บทที่ 206 ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสุดยอด
เมื่อพลังงานในตัวเขาระเบิดออกมา ก็ดูราวกับว่าหวังเป่าเล่อได้แปลงสภาพกลายเป็นหินหลอมละลาย ภายในไม่ถึงสิบสองลมหายใจ ต้นไม้ยักษ์ที่หวังเป่าเล่อกอดรัดเอาไว้นั้นก็เริ่มสั่นสะเทือน แรงสะเทือนกระจายไปเป็นวงกว้างโดยมี หวังเป่าเล่อเป็นจุดศูนย์กลางและยังกระจายไปทั่วโพรงไม้ที่เต็มไปด้วยรังไหมด้วย!
รังไหมที่ไม่มีผู้ฝึกตนอยู่ด้านในม้วนและแห้งตายไป ขณะที่หวังเป่าเล่อยังคงใช้พลังดูดกลืนต่อไป ดูแล้วราวกับว่าปราณวิญญาณจำนวนไม่จำกัดกำลังหลั่งไหลเข้าไปในกายหวังเป่าเล่ออย่างไม่หยุดยั้ง ปราณเหล่านั้นดูดกลืนเอาทุกสิ่งที่รายล้อมจน แห้งเหือดไประหว่างทาง
ระดับการฝึกตนของเขาพุ่งทะยานขึ้นในชั่วพริบตา จากที่อยู่ใกล้เคียงขั้นที่ห้าของระดับลมหายใจเที่ยงแท้เขาก็บรรลุขั้นที่ห้าทันที!
ในช่วงเวลาที่เขาบรรลุขั้นห้าของระดับลมหายใจเที่ยงแท้นั้น หวังเป่าเล่อก็ ตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง บ่อปราณวิญญาณในเส้นปราณของเขาขยายกว้างขึ้น อย่างรวดเร็ว เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ขณะที่เขาต้องอดทนกับ การเปลี่ยนแปลงอันฉับพลันและเส้นปราณที่เบิกกว้างออกอย่างแรง ปราณวิญญาณจำนวนมากทะลักล้นเข้ามาผ่านเส้นปราณทั่วร่างของหวังเป่าเล่อจนกระทั่งมารวมกันอยู่ที่เมล็ดดูดกลืนบริเวณจุดตันเถียนของเขา ก่อตัวขึ้นเป็นมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่!
มหาสมุทรแห่งปราณวิญญาณหมุนวนจนกลายเป็นน้ำวนที่มีเมล็ดดูดกลืนเป็นใจกลาง คลื่นปราณวิญญาณซัดสาดไปทั่วร่างของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกได้ถึงคลื่นที่ก่อตัวขึ้น ในกายเขา ในชั่วพริบตาร่างกายของเขาก็แผ่รัศมีที่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึงจั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิง!
แม้ความหนาแน่นของรัศมีนั้นอาจเทียบไม่ได้กับระดับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่ในบรรดาผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้แล้ว นับว่ารุนแรงจนยากจะหาใคร เสมอเหมือน เพราะว่าในขณะที่เส้นปราณของคนอื่นๆ นั้นเปลี่ยนเป็นเส้นปราณวิญญาณเพียงแปดในสิบส่วน แต่เส้นปราณของหวังเป่าเล่อในขณะนี้ได้กลายเป็น เส้นปราณวิญญาณไปทั้งหมดแล้ว!
การหลั่งไหลของปราณวิญญาณที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากจะทำให้ระดับการฝึกตนของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ร่างกายของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย กล้ามเนื้อทุกมัดของเขาขมวดตัวแน่นขึ้น กระดูกก็กล้าแกร่งขึ้น สมรรถภาพทางกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ!
พัฒนาการนี้ส่งผลอย่างชัดเจนต่อความเร็วและความแข็งแกร่งของเขา ต้นไม้ยักษ์เริ่มหักงอเพราะแรงรัดทรงพลังของหวังเป่าเล่อ!
การบรรลุระดับฝึกตนด้วยแรงสูบจากเมล็ดดูดกลืนที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ หวังเป่าเล่อไม่ต่างอะไรจากหลุมดำ ต้นไม้ยักษ์เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะแรงสูบนี้ของเขา ลำต้นและกิ่งใบต่างก็โบกไหวอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังพยายามจะหนีไป ให้ได้!
แต่ทว่าหวังเป่าเล่อกอดรัดต้นไม้ไว้แน่นและดูไม่มีทีท่าจะปล่อยแต่อย่างใด แววตาชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า หลังจากที่ระดับการฝึกตนของเขาบรรลุไป หลายขั้น ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกก็เอ่อล้นขึ้นในใจเขา
จั่วอี้ฟานเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก นัยน์ตาเขา เบิกโพลง คลื่นอารมณ์ปั่นป่วนอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งเพียงใด แต่จั่วอี้ฟานนั้นหลังจากที่ได้ขึ้นเป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้และไปทำภารกิจมามากมายหลายอย่าง ตอนนี้ก็กลับมั่นใจในตนเองขึ้นมาก
ถึงอย่างนั้น…เมื่อเขาจ้องมองไปที่หวังเป่าเล่อในตอนนี้ เขามีความรู้สึกอัน แรงกล้าว่าหวังเป่าเล่อต้องไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นอสูรกายที่อยู่ในร่างมนุษย์ อย่างแน่นอน!
หาไม่แล้ว เขาจะสามารถดูดกลืนเอาพลังชีวิตและปราณวิญญาณของต้นไม้ยักษ์เข้าไปได้อย่างไรกัน…
เจ้าเยี่ยเหมิงเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน แม้ว่าตามปกตินางจะเป็นคนสงวนท่าทีก็ยังถึงกับอ้าปากค้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรังไหมเริ่มเหี่ยวเฉาตามๆ กันไปทีละลูกทั่วทั้งโพรงไม้ โพรงไม้เองก็เริ่มสั่นไหวราวกับจะดิ้นรนต่อสู้…
แต่ยิ่งต้นไม้ดิ้นรนเท่าใด พลังที่ระเบิดออกมาจากหวังเป่าเล่อก็ยิ่งแรงขึ้นเท่ากัน
สู้ไปก็เปล่าประโยชน์ ข้าจะดูดเจ้าให้แห้งไปเลย! หวังเป่าเล่อใส่พลังทั้งหมดลงไป เขาส่งเสียงร้องดังลั่นและปลดปล่อยพลังปราณของเขาออกมาเพื่อกระตุ้นพลังต่างๆ ภายในและเพิ่มพลังสูบขึ้นอีก
เสียงคำรามดังราวกับฟ้าผ่ากึกก้องขึ้นรอบตัวพวกเขา จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงได้แต่จ้องมองตัวแข็งขณะที่โพรงไม้นั้นสะบัดไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ดูราวกับว่า เสียงคำรามกึกก้องนั่นดังออกมาจากต้นไม้ก็ไม่ปาน!
หัวใจของพวกเขาทั้งสองเต้นตุบๆ อย่างรุนแรง เมื่อมองไปทางหวังเป่าเล่อ ไม่เพียงแต่เหมือนจะเห็นอสูรกายในร่างมนุษย์เท่านั้น พวกเขายังรู้สึกถึงมวลพลัง ที่โหดร้ายและรุนแรงเปล่งออกมาด้วย
จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงได้แต่ยืนกลัวตัวสั่นไปถึงวิญญาณ เสียงคำรามดังราวกับฟ้าผ่าก็ดังมาจากหวังเป่าเล่ออีกระลอก ระดับการฝึกตนของเขาพุ่งขึ้นอีกครา จากจุดเริ่มต้นของขั้นที่ห้าของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขึ้นไปจนสมบูรณ์และกำลัง จะล่วงไปสู่…ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสุดยอด!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงยังไม่ทันรู้สึกถึงการบรรลุระดับการฝึกตนของเขาด้วยซ้ำ แม้แต่ตัวหวังเป่าเล่อเองก็ยังไม่แน่ใจนัก เมื่อระดับการฝึกตนของเขาถึงระดับสุดยอดของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ โพรงไม้ทั้งโพรงราวกับว่าไม่สามารถทนแรงของชายหนุ่มได้อีกต่อไป จึงถล่มและระเบิดออกในบัดดล!
เมื่อโพรงไม้ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ หวังเป่าเล่อและพรรคพวกก็ตั้งท่าจะหนี แต่กลับพบว่านอกโพรงไม้นั้นก็ยังมีโพรงไม้ที่ใหญ่ขึ้นรออยู่!
ข้าจะดูดต่อไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน! หวังเป่าเล่อกัดฟัน เขายกมือทั้งสองขึ้นวางลงนาบกับต้นไม้ แล้วเริ่มปลดปล่อยแรงสูบอีกครั้ง แอ่งแผ่นดินเค่อหลุนทั้งแอ่งเริ่ม สั่นไหวขึ้นมาในชั่ววินาทีนั้น แผ่นดินขยับขึ้นและลง ต้นไม้สั่นไหวและหักงอ แม้กระทั่งผนึกเวทที่ปกคลุมแอ่งแผ่นดินเค่อหลุนทั้งแอ่งเอาไว้ก็เริ่มจะคลายออก
การคลายออกของผนึกทำให้หวังเป่าเล่อและคนอื่นๆ ซวนเซ พวกเขารู้สึกราวเพิ่งโผล่พ้นน้ำและรีบตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง ลมหายใจของทุกคนกระชั้นรัวเร็ว เมื่อได้โอกาสหวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงก็ไม่รอช้า ต่างคนต่างหยิบแหวนสื่อสารออกมาขอความช่วยเหลือไปยังสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทันที!
“แอ่งแผ่นดินเค่อหลุน ต้นไม้ยักษ์มีชีวิต ได้โปรดมาช่วยโดยเร็วเถิด!” หวังเป่าเล่อใช้มือข้างหนึ่งสูบพลัง อีกข้างถือแหวนสื่อสาร เขาส่งเสียงร้องตะโกนลั่นเข้าไป
ข้างกายเขา เจ้าเยี่ยเหมิงก็ส่งข้อความเสียงออกไปเช่นกัน สัญญาณขอความช่วยเหลือของทั้งคู่ดูราวกับว่าจะถูกส่งออกไปพร้อมๆ กัน พวกเขาไม่อาจรู้ได้ว่าสัญญาณนั้นส่งไปถึงสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลารอคำตอบเพราะขณะนี้รอบกายห้อมล้อมไปด้วยเสียงแผดคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและเจ็บปวด!
หากต้นไม้ยักษ์ถูกนำมาเทียบเคียงกับมนุษย์แล้ว หวังเป่าเล่อและพรรคพวกผู้ซึ่งขณะนี้อยู่ภายในต้นไม้ก็เปรียบเหมือนพยาธิขนาดยักษ์ของมัน
โพรงไม้ที่กำลังถูกดูดจนแห้งผากนั้นก็เหมือนกับเป็นอวัยวะภายในของต้นไม้ วินาทีนั้น อวัยวะนั้นพังยับเยิน ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างของเจ้าต้นไม้ยักษ์
พลังอันแปลกประหลาดของทะเลสีม่วงได้กดเอาสติสัมปชัญญะของต้นไม้เอาไว้ก่อนหน้านี้ ทว่าภายใต้ความเจ็บปวดอันรุนแรง อานุภาพของมันก็เสื่อมฤทธิ์ลง ต้นไม้ยักษ์กลับฟื้นคืนสติ มันกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องนั้น ดังก้องสะท้อนใต้พื้นพิภพและพุ่งทะยานไปสู่สรวงสวรรค์ เสียงยังคงก้องกังวานอยู่ ในอากาศ!
อ๊าก!
เสียงนั้นดังกึกก้องเกินประมาณ เสียงดังยิ่งกว่าฟ้าผ่านั้นกลบหูของพวกเขาไปหมดสิ้น จั่วอี้ฟานผู้ซึ่งอ่อนแออยู่แล้วถึงกับกระอักเอาโลหิตออกมากองใหญ่ เพราะเสียงสะท้อนนั้น แม้แต่เจ้าเยี่ยเหมิงก็ยังตั่วสั่น โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากของนาง ใบหน้านางซีดเผือด
แม้แต่หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งเพิ่งจะบรรลุระดับการฝึกตนมาหมาดๆ และกำลังเอ่อล้นไปด้วยปราณวิญญาณยังถึงกับสมองตื้อตัน หลังจากที่ได้ยินเสียงคำรามดังกึกก้องนั้น กลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายแพร่กระจายอยู่ในใจเขา
ตัวเขาเองเป็นคนที่เข้มงวดโหดร้ายกับตนเองเป็นอย่างมาก และไร้ความปรานีกับศัตรูยิ่งกว่า!
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อจ้องต้นไม้ยักษ์ตาเขม็งและ ร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่กอดผนังต้นไม้อยู่ จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงค่อยๆ เดินเข้าหาเขาด้วยความกังวล หวังเป่าเล่อกำลังเตรียมตัวจะสูบพลังอีกคำรบ แต่จู่ๆ เขาก็ชะงักไป…
สายฟ้าสีดำเส้นเล็กๆ ก่อกำเนิดขึ้นในตัวเขา มันนอนอืดอย่างขี้เกียจ ไม่ใส่ใจความต้องการของหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด สายฟ้าสีดำนั้นไหลไปตามเส้นปราณของเขา ผสานตัวเข้ากับปราณวิญญาณและอันตรธานไปคล้ายกับกำลังหลับลึก
ไปสูบพลังมันมาสิ อย่าเพิ่งนอน! หวังเป่าเล่อตื่นกลัวและพยายามจะใช้งาน เมล็ดดูดกลืนอีกครั้ง
เมล็ดดูดกลืนเองก็เช่นเดียวกัน เพราะหวังเป่าเล่อเพิ่งจะบรรลุขั้นสุดยอดของระดับลมหายใจเที่ยงแท้ แต่ยังไม่สามารถบรรลุสู่ขั้นรากฐานตั้งมั่นได้ เมล็ดดูดกลืนจึงทำหน้าที่จนถึงที่สุดแล้วและไม่อาจดูดกลืนได้อีกต่อไป มันจึงหยุดการหมุนวนเช่นเดียวกับสายฟ้าสีดำ ที่กำลังดำดิ่งหลับลึกแทน
เฉกเช่นเดียวกับทะเลสีม่วงที่ค่อยๆ ไหลกลับเข้าไปในส่วนลึกในดวงตาของ หวังเป่าเล่อแล้วหยุดตัวลง ในที่สุดมันก็สงบไปอีกราย
นี่มันบ้าอะไรกัน สูบพลังสิ! ใบหน้าของหวังเป่าเล่อแดงก่ำ ยุงทั้งเก้าราวกับรู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนกของหวังเป่าเล่อ ก็พากันบินออกมาจากฝักกระบี่และเริ่มส่งเสียงหึ่งๆ
บรรพบุรุษที่รักของข้า ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้ ท่านจะมาหมดฤทธิ์ไปในเวลาขับขันเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ท่านไม่เห็นอาหารอันโอชะตรงหน้านี่หรือ รีบกิน เร็วเข้า! หวังเป่าเล่อที่ร่ำๆ จะร้องไห้สวดภาวนาอยู่ในใจ
เมื่อนั้นเอง เสียงคำรามของต้นไม้ยักษ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง โพรงไม้ทั้งโพรงก็เริ่มสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหล่าผู้ฝึกตนที่ถูกแทรกซึมต่างก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากผิวของต้นไม้และพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อและเพื่อนๆ
เมื่อความตายมากวักมือเรียกอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อจึงหยุดการดูดกลืน จั่วอี้ฟานและเจ้าเยี่ยเหมิงก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขามองเห็นผู้ฝึกตนที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้วก็หน้าซีดเผือดไปอีกคำรบ แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยปาก พวกเขาสบตากันและพากันถอยหนีแทบจะพร้อมๆ กัน ทั้งสองหลังพิงฝาประชิดมุมที่พวกเขาเลือกใช้เป็นชัยภูมิในการต่อสู้
พลังปราณของหวังเป่าเล่อระเบิดออกมา ยุงทั้งเก้าบินตรงออกมาด้วย ทำให้ หวังเป่าเล่อมองเห็นทุกสิ่งรอบตัว ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสุดยอดและพลังกายของเขาส่งเสริมกันและกันทำให้พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เขาก้าวออกมาข้างหน้าใช้ลูกเตะทรงพลังส่งผู้ฝึกตนคนแรกที่พุ่งมาหาเขาลอยละลิ่วหายไป
“เยี่ยเหมิง ใช้วงแหวนปราณช่วยข้าที อี้ฟาน เจ้าจัดการคนพวกที่ข้าพลาดไป มาสู้ให้เต็มที่กันเถอะ!” นัยน์ตาหวังเป่าเล่อวาวโรจน์ด้วยความดุร้าย วินาทีที่เขาพูดขึ้นนั้น แววอาฆาตที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในป่าฝนบ่อเมฆก็แผ่ขยายไปทั่วร่างของชายหนุ่มอีกครั้ง!