Skip to content

A World Worth Protecting 200

บทที่ 200 ชุลมุน!

“เราต้องรายงานเรื่องนี้กับทางสำนักในทันที พวกเราจัดการเรื่องนี้กันเองไม่ได้ ต้องรอคำสั่งจากทางสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์!” จั่วอี้ฟานสูดหายใจลึก ในฐานะที่เป็นศิษย์ตำหนักการยุทธ์ที่ผ่านการปฏิบัติภารกิจมามากมาย เขารู้ดีว่าจะต้องรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝันนี้เช่นไร ชายหนุ่มส่งข้อความไปรายงานทางสำนักศึกษา       เต๋าศักดิ์สิทธิ์ขณะที่พูดอยู่นั้น

หวังเป่าเล่อมีสีหน้าเคร่งเครียด เจ้าเยี่ยเหมิงเองก็มีสีหน้าจริงจังไม่ต่าง ขณะที่    จั่วอี้ฟานกำลังจะส่งข้อความไป เสียงระเบิดกัมปนาทก็ดังขึ้นจากฟากฟ้าห่างออกไป

ตูม เสียงนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นพลังแผ่ขยายวงกว้างไปทุกทิศทาง         เรือบินสั่นสะเทือนจากคลื่นพลังที่มองไม่เห็น พวกหวังเป่าเล่อหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง ลำแสงสายฟ้าพุ่งผ่านไปบนฟ้า แหวกสวรรค์ออกเป็นสองส่วนด้วยแสงสุกสว่าง ขณะเดียวกัน แสงสายฟ้าดูเหมือนจะสร้างความปั่นป่วนให้กับสัญญาณ ส่งผลให้แหวนสื่อสารของจั่วอี้ฟานระเบิดออก!

แหวนสื่อสารแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับว่าแสงสายฟ้าไม่ได้เพียงแค่รบกวนสัญญาณ แต่คลื่นพลังก็แผ่ออกกระทบแหวนสื่อสารเช่นกัน แหวนสื่อสารต้านทานคลื่นพลัง     ไม่ไหว จึงแตกละเอียดไปในทันที

ภาพที่เห็นทำให้ภายในหัวของทั้งสามอื้ออึงไปหมด!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่จั่วอี้ฟานพยายามส่งข้อความ เสียงสายฟ้าฟาด ตามด้วยแหวนสื่อสารของจั่วอี้ฟานแตกละเอียดไป ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในพริบตาเดียว!

สีหน้าเจ้าเยี่ยเหมิงเปลี่ยนไป จั่วอี้ฟานตะลึงงันเกินจะเชื่อ หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว ใบหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ภายในคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย แต่ชายหนุ่มเป็นผู้แรกที่โต้ตอบสถานการณ์ไม่คาดฝันนี้ เขารีบบังคับเรือบินให้มุ่งหน้าหนีห่างจากต้นกำเนิดเสียงด้วยความเร็วเต็มพิกัด

เจ้าเยี่ยเหมิงและจั่วอี้ฟานไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แม้จะตื่นตะลึงไป แต่พวกเขา    ก็รีบปล่อยพลังปราณใส่เรือบินช่วย ความเร็วของเรือบินพุ่งขึ้นสูง เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนแลเห็นเป็นเส้นสายรุ้ง

เจ้าเยี่ยเหมิงเปิดใช้งานแหวนสื่อสาร พยายามติดต่อทางสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง สักพักนางก็หน้าซีด แหวนสื่อสารของนางก็ใช้การไม่ได้เช่นกัน!

ขณะที่เรือบินพุ่งไปข้างหน้า หมู่เมฆบนท้องฟ้าก็เริ่มหมุนวนรวมกัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ พายุเมฆพลันแพร่กระจายไปทั่วผืนฟ้า พายุเมฆกระจายวงกว้างอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าเรือบินของทั้งสามเสียอีก พายุเมฆเคลื่อนตัวผ่านเรือบินไปอย่างรวดเร็ว!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เรือบินกำลังลอยอยู่กลางฟ้า        เบื้องล่างมีกลุ่มเมฆสีดำหมุนวนเข้าปกคลุมฟากฟ้าสีคราม แผ่วงกว้างกระจายเลย    เรือบินไป เข้าปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ใต้ผืนฟ้า!

เงามืดขนาดใหญ่ไม่ได้ปกคลุมแค่เพียงบริเวณแอ่งแผ่นดินเค่อหลุน แต่ยังปกคลุมไปทั่วพื้นที่ข้างเคียง หมอกสีดำผุดขึ้นจากผืนดิน กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าและหมอกดำจากผืนดินเคลื่อนตัวเข้ามาบรรจบกันตรงกลาง!

ราวกับว่าทั่วบริเวณถูกผนึกไว้ กลายเป็นดินแดนลับแล!

ดินแดนลับแลแห่งนี้มีสภาพเหมือนดังนรกอเวจี บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์   ปักกระบี่จนมิดมัว สายฟ้าฟาดผ่าลงมาจากฟากฟ้า เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น!

พวกหวังเป่าเล่อไม่มีเวลามัวมาตื่นกลัวหรือคิดสงสัยหาต้นตอของเหตุการณ์     สุดพรั่นพรึงนี้ พวกเขาปล่อยพลังปราณทั้งหมดให้เรือบิน ทวีคูณความเร็วจนถึงขีดสุด พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหนือเสียงท่ามกลางเส้นสายฟ้าที่ฟาดลงมา!

เบื้องหน้าพวกเขา กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าและหมอกดำจากผืนดินเคลื่อนเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ช่องว่างระหว่างเมฆหมอกนั้นเหลือไม่ถึงคืบ นั่นเป็นทางออก          เพียงทางเดียวเท่านั้น!

“เร็วกว่านี้!” หวังเป่าเล่อตะโกน เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผาก เจ้าเยี่ยเหมิงหน้าซีดเผือด หน้าผากของจั่วอี้ฟานชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งสามปล่อยพลังปราณเต็มพิกัด เรือบินนั้นเป็นของชั้นยอด ด้วยพลังปราณจากทั้งสาม ความเร็วของเรือบินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เรือบินของหวังเป่าเล่อถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำ เบื้องหน้าพวกเขา           มีช่องว่างเล็กๆ ที่กำลังหดลงอย่างรวดเร็ว

มองผ่านช่องว่างนั้นไปเห็นฟ้าสีครามและเมฆสีขาว!

ขณะที่เมฆหมอกกำลังจะเคลื่อนตัวมาบรรจบกันสนิท เรือบินก็เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ด้วยความเร็วเต็มพิกัด เรือบินเคลื่อนตัวไปใกล้ชิด พวกเขากำลังจะพุ่งผ่านช่องว่างที่กำลังจะปิดลง

ทันใดนั้น…ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นอีก!

เกิดเสียงผืนดินแตกระเบิดออก ณ บริเวณแอ่งแผ่นดินเค่อหลุน พื้นดินเบื้องล่างนูนสูงขึ้นหลายสิบเมตร ราวกับว่ามีงูตัวใหญ่เลื้อยเป็นเส้นตรงอย่างรวดเร็วอยู่ใต้     ผืนดิน เคลื่อนตามมาอย่างรวดเร็ว!

ทั้งสามสั่นสะท้านไปถึงทรวงจากการจู่โจมอย่างรวดเร็วนี้ ขณะที่เรือบินกำลังจะหนีจากความตายออกไปทางช่องว่างนั้น…เสียงที่ดังยิ่งกว่าสายฟ้ากัมปนาทตอนแรก  ก็ดังขึ้นมาจากผืนดิน

เมื่อเสียงดังขึ้น ผืนดินก็ยุบลง อสูรขนาดยักษ์ปรากฏตัว อสูรตนนั้นไม่ใช่งูยักษ์แต่เป็นมือขนาดมหึมาที่เกิดจากพฤกษามากมายรวมตัวกัน

มือพฤกษาดูเหมือนกับต้นไม้สูงเสียดฟ้า มีรังไหมหลายร้อยรังห้อยออกมา        เมื่อมือยักษ์ยื่นออกมา ดินโคลนก็กระจายไปทั่ว หินน้อยใหญ่ ต้นไม้ใบหญ้ากระเด็นลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าก่อนจะตกลงมา

มือยักษ์เคลื่อนไหวไปข้างหน้าไม่หยุดพักส่งผลให้พื้นดินสะเทือนสนั่นหวั่นไหว มือยักษ์เอื้อมออกมาคว้าเรือบินของพวกหวังเป่าเล่อในอึดใจเดียว!

มือยักษ์เคลื่อนไหวเร็วมาก แม้เรือบินจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็ยัง          ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ทัน พวกเขายังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเลย หวังเป่าเล่อและเพื่อนทั้งสองก็มีอันต้องตื่นตะลึงและหวาดกลัว เมื่อเรือบินถูกมือพฤกษา      ขนาดยักษ์คว้าหมับเอาไว้ได้!

เรือบินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เลือดสดไหลออกจากปากพวกเขา ทุกคนต่างตื่นตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

“หนีเร็ว!” หวังเป่าเล่อตะโกนลั่นก่อนจะกระโดดลงจากเรือบินโดยไม่ลังเลใจ      จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงตามเขาไปในทันที พวกเขาต่างเป็นคนเด็ดขาด จึงเลือกที่จะหลบหนีออกไปเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงเรียกเรือบินของตนเองออกมากลางอากาศ ขณะที่หวังเป่าเล่อก็เรียกเรือบินขนาดทั่วไปที่ได้มา      ตอนเลื่อนขึ้นเป็นองครักษ์อาวุธเวทออกมา

พวกเขาทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่มีเวลาตกลงวางแผนกันแม้แต่น้อย ทุกคนต่างพุ่งไปยังช่องว่างที่เปิดอยู่ตรงหน้าในทันที

แต่ก็ไม่ทันการณ์ ช่องว่างปิดลงต่อหน้าต่อตา เมฆหมอกบรรจบพบกัน      ประสานเป็นหนึ่งเดียว ผนึกที่แห่งนี้ไว้!

บรรยากาศโดยรอบช่างน่าสะพรึงกลัว หมอกดำปล่อยเส้นใยรูปร่างคล้าย    หนวดปลาหมึกออกมา ดูน่าเกลียดน่ากลัว หากเข้าไปใกล้คงเป็นอันตรายแน่!

ทั้งสามหน้าถอดสี เกิดเสียงปริแตกออกมาจากมือพฤกษายักษ์ที่ผุดออกมาจากพื้นดินขณะที่มันกำลังกำเรือบินทรงหยดน้ำอยู่ รังไหมหลายร้อยหลังทลายออกมา

ข้างในนั้น…มีร่างมนุษย์บรรจุอยู่!

ในบรรดาร่างเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่แล้วเป็นผู้ใช้ปราณระดับการฝึกตนโบราณ สวมใส่เครื่องแต่งกายแตกต่างกัน มีหลายคนที่สวมใส่เครื่องแบบลักษณะเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่ามาจากสำนักที่มีชื่อเสียง ที่เหลือนั้นแต่งกายต่างกันไป หนึ่งในนั้นสวมใส่ชุดคลุมของเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง!

อีกสองคน…คือสองศิษย์ตำหนักการยุทธ์ที่เดินทางมาพร้อมกับพวกหวังเป่าเล่อ!

พวกเขาหลับตาสนิท หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ชัดเจนว่ายังมีชีวิตอยู่ คลื่นพลังของพวกเขาดูปกติดี ไม่มีอะไรผิดแปลกไปเลยแม้แต่น้อย ราวกับพวกเขาหลับสนิทอยู่!

หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มกับภาพตรงหน้า เขาทำใจเชื่อกับภาพตรงหน้าไม่ได้ สีหน้าของชายหนุ่มดูตึงเครียดยิ่งนัก

“นั่นมัน…” จั่วอี้ฟานตื่นตะลึงไปเช่นเดียวกัน เจ้าเยี่ยเหมิงหายใจถี่รัว นัยน์ตา   บ่งบอกว่านางเองก็ตกใจสุดขีด ไม่ต้องครุ่นคิดนาน พวกเขาทราบสถานการณ์ทันที

สัญญาณภาพและเสียงจากสองศิษย์ตำหนักการยุทธ์เป็นของปลอม ถูกสร้างขึ้นจากคาถาเวทที่พวกเขาไม่รู้จัก แม้แต่ข้อความเสียงที่สองศิษย์ตำหนักการยุทธ์ได้รับแจ้งว่าจากศิษย์จากเกราะมหาปราชญ์ชั้นรองตอนอยู่บนเรือบินนั้นก็เป็นเพียง       เสียงมายา!

พอพิจารณาจากข้อความที่ได้รับ ก็รู้ได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนี้ เดิมทีมันอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีพวกเขา

แต่ข้อความเสียงที่จั่วอี้ฟานส่งถึงสำนักจะเป็นการเปิดโปงสิ่งที่พวกมันปิดบังอยู่ จึงจำเป็นต้องเปิดเผยตัวและเข้าจู่โจม…เพื่อจะปิดปากพวกเขา!

ขณะที่ทั้งสามกำลังนิ่งงันด้วยความตื่นตะลึง เหล่าผู้คนในรังไหมที่หลับตาอยู่      ก็พลันลืมตาขึ้น สายตาพวกเขาดูสงบนิ่ง ดูยังมีสติอยู่ครบ เหล่าคนในรังไหมนิ่งเงียบ ทันใดนั้นนัยน์ตาพวกเขาก็ฉายแววอาฆาตพยาบาท ก่อนจะพุ่งเข้าหาพวกหวังเป่าเล่อทันที!

ขณะที่ร่างคนเหล่านั้นพุ่งเข้ามา บรรดาผู้ใช้ปราณระดับการฝึกตนโบราณก็ปล่อยคลื่นพลังระดับลมหายใจเที่ยงแท้ออกมาจากร่างกายเช่นกัน!

ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้นคือพวกเขาสามารถเหาะได้ เหมือนว่าจะมีพลังบางอย่างที่ช่วยเพิ่มระดับการฝึกตนของพวกเขาและทำให้สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้!

“การแทรกซึมอย่างนั้นหรือ” เจ้าเยี่ยเหมิงหน้าซีดเผือด น้ำเสียงแฝงไปด้วย  ความไม่มั่นใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version