Skip to content

A World Worth Protecting 255

บทที่ 255 มีคนอยู่ข้างนอก

อารมณ์มากมายปรากฏบนใบหน้าหวังเป่าเล่อตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณ    อันเข้มข้นจนชวนตกใจ ชายหนุ่มจ้องไปยังทิศที่ปราณวิญญาณแผ่ขยายออกมา ในหัวพอจะเดาสถานการณ์ได้ลางๆ ทำเอาเขาเองทั้งตื่นเต้นและไม่แน่ใจ

เห็นได้ชัดว่าเนตรผีและวิญญาณจันทราต่างมุ่งหน้าไปทางแหล่งปราณวิญญาณนั้น หวังเป่าเล่อเดาว่าบรรดาอสูรในเขตจันทราเวท คงจะโดนปราณวิญญาณลึกลับนี้ดึงดูดกันทุกตัว ปราณวิญญาณดังกล่าวน่าจะเพิ่งปรากฏมาไม่นาน หาไม่แล้ว     บริเวณนั้นคงคลาคล่ำไปด้วยอสูรจันทรา

ลองไปดูสักหน่อยแล้วกัน! นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อทอประกาย ชายหนุ่มกัดฟันพลางชั่งใจว่าหรือควรจะหนีไปเสีย แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด หลังจากตัดสินใจได้แล้ว หวังเป่าเล่อก็รีบพุ่งตัวออกไปยังต้นกำเนิดปราณวิญญาณประหลาดนั้นโดยไม่ลังเล

ถึงแม้จะตัดสินใจไว้แล้ว แต่หวังเป่าเล่อก็ยังคงระมัดระวังตัว ไม่เข้าใกล้พวกเนตรผีมากเกินไป ชายหนุ่มสะกดรอยตามพวกมันไปอย่างแน่วแน่สงบนิ่ง เขารู้ดีว่าว่า     คลื่นปราณวิญญาณแข็งแกร่งเช่นนี้ ย่อมดึงดูดผู้ฝึกตนคนอื่นเข้ามาใกล้เช่นกัน กระนั้นเขาก็ได้แต่เตือนตัวเองว่าอย่าผลีผลามนัก

หากเขาตื่นตระหนกแล้วเผลอทำอะไรสุดโต่งเข้า อาจจะทำให้เสียโอกาสอันหายาก  ยิ่งนี้ หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตตัวเองได้เลยทีเดียว และนั่นก็ไม่เกินจริงแต่อย่างใด

เรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้ ข้าต้องใจเย็นเข้าไว้! หวังเป่าเล่อคิดได้ดังนั้น             ก็ผ่อนคลายขึ้น เขายึดความคิดนั้นไว้และรักษาระดับความเร็วพลางสอดส่ายสายตาไปด้วย เขามุ่งมั่นไล่ตามเนตรผีเข้าไปใกล้ส่วนลึกของด้านมืดของดวงจันทร์

ขณะที่หวังเป่าเล่อเข้าไปในป่า ชายหนุ่มหายใจถี่ขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเมล็ดดูดกลืนในตัวพลุ่งพล่านด้วยปราณวิญญาณที่เข้มข้นจนน่าตกใจ เขาย่อตัวลงขณะฝ่าป่าลึกเข้าไปเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อพยายามกดปราณวิญญาณตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

หวังเป่าเล่อติดตามเหล่าเนตรผีเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น ไม่นานก็ไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดในป่า     ยังต้นกำเนิดของปราณวิญญาณอันน่าพิศวงนี้ บางสิ่งปรากฏต่อสายตาของเขาทันที มันคือรอยแยกขนาดใหญ่บนพื้น!

เห็นได้ชัดว่ารอยแยกนั้นเพิ่งปรากฏมาไม่นาน โดยรอบมีเศษซากต้นไม้เกลื่อนกลาด บ้างถูกถอนรากถอนโคน บ้างแหลกเป็นผุยผง ราวกับว่ามีพลังมหาศาลปะทุขึ้นมาจากพื้นดินราบเรียบ ดันผืนโลกให้บวมขึ้น จนปริออกกลายเป็นรอยแยกนี้

ขนาดของมันกว้างกว่าสามเมตรและยาวกว่าสามร้อยเมตร ปราณวิญญาณมหาศาลทะลักออกมาจากรอยแยกนั้นไม่หยุดหย่อน ก่อนแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

พวกเนตรผีที่ตามวิญญาณจันทรามาคืบคลานเข้าไปใกล้รอยแยก พวกมันเดินหายลับเข้าไปในรอยแยกนั้นโดยไม่รอช้า หวังเป่าเล่อเห็นวิญญาณจันทราตนอื่นๆ     นำทางอสูรจันทราจำนวนมากมาด้วย พวกมันมาถึงก็เดินตามเข้าไปในรอยแยกนั้นเช่นกัน

ราวกับว่าวิญญาณจันทรากำลังล่าอาหารมาให้รอยแยกนั้น พวกมันแยกย้ายกันออกไปล่ออสูรแล้วพากลับมา

หัวใจของหวังเป่าเล่อเต้นแรงยิ่งขึ้นพอได้เห็นภาพตรงหน้า เขาไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ในรอยแยก แต่รับรู้ได้จากเมล็ดดูดกลืนว่าต้นกำเนิดปราณวิญญาณประหลาดนี้มาจากใต้รอยแยกนั้น

หลังจากเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบลงไปครู่ใหญ่ อสูรฝูงใหม่ก็ดาหน้ามาแต่ไกล ก่อนหายลับเข้าไปในรอยแยกเช่นกัน วิญญาณจันทราพวกนั้นออกไปตามหาอสูรในเขตจันทราเวทเพิ่ม เมื่อบริเวณนั้นสงบลงอีกครั้ง หวังเป่าเล่อก็พุ่งตัวออกไปบ้าง      เขาตามเข้าไปในรอยแยกโดยไม่ลังเล

“ข้าว่าแล้วเชียว คนอ้วนนี่มักละโมบโดยสันดาน แถมยังโง่อีกต่างหาก!” วินาทีที่หวังเป่าเล่อหายลับเข้าไปในรอยแยก หญิงสาวในอาภรณ์ขาวซึ่งซ่อนตัวอยู่อีกฟากของรอยแยกก็เอ่ยขึ้น นางใช้คาถาเวทพรางกายให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ดวงตามนุษย์ธรรมดาไม่มีทางมองเห็นนางยืนอยู่ตรงนั้นได้ แม้จะใช้พลังปราณเข้าช่วยก็ยังยากจะสัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้น หญิงสาวในอาภรณ์ขาวรูปโฉมงดงาม สรีระนางช่างดึงดูดใจ แต่ดวงตากลับฉายแววโหดร้ายไร้ความปรานี ริมฝีปากนางแสยะเป็นรอยยิ้มหยามเหยียด

นางมีนามว่าคือเฉินหุย มาจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ในบรรดาศิษย์ร่วมสำนักทั้งหลาย จิตใจนางโหดเหี้ยมยิ่งกว่าชายหนุ่มมือพันผ้าพันแผลดำเสียอีก ว่ากันว่า   นางเป็นศิษย์เอกจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพที่ได้เข้าเขตจันทราเวทในปีนี้!

ดูก็รู้ว่าเฉินหุยมาถึงก่อนหวังเป่าเล่อนานแล้ว แต่รู้สึกได้ถึงอันตรายจึงไม่ผลีผลามเข้าไปในรอยแยกทันที นางสังเกตการณ์โดยรอบต่อ ขณะรอให้ปราณวิญญาณล่อ    คนอื่นมาหาและกรุยทางให้ก่อน

ตอนแรกข้าตั้งใจจะรอสักครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มีใครมาข้าจะเข้าไปเอง แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีคนโง่มาจริงๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ให้เขาเบิกทางไปเสียก่อน หากมีเหตุอันตราย หมอนั่นจะกลายเป็นคนรับเคราะห์เสียเอง แล้วข้าค่อยรอเก็บเกี่ยวรางวัลจากความเสียสละของเขาทีหลัง! เฉินหุยหัวเราะแผ่วเบา ดวงตามองไปยังรอยแยกบนพื้นข้างหน้า นางรออีกประมาณสิบสองลมหายใจก่อนจะตามเข้าไปในรอยแยกนั้น

นางไปถึงข้างในรอยแยกในระยะเวลาอันสั้น ภายในนั้นไม่ได้มืดสนิท กลับมีแสงสีแดงเลือนรางจากเส้นทางที่ลึกลงไป ช่วยให้พอมองเห็นทางอยู่บ้าง แสงดวงนั้นกะพริบในดวงตาเฉินหุยตอนที่นางเข้าไป หญิงสาวเร่งฝีเท้าลึกเข้าไปในรอยแยก

นางพอจะมองเห็นร่างท้วมกลมของผู้ฝึกตนอีกคนอยู่รางๆ ไกลออกไป เขากำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

เฉินหุยยินดียิ่งนัก หญิงสาวรู้สึกเหมือนตนเป็นนกขมิ้นซึ่งหลบอยู่ข้างหลังตั๊กแตนที่กำลังไล่ล่าจักจั่น นางรักษาระยะห่างไว้แล้วตามตั๊กแตนของนางไป

ทว่าตอนที่นางกำลังไล่ตามร่างท้วมอยู่นั้น ไม่ไกลออกไปเท่าไรนัก พื้นดินตรงบริเวณขอบด้านในรอยแยกก็ปริออก หวังเป่าเล่อขุดเอาร่างตัวเองออกมา เขากะพริบตาปริบๆ มองตามหญิงสาวไปแล้วหัวเราะอย่างประหลาดใจ

มีคนอื่นซ่อนตัวอยู่จริงด้วย

ตอนที่หวังเป่าเล่อหายเข้าไปในรอยแยกก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้เดินดุ่มๆ ลึกเข้าไปไม่คิดหน้าคิดหลัง ถึงแม้เขาจะสำรวจรอบด้านจนเห็นแล้วว่าไม่มีใครคนอื่นอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่ชะล่าใจ เรียกเอาหุ่นเชิดจำลองร่างของตัวเองออกมาเผื่อไว้ก่อน แล้วปล่อยให้หุ่นเชิดตัวนั้นพุ่งนำหน้าไปก่อน แล้วค่อยรีบขุดหลุมฝังตัวไว้ใต้พื้นดินเพื่อหยั่งเชิง

ในเมื่อเขาไม่มั่นใจว่ามีใครซุกซ่อนตัวอยู่รึเปล่า ทางที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือใช้  เหยื่อล่อให้อีกฝ่ายออกมา ถ้ามีคนอื่นอยู่ข้างนอกจริง พอเห็นเขาเข้าไปในรอยแยก คนๆ นั้นย่อมต้องรีบออกมาแล้วตามหลังไปติดๆ ดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเขาโง่   และใช้เขาเป็นเครื่องมือสำรวจทางข้างหน้าให้ตัวเองด้วยซ้ำ

ถ้าไม่มีใครอยู่ เขาจะขุดตัวเองออกมาแล้วรอสักพักก่อนจึงค่อยตามเข้าไป

เมื่อเห็นว่าตนล่ออีกฝ่ายออกมาได้สำเร็จ และใครคนนั้นไม่เป็นเพียงแค่หญิงสาวธรรมดา แต่เป็นถึงหญิงงามที่เขาไม่คุ้นหน้า หวังเป่าเล่อก็อดขบขันกับตัวเองไม่ได้   เขาค่อยๆ ตามนางไปอย่างระมัดระวัง

ขณะที่ทั้งสองตามกันลึกเข้าไปในรอยแยกนั้น ต่างก็คิดว่าตนเองเป็นนกขมิ้นสำหรับอีกฝ่าย ทว่าด้านนอกรอยแยก พ้นแนวป่าไกลออกไปจากตรงนี้ราวสิบกว่ากิโลเมตร ก็มีผู้ฝึกตนร่างบึกบึนเจ็ดแปดคนกำลังมุ่งหน้ามาที่รอยแยกเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาเหล่านั้นฉายแววเจิดจ้าแปลกๆ

หนึ่งในนั้นถือเข็มทิศที่กระดิกระรัวและทอแสงสีแดงเจิดจ้า ลำแสงนั้นชี้ไปยังทิศทางเดียวกับรอยแยกที่หวังเป่าเล่อและเฉินหุยเพิ่งเข้าไป

“เข็มทิศเสาะหาที่ผู้อาวุโสหลี่หลอมกับมือนี่ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง มันนำทางไปยังต้นกำเนิดปราณวิญญาณในรัศมีเกือบห้าสิบกิโลเมตรได้หมดเลย ตราบที่พวกเราสำนักสหชุมนุมสกุณายังมีเข็มทิศชิ้นนี้ไว้ในครอบครอง สำนักของพวกเราจะต้องมี   คนที่บรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นมากที่สุดในเขตจันทราเวทเป็นแน่!”

“ต่อให้มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ถ้าพวกเราบรรลุถึงขั้นรากฐานตั้งมั่นได้ เราก็จะปกป้องตัวเองได้เช่นกัน!” บรรดาศิษย์สำนักสหชุมนุมสกุณาเจ็ดแปดคนนั้น       กระซิบกระซาบน้ำเสียงตื่นเต้น พวกเขาตกลงแผนการก่อนเร่งฝีเท้าต่อไป

“ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม หากสมบัติหายากนั้นไม่ตกมาอยู่ในมือคนของสำนักเรา แต่กลับตกอยู่ในมือของขุมอำนาจอื่น…เราจะกำจัดมันผู้นั้นให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร   ก็ตาม! เราจะต้องไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไปเด็ดขาด!”

กลุ่มศิษย์จากสำนักสหชุมนุมสกุณาต่างเร่งรุดมุ่งหน้าไปด้วยจิตสังหาร อีกทางหนึ่งปรากฏร่างของชายหนุ่มจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพที่โดนหวังเป่าเล่อปล้น       เศษชิ้นส่วนไปก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้รับรู้ถึงปราณวิญญาณที่ทะลักออกมาจากรอยแยกแต่อย่างใด ทว่าบังเอิญหลงเข้ามาใกล้บริเวณนี้เองขณะกำลังค้นหาของที่โดนปล้นไปอยู่ เขาสืบเท้าไปข้างหน้าอย่างไร้อารมณ์ พลางเสาะหาเศษชิ้นส่วนมาใช้หลอม     แก่นรากฐานตั้งมั่น

ไกลออกไปมีเหล่าผู้ฝึกตนจากฝ่ายเสนาบดี จากตระกูลนภาห้าสมัย และกระทั่งจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าตามๆ กันมา หลายคนมุ่งหน้ามาตามลำพัง ขณะที่อีก   หลายคนจับกลุ่มกันมา กลุ่มละสามถึงห้าชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป ด้านสว่างของดวงจันทร์ก็ไม่เหลืออะไรให้ขุดคุ้ยอีก ผู้ฝึกตนจากขุมอำนาจอื่นก็เริ่มเบี่ยงความสนใจเข้ามาที่ด้านมืดของดวงจันทร์บ้าง เขตแดนระหว่างด้านมืดกับด้านสว่างของดวงจันทร์มีผู้ฝึกตนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นในเวลาอันสั้น

ถึงแม้ปราณวิญญาณในรอยแยกจะเข้มข้นล้นทะลัก แต่ถ้าหากไม่มีเมล็ดดูดกลืนแบบหวังเป่าเล่อ ก็ต้องเข้าไปใกล้ๆ อาณาเขตก่อน จึงจะสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณเหล่านี้ ถ้าอยู่ห่างออกมาแม้เพียงนิดเดียว ก็ยากแล้วที่จะตามรอยได้

ขณะที่บริเวณโดยรอบ ผู้ฝึกตนทั้งหลายกำลังรวมตัวกันรุดหน้าเข้ามา หวังเป่าเล่อก็แอบตามหลังเฉินหุยลึกเข้าไปในรอยแยกนั้นเรื่อยๆ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version