในสายธาร มันไหลวนเวียนอยู่รอบกายหวังเป่าเล่อ ก่อนก่อตัวเป็นพายุทรงพลัง ที่พัดกรรโชกและขยายอำนาจไปทุกหนแห่ง

ทะเลอักขราจารึกกำลังแผ่ขยายออกไปกลืนกินโลกแห่งหมอกนี้ มองเห็นเด่นชัดแต่ไกล แผ่ทับพื้นพสุธาจนมิด

ยังไม่จบเท่านั้น อักขราจารึกขยายขอบเขตออกไปจนสุดผืนดิน และเริ่มแผ่ขึ้นไปในอากาศรวมเข้ากับดวงดาวนับล้านที่มีอยู่แล้วบนฟากฟ้า จนกลายเป็นมหาสมุทรในมหาสมุทรที่สวยงามสว่างไสวจนเกินจินตนาการ อักขราจารึกนั้นยังคงขยายอาณาเขตไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว…จนในที่สุดก็แทรกซึมทั่วท้องฟ้า!

โลกทั้งใบปกคลุมไปทุกตารางนิ้ว ด้วยตัวอักขระของหวังเป่าเล่อ!

ผู้คนในโลกภายนอกเห็นก้อนน้ำนั้นอัดไปด้วยอักขราจารึกหนาแน่น ทุกคนบนอัฒจันทร์ตกตะลึง

ชายหัวโล้นเสียสติไปโดยสิ้นเชิง เขากัดลิ้นตนเอง พ่นเอาเลือดสีแดงฉานออกมา ร้องตะโกนก้องและพยายามทำให้อาวุธมายานี้กลับมาอยู่ในอาณัติของตนอีกครั้ง     เขารู้แล้วว่าตนเองตัดสินใจผิดมหันต์

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!”

ชายหนุ่มยังคงกระอักเลือดออกมาไม่หยุด ขณะพยายามแย่งการควบคุมกลับมาอยู่ในมือตน เขาร้องคำราม แต่ก็เปล่าประโยชน์ ทันทีที่หวังเป่าเล่อตัดสินใจได้ว่าจะหลอมอาวุธมายานี้ ทุกอย่างก็สายเกินแก้เสียแล้ว

แต่ชายหัวโล้นยังทำใจยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ หยดน้ำสีเงินล้ำค่านี้มาจากความเพียรพยายามของเขา สร้างขึ้นมาจากโลหิตวิญญาณและความช่วยเหลือของท่านอาจารย์ จนได้ออกมาเป็นอาวุธมายานี้ในที่สุด

“นี่มันอาวุธมายาของข้า ใครก็พรากมันไปจากข้าไม่ได้!” ชายหัวโล้นคำราม       สีหน้าของเขาดุร้ายในขณะที่เรียกผนึกมือออกมาเสริมทัพ พร้อมเสียงคำรามก้อง     เขาต้องแย่งอาวุธมายากลับมาจากหวังเป่าเล่อให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

ในโลกแห่งหมอกที่อัดแน่นไปด้วยอักขราจารึก หวังเป่าเล่อที่กำลังกดมือทั้งสองข้างลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นช้าๆ และมองไปรอบๆ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในหยดน้ำเปลี่ยนไป

ก่อนหน้านี้ หวังเป่าเล่อเป็นเพียงคนแปลกหน้า ที่ถูกลากเข้ามาในโลกแห่งหยดน้ำนี้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วว่าตนเองเป็นเจ้าของมันอย่างแท้จริง

ดูเหมือนความคิดและจินตนาการจะเปลี่ยนโลกได้จริงๆ เสียด้วย

โครงสร้างและสภาพแวดล้อมในโลกแห่งหยดน้ำนี้ก็แตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง!

ไม่มีหมอก ไม่มีใบหน้าอีกต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ผืนดินจรดผืนฟ้าเต็มไปด้วยอักขระมากมาย…ทั้งยังมีสายฟ้าฟาดอยู่ในทะเลอักขระเหล่านี้ด้วย สายฟ้านี้       แปลกประหลาดนัก มันเดินทางจากอักขระหนึ่งไปสู่อีกอักขระหนึ่งอย่างไม่รู้จบ       ในบางคราวสายฟ้าเหล่านั้นก็วนมาเจอกันเอง บ้างก็หักล้างกันหายไป บ้างก็รวมร่างกลายเป็นสายฟ้าที่รุนแรงกว่าเดิม

เมื่อรับรู้ได้เช่นนั้น ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เป็นประกายจากแรงบันดาลใจที่เอ่อล้น

นี่สินะคือ ความรู้สึกของการสลักทุกสิ่งลงบนวัตถุเวท หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง ประสบการณ์นี้ล้ำค่ามากสำหรับเขา มันเปรียบเสมือนประตูที่เปิดไปสู่โลก    ใบใหม่ของอาวุธเวท

โลกทั้งใบคือ ศิลาวิญญาณ สลักไปด้วยอักขราจารึกไม่มีที่สิ้นสุด หลอมรวมทุกสิ่ง…ให้เป็นแก่นวิญญาณสูงสุด!

ประโยคนี้ผุดขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาเข้าใจความหมายของมันลึกซึ้งแล้ว

แปลว่าตอนนี้…ข้าอยู่ในแก่นวิญญาณที่ข้าหลอมขึ้นมาสินะ ด้านในของ         แก่นวิญญาณหน้าตาเป็นเช่นนี้นี่เอง

หมายความว่าอักขราจารึกไม่เพียงแต่สลักอยู่ภายนอกแก่นวิญญาณเท่านั้น หากแต่สลักภายในได้ด้วย!

ประกายแห่งความรู้แจ้งฉายขึ้นอีกครั้งในดวงตาของหวังเป่าเล่อ

อักขระเหล่านี้เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งด้วยสายฟ้าที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเป็นสิ่งที่สร้างพลังอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้

หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก สีหน้าดื่มด่ำราวเมามายจากความสุข ราวกับโลก     แห่งอักขราจารึกนี้คือ สิ่งที่งดงามยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา หลังจากผ่านไปสักพัก      เขาก็คลี่ยิ้มน้อยๆ

สายฟ้าพวกนี้มาจากที่ใดกัน หรือว่านี่จะเป็นคุณสมบัติของศิลาวิญญาณ!        หวังเป่าเล่อคิด ดวงตาระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น เขามองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง และสังเกตเห็นเส้นด้ายทองคำหนึ่งกำ ที่กะพริบวิบวับและเคลื่อนที่ไปมาในทะเลอักขราจารึก

“อะไรกัน” หวังเป่าเล่อประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกาย เส้นด้ายทองคำกำนี้  อัดแน่นไปด้วยแรงผลักของวิญญาณ ที่กำเนิดขึ้นจากการควบแน่นของพลังปราณ   อันแก่กล้า มันเคลื่อนที่ไปด้วยจิตนึกคิดของตนเอง และทำลายอักขระของเขาไปตลอดทาง มุ่งหวังว่าจะเปลี่ยนโลกใบนี้ให้เต็มไปด้วยม่านหมอกอีกครั้ง

แต่อักขระเหล่านี้มีมากเกินไปและยังส่งเสริมกันเองอีกด้วย แม้ว่าเส้นด้ายทองคำนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงทำสำเร็จทั้งหมดด้วยตนเองไม่ได้ หากไม่มีใครพยายาม      ยับยั้งมัน เจ้าด้ายกำนี้ก็คงใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะทำภารกิจของมันสำเร็จ

เวทของเจ้าหัวโล้นนั่นหรือ หวังเป่าเล่อพึมพำด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจของชายหัวโล้นจากเส้นด้ายทองคำเส้นนี้ เขาลุกขึ้น โบกมือขวา และโลกทั้งใบ          ก็สั่นไหวอีกครั้ง มหาสมุทรอักขระกะพริบแสง บรรดาสายฟ้าที่เปลี่ยนโลกให้กลายเป็นทะเลสายฟ้า กวาดล้างทุกสิ่งด้วยอสนีบาต ด้ายทองคำพยายามหลบหนี     แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่ช้ามันก็ถูกล้อมด้วยทะเลสายฟ้านั้น

เมื่อสายฟ้าหายไป ด้ายทองคำก็เปลี่ยนสภาพเป็นด้ายสีโลหิต ลมหายใจของ   ชายหัวโล้นหายไปเสียแล้ว!

“ข้าออกไปได้แล้วสินะ!” หวังเป่าเล่อพูดกลั้วเสียงหัวเราะ เขาเอนตัวไปข้างหน้า และก้าวออกมา!

ชายหัวโล้นในโลกภายนอกนั้น พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะยึดอาวุธมายาของเขากลับมาอีกครั้ง เขาตัวสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด เซไปมาและผงะก้าวถอยหลัง         ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ เขาเหมือนจะระเบิดออก

แต่ก่อนที่ทันจะได้พูดอะไร หยดน้ำอาวุธมายาก็เรืองแสงจ้า

แสงนั้นเหมือนกระบี่คมมากมายหลายเล่มทิ่มแทงออกมา เมื่อแสงนั้นกระจายไปทั่ว หวังเป่าเล่อก็ก้าวออกมาจากก้อนหยดน้ำนั้นได้สำเร็จ!

ทันทีที่ออกมาได้ เขาก็ยกมือขวาขึ้น โลกแห่งหยดน้ำกะพริบแสงและหดตัวลงหลายเป็นหยดน้ำหยดน้อยเช่นเดิม มันกลิ้งไปมาอยู่บนฝ่ามือของหวังเป่าเล่อ          ล้อแสงระยิบระยับสวยงามราวกับหยดอาหารทิพย์!

“หวังเป่าเล่อ คืนอาวุธมายากลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ…” ชายหัวโล้นหลี่อู๋เฉิน     จ้องมองหวังเป่าเล่าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเกินเยียวยา

“เจ้าเป็นใครมาสั่งข้า น้ำนี่น่ากินดีนะ…” หวังเป่าเล่อมองหน้าหลี่อู๋เฉิน เขายกมือขึ้นโยนหยดน้ำนั้นเข้าปาก กลืนมันลงไปท่ามกลางสีหน้าตื่นตะลึงของอีกฝ่าย

หวังเป่าเล่อเรอเสียงดัง หน้าเปื้อนรอยยิ้ม “อร่อยใช้ได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version