Skip to content

A World Worth Protecting 28

บทที่ 28 ขั้นผนึกกายาโดยสมบูรณ์

“อ๊ะ นี่มัน…อ๊า…” เซี่ยไห่หยางอ้าปากกว้างจนไม่อาจพูดออกมาเป็นคำได้ สีหน้าและดวงตาแดงก่ำ เขาหายใจหนักหน่วง ขณะที่เส้นเลือดบนหน้าผากแทบจะ          ปริออกมาราวกับถูกสายฟ้าฟาด!

“สวรรค์!”

หนุ่มผมตั้งร้องอย่างเจ็บปวดพลางดิ้นพล่านไปทั่วทันทีหลังจากกินโอสถเข้าไป    รูม่านตาขยาย เหงื่อตรงหน้าผากนั้นไหลโชกราวกับฝนตก เขาพยายามอ้าปากกว้างทันที เพื่อขย้อนเอาโอสถเม็ดนี้ออกมา

แม้ว่าเซี่ยไห่หยางจะพยายามสำรอกเพียงใด แต่โอสถมรณะนั่นกลับละลายไปจนสิ้น หลังจากอาเจียนแบบแห้งๆ อยู่สักพัก ร่างกายของชายหนุ่มก็โค้งงอแบบรุนแรง   พลางบีบคอตัวเองพร้อมส่งเสียงคร่ำครวญอันแหบห้าวออกมา

“น้ำ…ข้าต้องการน้ำ!”

เขารู้สึกราวกับว่าภายในปากนั้นเต็มไปด้วยโลหะหลอมละลาย ช่องลมตรงลำคอแทบหายใจไม่ได้ จิตใจว่างเปล่า มีเพียงร่างกายปัดเหวี่ยงสิ่งของเพราะความทรมาน และเสียงคำรามร้องอย่างเจ็บปวดเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหว

เสียงตะโกนนั้นฟังดูเหมือนสัตว์ประหลาดในป่า ร่างกายของเซี่ยไห่หยางยากเกินจะควบคุมได้ และต้องการระบายความร้อนนี้ออกไปให้สิ้น ชายหนุ่มกรีดร้องด้วยเสียงที่ยากเกินจะเข้าใจทันที เมื่อกระโดดออกไปด้านนอกถ้ำ

“น้ำ…เอาน้ำมาให้ข้าเดี๋ยวนี้…ทนไม่ไหวแล้ว…”

หวังเป่าเล่ออ้าปากค้างและมองดูอย่างเหลือเชื่อ ขณะมองชายตรงหน้ามีอาการบ้าคลั่งแบบนั้น

แสร้งทำรึ ชายหนุ่มงุนงง เพราะฤทธิ์โอสถทำให้เขารู้สึกอุ่นร้อนขึ้นตรงหน้าท้องเท่านั้น ไม่ได้มีอาการเกินจริงตามที่อีกฝ่ายพร่ำบอกแม้แต่นิด

แต่จากเสื้อชุ่มเหงื่อกับเสียงร้องของเซี่ยไห่หยาง ขณะกำลังล้วงคออย่างทรมาน ซึ่งเกิดขึ้น กับเสียงร้องโหยหวนทันที หลังเจ้าตัวกินโอสถนั่นเข้าไปไม่ถึงวินาที ทำเอาหวังเป่าเล่อตะลึงงัน เห็นได้ชัดว่าชายผู้นั้นเสียสมดุลไปแล้วจริงๆ เขาแทบทรุดตัวลงทันทีที่ได้ตะโกนร้องออกมา

ริมฝีปากของเซี่ยไห่หยางบวมเต่งอย่างรวดเร็ว ก่อนเปลี่ยนรูปร่างไปจนดูคล้าย  ไส้กรอกสีม่วงดำ

ปากไส้กรอกประหลาดนั่นทำให้ชายหนุ่มตกใจและเริ่มหวาดกลัว เขาหยิบเอาขวดน้ำเย็นหล่อวิญญาณที่ตอนนี้อุ่นขึ้นแล้วบ้าง ก่อนจะโยนออกไป

นั่นคือ พลังของโอสถนั่นจริงหรือนี่ ชายหนุ่มตื่นตระหนก เซี่ยไห่หยางรีบกระโจนเข้าใส่ขวดน้ำที่ถูกโยนมาด้วยตาแดงก่ำ ดูเหมือนเขาจะทนบรรจงเปิดฝาขวดไม่ได้    จึงใช้ฟันกระชากคอขวดจนฉีกขาด แล้วกระดกน้ำลงคอไป แต่พอดื่มไปได้ไม่กี่อึก ดวงตาของเขาก็กลับเบิกโพล่งขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสำลักและพ่นน้ำทั้งหมดออกมา

น้ำเย็นหล่อวิญญาณที่กระจายอยู่บนพื้นระเหยกลายเป็นไอน้ำสีขาวๆ คลุ้งไปทั่ว

“ฟ้าดิน มันช่างเผ็ดร้อนเหลือเกิน!” นอกจากการดื่มน้ำจะไม่ช่วยให้หายแสบร้อนแล้ว ยังทำให้ความเผ็ดเหล่านั้นทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้รสเผ็ดร้อนยังอยู่     ตรงลำคอ แต่เพราะน้ำดื่มดันพาความแสบร้อนไหลผ่านไปยังกระเพาะอย่างรวดเร็วจนแทบจะระเบิดออกมาจากร่างกาย

อวัยวะบางส่วนค่อยๆ ลดขนาดลงแม้ไม่มีไขมันอะไร ราวกับโอสถที่กินเข้าไปได้กระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญ

และนี่แหละคือผลของโอสถมรณะตามที่ตำนานของสาขาหลอมโอสถว่าเอาไว้     ผู้ที่ได้ลิ้มลองแม้เพียงเม็ดเดียวย่อมเฉียดเข้าใกล้ความตายได้

สูตรหลอมตัวยานั้นแตกต่างจากสูตรธรรมดาทั่วไป เพราะตอนนั้นนักหลอมโอสถไม่ได้ตั้งใจปรุงแต่งมันขึ้นมา ทำให้โอสถมีความเผ็ดร้อน แม้แต่สัตว์ขนาดใหญ่ยังมิอาจจะทนทานได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีร่างเล็กกว่านัก!

มันเกินขีดจำกัดของคนจะทนไหว และเป็นเหตุผลของหลายๆ คนที่รู้สึกเหมือนกับกำลังย่างก้าวลงไปสู่ขุมนรก และไม่มีผู้ใดอยากจะทดลองใช้มันอีกซ้ำสอง

หวังเป่าเล่อนอนมองเซี่ยไห่หยางหลังจากกินโอสถมรณะเข้าไปจากภายในห้อง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ความรู้สึกของชายหนุ่มนั้นเอ่อล้นไปด้วยความตกใจ จากเดิมที่อยากจะล้มเลิกแผนการนี่ทิ้ง ก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากเห็นเซี่ยไห่หยางนั่นผ่ายผอมลง หวังเป่าเล่อหายใจถี่ พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้โอสถมา “มันลดน้ำหนักได้จริงๆ เร็วเข้า เอาโอสถมรณะนั่นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ชายด้านนอกถ้ำเสียสติจากความเผ็ดร้อนที่เผาไปทั่วทั้งร่างกายและจิตใจ         จนไม่อาจคิดอะไรได้อีก เขานอนแผ่หราบนพื้นราวกับคนไร้วิญญาณ ก่อนโยน       ขวดโอสถมรณะเข้าไปในถ้ำอย่างไร้สติไตร่ตรองอะไรได้อีก

“เซี่ยไห่หยางผู้สัตย์ซื่อต่อลูกค้าทุกท่านคนนี้ ขอยืนกรานว่าไม่เคยขาย…       สินค้าปลอม!”

แม้กระทั่งตอนนี้ ในสมองของชายหนุ่มยังคงรักษาเรื่องชื่อเสียงไว้เป็นสำคัญ   และนั่นทำให้หวังเป่าเล่อนับถือน้ำใจ และยกย่องผู้นี้ให้เป็นคนน่าเชื่อถือยิ่ง

“ยอดเยี่ยมไปเลย ศิษย์พี่! ข้าเข้าใจท่านผิดไปแล้ว!” หวังเป่าเล่อหยิบขวดโอสถขึ้นมาพลางปลอบประโลมเจี่ยโฮ่หยาง ก่อนจะกินโอสถอีกเม็ด หลังจากที่ยังไม่มีอาการใดๆ จึงกินเพิ่มอีกหนึ่ง และครั้งนี้เขารู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในกระเพาะอาหารได้  พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายอ้วนมองดูไขมันของตนพลางกัดฟัน แล้วกลั้นใจกลืน    โอสถมรณะทั้งหมดลงคอไป

เพื่อการได้เป็นหัวหน้าศิษย์และลดน้ำหนักลงได้ ข้าจะขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน!

ในเมื่อเซี่ยไห่หยางได้กินโอสถไปหนึ่งเม็ด ดังนั้นอีกเก้าเม็ดจึงตกอยู่ในกระเพาะของหวังเป่าเล่อ จากที่เคยกลั้นใจอยู่ในห้องหินละลายอันมีอุณหภูมิสูงลิ่วไหว ตอนนี้ความอดทนนั้นได้ขาดผึง โอสถมรณะทั้งเก้าเม็ดนั้นมิได้แสดงผลในทันที แต่กลับค่อยๆ รวมพลังจนลุกโชนแผดเผาดั่งไฟทีหลัง!

หวังเป่าเล่อได้รับรู้ถึงความแสบร้อนแบบไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต ทำเอา      ตัวเขาบ้าคลั่งเสียยิ่งกว่าในห้องหินละลาย มันเผาไหม้กระเพาะอาหารของชายหนุ่มราวกับมหาสมุทรแห่งเพลิงไฟ การแผดเผาที่ไร้รูปแบบทำให้ปากของเขาบวมฉึ่งโดยเร็ว จนไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกมาจากลำคอได้เลย อวัยวะภายในก็แทบจะระเบิด!

“สวรรค์!”

เสียงร้องอันแหบห้าวมาจากลำคอของชายร่างใหญ่ออกมาจากห้องไม่ได้นั้น   แทบวิกลจริต ราวกับความร้อนนั้นไม่อาจหาช่องระบายออกไปได้ จึงพุ่งไปละลายไขมันวิญญาณในร่างกายแทน จนขนาดตัวหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มมีอาการชักพะงาบและยังคงส่งเสียงโหยหวน

คนทั่วไปคงไม่อาจรับมือกับความเจ็บปวดเช่นนี้ได้แน่ หากแต่สำหรับเขา           ผู้ต้องการลดน้ำหนัก และไร้หนทางอื่นอีกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าบททดสอบจะโหดแค่ไหน ก็ต้องผ่านมันไปให้ได้!

ด้วยวิธีนี้หวังเป่าเล่อและเซี่ยไห่หยางต่างเริ่มสลับกันส่งเสียงครวญครางจากภายในและภายนอกถ้ำที่พัก โชคยังดีที่มีคนจำนวนไม่มากนักอยู่รอบข้าง มิเช่นนั้นคงได้เห็นฉากสยองขวัญอันน่ากลัวเมื่อสักครู่เป็นแน่

ชายหนุ่มผู้ที่อยู่นอกถ้ำค่อยๆ ฟื้นตัวได้ภายในสองชั่วโมงต่อไป เขารู้สึกตื่นเต้นที่สามารถเอาชีวิตรอดจากหายนะนั่นมาได้ อย่างไรก็ตามเสียงของชายอีกคนยังคง      ร่ำร้องเจียนบ้าอยู่ต่อเนื่อง และยิ่งดังก้องเมื่อเสียงนั้นถูกแผดร้องมาจากภายในถ้ำ

ผลจากการกินโอสถมรณะมากเกินไปทำให้ร่างกายของหวังเป่าเล่อถูกเผาไหม้รุนแรง ยิ่งกว่าตอนอยู่ในห้องหินละลายที่อุณหภูมิค่อยๆ เพิ่มระดับหลายเท่านัก ภายในร่างกายร้อนระอุเหมือนกำลังมอดไหม้ ทำให้เข้าใจความวิกลจริตของ          เซี่ยไห่หยางก่อนหน้านี้ หนำซ้ำแล้วยังทรมานยิ่งกว่าเป็นสิบเท่า!

ตอนแรกเซี่ยไห่หยางมองดูอาการของอีกฝ่ายอย่างพึงใจ แต่แล้วความรู้สึกที่เห็นเขาทุกข์ระทมนั้นได้เปลี่ยนไป

สองชั่วโมงได้ผ่านไปช้าๆ ชายผมตั้งเริ่มกระวนกระวาย พลางเช็ดเหงื่อด้วยความตื่นกลัว

“ท่าน…ท่านกินไปกี่เม็ดกันแน่เนี่ย” เขาเริ่มตระหนก อาการของหวังเป่าเล่อนั้นเกรี้ยวกราดเกินไป จากประสบการณ์ มันไม่น่าจะทำให้ทรมานได้เนิ่นนานขนาดนี้

เวลาผ่านไปเป็นหกชั่วโมงก็แล้ว แปดชั่วโมงก็แล้ว…จนกระทั่งครบสิบชั่วโมง ก่อนที่เสียงกรีดร้องคำรามจากด้านในจะหยุดลง หัวใจของเซี่ยไห่หยางเต้นระรัวด้วยความกลัวว่าหวังเป่าเล่อจะสิ้นชีพไปแล้ว จึงรีบกระโจนไปด้านใน ก่อนรู้สึกสับสน   เมื่อมองเห็นขวดโอสถเปล่าตกอยู่ไม่ไกล

“ระห่ำเกินไปแล้ว…ท่านกินทั้งหมด…เก้าเม็ด!” สมองของเซี่ยไห่หยางแทบคิดไม่ออกเลยว่าต้องเป็นคนประเภทไหน ถึงจะกินโอสถมรณะเข้าไปได้ขนาดนี้ ฟังดู       เพ้อเจ้อ แต่เขากลับได้เห็นมันกับตาตัวเอง

ชายผู้เป็นศิษย์พี่หายใจติดขัด ขณะเงยหน้าขึ้นมองไปยังมุมห้อง จึงเห็นร่างของหวังเป่าเล่อนั้นผอมบางลง ผมกระเซอะกระเซิงและเสื้อผ้าฉีกขาด เขาสลบไสลไปแล้วแม้ว่าแขนขาจะกระตุกอยู่บ้างเป็นครั้งคราว

ดวงตาที่มองไปนั้นเต็มไปด้วยความนับถือราวกับได้เห็นเทพเจ้าในคราบมนุษย์ พลางสงสัย “สหาย…สหายร่วมสำนักศึกษา ท่าน…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

ดวงตาของหวังเป่าเล่อเปิดขึ้น เมื่อเซี่ยไห่หยางถามจบ ชายหนุ่มมองไปรอบข้างอย่างงุนงง แล้วมองตัวเองก่อนได้พบกับหน้าท้องอันแบนราบจนแทบจำไม่ได้นั้น     ทำเอาเจ้าตัวตื่นเต้นขึ้นมา

ตำแหน่งหัวหน้าศิษย์จะต้องเป็นของข้า! ผู้ที่เพิ่งฟื้นหัวเราะพร้อมแหงนหน้าสูง เขารีบกระโดดลุกขึ้น

ขณะที่เอ่ยถ้อยคำเหล่านั้น ปราณโลหิตจำนวนมหาศาลภายในกายก็ปั่นป่วนไปทั่ว ก่อนจะมลายหายไปในบัดดลราวกับถูกปิดผนึกไว้ ปราณโลหิตทั้งหมดนั้นผสานเข้าไปในกายของหวังเป่าเล่อ ตอนนั้นชายหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองได้แยกตัวออกมาจากโลกทั้งใบ รุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง!

“เจ้า…เจ้าบรรลุขั้นผนึกกายาโดยสมบูรณ์!” ดวงตาของเซี่ยไห่หยางเบิกโพลงกว้างขณะอุทานออกมา

การฝึกตนในขั้นผนึกกายานับเป็นเรื่องยากนัก โดยทั่วไปแล้วกว่าจะพัฒนาจากช่วงต้นของขั้นผนึกกายามาถึงจุดสมบูรณ์แบบได้จำต้องใช้เวลาหลายปี ส่วนใหญ่ไม่  ต่ำกว่าสิบปีด้วยซ้ำ

แต่กระนั้น มวลพลังของหวังเป่าเล่อและความรู้สึกแยกร่างอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น ล้วนบ่งบอกว่าเขาบรรลุขั้นผนึกกายาโดยสมบูรณ์แล้วจริงๆ อีกไม่ช้าก็จะบรรลุสู่     ขั้นบำรุงชีพจรต่อไป

“เป็นไปได้อย่างไรกัน

“การกินโอสถมรณะทำให้บรรลุปราณได้ด้วยอย่างนั้นหรือ”

จิตใจของเซี่ยไห่หยางว้าวุ่นทันที เมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังมีเรื่องน่าปวดหัวเกิดขึ้น เขายังอดตกตะลึงไม่ได้ แม้จะเคยได้ยินชื่อของ หวังเป่าเล่อ และรู้ว่าชายผู้นี้เคยฝ่าฝืนการยกน้ำหนักและใช้เวลาในห้องหินละลายมาก่อนก็ตาม

หนุ่มผมตั้งรู้ดีว่าหากข่าวนี้ได้แพร่ออกไป จะมีศิษย์จำนวนมากมาขอซื้อ        โอสถมรณะไปแอบทดลองทำตามดูบ้าง เพราะไม่ว่าจะลู่วิ่งรอบเกาะ ลานยกน้ำหนัก หรือห้องหินละลายของสาขาการยุทธ์ก็ล้วนแล้วแต่มีสานุศิษย์เข้าใช้งานกัน         อย่างหนาแน่น ทุกวันนี้ใครๆ ก็อยากบรรลุปราณกันทั้งนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version