Skip to content

A World Worth Protecting 271

บทที่ 271 มิติเวทนองเลือด

ร่างของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นบนผืนหญ้าสีโลหิตในเขตหวงห้าม เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายมาใหม่แล้ว ชายหนุ่มถอดชุดเกราะที่สร้างจากเศษหุ่นเชิดออก บัดนี้สวมใส่เพียงเสื้อคลุมเต๋าของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

ร่างกายที่เคยอวบอิ่มของชายหนุ่มซูบผอมลงหลังจากที่ได้ผ่านความยากลำบากมา ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาขึ้นกว่าเคย

เขายิ่งดูคมเข้มขึ้นเพราะความสงบที่แผ่ออกมาจากดวงตา ความสงบนั้นดูคล้ายกับค่ำคืนอันเงียบสงัดก่อนพายุใหญ่ นัยน์ตาเขาดูล้ำลึกแต่ยังซ่อนความบ้าคลั่งและ  น่ากลัวไว้ข้างใน

หวังเป่าเล่อถืออาวุธเวทระดับเจ็ดเอาไว้ในมือทั้งสองก่อนที่พายุหมุนหลายลูก    จะระเบิดขึ้นรอบกายเขา ร่างของจระเข้ขนาดเขื่องปรากฏขึ้นด้านหลังเขาในเขต   หวงห้ามอันนองเลือด

หวังเป่าเล่อในขณะนี้ดูเหมือนเทพเจ้าแห่งการสังหารยาตราทัพออกมาจากอเวจี ยามที่ย่างเท้าออกไป มวลพลังที่เขาแผ่ออกมาก็พลันสงบลง ระดับการฝึกตนได้รับการซุกซ่อนไว้ให้ไม่อาจรับรู้ได้ แต่อาวุธเวทที่เขาถืออยู่ในมือทั้งสองก็พอจะบ่งบอกได้ ว่าพลังงานที่อยู่ในกายของเขานั้นเข้าใกล้คำว่าไร้ขีดจำกัดแล้ว พลังนั้นทำให้กระบี่ที่ครั้งหนึ่งเคยดื้อด้านจนสร้างแรงสะท้อนเลวร้ายกับผู้ใช้งาน หันกลับมาเชื่อฟังเขาได้!

ระหว่างทางหวังเป่าเล่อไม่สรวลเสเฮฮา ไม่พึมพำจิกกัดตัวเองดังเช่นเคย ปกติแล้ว  เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีได้ในทุกสถานการณ์ ทว่ามาบัดนี้ในใจหวังเป่าเล่อคิดถึง     สิ่งเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือ…การสังหารล้างแค้น!

คนที่เขาหมายหัวที่สุดก็คือหญิงชราจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพ ผู้ทำลายรากฐานตั้งมั่นของเขาและปล้นเอาโอกาสในการบรรลุขั้นรากฐานตั้งมั่นของเขาไป คนถัดมา   ก็คือ…โจวเฟยแห่งตระกูลนภาห้าสมัย!

ลำดับต่อมาย่อมหนีไม่พ้นเหล่าผู้ฝึกตนที่ไล่ฆ่าเขา ไม่ว่าจะอยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้หรือขั้นรากฐานตั้งมั่นก็ไม่สน สำหรับหวังเป่าเล่อ นอกจากหญิงชราแล้ว     ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสามารถปลิดชีพทุกคนได้ทันทีที่พบหน้ากัน

เมื่อหวังเป่าเล่อก้าวเดินออกไป หมอกหนาแน่นโอบล้อมเขตหวงห้ามอยู่ด้านหลัง เหล่าวิญญาณจันทราและเผ่าพันธุ์อมตะราตรีติดตามเขามาอย่างเงียบงัน ราวกับว่าออกมาส่งด้วยความเคารพ

ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพสามคนที่ยังเฝ้ารออยู่หน้า   เขตหวงห้ามเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาตนเอง พวกเขาคือ กลุ่มคนที่เลือกว่าจะยังไม่ถอยกลับไป และตัดสินใจเฝ้ารอจนหมอกจางเพื่อหาโอกาสเข้าถึงศพของหวังเป่าเล่อและชิงอาวุธเวทมาเป็นของตน

เมื่อเห็นกลุ่มหมอกเริ่มกระจายตัวออก พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นเพราะเข้าใจไปว่าหมอกกำลังจะจางลงแล้ว เมื่อเห็นร่างของหวังเป่าเล่อกำลังเดินตัดหมอกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสามก็ถึงกับตะลึงงัน จิตสังหารของพวกเขาตื่นขึ้นในทันใด แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกแปลกประหลาดที่บรรยายไม่ถูกก็ก่อตัวแทรกขึ้นในใจของ   พวกเขาเช่นกัน

ความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นคือความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อสายตา         เมื่อพวกเขาเห็นวิญญาณจันทราและเผ่าพันธุ์อมตะราตรีจำนวนมหาศาลที่ติดตาม  หวังเป่าเล่อมาด้านหลัง ดูเหมือนว่าอสูรเหล่านั้นออกมาส่งหวังเป่าเล่อด้วย         ความเคารพ เหล่าอสูรหยุดเดินเมื่อหวังเป่าเล่อย่างเท้าออกมาจากอาณาเขตหวงห้ามแล้ว พวกมันถึงกับก้มศีรษะลงราวกับว่ากำลังคำนับเพื่อน้อมส่งชายหนุ่มกระนั้น!

เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดเสียงอื้ออึงสับสนขึ้นในจิตใจของคนทั้งสาม ลมหายใจของพวกเขาถี่กระชั้นขึ้น ขณะที่ลูกตาก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้าเพราะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

วิญญาณจันทรา…เผ่าพันธุ์อมตะราตรี…พวกมันโค้งคำนับให้เขาอย่างนั้นหรือ

เจ้าหวังเป่าเล่อ…นอกจากจะไม่ตายแล้ว ยังหายดีเป็นปลิดทิ้งอีก

ผู้ฝึกตนทั้งสามตัวสั่นงันงก แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจรับรู้ระดับการฝึกตนของ    หวังเป่าเล่อได้ แต่ร่างกายก็พลันถอยหลังออกมาเองโดยสัญชาตญาณ

ทว่าในวินาทีเดียวกับที่พวกเขากำลังล่าถอยนั้น แววอาฆาตก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อ ผู้ที่เพิ่งจะย่างเท้าออกมาจากอาณาเขตหวงห้ามเสียก่อน     เขารับรู้ถึงตำแหน่งของทั้งสามมาระยะหนึ่งแล้ว และตั้งใจจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้  หลุดมือ จังหวะที่ทั้งสามกำลังถอยหนี หวังเป่าเล่อก็เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างสูงด้วยการหมุนตัวเพียงครั้งเดียว!

ชายหนุ่มรวดเร็วเสียจนน่าตื่นตะลึง เสียงดังเช่นฟ้าร้องระเบิดขึ้นตามหลัง     เสียงนั้นดังเสียจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกด้วยความเร็วอันสุดยอดของเขา กิ่งไม้หลายต่อหลายกิ่งถึงกับหักโค่นเพราะแรงสั่นสะเทือนนั้น ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นคนหนึ่งถึงกับยืนไม่อยู่ ในวินาทีนั้นเอง หวังเป่าเล่อก็พุ่งทะยานผ่านผู้ฝึกตนคนนั้นไป      กระบี่ของเขาทอประกายระยิบระยับ ผู้ฝึกตนคนนั้นตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

“เจ้า…” ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นเหมือนตั้งใจจะเอ่ยถ้อยคำบางอย่าง แต่เขา   ไม่มีโอกาส เพียงเขาพูดออกมาได้คำเดียวก็ปรากฎรอยกระบี่ขึ้นบนคอของเขา ก่อนที่ศีรษะเขาจะหล่นกระทบพื้น ร่างไร้วิญญาณของเขาพ่นเอาโลหิตพวยพุ่งออกมาจากลำคอ ก่อนจะล้มพับลงกระแทกพื้นดิน

ถือเป็นการสังหารผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นอย่างง่ายดายโดยผู้ฝึกตนในขั้นเดียวกัน หวังเป่าเล่อไม่ได้ออกแรงเต็มที่เสียด้วยซ้ำ ระดับพลังของเขาในฐานะผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นปทุมขจีบวกกับพลังของอาวุธเวททำให้เขากลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้อีกแล้ว!

หวังเป่าเล่อไม่ชายตามองศพของผู้ฝึกตนคนแรกด้วยซ้ำ ชายหนุ่มหันกลับพลางจ้องมองไปยังทิศทางที่อีกสองคนหนีไป ก่อนจะออกติดตามไปทันที!

เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หนึ่งในสองผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นวัยกลางคนจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพที่เหลืออยู่ ก็ถึงกับตกตะลึงด้วยความสะพรึงกลัว จิตใจเขาปั่นป่วนราวกับมีคลื่นยักษ์ถาโถมอยู่ ความกลัวอันยากจะบรรยายบังเกิดขึ้นในใจเขา

เป็นไปได้อย่างไรกัน เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ความตายของสหายร่วมรบทำให้เขาเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าหวังเป่าเล่อรอดชีวิตออกมาจากอาณาเขตหวงห้ามได้อย่างไร ไม่เพียงแค่นั้น เขายังรักษาอาการบาดเจ็บของตน    แถมยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมจนเหลือเชื่อ!

เขาไม่อาจจะตอบข้อสงสัยของตนเองได้ ชายวัยกลางคนพยายามจะหนีและ  หลบซ่อนราวกับคนเสียสติ ทว่าหวังเป่าเล่อกลับพุ่งทะยานตรงมาทางทิศที่เขายืนอยู่ด้วยความเร็วสูง ราวกับลูกธนูจากคันศรก็ไม่ปาน หากมองจากท้องฟ้าลงมา จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อเร็วกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่า เขาตามเหล่าผู้ฝึกตนคนนั้นทันภายในไม่กี่ก้าวเท่านั้น

“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว…หวังเป่าเล่อ โปรดฟังข้าก่อน…” ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามจะอธิบายเหตุผลแต่หวังเป่าเล่อเพียงแต่จ้องมองกลับด้วยสายตาเยือกเย็นเท่านั้น ในสายตานั้นมีจิตสังหารอันแรงกล้าฉาบอยู่ แสงสะท้อนจากกระบี่ของหวังเป่าเล่อดูราวกับจะครอบคลุมโลกไว้ทั้งใบ ชายหนุ่มบุกเข้ามาประชิดตัวในชั่วพริบตา!

แสงจากกระบี่นั้นแปรสภาพเป็นจระเข้ขนาดยักษ์ เสียงกัมปนาทดังสนั่นระเบิดขึ้นขณะที่จระเข้เปิดปากออกและยิ้มเยาะ ก่อนจะกลืนผู้ฝึกตนคนนั้นลงท้องไปใน    คำเดียว เมื่อแสงนั้นจางหายไป ร่างกายของผู้ฝึกตนก็แหลกเป็นเสี่ยง หวังเป่าเล่อหันหลังกลับและพุ่งไปหาผู้ฝึกตนคนที่สามที่ยังเหลืออยู่!

หวังเป่าเล่อจำได้แม่นว่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นสวมเกราะทั้งสามคนนี้เป็นคนลอบโจมตีเขา ตอนที่เขากำลังหมดทางสู้ ทำให้อาการบาดเจ็บย่ำแย่ลง!

“เจ้าคิดว่าเจ้าหลบเร็วอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อพูดเสียงเบาอย่างใจเย็น     เสียงของเขาฟังดูเหมือนความหนาวเหน็บในฤดูหนาว ตั้งใจพูดกับผู้ฝึกตนที่หนีไปได้ห่างพอสมควรแล้ว ผู้ฝึกตนคนนั้นส่งเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือเข้าไปในแผ่นหยกสื่อสารของตนอย่างบ้าคลั่ง ม่านตาของเขาเบิกกว้าง จิตใจฟุ้งซ่านไปหมด เขาหยิบเอาสมบัติเวทจำนวนมากออกมาพลางร่ายคาถาเวทสะเปะสะปะ หมายจะป้องกันตนเอง

“หวังเป่าเล่อ ข้ารายงานข้อมูลของเจ้ากลับไปแล้ว! เจ้ายังมีเวลาหนี หาไม่แล้ว เมื่อท่านผู้อาวุโสมาถึงเจ้าจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน!”

หวังเป่าเล่อทำหูทวนลมกับคำขู่ที่ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นคนนั้นละล่ำละลักออกมาก เขาก้าวต่ออีกเพียงไม่มีกี่ก้าวก่อนยกมือขวาขึ้นโบก สายฟ้าสายหนึ่งพลันฟาดลงมาจากสรวงสวรรค์ สายฟ้านั้นใหญ่ขึ้นราวสิบเท่าจากสมัยที่เขาเพิ่งอยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ มันฟาดลงบนพื้นเกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้อง สายฟ้าลักษณะนั้นปรากฏขึ้นอีกหลายชั้นก่อนจะประสานเข้าด้วยกันเป็นตาข่ายสายฟ้า ไม่ว่าผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นจะพยายามป้องกันตนเองเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ เขาถูกตาข่ายสายฟ้านั้นกระแทกร่างจนไหม้เกรียม ภายใต้สายตาเยียบเย็นของหวังเป่าเล่อที่จับจ้องอยู่

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าวสะท้อนก้องไปทั่ว ร่างของผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นคนนั้นแหลกเป็นเสี่ยงๆ จนเมื่อเศษชิ้นส่วนร่างของเขาตกลงกระทบพื้นหมดแล้วนั่นเอง เสียงกรีดร้องจึงได้สิ้นสุดลง

หวังเป่าเล่อกระโดดลงยืนบนพื้นข้างๆ ศพ ก่อนจะวางเท้าลงบนแผ่นหยกของ    ผู้ฝึกตนคนนั้น เพียงออกแรงเล็กน้อย หวังเป่าเล่อก็เหยียบแผ่นหยกนั้นแตกเป็นเสี่ยง

“ข้าตั้งใจให้เจ้าส่งข้อความเสียงออกไปอยู่แล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องออกล่าพวกเจ้า    ทีละคนด้วยตัวเอง” หวังเป่าเล่อพูดอย่างใจเย็น การสังหารคนเพียงสามคน            ไม่เพียงพอจะขจัดความเกลียดชังในใจเขา เขาหันหน้ามองไปยังทิศทางของอาณาเขตหวงห้ามอยู่เป็นเวลานาน เมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามแทน พร้อมแผ่คลื่นของความเกลียดชังและจิตสังหารอันเต็มเปี่ยมออกมาจากร่างกาย

ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใครตั้งแต่แรก แต่เพราะสำนักรุ่งสางจักรพิภพสอนข้าว่า        ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมอยู่รอด ฉะนั้นข้าก็จะลองเชื่อตามนั้นดูสักครั้ง

อยากรู้นักว่าพวกเขาจะส่งคนมาให้ข้าฆ่าได้อีกสักกี่คน!

ยังเหลือโจวเฟยอีกคนหนึ่ง ข้าอยากให้เขามาหาข้าเสียเหลือเกิน จะได้ไม่ต้องเหนื่อยออกแรงตามหาด้วยตัวเอง หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงก่อนจะหายลับไปในป่าทึบ    ทิ้งไว้เพียงร่างแหลกเหลวไร้วิญญาณทั้งสามที่กระจายอยู่สามจุด การสังหารหมู่ของหวังเป่าเล่อชะโลมโลหิต ทิ้งกลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งเขตจันทราเวท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version