Skip to content

A World Worth Protecting 30

บทที่ 30 เข้ารับการทดสอบ!

เสียงร้องอันเจ็บปวดดังก้อง ทันทีที่หวังเป่าเล่อบิดข้อต่อของศิษย์ฝ่ายวินัยคนนั้น และยั้งแรงไว้เพื่อไม่ให้เผลอหักข้อมือของอีกฝ่ายไปเสียก่อน หากแต่ความทรมานจากการบิดนี้ก็มากพอจะทำให้เจ้าของข้อมือนั้นแทบเป็นลม

“กล้าดีอย่างไรกัน!”

“เจ้าได้ละเมิดกฎสำนักศึกษาข้อที่สองและสี่ ว่าด้วยการบังอาจขัดขืนการจับกุม และก่อเหตุทำร้ายร่างกายอีกต่างหาก!”

“จับเจ้านี่ไว้!”

ศิษย์ฝ่ายวินัยคนอื่นๆ รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา พวกเขาเคยคิดว่าตนนั้นอยู่เหนือกฎมาตลอด และไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ กลุ่มคนชุดดำปลดปล่อยเคล็ดวิชาการฝึกตนทันที ขณะที่กระโจนเข้าใส่ชายฝั่งข้ามพร้อมคำรามเสียงดุดัน

ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างจับจ้องเหตุการณ์เหล่านี้ ด้วยดวงตาเบิกกว้างและปากอ้าค้าง

“หวังเป่าเล่อผู้นี้…กล้าลงมือกับศิษย์ฝ่ายวินัยเชียวหรือ!”

“ฟ้าดิน ไม่คิดเลยว่ามันจะบานปลายได้เพียงนี้!”

คนดูต่างตกตะลึง ขณะที่กลุ่มศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำได้พุ่งโจมตีหนุ่มเจ้าปัญหา   อย่างดุเดือด ระดับการฝึกตนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ระดับอ่อนแอที่สุดในกลุ่มคือ ขั้นปราณโลหิต ส่วนระดับแข็งแกร่งสูงสุดคือ ขั้นผนึกกายา

จะเป็นผู้ติดตามที่หัวหน้าศิษย์ไว้ใจ ระดับการฝึกตนต้องไม่อ่อนแอเกินไป        ต่อให้เป็นเพียงศิษย์สาขาอาวุธเวทก็ตาม ยิ่งมีอภิสิทธิ์และคิดว่าตัวเองมีอำนาจในการบังคับใช้กฎของสำนักด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้พวกเขาพุ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อด้วยท่าทีคุกคามไปกันใหญ่

“พอฝ่ายเจ้าเป็นคนลงมือบ้าง กลับเรียกว่าเป็นการบังคับใช้กฎ ถูกหรือผิด         ก็แล้วแต่การตัดสินของพวกเจ้า สิ่งที่ข้าทำเพียงแต่จะหลบเลี่ยง เหตุใดสุดท้ายจึงกลายเป็นการขัดขืนไปเสียได้ ข้าเพียงหยุดข้อมือของเขาไว้ แต่กลับโดนกล่าวหา     อีกกระทง ทำได้ดีนี่ ฝ่ายวินัยสำนัก! ข้าพอรู้แล้วว่าหัวหน้าศิษย์คงไม่ลงโทษทางวินัยกับพวกท่าน และคงไม่ผิดหวังกับการกระทำพวกนี้ด้วย!” ชายหนุ่มโกรธเคือง          ไม่ต่างกัน ท่าทีของศิษย์ฝ่ายวินัยกลุ่มนี้ช่างไม่ปกติ แม้จะไม่รู้เหตุผลอันแท้จริงแต่พอเดาออกว่ากลุ่มศิษย์ฝ่ายวินัยนั้นมีเจตนาแฝงแน่นอน

“เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่เหนือพวกเรางั้นหรือ ช่างไม่คู่ควร!”

“ปากดีนักนะ ลองดูซิว่าถ้าถูกขังอยู่ในฝ่ายวินัยสำนักแล้วยังจะปีกกล้าขาแข็งได้อยู่รึเปล่า!” กลุ่มคนชุดดำต่างรู้สึกโมโห ตอนนี้การจับกุมชายตรงหน้าไม่ใช่เพียงภารกิจที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น แต่พวกเขาเองก็อยากให้เจ้านี่ได้รู้ถึงความน่า       เกรงขามของฝ่ายวินัยสำนักเช่นกัน

หนึ่งในศิษย์ฝ่ายวินัยเข้ามาประจัญหน้า แล้วคำรามลั่น

หากไม่ใช่เวลาแบบนี้ หวังเป่าเล่อคงจัดการปัญหาด้วยวิธีอื่นได้อยู่ แต่ตอนนี้เขาเป็นถึงว่าที่หัวหน้าศิษย์แล้ว เหลือเพียงแต่เข้ารับการทดสอบให้เรียบร้อยเท่านั้น       ก็จะกลายเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ได้ทันที

หวังเป่าเล่อคิดแล้วยิ่งทนไม่ไหวกับการกระทำพวกนี้ เมื่อศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำย่าง   สามขุมเข้ามาหา เขาจึงตะคอกกลับไปด้วยความเยือกเย็นพร้อมก้าวเท้าไปข้างหน้า

“ในเมื่อหัวหน้าศิษย์ไม่ทำโทษพวกเจ้า งั้นข้าจะขอรับเกียรตินี้ไว้เอง” ชายหนุ่มเร่งความเร็วขณะพูด ก่อนยกมือขวาขึ้นไปจับนิ้วของหนึ่งในกลุ่มคนชุดดำแล้วหักมันอย่างทารุณ มีเสียงแตกดังขึ้นผสานกับเสียงร้องครวญคราง ไม่รอช้ารีบง้างเท้าขวา   ขึ้นเตะชายผู้นั้นต่อ ก่อนจะหมุนตัวไปคว้าข้อมือชายอีกคนและบิดมันเช่นกัน

เสียงโหยหวนดังระงมขณะที่หวังเป่าเล่อยังคงหลบหลีกการโจมตีของคนทั้งสามอย่างพลิ้วไหว หมัดของเขากำแน่นและปลดปล่อยพลังปราณขั้นผนึกกายาออกมา ก่อนที่จะส่งไปยังฝ่าเท้าเพื่อเตะผ่าหมากของอีกคน

ร่างกายของชายหนุ่มไม่หยุดเคลื่อนไหว ยังคงเดินไปด้านหน้าและใช้กระบวนท่าบิดหมุนต่อ จนศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำทุกคนต่างร่ำไห้เสียศูนย์

ทั้งหมดเกิดขึ้นไวมาก หวังเป่าเล่อเป็นเหมือนกระแสน้ำที่หลั่งไหลตัดผ่าน       ศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำกลุ่มนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วบริเวณ

ไม่นานหวังเป่าเล่อก็หยุดมือ เมื่อเห็นว่าชายชุดดำทั้งหลายล้มลงไปกองกับพื้น บ้างก็กุมข้อมือ บ้างก็กุมนิ้ว บ้างก็กุมเป้ากางเกง แม้จะโดนต่างจุดกันไป แต่ทุกคนในกลุ่มต่างก็ครวญครางไม่แพ้กัน

พวกเขาเหล่านั้นร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคล ความโกรธแค้นปะทุขึ้นเมื่อพวกเขามองไปยังชายหนุ่มผู้ก่อเหตุ

“เจ้าถูกไล่ออกแน่!”

“ข้าจะไปรายงานเรื่องนี้กับหัวหน้าศิษย์ เจ้าชักจะละเมิดกฎเกินไปแล้ว!”

ศิษย์ฝ่ายวินัยพากันคำรามลั่น

ขณะเดียวกัน บนยอดเขาสาขาวิชาอาวุธเวท ในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปราณวิญญาณ มีถ้ำที่พักอันสวยงามรโหฐานกว่าถ้ำที่พักของหวังเป่าเล่อตั้งตระหง่าน ภายในมีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีม่วงของหัวหน้าศิษย์พำนักอยู่ เขาเป็นชายธรรมดาหน้าตกกระเล็กน้อย ในมือของเขาถือศิลาวิญญาณไว้และกำลังสลักมันอย่างจดจ่อ

ดูราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากเขาได้ แต่จังหวะนั้นเอง  แหวนสื่อสารดันสั่นเตือน จนมือของชายหนุ่มเสียจังหวะและทำลายข้อความที่กำลังจารึกไว้สิ้น ศิลาวิญญาณก้อนนั้นระเบิดดังลั่น ก่อนแตกละเอียดเป็นฝุ่นผง

“บ้าเอ๊ย!” หนุ่มหน้าตกกระมองขึ้นด้วยแววตาไม่พอใจ เขาผู้นี้คือเจียงหลิน หัวหน้าศิษย์แห่งโถงศิลาวิญญาณนั่นเอง แหวนสื่อสารวงนี้มีไว้สำหรับฝ่ายวินัยสำนักเท่านั้น ปกติแล้วเหล่าลูกน้องมักจะรู้นิสัยของตนดี จึงมักจะรายงานเรื่องต่างๆ      ด้านนอกประตู ไม่บ่อยนักที่จะรายงานผ่านการส่งเสียงแบบนี้

แหวนสื่อสารเป็นต้นเหตุทำให้การสลักจารึกต้องล้มเหลวลง เจ้าตัวบูดบึ้งขณะกำลังถอดแหวนออกมาเตรียมจะด่าสวน แต่กลับได้ยินเสียงคร่ำครวญดังออกมาเสียก่อน ดวงตาของชายชุดม่วงฉายแววโกรธแค้นอย่างยิ่ง

“เจ้าหวังเป่าเล่ออย่างนั้นรึ ถือว่าตัวเองเป็นศิษย์คัดเลือกพิเศษอย่างนั้นสินะ” ชายหนุ่มผู้นี้ตะคอกด้วยความเยือกเย็น ก่อนมุ่งหน้าไปหาคนที่กล้าท้าทายอำนาจของฝ่ายวินัยสำนัก ซึ่งปกติพวกนี้สามารถโจมตีและจบงานได้รวดเร็ว

อีกฟากหนึ่งนั้น ผู้คนจำนวนมากกำลังมุงดูเหตุการณ์บนทางเดินเล็กๆ นี้ผ่าน   โถงศิลาวิญญาณ ทุกคนต่างพากันตกตะลึงจนปิดปากไม่อยู่ เพราะไม่คิดว่า           ชายตรงหน้าจะตอบโต้ อีกทั้งบางคนยังจำได้ว่ากระบวนท่าบิดหมุนนั้นคือ          วิทยายุทธ์เดียวกันกับที่กำลังนิยมใช้กันทั่วสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความที่มันเป็นที่นิยม คนส่วนใหญ่จึงไม่ได้คิดเชื่อมโยงอะไรนัก อีกทั้งยังมัวแต่ตื่นตระหนักกับการต่อสู้อันดุเดือดของหวังเป่าเล่อกับฝ่ายวินัยสำนักมากกว่า      ฝั่งคนดูต่างรู้สึกสะใจอย่างอดไม่ได้ เพราะหลายคนรู้สึกแค้นฝ่ายวินัยสำนักอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความเกรงกลัวต่ออำนาจ จึงไม่อาจส่งเสียงสนับสนุน ทำได้เพียงหลุดอุทานออกมาเท่านั้น

“ฟ้าดินเป็นพยาน! เขาผู้นี้เอาชนะฝ่ายวินัยสำนักเป็นโขยงได้…”

“บทลงโทษของการทำร้ายศิษย์ฝ่ายวินัยนั้นรุนแรงนัก เจ้านั่นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”

กลุ่มคนดูต่างพากันซุบซิบนินทา ชายชุดดำเหล่านั้นจ้องมองคู่อริ เดินจากไปยังโถงศิลาวิญญาณหน้าตาเฉย สำหรับศิษย์ทั่วไปแล้ว การทำร้ายฝ่ายวินัยสำนักนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อนั้น กลับมีทางแก้อันง่ายดาย

เพียงเป็นหัวหน้าศิษย์ก็สิ้นเรื่อง

ความคิดนี้ฉายให้เห็นประกายในแววตา เพียงสองสามก้าวเดิน เขาก็มาถึง       โถงศิลาวิญญาณ

ตอนนี้ไม่มีการเรียนการสอน ถึงจะมีศิษย์บางคนอ้อยอิ่งอยู่ภายนอกโถงบรรยายบ้าง แต่ก็มีแค่ไม่กี่คน หวังเป่าเล่อที่เพิ่งมาถึงกลายเป็นจุดสนใจทันที แม้ข่าวจากด้านนอกจะยังมาไม่ถึงก็ตาม กว่าพวกเขาจะรู้ข่าวการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มก็หายลับเข้าไปในโถงบรรยายเสียแล้ว

หวังเป่าเล่อยืนอยู่ข้างแท่นปราศรัย หน้าผนังหินสีฟ้าใหญ่ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง ขณะที่หยิบเอาเหรียญหยกประจำตัวออกมาและกดลงบนผนังหิน เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้า หวังเป่าเล่อ ขอเข้ารับการทดสอบหลอมศิลาวิญญาณ!”

เมื่อพูดจบ เสาหินสีฟ้าได้ฉายแสงรวมกันที่เหรียญหยกประจำตัว ก่อนจะมีเสียงอันยิ่งใหญ่จากกำแพงตอบกลับมาว่า “อนุญาต!”

หวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธิก่อนสูดลมหายใจลึก เขาหยิบศิลาวิญญาณออกมาถือ    ไว้ในมือ แล้วเริ่มหลอมศิลาวิญญาณทันที ปราณวิญญาณต่างพุ่งปรี่เข้ามาหาชายหนุ่มเจ้าของดวงตาทอประกาย ศิลาวิญญาณเรืองรองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ความบริสุทธิ์ของมันก็แตะระดับร้อยละ 60 และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

ขณะเดียวกัน เจียงหลินหน้ากระตรงไปหากลุ่มศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำยังทางเดินที่      หวังเป่าเล่อก่อเรื่องไว้ทันที ฝูงชนรอบข้างตกอยู่ในความเงียบงันทันทีที่เขาปรากฏ   ตัวขึ้น แม้แต่ศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำที่ถูกกำราบยังตะลึงลาน

“หัวหน้าศิษย์ เจ้านั่นไปทางโถงศิลาวิญญาณแล้ว!”

“มันละเมิดกฎสำนักศึกษาข้อสอง สาม สี่ และเจ็ด ท่านหัวหน้าศิษย์ โปรดทวงคืนความยุติธรรมแก่พวกเราด้วย!”

เมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในสภาพน่าอดสู ดวงตาของชายชุดคลุมสีม่วงจึงปะทุความโกรธ เขาพูดขึ้นเบาๆ ว่า

“ศิษย์ชั่วร้ายและขาดสติเช่นนี้ไม่สมควรจะเป็นศิษย์แห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป” เมื่อพูดจบ ชายหน้ากระจึงเดินไปยังโถงศิลาวิญญาณ ศิษย์ฝ่ายวินัยชุดดำสิบกว่าคนตรงนั้นต่างช่วยกันพยุงเพื่อนในกลุ่มขึ้นยืน แล้วเดินตามผู้นำของตัวเองไปด้วยความเคียดแค้น

ผู้คนต่างตื่นตระหนก และพากันติดตามข่าวนี้แบบใกล้ชิด

ข่าวการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อกระจายไปเร็วมาก แม้กระทั่งบนเครือข่ายวิญญาณเองก็มีศิษย์จากสาขาอื่นให้ความสนใจจนเกิดเป็นกระทู้ต่างๆ นานาจำนวนมาก       ไม่แพ้โลกความเป็นจริงที่ตอนนี้อลหม่านขึ้นทุกที

เจ้าเต๋าน้อย มือหนึ่งด้านการถ่ายทอดสดรู้ดังนั้นก็นัยน์ตาทอประกาย รีบมุ่งหน้าจากสาขาหลุมพรางของตนเอง มายังสาขาอาวุธเวททันที

เจ้าเต๋าน้อยตื่นเต้นสุดขีด เขาตะโกนใส่อุปกรณ์บันทึกภาพดังลั่นตลอดทางที่มายังสาขาอาวุธเวท “ทุกคนคงได้ยินเรื่องระหว่างหวังเป่าเล่อกับฝ่ายวินัยสำนักมาบ้างแล้ว ขอแค่ส่งไอเท็มกระสวยอวกาศเป็นของขวัญให้ข้า ข้าจะเสี่ยงภัยไปหาชายหนุ่ม   ผู้นั้นอีกครั้ง ข้าจะเอาทั้งชีวิตเดิมพันกับการถ่ายทอดสดครั้งนี้!”

มีใครบางคนออกมาเปิดเผยเส้นทางที่หวังเป่าเล่อมุ่งหน้าไป มิหนำซ้ำบางคนยังแอบเข้าไปในโถงเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในอีกด้วย ข่าวลือเรื่องชายหนุ่มกำลังเข้ารับการทดสอบหลอมศิลาวิญญาณแพร่สะพัดประหนึ่งพายุลูกใหญ่

“จริงหรือ หวังเป่าเล่อเข้ารับการทดสอบทันที หลังจากเพิ่งต่อสู้เสร็จหมาดๆ เนี่ยนะ”

“เจ้านั่นคิดอะไรของเขากันแน่….จะเป็นหัวหน้าศิษย์หรือนี่ ฮ่าๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน”

“นั่นสิ หัวหน้าศิษย์เนี่ยนะ” ศิษย์ทุกคนที่สอบเข้าสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้ล้วนแล้วแต่มีปฏิภาณไหวพริบ บางคนก็มองสถานการณ์ออก แต่ก็ต้องหวาดกลัวกับคำตอบที่ได้รับ บางคนตกใจด้วยความไม่อยากเชื่อ มองว่าเรื่องนี้น่าขันสิ้นดี

ผู้คนมากมายหลั่งไหลมายังยอดเขาสาขาวิชาอาวุธเวท เจียงหลินเองก็มาถึง     โถงศิลาวิญญาณแล้ว ข้างๆ เขามีผู้ติดตามคอยรายงานข้อสันนิษฐานต่างๆ               ที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเครือข่ายวิญญาณอยู่เป็นระยะๆ

“เจ้านั่นหวังจะเป็นหัวหน้าศิษย์รึ เพิ่งจะเป็นเด็กใหม่อยู่แท้ๆ ยังห่างไกลนัก” หัวหน้าศิษย์คนปัจจุบันได้ยินข่าวลือก็หัวเราะร่า ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความเกลียดชังและไม่สนใจใยดี

ศิษย์ฝ่ายวินัยหลายคนด้านหลังเขาต่างก็พากันเย้ยหยัน

“เจ้านั่นคงอับจนหนทางแล้ว แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากชะตากรรมนี้ไปได้!”

“เจ้านั่นผิดเองที่กล้าหือกับฝ่ายวินัยสำนักของพวกเรา จงดับสิ้นไปเสีย!”

“อยากรู้นักว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะยังกล้าทำตัวโอหังอย่างเคยอีกรึไม่ หรือจะ   อ้อนวอนขอความเมตตาแทนกันแน่!”

เมื่อได้ยินความคิดเห็นต่างๆ ของเหล่าลูกสมุน เจียงหลินได้มองไปยังโถงศิลาวิญญาณด้วยแววตาดูหมิ่น ก่อนนำขบวนศิษย์ฝ่ายวินัยเข้าไปข้างในโถงแห่งนั้น!

ครั้นเดินมาถึงด้านใน คณะศิษย์ฝ่ายวินัยชายชุดดำก็ชักอาวุธออกมา แต่ละคนท่าทางดุร้าย พวกเขาดูคล้ายกับกลุ่มเมฆสีนิลอันน่าสะพรึง ฝูงชนที่อยู่รอบข้างเห็นดังนั้นก็พากันหวาดกลัวจนไม่กล้าเฉียดไปใกล้ แม้แต่จะหายใจยังต้องระมัดระวัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version