Skip to content

A World Worth Protecting 260

บทที่ 260 แขนขาด

การเข่นฆ่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

การไล่ล่าก็ยังไม่จบสิ้น!

ผู้ฝึกตนจำนวนมากมายดาหน้าเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ แต่ละคนไม่สามารถ     ส่งข้อความเสียงหากันได้ในเขตจันทราเวท ทำให้ไม่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน   มากนัก พวกเขาจึงไม่มีทางรู้ว่าผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณมหาศาลนั้นเก่งกาจเพียงใด

หวังเป่าเล่อไม่มีทางเลือกอื่นใดที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ เขาจำเป็นต้องไล่ฆ่าต่อไปเรื่อยๆ หลังจากฆ่าใครไปแล้ว ชายหนุ่มก็จะทิ้งศพไว้ ปล่อยให้กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปในอากาศเพื่อข่มขวัญศัตรู!

เมื่อผู้ฝึกตนกลุ่มถัดไปผ่านมาเห็นศพนอนเกลื่อนอาจจะลังเลใจไม่กล้าตามไล่ล่าต่อ เนื่องจากความหวาดกลัวเมื่อได้เห็นศพและจิตสังหารที่พวกเขาสัมผัสได้จากฆาตกรคนนี้

กลยุทธ์ข่มขวัญนี้ใช้ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่มนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตชอบเสี่ยงโชค  อยู่เสมอ หลายคนมีสติพอจะถอยกลับไปแม้ว่าใจจะอยากเผชิญหน้าเพียงใด แต่คนที่ทำเช่นนั้นก็มีจำนวนน้อยนิดเหลือเกิน

สองวันผ่านไปนับตั้งแต่หวังเป่าเล่อได้ครอบครองหม้อหลอมเล็ก ตลอดสองวันนั้น ชายหนุ่มพยายามหลอมหม้อหลอมเล็กเข้ากับร่างของตน แต่ก็พบว่าเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการหลอมแล้ว เขาต้องแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ถูกรบกวนหรือแตะต้องเป็นอันขาด       หากพยายามบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นในที่อันตรายเช่นนี้ คงมีอันต้องล้มเหลวเป็นแน่

หวังเป่าเล่อเลิกหาหนทางหลอมหม้อหลอมเล็กขณะต่อสู้ในที่สุด ยิ่งเขามุ่งหน้าเข้าไปลึกในเขตจันทราเวท จำนวนผู้ฝึกตนที่โดนเขาฆ่าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนรวมทั้งหมดเกือบจะแตะหนึ่งร้อยชีวิตอย่างรวดเร็ว!

ในจำนวนนั้นเป็นสมาชิกจำนวนมากจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ สำนักสหชุมนุมสกุณา และตระกูลนภาห้าสมัย…พวกเขาต่างไล่ล่าตามฆ่าหวังเป่าเล่อ ก่อนจะโดนชายหนุ่มจัดการจนสิ้นลม

จากที่เคยลังเลใจในตอนแรก บัดนี้หวังเป่าเล่อสามารถสังหารทุกคนได้อย่าง     ไม่รู้สึกรู้สา ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนักฆ่าผู้เลือดเย็นในที่สุด ชายหนุ่มยืนจ้องไปข้างหน้า มีคนแปดถึงเก้าคนกำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

ในกลุ่มนั้นมีสามคนที่หวังเป่าเล่อรู้จัก ก่อนหน้านี้ เขาถึงกับพูดว่าอยากเป็นเพื่อนสนิทกับพวกเขาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อพวกเขาเริ่มเดินตรงเข้ามา บรรยากาศรอบๆ ก็ตึงเครียดขึ้นทันที

กลุ่มคนที่เดินตรงมานั้นเป็นบุตรหลานและญาติสนิทของเหล่าเสนาบดี หลี่ซิ่วกับหลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์และหลานชายของเจ้าเมืองสุขนิรันดร์ก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน

พวกที่เหลือก็ดูเหมือนเป็นพวกลูกหลานคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เคยเจอพวกเขามาก่อน แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงมีฐานะทางสังคมใกล้เคียงกันกับหลี่ซิ่วทีเดียว

พวกเขาวางแผนกันมาอย่างดี ถึงขนาดเดินมาดักหน้าหวังเป่าเล่อจากป่าเบื้องหน้า    ได้อย่างแม่นยำ ทางที่เขาผ่านมานั้นเป็นขอบสุดของด้านมืดบนดวงจันทร์ส่วนที่ลึกที่สุด

“ศิษย์พี่หวัง…” หลี่ซิ่วดูกระอักกระอ่วน ในใจรู้สึกสับสน เขาไม่อยากตั้งตนเป็นศัตรูกับหวังเป่าเล่อ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าหวังเป่าเล่อเป็นผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณนี้ เขาคงจะไม่บากบั่นมาจนถึงที่นี่ แต่กว่าจะทราบว่าใครเป็น            ผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณก็สายไปเสียแล้ว

หวังเป่าเล่อถอนหายใจ ตลอดการสังหารหมู่ที่ผ่านมานั้น เขาไม่เคยชักอาวุธเวทออกมาใช้อีกเลย แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงสะท้อนของมัน แต่ชายหนุ่มก็ต้องประมือกับผู้คนจากทุกกลุ่มสำนัก ทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยบ้างเป็นธรรมดา ทว่าหลายครั้งเข้า จากอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็เริ่มลุกลามสาหัส ถึงจะสามารถระงับอาการไว้ได้บ้าง แต่หากระงับไว้นานเกินไป บาดแผลก็จะออกฤทธิ์ในที่สุดอยู่วันยังค่ำ

ความอ่อนล้าจิตใจก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับหวังเป่าเล่อเช่นกัน แม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักฆ่าเลือดเย็นผู้ไร้ความปรานีไปแล้ว แต่การหลบหนีและโจมตีอย่างต่อเนื่องก็ทำให้เขารู้สึกอ่อนล้ามากทีเดียว

พอได้เจอคนรู้จัก ในใจก็ยิ่งอ่อนล้าขึ้นไปอีก

“อย่าทำอะไรโง่ๆ จนต้องเจ็บตัวเลย” หวังเป่าเล่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของหลี่ซิ่ว ก่อนจะพุ่งหนีหายไปทางด้านหนึ่งของป่า ทุกคนยกเว้นหลี่ซิ่วต่างชั่งใจกันครู่หนึ่ง เหมือนจะรู้ว่าหวังเป่าเล่อพยายามระงับความอ่อนล้าและอาการบาดเจ็บอยู่ ก่อนที่นัยน์ตาของพวกเขาพลันฉายแววสังหาร แล้วรีบพุ่งเข้าป่าตามชายหนุ่มไปทีละคน

หลี่ซิ่วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีจึงยังไม่กล้าตามไป ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจได้ เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นจากในป่า ลึกเข้าไปไกลจนเขามองไม่เห็น

เสียงโหยหวนฟังดูราวกับว่าต้นเสียงนั้นกำลังประสบกับเหตุการณ์สุดพรั่นพรึง เกิดเสียงดังสนั่นตามมาพร้อมกับแสงสีจากการระเบิดของคาถาเวทต่างๆ

แม้แต่หลี่ซิ่วยังมองเห็นสายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนแผ่กระจายไปทั่วผืนป่า ได้กลิ่น  ไหม้เกรียมคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่

ไม่นานหลังจากนั้น ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและเสียงร้องครวญคราง หลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์กับสมาชิกอีกคนจากตระกูลเครือญาติของหนึ่งในเสนาบดีก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองหน้าซีดเผือด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แต่ไม่ทันจะหนีไปได้ไกล กระบี่เหาะเหินเล่มหนึ่งก็ลอยเข้าไปเสียบกลางหัว    พวกเขาจากด้านหลังอย่างจัง ชายหนุ่มจากตระกูลเครือญาติผู้นั้นเบิกตากว้างก่อนจะสิ้นลมลงกับที่

“หวังเป่าเล่อ ลุงของข้าคือเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคณะสิบเจ็ดเสนาบดี! เจ้ากล้าฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” หลานชายเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขากรีดร้องพร้อมกับถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว มองหวังเป่าเล่อที่เดินออกมาจากป่าด้วยแววตาหวาดกลัว

ชุดคลุมของหวังเป่าเล่อเปรอะไปด้วยเลือด เขาหายใจถี่หนัก เลือดสดไหลออกจากมุมปาก ดูอ่อนแรงยิ่งนัก ราวกับว่าเขาไม่สามารถอดกลั้นต่อความบอบช้ำภายในได้อีก

แต่รังสีสังหารที่พวยพุ่งออกมาจากตัวเขานั้นช่างน่าหวั่นเกรงนัก

“ซิ่วซิ่ว ช่วยข้า ช่วยข้าที!” หลายชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ร้องเรียกหาหลี่ซิ่วอย่างกังวลใจขณะถอยหนี

ภาพเบื้องหน้าทำให้หลี่ซิ่วเสียวสันหลังวาบ เขารู้ดีว่าหวังเป่าเล่อเป็นยอดฝีมือตั้งแต่ได้เห็นชายหนุ่มสู้กับจั่วอี้ฟาน แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าตนจะประเมินความสามารถที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อผิดไปมากขนาดนี้

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะโดนโจมตีหลายต่อหลายครั้งและแบกรับความเสียหายมากมายตลอดสองวันที่ผ่านมา แต่ชายหนุ่มก็ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการจัดการสังหารพวกพ้องของเขาจนราบคาบ

ถึงหลี่ซิ่วจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เขาก็พอจินตนาการได้จากแรงสั่นสะเทือนและความรุนแรงของคาถาเวทต่างๆ ที่ยิงออกมา เห็นได้ชัดว่า      พรรคพวกของเขาเทียบชั้นหวังเป่าเล่อไม่ติดเลยแม้แต่น้อย

เขายังอยู่ระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสมบูรณ์เท่านั้น…หากได้บรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นเมื่อใด คงจะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก หลี่ซิ่วตื่นตะลึงมองหวังเป่าเล่อเดินออกมาพร้อมกับจิตสังหาร ก่อนจะหันไปมองหลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ที่กำลังหวาดกลัว เขาลังเลใจขึ้นมาอีกครั้ง จึงตัดสินใจนิ่งเงียบ

หวังเป่าเล่อหอบหายใจด้วยความยากลำบาก จ้องมองหลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ด้วยสายตาเยือกเย็น เขายกมือขวาขึ้นเตรียมโจมตี ร่างกายเขาดูจะแบกรับความเจ็บปวดไม่ไหวจนสั่นระริก ชายหนุ่มถึงกับกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ก่อนจะโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถระงับอาการบาดเจ็บของตนเองได้อีกต่อไป แค่จะทรงตัวก็ยังลำบาก ทำได้เพียงก้มหัวลงเท่านั้น

ทว่าคนอื่นหารู้ไม่ว่านัยน์ตาของหวังเป่าเล่อกำลังจดจ่อกับบางสิ่งอยู่ ราวกับว่าเขาสัมผัสอะไรบางอย่างได้

หลานชายของเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์เลิกถอยหนีเมื่อเห็นสภาพชายตรงหน้า       ความหวาดหวั่นในแววตาก็ถูกแทนที่ด้วยความหิวกระหาย คิดไปว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว

“ไสหัวไป!” หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก เงยหน้าขึ้นมาตะโกนเสียงดัง ไม่ได้มองไปทางหลี่ซิ่ว เขาค่อยๆ ถอยหลังดังว่าตั้งใจจะหนีจากไป ทันใดนั้น หลานชายเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ก็กัดฟันแน่น พุ่งไปหาหวังเป่าเล่อพร้อมกับร้องคำรามลั่น

“ตายเสีย!”

ขณะที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาพร้อมกับร้องคำรามเสียงดัง หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาฉายแสงวาบ ความอ่อนแอเมื่อครู่พลันมลายหายไปในบัดดล พลังอันล้นเหลือพวยพุ่งออกมาจากตัวของชายหนุ่ม

แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะระงับไว้ไม่ได้ ทุกสิ่งที่ทำไป   เมื่อครู่เป็นแค่เพียงการเล่นละครตบตา ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าหลานชายเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์อยู่แล้ว เป้าหมายที่แท้จริงของเขา…คือร่างเงาที่พุ่งตามมาเบื้องหลังหลานชายเจ้าเมืองต่างหาก

หญิงสาวคนหนึ่งตามหลังมาด้วยความเร็วสูง นางพุ่งเข้ามาขณะเดียวกับที่พลังของหวังเป่าเล่อระเบิดตัวออก

หวังเป่าเล่อไม่ชายตามองหลานชายเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์แม้แต่น้อย เขาหันไปพลางกำชับอาวุธเวทระดับเจ็ดไว้ในมือ ก่อนจะฟาดฟันไปทางหญิงสาวคนนั้น!

“เผยตัวได้สักที!”

พายุมรสุมสีดำก่อตัวขึ้นเบื้องหน้า จระเข้สีดำร้องคำรามอยู่ภายใน กระบี่ส่องแสงวูบวาบไปทั่วพื้นที่ หญิงสาวที่ตั้งใจจะลอบโจมตีพลันสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่หวังเป่าเล่อฟาดกระบี่มาทางตนเอง แต่นางเองก็ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ นางก็หยิบเอาหุ่นไม้สลักสามตัวออกมา หุ่นไม้ทั้งสามกอดอกแน่น ปล่อยคลื่นพลังน่าขนลุกออกมา คลื่นพลังของเหล่าหุ่นไม้ระเบิดออกต้านคมดาบของหวังเป่าเล่อในทันที

เกิดเสียงปะทะดังสนั่น แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วพื้นที่ ต้นไม้และผืนปฐพีสั่นไหวจากแรงกระแทกนั้น หลานชายเจ้าเมืองฟ้าสวรรค์ยังไม่ทันจะพุ่งถึงตัวหวังเป่าเล่อก็โดนลูกหลงจากแรงสั่นสะเทือนนั้นเสียก่อน จนกระดูกทั่วทั้งร่างแตกแหลกละเอียด ยังไม่ทันได้ร้องสักแอะก็ตายกลายเป็นกองเลือดไปเสียก่อน

ไม่มีใครสังเกตเห็นการตายของเขา หวังเป่าเล่อพ่นเลือดสดใส่กระบี่ในมือขณะที่หุ่นไม้ทั้งสามระเบิดออก หญิงสาวกรีดร้องลั่น พยายามหลบสุดชีวิต แต่ก็ไม่ทัน       แม้นางจะหลบไม่ให้คมดาบโดนจุดสำคัญได้ แต่แขนขวาของนางก็โดนฟันจน        ขาดสะบั้น!

เลือดสดพุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของนางซีดเผือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หญิงสาวกระอักเลือดออกมากองใหญ่จนเปรอะไปทั่วตัว นางรีบพุ่งตัวหนีไปพร้อมกับร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือด ได้ยินแต่เสียงคลุ้มคลั่งที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

“หวังเป่าเล่อ เฉินหุยผู้นี้ขอสาบานว่าจะตามอาฆาตเจ้าไปชั่วชีวิต!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version