Skip to content

A World Worth Protecting 311

บทที่ 311 หมวดนักรบผู้ฝึกตนเมฆาเหิน

สีหน้าของทุกคนบนอัฒจันทร์แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดนั้นยอดเยี่ยมมาก อีกทั้งสิ่งที่เขาขอก็ไม่ได้มากมายเกินไปและยังสมเหตุสมผลไม่น้อย

การร้องขอสมญานามให้หมวดนักรบผู้ฝึกตนของหวังเป่าเล่อแสดงให้เห็นถึงคุณธรรมที่เขายึดถือ ชายหนุ่มไม่ได้ยกตัวเองเป็นจุดเด่นแต่กลับยกความดีความชอบให้เหล่าศิษย์แทน

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พิธีตั้งชื่อโดยเจ้านครดาวอังคารจะทำให้สำนักศึกษาเต๋า  หมอกขุนเขาไม่ใช่หนึ่งในสองสุดยอดสำนักศึกษาบนดาวอังคารอีกต่อไป…แต่จะเป็นสุดยอดสำนักศึกษาแต่เพียงแห่งเดียว!

กำลังใจและแรงบันดาลใจที่บรรดาศิษย์จะได้รับจากพิธีนี้จะล้นเหลืออย่างที่     ไม่เคยพบมาก่อน และมันจะส่งผลให้พวกเขารู้สึกซาบซึ้งสำนึกคุณและภักดีกับ       เจ้านครจนถึงขั้นสุด

แผนการของหวังเป่าเล่อครั้งนี้ไม่เพียงตัดปัญหาเรื่องความโดดเด่นเกินหน้าศิษย์ เพราะความจงรักภักดีอย่างคลั่งไคล้ที่พวกเขามีต่อตนเอง แต่ยังเป็นการประจบประแจงเจ้านครอย่างอ้อมอีกด้วย

เมื่อหมวดนักรบผู้ฝึกตนได้รับสมญานามแล้ว ชื่อเสียงของหวังเป่าเล่อก็จะผูกติดกับต้นกำเนิดของนามนั้นและถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ของดาวอังคาร ตราบใดที่หมวดนักรบผู้ฝึกตนและชื่อของมันยังคงอยู่ วีรกรรมที่หวังเป่าเล่อสร้างไว้บน      ดาวอังคารก็จะไม่มีวันเลือนหายไป

ถ้อยคำง่ายดายไม่กี่คำนั้นไม่ว่าใครก็อาจจะพูดได้ทั้งสิ้น แต่กระนั้นความหมายและความสำคัญที่ซ่อนอยู่ก็ซับซ้อนไม่น้อย…

เพราะแค่คิดว่าจะพูดถ้อยคำเช่นใดออกไปนั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความกล้าที่จะพูดต่อหน้าธารกำนัลด้วย อีกทั้งความกล้าพูดก็ยังไม่พอ ยังต้องมีโอกาสที่จะได้พูดออก  ไปด้วย ปัจจัยทั้งหมดทั้งมวลนี้ต่างมาบรรจบกันและช่วยให้หวังเป่าเล่อสร้าง       ความประทับใจให้ผู้คนทั้งสนามประลอง!

เจ้าสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นและระทึก พลางคิดฝัน    ไปถึงเกียรติยศและชื่อเสียงที่เขาจะได้รับหากเจ้านครตัดสินใจมอบชื่อให้หมวดนักรบผู้ฝึกตนนี้ แม้อาจไม่ทัดเทียมหวังเป่าเล่อ แต่ความช่วยเหลือของเขาในฐานะเจ้าสำนักก็เป็นสิ่งที่สำคัญอยู่ไม่น้อย!

และนั่นก็หมายความว่าเมื่อถึงเวลาที่เจ้าสำนักตนจะก้าวลงจากตำแหน่งและ  กลับสู่โลก ตำแหน่งใหม่ที่รออยู่ก็จะไม่ต่ำต้อยอย่างที่เคยจัดแจงไว้ ความคิดนี้ทำให้เขาตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของหวังเป่าเล่อก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจ

สำหรับสำนักศึกษาเปลววิญญาณ คำขอของหวังเป่าเล่อเป็นดั่งฝันร้าย สีหน้าของทั้งเจ้าสำนักและเหล่าอาจารย์ต่างซีดเผือดในทันที ทุกคนดูราวกับว่าปริ่มๆ จะร้องไห้กันไปเสียหมด ต่างรู้สึกไร้พลัง พลางพากันจ้องมองหลี่อู๋เฉินอย่างโกรธเคือง ผิดหวัง และเศร้าสร้อย

“เจ้าไปหาเรื่องเขาทำไม!”

หลี่อู๋เฉินเองก็หน้าเสียไม่แพ้กัน ชายหนุ่มรู้สึกขมขื่นจนพูดไม่ออก ตั้งแต่วินาทีที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของบรรดาศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาระเบิดออกมา เขาก็รู้ทันทีว่าได้พ่ายแพ้เสียแล้ว เป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเสียด้วย หลี่อู๋เฉิน    ไม่เพียงเพลี่ยงพล้ำให้แก่หวังเป่าเล่อในการต่อสู้ตัวต่อตัวเท่านั้น ชายหนุ่มยังไม่อาจเอาชนะหวังเป่าเล่อในการฝึกปรือศิษย์อีกด้วย

แต่ถึงกระนั้นหลี่อู๋เฉินก็ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ ชายหนุ่มคิดถึงพื้นเพครอบครัวและอนาคตของตน แล้วจึงคิดไปถึงสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ร่างกายเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อเอ่ยขอชื่อให้หมวดนักรบผู้ฝึกตน เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่   อีกฝ่าย อารมณ์ความรู้สึกหลากหลายพลุ่งพล่านอยู่ในใจ ความริษยาอันรุนแรงที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตพลันปรากฏขึ้น

เหล่าผู้ชมบ้างก็ยินดี บ้างก็สับสน บ้างก็ตื่นเต้น และมีบางคนที่สิ้นหวังถึงขีดสุด ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมสนามประลองอย่างช้าๆ สานุศิษย์ของสำนักศึกษา       เปลววิญญาณต่างก็คอตกเพราะอับอายจากความพ่ายแพ้ ในขณะที่ศิษย์สำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องเพราะความตื่นเต้นและประหม่า แววตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความคาดหวังระคนกังวล สานุศิษย์บนลานจัตุรัสสาธารณะทั้งสองกลุ่มมีท่าทีแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเจ้านครดาวอังคารในชุดคลุมสีแดงมองเห็นความตื่นเต้นในแววตาของเด็กๆ นางก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างช้าๆ คำว่าขั้นตอนสุดท้ายที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นั้นต้องการจะสื่อถึงการยอมรับความพ่ายแพ้ การที่พวกเขาเอาชนะเหล่าศิษย์จาก    สำนักศึกษาเปลววิญญาณได้นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญแม้แต่น้อย การได้รับชัยชนะอาจทำให้พวกเขามั่นใจ แต่ไม่อาจปลูกฝังเกียรติและศักดิ์ศรีของการร่วมแรงร่วมใจกันให้พวกเขาได้ มีเพียงการทำให้ศัตรูขยาดกลัวและยอมแพ้อย่างราบคาบเท่านั้นที่จะทำได้

เพราะนั่นหมายถึงว่าเหล่าศิษย์จากสำนักศึกษาเปลววิญญาณไม่ได้ยอมแพ้ให้ใครคนใดคนหนึ่ง…หากแต่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อศิษย์อีกฝ่ายทั้งหมด!

เมื่อเจ้านครได้ยินคำขอของหวังเป่าเล่อ นางก็จ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาลึกซึ้งเปี่ยมความหมายอยู่เป็นนาน ก่อนจะละสายตาไปมองดูบรรดาศิษย์ที่กำลังตื่นเต้นดีใจอยู่แทน นางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยแววตาที่เปี่ยมความเชื่อมั่น

“ผู้ที่มีความทะเยอทะยานจะท่องไปในท้องฟ้าและเอื้อมมือไขว่คว้าดวงดาว ความสำเร็จของพวกเขาจะพุ่งทะยานทะลุหมู่เมฆและได้รับการแซ่ซ้องไปทั่วแผ่นดิน!”

“ข้าขอตั้งชื่อพวกเจ้าว่า หมวดนักรบผู้ฝึกตนเมฆาเหิน!”

เมื่อสิ้นเสียงเจ้านคร เสียงโห่ร้องก็ดังกระหึ่มไปทั้งสนามประลอง สมาชิกฝ่ายบริหารดาวอังคารที่อยู่ในบริเวณต่างตื้นตันอย่างเห็นได้ชัด คำที่เจ้านครดาวอังคารเอ่ยออกมามีคุณค่ากับบรรดาศิษย์เป็นอย่างยิ่ง

หลังคำประกาศของเจ้านคร บรรยากาศในสนามประลองก็พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ทุกคนที่มาจากสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาต่างก็ตื่นเต้นยินดี สานุศิษย์เองก็โห่ร้อง    ดีใจกันสุดเสียง อีกด้านหนึ่ง เจ้าสำนักและคณาจารย์จากสำนักศึกษาเปลววิญญาณต่างก็ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างขมขื่น

หวังเป่าเล่อจ้องมองสถานการณ์ตรงหน้าพลางรู้สึกปลื้มปริ่มใจ เขาหันไปโค้งคำนับต่ำให้เจ้านคร

“ท่านเจ้านครกรุณายิ่งแล้ว!”

เจ้านครดาวอังคารจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาลึกซึ้งเปี่ยมความหมายอีกครั้งหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกจากสนามประลองไปพร้อมกับต้นไม้ยักษ์ เมื่อสานุศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาที่ยืนอยู่บนลานจัตุรัสเห็นเจ้านครเดินคล้อยหลังไป        ก็พากันปลดปล่อยความดีใจออกมาอย่างเต็มที่ เสียงร้องตะโกนของพวกเขาดังสนั่น   ไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า ต่างคนต่างก็ปลดปล่อยเอาความสุขสมใจของวัยเยาว์ออกมา     จนสุดกำลัง

ความตื่นเต้นดีใจและความอลหม่านกระจายไปทั่วสนามประลอง

เจ้านครดาวอังคารผู้กำลังเดินจากไปยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนดังลั่นด้วยความดีใจมาจากด้านหลัง

หวังเป่าเล่อ…ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ

หมวดนักรบผู้ฝึกตนเมฆาเหินโด่งดังขึ้นจากการประลองกระชับมิตรระหว่าง   สองสำนักศึกษา ชื่อของพวกเขาดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งดาวอังคาร และเพราะที่สหพันธรัฐมีการถ่ายทอดสดการประลองยุทธครั้งนี้ จึงทำให้พวกเขาโด่งดังไปทั่วสหพันธรัฐด้วยเช่นกัน

ชื่อเสียงของหวังเป่าเล่อเลื่องลือไปทั่วทั้งสหพันธรัฐอีกครั้ง แถมในครั้งนี้         เขายังสร้างชื่อเอาไว้บนดาวอังคารด้วย เมื่อการประลองนัดกระชับมิตรจบลง        ชายหนุ่มก็พาบรรดาสานุศิษย์ที่ร่วมประลองมาแสดงความขอบคุณต่อบุพการี       ของพวกเขาที่ให้การสนับสนุนเรื่อยมา ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างมีความสุข ไม่นานนักศิษย์จำนวนไม่น้อยจากสำนักศึกษาเปลววิญญาณก็ยื่นคำร้องขอย้ายไปเรียนที่     สำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาแทน

ด้วยคำสั่งของหวังเป่าเล่อที่ให้หลินเทียนหาวถ่ายทอดคำประกาศของตนผ่านหน้าจอวิญญาณซึ่งเช่าเอาไว้ล่วงหน้า ชัยชนะอย่างขาดลอยและคำนิยมจากเจ้านครจึงส่งผลให้หวังเป่าเล่อได้รับตำแหน่งใหม่ถึงสองตำแหน่งด้วยกัน ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ผู้เลื่องชื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ก่อตั้งหมวดนักรบผู้ฝึกตนเมฆาเหินอีกด้วย

หมวดนักรบผู้ฝึกตนนี้เป็นกลุ่มที่เขาตระเตรียมและฝึกฝนด้วยตนเอง             และเมื่อสำนักศึกษาเต๋าหมอกขุนเขาแข็งแกร่งขึ้น หมวดนักรบผู้ฝึกตนก็จะยิ่ง       เพิ่มจำนวนขึ้นตามกัน หวังเป่าเล่อเฝ้าคอยให้เวลานั้นมาถึงอย่างใจจดใจจ่อ เขารู้ดีว่าด้วยสถานะของตนเองในปัจจุบัน ต้นไม้ยักษ์คงไม่อาจก่อปัญหาให้เขาได้สะดวกนัก

ตัวข้าในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่าตัวนักในเชิงการยุทธ์! หวังเป่าเล่อคิดอย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าจะยังรู้สึกถึงอันตรายจากต้นไม้ยักษ์แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เคร่งเครียดเรื่องนี้ดังเช่นก่อนแล้ว

หากเขาพยายามจะบังคับให้ข้าทำการใดๆ ก่อนหน้านี้ ข้าคงไม่อาจจะขัดขืนคำสั่งได้ มาบัดนี้…ด้วยวงแหวนบารมีทั้งสอง แม้ข้าจะยังไม่อาจสู้กับเขาได้ตรงๆ      แต่ก็ช่วยให้ข้าขัดขืนคำสั่งเขาได้บ้าง! หวังเป่าเล่อภูมิใจในตนเองเป็นอย่างยิ่ง          ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองลงหลักปักฐานบนดาวอังคารสำเร็จในที่สุด

สืบเนื่องจากความพ่ายแพ้ของสำนักศึกษาเปลววิญญาณ หวังเป่าเล่อยังชนะ    การเดิมพันกับหลี่อู๋เฉินอีกด้วย จากนี้เมื่อใดก็ตามที่หลี่อู๋เฉินเจอหวังเป่าเล่อเขาต้องเรียกอีกฝ่ายว่าโคตรบิดาหวัง

ในขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังฝันหวานกับการถูกเรียกว่าโคตรบิดาอยู่นั่นเอง เขาก็ได้ข่าวว่าหลี่อู๋เฉินได้ถือสันโดษฝึกตนไปเสียแล้ว ชายหนุ่มจึงรู้สึกขัดใจเป็นอย่างยิ่ง

เจ้านั่นแพ้เดิมพันแล้วหนีอย่างนั้นหรือ แค่เรียกข้าว่าท่านโคตรบิดาง่ายๆ      เพียงเท่านี้ เหตุใดจึงต้องหนีไปอย่างคนขี้แพ้เสียเล่า หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าหลี่อู๋เฉิน     ช่างเป็นผู้แพ้ที่น่าสมเพชเสียจริง ชายหนุ่มดึงเอาแหวนสื่อสารออกมาส่งข้อความไปถึงสวีเจินจิงแห่งโรงแรมขวานศึกเพื่อให้สร้างขวานศึกเพิ่มอีกห้าร้อยด้าม              ก่อนจะนำไปติดตั้งไว้หน้าโรงแรม หันหน้าไปในทิศของสำนักศึกษาเปลววิญญาณ

ขวานศึกทั้งห้าร้อยด้ามเปล่งรัศมีอันน่าสยดสยองทำเอาเจ้าสำนักศึกษา        เปลววิญญาณถึงกับขนหัวลุกชูชัน เขาถึงกับต้องรีบรุดไปหาหลี่อู๋เฉินและกล่อมให้    มายอมรับความพ่ายแพ้ต่อหวังเป่าเล่อแต่โดยดี เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้สิ้นสุด       ไปโดยง่าย เจ้าสำนักรู้ดีว่าทั้งสองเคยเป็นสหายร่วมสำนักศึกษาและรู้ว่าความขัดแย้งนี้เป็นเพียงการวิวาทไร้สาระของคนสองคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันสักเท่าใด

หลี่อู๋เฉินปฏิเสธทันที ในใจของชายหนุ่มตอนนี้เต็มไปด้วยความริษยา ไม่มีทางเลย     ที่เขาจะยอมอ่อนข้อให้หวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มปลอบใจตนโดยการพร่ำบอกตนเอง     ว่าอย่างมงาย มันก็แค่ขวานศึกห้าร้อยด้าม ไม่มีสิ่งใดให้ต้องเกรงกลัว!

ทว่า…อาจจะมีสิ่งเหนือธรรมชาติรายล้อมโรงแรมขวานศึกอยู่จริงก็เป็นได้    เพราะข่าวลือเรื่องเจ้านครไม่พอใจสำนักศึกษาเปลววิญญาณเริ่มแพร่สะพัดไปทั่ว   นางปรามาสพวกเขาเรื่องวิธีการอบรมสั่งสอนศิษย์และเรื่องความพ่ายแพ้ในการประลองนัดกระชับมิตร

ข่าวลือนี้ทำให้หัวใจของหลี่อู๋เฉินเต้นระรัว ชายหนุ่มอดนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสำนักศึกษาเปลววิญญาณกับโรงแรมขวานศึกไม่ได้…

หลี่อู๋เฉินยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะยอมแพ้แก่หวังเป่าเล่อ พอดีคำสั่งย้ายของเขา  ก็มาถึงเสียก่อน…

คำสั่งนี้มาจากฝ่ายบริหารดาวอังคารโดยตรง ชายหนุ่มจะถูกย้ายออกจาก       ดาวอังคารและส่งตัวกลับสหพันธรัฐบนโลกในทันที

หลี่อู๋เฉินไม่ได้คาดคิดเรื่องนี้มาก่อน ความพ่ายแพ้ในการประลองนัดกระชับมิตรสร้างความไม่พอใจให้ผู้ปกครองที่มีอิทธิพลบนดาวอังคารนับร้อยคน ไม่ว่าหลี่อู๋เฉิน  จะมาจากตระกูลใหญ่เพียงใด เขาก็ไม่อาจทัดทานการตัดสินใจร่วมกันของ        บรรดาผู้ปกครองได้

นี่นับเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของหลี่อู๋เฉิน ชายหนุ่มจำต้องออกจากดาวอังคารไปเงียบๆ และจู่ๆ ความนิยมของโรงแรมขวานศึกก็พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

หลังการจากไปของหลี่อู๋เฉิน ไม่กี่วันให้หลัง รองเจ้าสำนักคนใหม่ของสำนักศึกษาเปลววิญญาณก็มาถึง…เขาปรากฏตัวบนดาวอังคารอย่างยิ่งใหญ่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version