บทที่ 181 ยิง!
จิตวิญญาณในการต่อสู้อันทรงพลังอุบัติขึ้นบนปราการแห่งนี้แล้ว เหล่านักรบ พุ่งโจมตีอย่างเต็มกำลัง ขณะที่อสูรอสูรค้างคาวกลางพายุหมุนหรี่ตามอง ก่อนอ้าปากเปื้อนเลือดแผ่คลื่นเสียงสูง
คลื่นเสียงนั้นแหลมเสียดแทงหู ก่อให้เกิดลมกรรโชกแรงพัดผ่าน ทำให้ทั้ง ผู้บัญชาการเคราหนา และผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นทั้งสองคนต่างสั่นสะท้าน เลือดไหลกลบปาก
ขณะเดียวกันอสูรขั้นรากฐานตั้งมั่นสองตัวซึ่งหลบหนีไปนั้น ยังคงบินวนเวียนอยู่รอบๆ เพื่อรอโอกาสโจมตีกลับ พวกมันเคลื่อนที่อย่างแน่วแน่ ทางด้านผู้บัญชาการเคราหนาคิดจะต้านทานกำลัง ขณะที่พวกมันเล็งจะจู่โจมป้อมปราการด้วยเช่นกัน จังหวะการเคลื่อนไหวของพวกมันไร้ที่ติ และแล้วการจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ ผู้บัญชาการเคราหนาและผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นทั้งสองคนตกอยู่ในอันตรายในทันที
“บ้าจริง! เหตุใดกำลังช่วยเหลือยังมาไม่ถึงอีกนะ” เฉินอวี่ถงหน้าดำคร่ำเครียด กำหมัดแน่นอย่างจนปัญญา แม้ตนจะเป็นขั้นสูงสุดของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่ยังห่างชั้นนักกับระดับขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้น ชายหนุ่มพอจะช่วยเหลือได้เพียง เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคร่งเครียดพอกัน เหล่านักรบรอบข้างต่างเงียบงัน เมื่อต่อสู้ไประยะหนึ่ง เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อครู่นี้กลับเงียบสงบไปโดยสิ้นเชิง สถานการณ์คาดเดาอะไรไม่ได้ ทำให้ทุกคนต่างเครียดและเป็นกังวล
ตัวการสำคัญคือเจ้าอสูรอสูรค้างคาวนั่น! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายประกายเยือกเย็น อสูรค้างคาวตนนั้นเป็นหัวหน้าผู้นำของกองทัพอสูรอย่างแน่นอน
มันเข้าปะทะเพียงสองครั้ง ในครั้งแรกนั้น เพื่อลบอิทธิฤทธิ์วงแหวนปราณและกวาดล้างปืนใหญ่สวรรค์จำนวนมาก จนพลิกสถานการณ์ให้เป็นไปตามที่พวกมันต้องการ ส่วนการโจมตีครั้งที่สองนั้นคือการปะทะกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น จนเกิดลมพายุโหมกระหน่ำมายังป้อมปราการ!
เว้นแต่ว่าเราจะฆ่าอสูรค้างคาวนั่นเสีย…ชายหนุ่มโกรธแค้น รู้เพียงว่าจะต้องกำจัดค้างคาวนั่นเพื่อช่วยกู้ศึก เพราะหากการช่วยเหลือยังมาไม่ถึงเร็วๆ นี้ ก็คงต้องพ่ายแพ้อย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เหี้ยมเกรียมขึ้น รู้ดีว่าระดับการฝึกตนของตนยังไม่เพียงพอ จึงหวังพึ่งพา…ปืนใหญ่สวรรค์ทรุดโทรมกระบอกนี้
เรายังไม่หมดหวัง…ยังคงมีอีกหนึ่งทางเลือกสุดท้าย…หวังเป่าเล่อมองไปปืนใหญ่สวรรค์ และหันกลับไปมองอสูรค้างคาวพลางขบฟัน นัยน์ตาฉายแววความบ้าคลั่ง
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว คงต้องยิงทิ้งเสีย!
“ศิษย์พี่เฉิน ช่วยสู้รบเพื่อยื้อเวลาให้ข้าสักห้านาที ข้าจะไปซ่อมปืนใหญ่สวรรค์ขอรับ!” ชายหนุ่มพูดอย่างเร่งรีบ แล้วรีบประทับปืนใหญ่สวรรค์ด้วยมือขวาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของเฉินอวี่ถงหรี่ลงและจ้องมองอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ความสามารถในการดัดแปลงอักขราจารึกของหวังเป่าเล่อเคยเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว ความสามารถของเขาน่าทึ่ง แม้จะยังไม่เทียบเท่าเฉินอวี่ถงในบางเรื่อง แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่แซงหน้าศิษย์พี่ผู้นี้ไปแล้ว
เฉินอวี่ถงไม่แสดงความเห็นอะไรเพิ่มเติม ก่อนจะถอยมาคุ้มกันให้หวังเป่าเล่อตามที่ศิษย์ผู้น้องเอ่ยปากขอ ตอนนั้นมีนักหลอมอาวุธเวทจากสี่ยอดสำนักเต๋าหลายคนตามมาสมทบ พวกเขาได้รับคำสั่งจากเฉินอวี่ถง แล้วก็พากันประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าหวังเป่าเล่อตั้งใจจะทำอะไร บางคนยังคลางแคลงใจและคงคัดค้านไปแล้วหากอยู่ในสถานการณ์อื่น
อย่างไรก็ตาม วิกฤตการณ์เช่นนี้ทำให้ไม่มีเวลามาถกเถียงกันนัก อีกทั้งปืนใหญ่สวรรค์ภายใต้การดูแลของหวังเป่าเล่อกระบอกนั้นยังคงยืนหยัดแข็งแกร่ง และเป็นกระบอกเดียวที่ยังเหลืออยู่
พวกเขาไม่พูดอะไรต่อ และกระจายตัวกันออกไปยืนคุ้มกันทันที
เหล่านักรบเห็นดังนั้นก็ทำตาม หวังเป่าเล่อผู้ยืนอยู่หลังเกราะป้องกันยกมือขวาขึ้น ดวงตาทอประกายบ้าคลั่ง ก่อนดึงวัตถุดิบจำนวนมหาศาลออกมา!
วัตถุดิบเหล่านั้นไม่ใช่สาระสำคัญ สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ซุกซ่อนปะปนอยู่กับวัตถุดิบเหล่านั้นต่างหาก…ทรายอาวุธนั่นเอง!
แม้ว่าชายหนุ่มจะหลอมทรายอาวุธไว้ใช้น้อยลง หลังจากหลอมฝักกระบี่ถึง ระดับสามแล้ว แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังหลอมอยู่บ้างเป็นครั้งเป็นคราว จึงพอมีเหลือสะสมไว้อยู่หลายพันเม็ด
เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อักขราจารึกมากกว่าสองในสามของปืนใหญ่สวรรค์แตกร้าวเป็นเสี่ยงๆ แม้จะดันทุรังดัดแปลงต่อ แต่ยิงอีกเพียงสองสามนัด ปืนใหญ่สวรรค์ก็มีสิทธิ์พังลงได้
น่าเสียดาย ปืนใหญ่สวรรค์นั้นทรงพลังก็จริง แต่ด้วยระยะของมันทำให้ไม่อาจ ยิงทะลุพายุเข้าไปถึงตัวอสูรค้างคาวได้ ทางเลือกเดียวที่หวังเป่าเล่อเหลืออยู่คือ… เดิมพันด้วยทรายอาวุธเท่านั้น!
“ครั้งนี้ขอเถอะ ให้ข้าโชคดีหน่อย!” ชายหนุ่มภาวนาเงียบๆ และหายใจถี่ขึ้น ขณะตั้งใจหลอมทรายอาวุธเข้ากับปืนใหญ่สวรรค์
นี่เป็นครั้งแรกในการใช้ทรายอาวุธกับสมบัติเวทประกอบส่วน ชายหนุ่มพยายามจัดการไปก็กังวลไป เขาค่อยๆ แยกทรายวิญญาณออกเป็นหลายส่วน
ก่อนหลอมมันเข้ากับแก่นวิญญาณของสมบัติเวทแต่ละชิ้นในปืนใหญ่กระบอกนั้น ส่งผลให้อักขราจารึกสมบัติเวททุกอันอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
หวังเป่าเล่อเองก็ไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ทรายอาวุธหลอมรวมกับ อักราจารึกต่อหน้าต่อตา ตัวอักขระเหล่านั้นฉายประกายวับวาว ชิ้นส่วนแตกหัก บางอันหลอมรวมกับชิ้นอื่น เกิดเป็นอักขราจารึกแบบใหม่ทั้งหมด
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ มีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้แก่นวิญญาณเหล่านั้นเผยออกมา! พวกมันคืออักขราจารึกที่ถูกซ่อนเอาไว้ ชายหนุ่มมึนงงเมื่อเห็นมัน ปรากฏขึ้น
เขาเคยได้ยินบางคนบนเครือข่ายวิญญาณกล่าวว่า วัตถุเวทอันทรงพลังบางอย่าง จะซ่อนอักขราจารึกเอาไว้ ราวกับเป็นรหัสลับ ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นมัน นอกจากตัวผู้หลอมเอง
หวังเป่าเล่อเห็นอักขราจารึกซึ่งเคยซ่อนเร้นเผยขึ้นตรงหน้า ขณะมองชิ้นส่วนของมันแตกกระจาย ก็บังเกิดความคิดอันรุ่มร้อนบางอย่างผุดขึ้นในหัว การหลอม อักขราจารึกก่อนหน้านี้ไม่คงทน เพราะเขาปรับเปลี่ยนอักขราจารึกเท่าที่มองเห็นได้เท่านั้น ไม่ได้ดัดแปลงไปถึงส่วนที่ถูกปกปิดไว้ ทำให้การซ่อมแซมนั้นไม่สมบูรณ์!
ทรายอาวุธนั้นคือ กุญแจไขปริศนาของปืนใหญ่สวรรค์ มันช่วยเผยอักขราจารึก ที่ซ่อนเร้นอยู่ และไขปริศนาให้หวังเป่าเล่อสามารถปลดปล่อยศักยภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม!
ความลับของปืนใหญ่สวรรค์เปิดเผยขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม โชคที่เข้าข้างโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้จิตใจนั้นเบิกบานขึ้น ฟันเฟืองความคิดในหัวก็แล่นฉิว หวังเป่าเล่อ เริ่มเข้าใจถึงกลไกการทำงานของปืนใหญ่สวรรค์ และเข้าใจอักขราจารึกภายใน อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เขาไม่มีเวลาพินิจพิเคราะห์สิ่งที่ตนค้นพบ จึงเริ่มครุ่นคิดอย่างหนักยามที่รอให้ทรายอาวุธหลอมเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากปืนใหญ่สวรรค์นั้นซับซ้อนเกินไป จึงไม่อาจวิเคราะห์ผลลัพธ์ในทันที สุดท้ายชายหนุ่มขบฟันก่อนเล็งปืนใหญ่ไปทางอสูรค้างคาว และยิงออกไปอีกครั้ง กระสุนนั้นเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการหลอมด้วยการใช้งานจริง
จงสำเร็จด้วยเถิด! หวังเป่าเล่อส่งเสียงร้องในใจขณะที่ยิงปืนใหญ่สะเทือนสวรรค์!
แรงระเบิดไม่แตกต่างจากการยิงปืนใหญ่ครั้งก่อนหน้า มันฉายลำแสงคล้ายกับการระเบิดครั้งที่แล้ว ก่อนพุ่งข้ามสมรภูมิไปยังกระแสอสูรหลั่งไหล มุ่งหน้าไปยัง อสูรค้างคาวตรงใจกลางพายุหมุนนั่น
เฉินอวี่ถงและนักรบทั้งหลายมองตามด้วยความประหม่า แม้แต่อสูรค้างคาวเองยังหันมองตามลำแสงที่พุ่งเข้ามาหาจากระยะไกล
ฝูงชนเฝ้าดูอย่างเป็นกังวล หวังเป่าเล่อเองก็สวดภาวนาสุดกำลัง จู่ๆ ระหว่างทางลำแสงบนฟากฟ้านั้นกลับแข็งตัวจนกลายเป็นเพียงก้อนแสงทรงกลมขนาดใหญ่ ก่อนจะร่วงลงบนพื้นโลก…
เหตุการณ์พลิกผันจนทุกคนรวมถึงอสูรค้างคาวต่างตกตะลึง เนื่องจากไม่คาดคิดว่าลำแสงปืนใหญ่สวรรค์จะเปลี่ยนสภาพเป็นก้อนแสงทรงกลมได้
ขณะที่หวังเป่าเล่อร้องตกใจ และทุกคนยืนนิ่งตาค้างอยู่นั้น แสงทรงกลมซึ่งตกลงบนฝูงอสูรบนพื้นดิน ก็ระเบิดออกกระหึ่มรุนแรงยิ่งกว่าแรงระเบิดจากปืนใหญ่สวรรค์ครั้งไหนๆ ทั้งสวรรค์และปฐพีสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับคลื่นยักษ์โรมรันกระแทกแผ่นดินเป็นเสียงดังก้องนภา
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มไปทั่วพื้นพสุธา หมู่เมฆาเคลื่อนกลับ ลมกรรโชกผ่านผืนดินอย่างรุนแรง ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นทั้งหลายบนท้องฟ้าหน้าถอดสี
เหล่านักรบรอบกายหวังเป่าเล่อ รวมถึงเฉินอวี่ถงและผู้ฝึกตนอาวุธเวทจาก สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าต่างตะลึงงัน
“นั่น…นั่นมัน…!”
หวังเป่าเล่ออึ้งค้างไม่ต่างกัน ขณะมองระเบิดจากแสงทรงกลมตอนตกพื้น แรงกระแทกของมันรุนแรงมากจนทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องตื่นตระหนก ราวกับเป็น แรงผสานของปืนใหญ่จำนวนหลายสิบกระบอก แรงระเบิดเกิดเป็นทะเลแห่งแสง ส่องวาบกระจายไปทั่วทุกทิศ ณ ตำแหน่งที่แสงกลมตกลงมานั้น เหล่าอสูรถูกกวาดล้างหายไปเหลือเพียงพื้นที่โล่งในพริบตา ตรงบริเวณนั้น…ไม่มีอสูรเหลือรอดสักตัว มีเพียงแต่ซากศพเปื้อนเลือดของพวกมันเกลื่อนพื้น!
พลังทำลายล้างของก้อนแสงทรงกลมนั้นรุนแรงนัก แรงที่สั่นสะเทือนผ่านพื้นพสุธา ทำให้ค่ายรบของทั้งสองฝ่ายต่างนิ่งงันด้วยความตื่นตระหนก
เฉินอวี่ถงและเหล่าผู้ฝึกตนอาวุธเวทจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าจิตใจปั่นป่วน พากันจ้องหวังเป่าเล่ออย่างงุนงง พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกถาโถม
ทันใดนั้น อสูรค้างคาวใจกลางพายุหมุนก็หันมาจ้องหวังเป่าเล่อบ้าง แล้วปล่อยคลื่นเสียงสูงออกมาอีกครั้ง ทำเอาผู้บัญชาการเคราหนาและเหล่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นต่างสะดุ้งโหยง ราวกับมีเข็มแหลมทิ่มแทงร่างกาย พลังปราณของพวกเขา ถูกกดทับ ความตายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออสูรขั้นรากฐานตั้งมั่นสองตนเปิดฉากโจมตีอีกครั้ง
เหล่าอสูรรอบลานที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่ร้องโหยหวน และพุ่งโจมตีชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวด้วยแววตาบ้าคลั่งราวกับได้รับคำสั่งมา พวกมันมุ่งมั่นทำลายลานปืนใหญ่นั้นอย่างถวายชีวิต!
“ป้องกันเต็มกำลัง!” แววตาเฉินอวี่ถงฉายประกายดุดัน หวังเป่าเล่อลงมือเพื่อพิสูจน์ตัวไปแล้ว ในฐานะของศิษย์ผู้เป็นพี่ จึงจำเป็นต้องหยัดยืนแน่วแน่บ้าง ปราณวิญญาณของเขากระจายออก นำทัพให้ทุกคนที่เหลือเผชิญหน้าต่อสู้
ผู้ฝึกตนอาวุธเวทคนอื่นๆ ต่างฮึกเหิมและตื่นตัวจากการยิงปืนใหญ่ของหวังเป่าเล่อ พวกเขารวบรวมสติก่อนกระจายกำลังไปรวมกับเหล่านักรบ ประจัญหน้ากับเหล่าอสูรซึ่งกรูเข้ามาต่อสู้จากทุกทิศทาง
การโจมตีนั้นดุเดือดขึ้นมาทันที จำนวนอสูรที่เข้ามาก็มีมากเกินไป แถมทุกตัวต่างบ้าคลั่งอีกต่างหาก ท่ามกลางเสียงร้องคำราม มีความตายเกิดขึ้นทุกที่
ใจกลางโศกนาฏกรรมเหล่านี้ หวังเป่าเล่อยืนหอบดวงตาแดงก่ำ พยายามจะยิงปืนใหญ่อีกครั้งเพียงแค่นัดเดียวก็น่าจะเพียงพอ แต่กลับไม่สามารถทำได้ ชายหนุ่มแทบเสียสติเมื่อมองเห็นชะตากรรมอันน่าเศร้าของผู้คนรอบตัว รวมถึงเหล่าอสูรที่ต่างพุ่งเข้าโจมตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
แววตาของชายหนุ่มพลันฉายประกายความเดือดดาล ก่อนจะหยิบทรายอาวุธออกมาอีกครั้ง!
เขาไม่เคยดัดแปลงอาวุธเวทที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วซ้ำสอง แต่เพราะไม่มีเวลาในการตรึกตรองมากนัก จึงเหวี่ยงอาวุธทรายเข้าไปยังปืนใหญ่สวรรค์อีกที
ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มค้นพบว่าทรายอาวุธนั้นใช้หลอมสมบัติเวทเดิมซ้ำเป็นครั้งที่สองได้!
แต่การปรับแต่งนั้นก็มาพร้อมความไม่แน่นอน เมื่อดัดแปลงสำเร็จ ปืนใหญ่สวรรค์ ก็สั่นเทิ้ม ความไม่คงทนนี้ทำลายชิ้นส่วนภายในจนใกล้พังทลาย ชายหนุ่มตื่นตระหนกและรีบใส่ทรายอาวุธเพิ่มขึ้น เพื่อทำการปรับแต่งอีกครั้ง
ในที่สุด หลังจากปรับแต่งไปห้ารอบ ปืนใหญ่สวรรค์ก็กระท่อนกระแท่นและยับเยินจากการซ่อมแซม มันสั่นโยกรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง พลังงานอันน่ากลัวไหลเวียนอยู่ภายใน คลื่นปราณวิญญาณแผ่ไปทั่ว แต่อักขราจารึกกลับแกร่งกล้า และไม่มีทีท่าว่าจะทำลายตัวเอง หรือสลายไป
“สำเร็จ!” หวังเป่าเล่อโห่ร้องอย่างตื่นเต้น ก่อนสะบัดศีรษะแล้วตบ ปืนใหญ่สวรรค์ด้วยมือขวาของตน
“ยิง!” ชายหนุ่มคำรามลั่น ก่อนที่พื้นดินจะสั่นสะเทือนจากแรงยิงของปืนใหญ่สวรรค์ มันระเบิดตัวออกทันที!
ความรุนแรงและพลานุภาพของลำแสงระเบิดครั้งนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมาชนิดไม่ติดฝุ่น ไม่อาจมีสิ่งใดเทียบเทียมได้ มันเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำเงิน และเมื่อยิงออกไปนั้น คลื่นพลังงานกระเพื่อมออกไปจนล้างบางเหล่าอสูรรอบข้างจนหมดสิ้น พวกมันต่างกรีดร้องอย่างเจ็บปวดขณะร่างสลายเป็นผุยผง!
บรรยากาศเปลี่ยนไป แรงระเบิดจากลำแสงนั้นกลายเป็นจุดสนใจของการต่อสู้ทั้งหมด มันเร่งความเร็วแหวกท้องฟ้า มุ่งหน้าตรงไปยังอสูรอสูรค้างคาวที่กำลัง อ้าปากกว้างหมายจะปล่อยคลื่นเสียงอีกระลอก