บทที่ 252 ใครก้าวเข้ามา ตาย!
ยุงทั้งสิบตัวบินกระจายตัวกันไปทั่วบริเวณ ตั้งแต่ตอนที่โจวเฟยปรากฏตัวก่อนหน้านี้ หวังเป่าเล่อรีบประเมินความต่างของระดับพลังระหว่างเขากับอีกฝ่าย ให้สังหาร โจวเฟยนั้นพอเป็นไปได้ แต่โอกาสช่างน้อยยิ่งนัก
ชายหนุ่มจึงวางแผนไว้เช่นนี้ เขาจะฆ่าอีกฝ่ายถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อย ก็จะต้องทำให้หมอนั่นขวัญกระเจิง!
ดังนั้นเขาจึงยังไม่ส่งยุงออกไปจัดการโจวเฟย แต่เลือกจะใช้สมบัติเวทจำนวนมากเป็นตัวเบี่ยงความสนใจ จากนั้นก็ใช้อาวุธเวทโจมตีแบบไม่ให้ทันตั้งตัวเสียก่อน เขาถึงขั้นเอ่ยคำแรกของเคล็ดวิชาอยู่ในใจเพื่อหลอกให้อีกฝ่ายกลัว และเพิ่มโอกาสชนะในการโจมตีครั้งสุดท้ายของตัวเอง!
และขณะเดียวกันเขาก็วางแผนสำรองเอาไว้เผื่อว่าตนพลั้งพลาด ซึ่งก็คือ… พวกยุงนั่นเอง!
หลังผ่านประสบการณ์ที่ป่าฝนบ่อเมฆ ช่วงเหตุอสูรหลั่งไหล และแอ่งแผ่นดิน เค่อหลุนมาแล้ว หวังเป่าเล่อกลายเป็นคนที่โจมตีและวางกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ไร้ความปรานีมากยิ่งขึ้น เขากัดฟันแล้วรีบถอยออกอย่างรวดเร็วเพื่อดึงความสนใจของโจวเฟย พวกยุงจะได้ทำตามแผนของเขาได้สำเร็จ
ทันทีที่โจวเฟยเงยหน้าขึ้นมองมาทางหวังเป่าเล่อ ยุงทั้งสิบตัวก็พุ่งเข้าไปรุมกัดเขาทันที เสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดลั่นออกมาจากปากโจวเฟย ร่างของเขาบวมเป่ง ความเจ็บปวดสาหัสและอาการคันคะเยอเกินบรรยายทำให้เขาคลุ้มคลั่ง ร่างกายเขาส่งเสียงหึ่งๆ ปล่อยมวลพลังขั้นรากฐานตั้งมั่นระเบิดเป็นระลอกออกมา
ยุงทั้งเก้าตัวแหลกสลาย ส่วนยุงสีเทารอดจากแรงระเบิดนั้นได้อย่างน่าประหลาด มันพุ่งตรงไปข้างหน้าแล้วเข้ากัดแขนโจวเฟยอย่างดุร้าย บังเกิดรอยแผลสีฟ้าเป็นทางแผ่ขยายไปทั่วร่างเขาในบัดดล โจวเฟยตื่นตระหนก รีบล่าถอยออกไปพร้อมคายเลือดก้อนใหญ่ทิ้ง พยายามขยี้ยุงสีเทาจะเจาะเข้ามาในร่างเขา!
หวังเป่าเล่อหรี่ตามองโจวเฟยที่รีบล่าถอย และไม่ได้ไล่ตามอีกฝ่ายไป เขารู้สึกได้ว่ายุงเก้าตัวแรกกลับมาเกิดใหม่ในฝักกระบี่ภายในร่างเขาแล้ว ยกเว้นเจ้ายุงสีเทา เจ้ายุงสีเทาไม่ได้เกิดใหม่อย่างปุบปับ แต่กลับค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในฝักกระบี่ ไม่นานก็พร้อมจะถูกส่งตัวออกไปอีกครั้ง
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก กลับหลังหันเร่งฝีเท้าเข้าไปในป่าให้ลึกยิ่งขึ้น
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจความต่างระหว่างตัวเองกับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้เพิ่งเคยสู้กับผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นเป็นครั้งแรก แต่ครั้งนี้ก็สำคัญนัก เพราะครั้งก่อนหน้าเขายังมีเจ้าเยี่ยเหมิงและจั่วอี้ฟานคอยร่วมมือ ตอนที่สู้กับต้นไม้ยักษ์ขั้นรากฐานตั้งมั่นระดับสุดยอด
การต่อสู้ครั้งนั้นไม่ได้เข้มข้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน อย่างที่เกิดขึ้นกับเขาและโจวเฟยในขณะนี้
หวังเป่าเล่อรู้ว่าเขามีโอกาสชนะ แต่อาวุธเวทที่เขามีไม่ใช่อาวุธระดับที่ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้จะใช้และควบคุมได้เต็มที่ แม้เขาจะหัวไวพอจะเอ่ยเคล็ดวิชานั้นออกมา และทำให้โจวเฟยหวาดหวั่นจนคาถาเวทกับสมบัติเวทของอีกฝ่ายสั่นคลอน แต่เขาเองก็ฝืนใช้ร่างกายขั้นรากฐานตั้งมั่นเหมือนกัน กลยุทธ์ของเขาได้ผล แต่ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเขาฆ่าโจวเฟยไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายเขาก็ยังหนักหนาเอาการ
หากหวังเป่าเล่อใช้อุบายนี้เกินกว่าสามครั้ง ศัตรูจะไม่ต้องเสียแรงลงมือสังหารเขาเลย เพราะชายหนุ่มคงสลบไปเองเสียก่อน
ข้าต้องเสี่ยงบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตายเพื่อสังหารเขา…หวังเป่าเล่อไตร่ตรองอย่างจริงจังและชั่งน้ำหนักทางเลือกที่มี เขารีบเอาโอสถออกมากลืน ก่อนหายเข้าไปในส่วนลึกของป่าพร้อมกับความเสียดายอย่างใหญ่หลวง
ในป่าข้างหลังเขาคือ โจวเฟยผู้มีใบหน้าซีดเซียวและกำลังรีบร้อนล่าถอยไปเช่นกัน พอเขาเริ่มรู้ตัวว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้ไล่ตามมาแล้วก็กัดฟันกรอด อันที่จริงแล้วถึงเขาจะบาดเจ็บหนักเพียงไร แต่ที่เขาล่าถอยออกมานั้นเป็นเพียงกับดัก ที่ตั้งใจจะล่อให้หวังเป่าเล่อไล่ตามมา แล้วคว้าโอกาสนี้โจมตีหวังเป่าเล่ออีกระลอกหนึ่ง
เขาจำลองภาพในหัวว่าตนจะโจมตีสวนอย่างไรได้บ้างตอนกำลังล่าถอย แต่หวังเป่าเล่อกลับไม่ได้ตามมาดั่งใจหวัง
ไอ้คนเจ้าเล่ห์สารเลว! โจวเฟยเช็ดเลือดออกจากมุมปาก เขาปรับลมหายใจแล้วยกมือขึ้นแตะรอยข่วนบนหน้าผาก หัวใจเขาเต้นแรงพลางมองรอยสีฟ้าเป็นทางบนแขนขวา
สิ่งนี้เหมือนจะเป็นพิษร้ายซึ่งเขาทำได้เพียงใช้พลังปราณกดเอาไว้ ทว่าขับออกไปให้หมดไม่ได้ แขนของเขาเริ่มชาและเย็นเฉียบเมื่อสัมผัสโดน ทำเอาโจวเฟย นึกหวาดหวั่นขึ้นมา
เขาเป็นถึงผู้ฝึกตนในระดับกลางของขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่กลับต้องมาบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือของผู้ฝึกตนที่เพิ่งบรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้สมบูรณ์เช่นนี้ เขาสังหารอีกฝ่ายไม่สำเร็จด้วยซ้ำ ตัวเขาไม่อาจระงับไฟโทสะที่สุมทรวงได้เลย ทว่าเพียงไม่นานแววตาเขาก็ฉายแววหิวกระหายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จังหวะลมหายใจก็เปลี่ยนตามไปด้วย
มันมีอาวุธเวทอยู่กับตัว! โจวเฟยตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ พอนึกย้อนถึงการต่อสู้เมื่อครู่ เขาตระหนักดีว่าอาวุธเวทมีค่าและหายากเพียงใด
กระทั่งตัวเขาเองยังมีเพียงสมบัติเวทระดับหก เขาโหยหาอาวุธเวทมานานหลายปี ทว่าอาวุธเวทนั้นมีราคาสูงเกินไป เขาจึงไม่อาจหามาครอบครองได้
แต่…ผู้ฝึกตนบรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้สมบูรณ์คนนี้กลับเอาอาวุธเวทมาประเคนให้เขาถึงที่ ครั้นคลายจากความตื่นตระหนกและหวาดกลัวในตอนแรก บัดนี้เขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นเป็นล้นพ้น
โดยเฉพาะเมื่อเขาได้รับรู้ถึงพลังของอาวุธเวทด้วยตัวเองแล้ว โจวเฟยหวนกลับไปคิดถึงความหวาดกลัวที่เข้าโถมใส่ตัวเองในตอนนั้น พลันรู้สึกอยากได้มันขึ้นมาจับใจ พลังของอาวุธเวทนั้นคือ ต้นตอของความหวาดกลัวที่เขารู้สึก
นั่นมันอาวุธเวทระดับแปดเป็นอย่างน้อย!
อีกไม่นานมันต้องเป็นของข้า! ความตื่นเต้นฉายในดวงตาโจวเฟย ในตอนแรกเขาไล่ตามหวังเป่าเล่อเพราะได้รับมอบหมายให้มาฆ่าปิดปากชายคนนั้น แต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาเปลี่ยนไปแล้ว การฆ่าปิดปากหวังเป่าเล่อเป็นเพียงเป้าหมายรอง ลงไป จุดมุ่งหมายแท้จริงของเขาคือ ฉวยเอาอาวุธเวทของหวังเป่าเล่อมาหลังจาก ฆ่าหมอนั่นทิ้งต่างหาก
โจวเฟยยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เมื่อคิดว่าอาวุธเวทอาจช่วยให้ตัวเองรับมือกับผู้ฝึกตนบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ได้เลยทีเดียว แต่ความรู้สึกเหน็บชาตรงรอยทาง สีฟ้าบนแขนข้างขวา และรอยข่วนบนหน้าผากทำให้เขาตระหนักว่าหวังเป่าเล่อเป็น คู่ต่อสู้ที่รับมือยากเพียงใด เขาหรี่ตาเขม็งพลางยกมือซ้ายขึ้นมา ก่อนดึงเอาลูกประคำเม็ดกลมออกมาขยี้ให้แหลกคามือ ควันหนาสีดำลอยพวยพุ่งขึ้นไปบนฟ้า
ไม่นานนัก เงาดำหลายเงาก็ปราดเข้ามาหาโจวเฟยจากป่าทั้งสี่ทิศทาง พวกเขาคือผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสมบูรณ์จากตระกูลนภาห้าสมัยที่ยังเหลืออยู่ราวสิบกว่าคน
ทุกคนปรากฏตัวขึ้น ครั้นเห็นโจวเฟยสภาพกระเซอะกระเซิงก็แตกตื่นกันทันที แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไรเขา
“หวังเป่าเล่อบาดเจ็บสาหัส พวกเจ้าทุกคนจงไล่ตามเขาไป ข้าจะให้รางวัลแก่ คนที่ฆ่าเขาได้ เจ้าจะได้รับเศษชิ้นส่วนพิเศษยี่สิบชิ้นสำหรับหลอมรากฐานตั้งมั่นทันที!” โจวเฟยกล่าวช้าๆ เมื่อคนที่เหลือได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็พากันหายใจแรง ใบหน้าขึ้นสีแดงกันทันตาเห็น พวกเขาทำตามคำสั่งแล้วเริ่มออกไล่ตามไปยังทางที่โจวเฟยชี้ให้ทันที
โจวเฟยมองผู้ฝึกตนสิบกว่าคนเบื้องหน้าแล้วตามไปติดๆ แววดูแคลนเย็นชาฉายลึกในสายตาของเขา
เขาตั้งใจใช้คนเหล่านี้ตัดกำลังหวังเป่าเล่อ ถ้าบีบให้หวังเป่าเล่อใช้อาวุธเวทได้อีกครั้ง ก็จะยิ่งเป็นการดีเข้าไปใหญ่
เมื่อมีคนพวกนี้รุมหวังเป่าเล่อจนอ่อนแรงแล้ว เขาก็จะสังหารหมอนั่นและเอาอาวุธเวทมาได้ง่ายดายขึ้น และหากผู้ฝึกตนพวกนั้นรอดจากการต่อสู้มาได้ และรู้ว่าเขาได้อาวุธเวทมาไว้ในครอบครอง เขาก็แค่ฆ่าปิดปากพวกนั้นเสีย ความตายของ พวกเขาจะถูกโยนความผิดให้เป็นฝีมือหวังเป่าเล่อแทน แผนการนี้ช่างไร้ที่ตินัก
ดวงตาโจวเฟยยิ่งเป็นประกายสดใสด้วยความโลภและตื่นเต้นกับแผนในหัวของตน เขาหายเข้าไปในส่วนลึกของป่าพร้อมกันกับคนอื่น
ขณะเดียวกันท่ามกลางป่าลึก หวังเป่าเล่อบาดเจ็บรุนแรง หอบหายใจหนักหน่วง บาดแผลที่สาหัสที่สุดเกิดจากผลสะท้อนกลับจากตอนที่ใช้อาวุธเวท ถ้าเขาไม่มี เส้นปราณวิญญาณสมบูรณ์เต็มร้อยและเคล็ดวิชาบีบอัดที่แม่นางน้อยสอนมา ผลสะท้อนกลับอาจส่งผลแย่ยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้
นับว่ายังโชคดีที่เขารู้จักธรรมชาติของหมอกเวทเคลื่อนย้ายดีกว่าคนทั่วไป ชายหนุ่มมุ่งไปข้างหน้าและค้นหาร่องรอยของมันต่อ รอยหมอกบางๆ ที่โผล่ออกมาในตอนแรกเริ่มหนาแน่นขึ้น เมื่อเขาฝ่าลึกเข้าไปตามทางที่เลือกเดินมา ตอนนั้นเองที่เขาเห็นผู้ฝึกตนบรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้โดยสมบูรณ์จากตระกูลนภาห้าสมัยผ่านทางสายตายุงที่กระจายตัวอยู่รอบด้าน
พวกนี้ไม่ยอมรามือเสียเลย! หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ชายหนุ่มไม่สนใจคนพวกนั้น แล้วรีบเร่งฝีเท้าไปยังตรงกลางบริเวณที่หมอกเวทเคลื่อนย้ายกำลังก่อตัวขึ้น เขาสำรวจสิ่งรอบตัว ก่อนจะกลับหลังหันโดยพลัน มือขวาชักเอาดาบอาวุธเวท ระดับเจ็ดออกมาแล้วหยุดนิ่งกับที่ เพียงตวัดดาบกวาดออกในครั้งเดียว ก็ปรากฎ รูปวงกลมรัศมีประมาณสี่สิบห้าเมตรขึ้นบนพื้นดิน
เขายืนนิ่งอยู่ใจกลางวงกลมวงนั้น อาวุธเวทประคองอยู่ในมือ สายตาจ้องมองไกลออกไปในป่าอย่างเย็นชา ไม่นานเงาจำนวนมากก็พุ่งตัวออกมาล้อมหวังเป่าเล่อไว้
“ใครก้าวเข้ามาในเขตวงกลมนี้ ตาย!” หวังเป่าเล่อถลึงตามองผู้คนรอบตัวอย่างเยือกเย็น ชายหนุ่มกำดาบแน่น ปลายดาบปักลงพื้น น้ำเสียงของเขาฟังดูเรียบนิ่ง
ทันใดนั้น มวลพลังล้างผลาญอันเข้มข้นก็แผ่กระจายออกมาจากร่างท้วมของเขา พายุหมุนสีดำเข้าตีวงรอบตัว ปกคลุมหมอกที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในพายุหมุนสีดำนั้นมีจระเข้ดุร้ายปรากฏให้เห็นอยู่รางๆ
พลังวิญญาณปะทุขึ้นสูงถึงท้องฟ้า ความตายเยื้องย่างเข้ามาในอากาศ บรรยากาศเยือกเย็นไร้ปรานีทะลวงออกมาจากคำพูดนั้นของหวังเป่าเล่อ บรรดาผู้โจมตีรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวลดต่ำลง
คำพูดของเขา ประกอบกับอาภรณ์เปื้อนเลือด และแววตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็งคู่นั้น อาบด้วยพลังอันน่าครั่นคร้ามที่ทำเอาเหล่าผู้ฝึกตนตื่นกลัวเมื่อได้ยิน ตัวสั่นไปทั้งสรรพางค์กาย ราวกับว่าถ้อยคำนั้น…เป็นคำเตือนจากเทพเจ้าแห่งความตายก็ไม่ปาน!
บรรดาผู้ฝึกตนรอบตัวหวังเป่าเล่อค่อยๆ หายใจกันหนักหน่วงขึ้น พวกเขากระสับกระส่ายและระวังตัวแจ ไม่มีใครกล้าผลุนผลันเข้าไปใกล้ วงกลมวงนั้นและ คนที่ยืนอยู่ตรงกลางวงทำให้พวกเขาชะงักไปทันตา พวกเขาไม่ใช่คนโง่ คนที่ต่อกรกับโจวเฟยแล้วรอดมาได้ย่อมไม่ใช่คนไร้ฝีมือแน่นอน!
ฉะนั้น ณ ตอนนี้ที่ใจกลางผืนป่า ไม่ว่าจะเป็นหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ตรงกลางอาณาเขตวงกลม หรือบรรดาผู้ฝึกตนที่ตีวงล้อมเขาอยู่ ต่างก็ได้แต่ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้น