Skip to content

A World Worth Protecting 201

บทที่ 201 สถานที่สุดอันตราย!

หากเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับการฝึกตนโบราณ คงจะไม่เป็นปัญหาใดๆ เพราะทั้งสามคงจะสามารถเอาชนะพวกนั้นได้อย่างง่ายดายหากเทียบกับระดับการฝึกตนของ     พวกเขาแล้ว

แต่จู่ๆ เหล่าผู้ฝึกตนระดับการฝึกตนโบราณหลายร้อยคนกลับกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ไปเสียแล้ว หลังจากโดนต้นไม้ยักษ์แทรกซึม ทั้งสามเห็นดังนั้นต่างก็ตื่นตะลึง คลื่นความรู้สึกปนเปถาโถมอยู่ในใจ

“นี่ก็เท่ากับว่าต้นไม้ยักษ์แบ่งพลังปราณของมันให้หลายร้อยคนนั่น ทำให้ระดับพลังของพวกนั้นพุ่งขึ้นเป็นระดับลมหายใจเที่ยงแท้ ถ้าอย่างนั้น…ต้นไม้ยักษ์นี่…       มีระดับการฝึกตนเท่าใดกัน” จั่วอี้ฟานตื่นตะลึง ใบหน้าแสดงความแปลกใจกับ      ภาพที่เห็น หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว นัยน์ตาฉายแววหวาดเกรง เขารีบเอ่ยขึ้น

“มีระดับการฝึกตนสูงขนาดนั้นแต่กลับบงการหุ่นเชิดมารุมจัดการเรา แสดงว่าต้นไม้ยักษ์นั่นใช้พลังปราณส่วนใหญ่ไปกับผนึกเมฆหมอกหมดแล้ว นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา…” คำอธิบายจากหวังเป่าเล่อทำให้จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงเข้าใจเหตุการณ์ในทันที แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ไตร่ตรองสถานการณ์ให้มากกว่านี้ ก็ต้องรีบหนีห่างจากหุ่นเชิดที่กำลังพุ่งเข้ามา

พวกเขาต้องใช้เรือบินในการเคลื่อนไหวไปมาในอากาศ แต่พวกหุ่นเชิดนั้นเหาะได้ ทั้งสามจึงเสียเปรียบอย่างมากในการต่อสู้บนอากาศ ทำให้พวกเขาต้องหนีเข้าไปใน  ป่าแทน

ในชั่วพริบตา ขณะที่พวกเขาร่อนเรือบินลงไป หุ่นเชิดไร้อารมณ์หลายร้อยตัวก็พุ่งเข้ามาประชิดทันที

ร่างของพวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก พุ่งตรงมาอย่างว่องไวจนเกิดเป็นเสียงดัง ตามเข้ามาประชิดในทันใด!

ขณะที่เสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ หุ่นเชิดก็เปิดฉากสู้กับพวกหวังเป่าเล่อในทันที จั่วอี้ฟานมาจากตำหนักการยุทธ์ เขาออกท่าโจมตีรุนแรง เปิดใช้งานผนึกฝ่ามือ ต้านทานศัตรูด้วยกระบวนเวทของตน

แต่กระบวนเวทนั่นไม่ใช่การตอบโต้หลักที่เขาคิดไว้ในหัว ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนตำหนักการยุทธ์ จั่วอี้ฟานถนัดต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า ขณะที่กระบวนเวทกระจายวงกว้างออกไป นัยน์ตาของเขาก็โชติช่วงไปด้วยไฟรบ ชายหนุ่มพุ่งขึ้นฟ้า ชักเอา   กระบี่สีม่วงออกมา นัยน์ตาพลันแปรเปลี่ยนไป ทันใดนั้นก็มีเงาปรากฏขึ้นด้านหลัง ราวกับว่าเขาได้อวตารร่างตัวเองในชาติก่อนมาสิงร่าง จั่วอี้ฟานกลายร่างเป็นเทพ  แห่งการรบ เขาร้องคำรามพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า

เมื่อฟาดกระบี่ลง หุ่นเชิดเบื้องหน้าก็สั่นสะท้านและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ           แต่จั่วอี้ฟานก็ไม่หยุดเพียงแค่นั้น เปิดใช้งานผนึกฝ่ามือ ปล่อยคมมีดวายุไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว เขายกดาบขึ้นพร้อมกับกระโดดกลับ

ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ที่โดนบงการไม่สามารถต้านพลังได้แม้แต่น้อย พวกนั้นได้แต่ถอยกลับ ไม่เช่นนั้นจะถูกทำลาย!

ชั่วพริบตา จั่วอี้ฟานได้กลายเป็นเหมือนดังเครื่องจักรสังหาร เผยระดับความสามารถด้านการรบที่เหนือกว่าสหายอีกสองคนให้ได้เห็น

แม้ว่าเจ้าเยี่ยเหมิงจะยังหน้าซีดเผือดด้วยความตื่นตกใจ แต่นางก็ได้รับยกย่องให้เป็นอัจฉริยะด้านวงแหวนปราณ นางวาดมือไปมา สร้างวงแหวนปราณขึ้นในอากาศ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดในทันที หวังเป่าเล่อและจั่วอี้ฟานคอยปกป้องนาง ขณะที่เจ้าเยี่ยเหมิงทำให้ศัตรูที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอ่อนกำลังลง

แค่เพียงเท่านี้คงจะแสดงความสามารถของนางออกมาให้เห็นได้ไม่หมด         นางกรีดกรายสองมืออย่างรวดเร็ว สร้างวงแหวนปราณมากมายออกมาในอากาศอย่างต่อเนื่อง

พริบตาเดียว วงแหวนปราณน้อยใหญ่กว่าร้อยวงก็ปรากฏขึ้นไปทั่วทุกสารทิศ      ดูเหมือนจะแยกเป็นเอกเทศแต่ก็มีความเชื่อมโยงกัน ดังว่าวงแหวนปราณทั้งหมดนั้นคือส่วนประกอบของวงแหวนปราณขนาดมหึมา!

นางสร้างวงแหวนปราณขนาดใหญ่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้มีพรสวรรค์เช่น      เจ้าเยี่ยเหมิงถือเป็นที่หาตัวจับได้ยากในหมู่ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ของสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า

ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากกายาวิญญาณโดยธรรมชาติของนาง!

“วงแหวนปราณ จงหมุน!” เมื่อเจ้าเยี่ยเหมิงออกคำสั่ง วงแหวนปราณทั้งหลาย   ก็เริ่มเคลื่อนตัวทันที ทุกๆ ครั้งที่วงแหวนปราณสองวงเคลื่อนมาทับซ้อนกัน              ผู้ฝึกตนหุ่นเชิดที่อยู่บริเวณนั้นจะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

วงแหวนปราณส่องแสงสุกสกาว ราวกับมีลำแสงมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายไปทั่วทุกทิศ หากลำแสงเคลื่อนมาบรรจบกัน จะสร้างความเสียหายแสนรุนแรง!

แม้ผู้ฝึกตนหุ่นเชิดบางส่วนจะไม่โดนวงแหวนปราณของเจ้าเยี่ยเหมิงจัดการในทันที แต่นางก็สามารถชะลอการเคลื่อนไหวของพวกมันไว้ ทำให้นางคุมสถานการณ์ในสนามรบได้ ด้วยการเสริมทัพจากกระบี่เล่มใหญ่และกระบวนเวทของจั่วอี้ฟาน หุ่นเชิดหลายร้อยตนที่พุ่งเข้ามาก็หยุดชะงักไป!

ทั้งสองนั้นไม่เคยฝึกสู้รบด้วยกันมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้สู้         เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ถึงกระนั้นทั้งสองก็เข้าขากันได้อย่างดีเยี่ยม

วงแหวนปราณของเจ้าเยี่ยเหมิงเป็นดั่งกับดัก สามารถสังหารหรือตรึงศัตรูไว้ได้ ช่วยให้จั่วอี้ฟานสามารถโจมตีได้อย่างแม่นยำด้วยพลังสังหารสุดร้ายกาจ

ขณะเดียวกัน นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาก้าวออกมา โบกมือขวาพร้อมกับร้องคำราม

“ประกายสายฟ้า!” แสงสายฟ้าพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ

เมื่อแสงปรากฏขึ้น ก็เกิดลำแสงจ้าตามมา พุ่งตรงไปกลางหน้าผากของผู้ฝึกตนเบื้องหน้า ก่อนจะเจาะทะลุกลางหน้าผากและพุ่งตรงต่อไปยังผู้ฝึกตนคนต่อไปด้วยความไวยิ่งกว่าคาถาของจั่วอี้ฟาน ลำแสงกระจายไปทั่วทุกทิศในทันที หวังเป่าเล่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรบของจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงได้ในทันใด!

พลังของลำแสงไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ขณะที่ลำแสงส่องสว่าง มันก็เริ่มกระจายออกมาเป็นลำแสงย่อยมากมาย จากเดิมที่มีเพียงหนึ่งเส้น กลายเป็นแสงกว่าสิบเส้นในไม่ช้า ลำแสงจ้ากระจายไปทั่วทุกทิศบนสนามรบแห่งนั้น!

เสียงสนั่นหวั่นไหวดังก้องไปทั่วสนามรบ

การโจมตีของหวังเป่าเล่อยังไม่จบลง ชายหนุ่มปรับลมหายใจก่อนจะยกมือขึ้นอีกครั้งท่ามกลางวิกฤติร้ายแรงนี้

“กระบวนเวทเพลิงปะทุ!” เสียงของเขาดังก้อง ทะเลเพลิงพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้า แปรเปลี่ยนกลายเป็นกำแพงไฟขณะเคลื่อนตัว พุ่งชนผู้ฝึกตนหุ่นเชิดราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้พวกนั้นตัวสั่นเทิ้ม รีบรุดถอยกลับ

ถ้าลำแสงตอนแรกเป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังจุดจุดหนึ่ง กำแพงเพลิงปะทุก็เป็นการโจมตีที่มุ่งเป้าไปทั้งพื้นที่!

แม้ว่าพวกหวังเป่าเล่อจะทำการโต้กลับ ก็ยังไม่สามารถล้มผู้ฝึกตนหุ่นเชิด      หลายร้อยคนลงได้แม้จะสู้กันมาสักพักใหญ่ พลันนัยน์ตาของเหล่าหุ่นเชิดก็ฉายแสง        สีเขียว แสงในตากลายเป็นเศษใบไม้จากมนต์คาถา พุ่งเข้าใส่ทั้งสามราวกับ          กระบี่เหาะเหิน

สมบัติเวทอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้างมองกระบี่เหาะเหินใบไม้ ในฐานะที่เป็นองครักษ์อาวุธเวทแห่งตำหนักอาวุธเวท เขาไม่เคยขาดแคลนสมบัติเวทอยู่แล้ว

“สมบัติเวท!” เขาตะโกน ทันใดนั้นสมบัติเวทมากมายก็ปรากฏออกมาเต็มพื้นที่ มีทั้งผนึกขนาดใหญ่ เชือก กระจก และกระบี่เหาะเหิน สมบัติเวทหมุนวนรอบเขา     ดังพายุ ป้องกันเขาจากกระบี่เหาะเหินใบไม้ ส่งผลให้เกิดเป็นเสียงดังลั่นฟ้า

ทั้งสามร่วมมือกันจู่โจมอย่างหนักหน่วง ใครได้มาเห็นคงจะคิดว่าพวกเขาโจมตีสอดประสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ!

เจ้าเยี่ยเหมิงรับหน้าที่ตรึงเหล่าผู้ฝึกตน ขณะที่จั่วอี้ฟานคอยจัดการสังหารต่อ ขณะเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็เป็นดังจอมเวทคอยร่ายคาถาที่รุนแรงกว่าคาถาของ       จั่วอี้ฟาน อาจบอกได้ว่าทั้งสามแบ่งสนามรบออกเป็นชั้นนอกและชั้นใน!

บริเวณชั้นนอกนั้น กระบวนเวทของหวังเป่าเล่อรุนแรงมาก ทำให้ศัตรูเข้าใกล้ได้ยาก ส่วนบริเวณชั้นในนั้น จั่วอี้ฟานโจมตีได้อย่างแม่นยำ สังหารศัตรูทุกคนที่ย่างกราย   เข้าใกล้ วงแหวนปราณของเจ้าเยี่ยเหมิงนั้นครอบคลุมทั้งบริเวณชั้นในและชั้นนอก คอยให้ความช่วยเหลืออีกสองคน ทั้งสามนั้นเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การสู้รบดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งสามต่างประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เป็นสำนักศึกษาชั้นแนวหน้า แสดงให้เห็นถึงหลักการของสำนักศึกษา  เต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นอย่างดี  พวกเขาไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้เก่งกาจท่ามกลางพวกเขา เพราะพวกเขาต่างให้ความสำคัญในการร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์จากเกาะ        มหาปราชญ์ชั้นสูงหรือเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ทุกคนต่างได้รับการส่งเสริมให้ทำงานร่วมกัน ส่งผลให้เมื่อพวกเขาร่วมมือกันโจมตี พลังที่ได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!

หวังเป่าเล่อโจมตีอย่างต่อเนื่องพร้อมกับหยิบสมบัติเวทหลายชิ้นออกมา จากนั้นก็โยนไปทางจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง สมบัติเวทเหล่านั้นหมุนวนเป็นพายุล้อมรอบทั้งสอง ฝักกระบี่ของหวังเป่าเล่อสั่นไหว ยุงเก้าตัวบินออกมา ปล่อยพลังสังหารไปทั่วสนามรบ อีกทั้งยังช่วยให้หวังเป่าเล่อเห็นสถานการณ์รอบๆ ได้ทั้งหมด

ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็หยิบเอา…ปืนใหญ่เป่าเล่อของตนออกมา!

เขาแบกปืนใหญ่ไว้บนบ่า จากนั้นก็ลั่นไกยิงกระสุน เสียงดังสนั่นในอากาศ ทั้งสามต่อสู้พลางถอยหนี แม้ว่าจะไม่มีโอกาสหลบหนีออกไปได้ พวกเขาก็พร้อมสู้จนตัวตาย

“พวกมันสมควรตายที่มาจู่โจมศิษย์และผู้ฝึกตนของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เราต้องทำลายกายหยาบของมันให้จงได้!” หวังเป่าเล่อตะโกนขึ้นขณะถอยหนี

จั่วอี้ฟานไม่พูดอะไร เขาเข้าใจดีว่านั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยพวกเขาให้รอดจากสถานการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปยังโลกภายนอก ดังนั้น เป้าหมายของผู้บงการคือเข้าแทรกซึมทั้งสาม มันตั้งใจจะเข้าแทรกซึมอย่างเนียบเนียน ไม่ให้ผู้คนภายนอกรู้ เมื่อเรื่องนี้จบลง ทั้งสามก็จะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป

หวังเป่าเล่อแนะนำให้ทำลายกายหยาบของศิษย์และผู้ฝึกตนจากสำนักศึกษา    เต๋าศักดิ์สิทธิ์ด้วยเกรงว่าพวกเขาจะถูกส่งตัวกลับไปได้ทันท่วงที แล้วเรียกความสนใจจากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และหลอกล่อผู้คนมาได้เพิ่ม

จั่วอี้ฟานเข้าใจเหตุผลดี แต่เขาก็ยังลังเลที่จะลงมือ ด้านเจ้าเยี่ยเหมิง นัยน์ตาของนางดูแน่วแน่เด็ดเดี่ยว มุ่งเป้าโจมตีไปยังศิษย์จากเกาะมหาปราชญ์ชั้นรองและ      สองผู้ฝึกตนจากตำหนักการยุทธ์

แต่ไม่ช้าทั้งสามก็ต้องตกตะลึง แม้การโจมตีของพวกเขาจะรุนแรงเช่นเดิม        แต่พวกเขาก็หมดพลังไปกับการล่าถอยอยู่มากโข สามศิษย์จากสำนักศึกษา           เต๋าศักดิ์สิทธิ์และผู้ฝึกตนหุ่นเชิดคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหนักเบาต่างกันไป        ร่างกายพวกนั้นกำลังจะแตกแหลกละเอียด ทันใดนั้นรากไม้ก็เลื้อยออกมาจากร่างกายของคนเหล่านั้น ผสานเลือดเนื้อเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว!

บาดแผลสมานอย่างรวดเร็ว ร่างกายเหล่าผู้ฝึกตนคืนสภาพกลับมา พลันพุ่งเข้าใส่ทั้งสามอีกครั้ง

เนื่องจากทั้งพื้นที่ถูกปิดผนึกไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะถอยหนีอย่างไรก็ไม่เกิดประโยชน์ ความกังวลเริ่มเข้าเกาะกุมหัวใจ ทั้งสามมองหน้ากัน แววตาฉายแววมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว

“แยกกันไป! ใครหนีออกไปได้ให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากสำนักศึกษา    เต๋าศักดิ์สิทธิ์!” เจ้าเยี่ยเหมิงพูดด้วยความแน่วแน่ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในป่า จั่วอี้ฟาน    กัดฟันแน่น จากนั้นก็วิ่งหนีห่างออกไป

หวังเป่าเล่อใจเต้นแรงกับสถานการณ์เสี่ยงตายนี้ ได้ยินที่เจ้าเยี่ยเหมิงพูด         เขาก็ออกวิ่ง ร่างของเขาพุ่งไปยังป่าในทันที ราวกับลูกไฟเจิดจ้า

ทันทีที่พวกเขาแยกย้ายกันออกไปแล้ว กิ่งของต้นไม้ยักษ์ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง     ผู้ฝึกตนหุ่นเชิดตัวสั่นเทิ้มราวกับได้รับคำสั่งใหม่จากต้นไม้ยักษ์ พลันนัยน์ตาพวกนั้น   ก็ฉายแววเย็นชา ก่อนจะแยกกันออกเป็นสามกลุ่มไล่ตามพวกหวังเป่าเล่อไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version