Skip to content

A World Worth Protecting 33

บทที่ 33 พรสวรรค์ของหลิวต้าวปิน

คืนนั้น เจ้าเต๋าน้อยทั้งขอร้องผ่านการถ่ายทอดสดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้ทุกหนทางให้ผู้ชมยอมปล่อยเรื่องห้องหินละลายไป ไม่ก็สัญญามั่นเหมาะถึงสารพัดสิ่งอื่น เหล่าคนดูถึงยอมให้เขาทยอยเข้าห้องหินละลายเพื่อชดใช้ค่ากระสวยอวกาศเป็นงวดๆ ไป

เมื่อเข้ามาข้างในห้องหินละลาย เขานั่งลง เผชิญหน้ากับอุณหภูมิร้อนรอบตัว น้ำตาที่ไหลออกมาระเหยไปทันที มือสั่นเทาถือเครื่องบันทึกภาพไว้สูงๆ

“ทุกคน นี่เจ้าเต๋าน้อย ผู้จัดรายการของพวกเจ้าเอง ตอนนี้ข้าอยู่ในห้องหินละลายแล้ว อย่าได้กังวลไป เหลือกระสวยอวกาศอีกแค่ 37 ลำ ข้าทนได้แน่นอน!”

ก่อนเขาจะทันพูดจบ ก็มีผู้ชมรายใหม่เข้ามาในช่องถ่ายทอดสด ชื่อเล่นของผู้ชมคนนี้ค่อนข้างมักใหญ่ใฝ่สูง ชื่อนั้นคือ…บิดาผู้นำสหพันธรัฐ

ทันทีที่เข้ามา เขาก็ส่งกระสวยอวกาศให้เจ้าเต๋าน้อยสิบลำ มีเสียงวิ่งฉิวดังผ่านหน้าจอเครื่องบันทึกภาพ และข้อความทิ้งไว้ว่า

“เจ้าเต๋าน้อย พยายามเข้านะ อันนี้กระสวยอีกสิบลำ สำหรับบวกเพิ่มเข้าไปอีกสิบชั่วโมง!”

เจ้าเต๋าน้อยอึ้งกิมกี่ ปกติแล้วเขาชอบเวลามีคนให้กระสวยอวกาศ แต่วันนี้        ในห้องหินละลาย เขาไม่อยากได้เลยสักลำเดียวอย่างไรก็ตาม เขาตระหนักดีว่าใครที่ให้กระสวยอวกาศสิบลำกันง่ายๆ เช่นนี้ทันทีที่เข้ามา ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ เขาจึงขอบคุณออกไปอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณคุณบิดาผู้นำสหพันธรัฐ…สำหรับกระสวยอวกาศ…” พูดไป เขาก็รู้สึกว่าชื่อนี้ประหลาดทีเดียว พออ่านชื่อจบ ดูเหมือนบิดาผู้นำสหพันธรัฐจะชอบใจยิ่งนัก     จึงส่งกระสวยเพิ่มให้อีกสิบลำ

ส่งของขวัญเสร็จ บิดาผู้นำสหพันธรัฐก็อยู่ต่อไม่นานนัก ก่อนออกจากระบบไป ทิ้งเจ้าเต๋าน้อยไว้ให้ประหลาดใจและติดอยู่กับสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ระหว่างนั้น ข่าวเรื่องหวังเป่าเล่อเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าศิษย์ของโถงศิลาวิญญาณ   ก็แพร่ไปทั่วสาขาอาวุธเวท มีเสียงไม่พอใจมากพอๆ กับคนที่เกิดสนอกสนใจขึ้นมา   แต่อย่างไรศิษย์ทุกคนในสาขาอาวุธเวทต่างทราบดีทั่วกันว่าเจียงหลินไม่ใช่คนที่มีอำนาจในสาขาอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหวังเป่าเล่อเข้ามาแทน!

เช้าวันรุ่งขึ้นมาพร้อมกับความวุ่นวายไม่จบสิ้น เรื่องหวังเป่าเล่อได้เลื่อนขั้นแพร่สะพัดออกไป หวังเป่าเล่อยืนอยู่หน้ากระจกในถ้ำพักอาศัยของตน สวมเสื้อคลุมสีม่วงสำหรับหัวหน้าศิษย์ เขามองยังเนื้อผ้าที่ใช้และอำนาจที่มันแผ่ออกมา เหนือกว่าที่รู้สึกจากเสื้อคลุมของศิษย์คัดเลือกพิเศษโข เขาเชิดคางมองในกระจกอยู่สักพักหนึ่ง

เขามองภาพสะท้อนร่างอ้วนท้วมของตัวเองในกระจก ดวงตาของหวังเป่าเล่อดูจะมีตัวกรองอัตโนมัติ เขามองตัวเองจากมุมต่างๆ กันขณะเปลี่ยนท่าทีไปเรื่อย ยิ่งนานยิ่งประทับใจกับตัวเองมากขึ้นไปอีก

ดูดีอะไรขนาดนี้ แถมยังดูผอมเพรียว! เรียนเก่งอีกต่างหาก! เยี่ยมยอดเกินไปแล้ว! ข้าละอดชื่นชมตัวเองไม่เลยจริงๆ!

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังหลงมัวเมาไปกับตัวเอง เขาก็หยิบถุงขนมออกมา        โดยไม่รู้ตัว ระหว่างกินไป เขาก็มองตัวเองในกระจกต่อ คอยหันหัวไปทางนั้นที        ตัวไปอีกทางที…ชื่นชมรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของตนจากสารพัดมุม

ข้าละอิจฉาเสื้อคลุมหัวหน้าศิษย์เหลือเกิน ถ้าเสื้อผ้าพวกนี้มีความคิดได้         ต้องนึกเป็นเกียรติที่โดนสวมใส่โดยหนุ่มรูปงามเช่นนี้แน่!

สักพักต่อมา หลังจากกินขนมเสร็จและพอใจแล้ว หวังเป่าเล่อเชิดหน้าและยืดอกเดินออกจากถ้ำพักอาศัย ตรงดิ่งไปยังตำหนักหัวหน้าศิษย์ของโถงศิลาวิญญาณ      แล้วเริ่มต้นวันแรกในฐานะหัวหน้าศิษย์ทันที

เมื่อเขาเดินไป พวกศิษย์ที่เห็นหวังเป่าเล่อต่างหยุดและทักทายเขาด้วยความเคารพ สามหัวหน้าผู้เรียนมีอำนาจมากล้น แม้ว่าทั้งสามจะมีหน้าที่รับผิดชอบต่อฝ่ายวินัยสำนักและมีภาระหน้าที่ซ้อนทับกันไปตามระดับความรับผิดชอบต่างๆ พวกเขาก็ยังมีหน้าที่แยกขาดออกจากกัน

ตำหนักหัวหน้าศิษย์แต่ละแห่งมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินโทษผู้ใดก็ตามที่ละเมิดกฎของสำนัก ดังนั้นในสายตาศิษย์ทั่วไป หัวหน้าศิษย์คือคนที่พวกเขาไม่ควรมีเรื่องด้วย ถ้าหัวหน้าศิษย์ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ชีวิตในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะสุขสบายอย่างแน่นอน

หลังได้รับคำทักทายไม่จบไม่สิ้น หวังเป่าเล่อยิ่งสุขี ยิ่งเมื่อเพื่อนศิษย์หญิงหลายคนทักทายเขาอย่างอ่อนหวานด้วยแล้ว บางรายถึงขั้นมาขอข้อมูลไว้ติดต่อกับเขา ดวงตาหวังเป่าเล่อเป็นประกาย จิตใจแจ่มใส นึกประทับใจผลประโยชน์ที่สถานะหัวหน้าศิษย์อำนวยให้มากขึ้นไปอีก

เขาจึงหัวเราะแล้วทักทายทุกคนกลับ วันนี้พระอาทิตย์ดูสว่างสดใส ท้องฟ้าก็ฟ้าเข้มเป็นพิเศษ

หวังเป่าเล่อไปถึงตำหนักหัวหน้าศิษย์ของโถงศิลาวิญญาณด้วยอารมณ์เบิกบาน เมื่อเข้าไปใกล้ เขาเห็นศิษย์ฝ่ายวินัยมากกว่าเจ็ดสิบคนยืนอยู่ข้างนอกตำหนัก         คนพวกนั้นยืนกันเป็นระเบียบและสงบนิ่ง ทันทีที่เห็นหวังเป่าเล่อ ทั้งเจ็ดสิบกว่าคน   ก็ทักทายเขาโดยพร้อมเพรียงดี

“อรุณสวัสดิ์ หัวหน้าศิษย์!” ศิษย์ฝ่ายวินัยเจ็ดสิบกว่าคนในเสื้อคลุมดำโค้งหลังลงพร้อมกัน เสียงที่ประสานกันดึงความสนใจศิษย์จำนวนมากบริเวณนั้น ทุกคนต่างหันมองแล้วเริ่มจับกลุ่มพูดคุย

“เพื่อนศิษย์ทั้งหลาย อรุณสวัสดิ์!” หวังเป่าเล่อไอแห้งๆ สองมือเก็บไพล่ข้างหลัง มีศิษย์ฝ่ายวินัยเสื้อคลุมดำติดตามหลัง เขาเดินเข้าไปข้างในตำหนักหัวหน้าศิษย์     พวกศิษย์ฝ่ายวินัยเสื้อคลุมดำต่างรุมพะเน้าพะนอ ปฏิบัติกับเขาด้วยความระมัดระวังตลอดทางจากหน้าประตูตำหนักไปจนถึงห้องทำงานหัวหน้าศิษย์

“หัวหน้าศิษย์ เจ้าเล่นมาตั้งแต่เช้า ข้าเกรงว่าเจ้าจะยังไม่ได้กินอาหารเช้า ข้าเลยเตรียมไว้ให้ที่โต๊ะแล้ว”

“หัวหน้าศิษย์ ครอบครัวของข้ามาจากอู่อี๋ ข้ามีชาวิญญาณจากเมืองนั้นต้มเตรียมไว้ให้แล้ว”

“หัวหน้าศิษย์ เราสองคนมีงานอดิเรกเดียวกัน ข้าก็ชอบทานขนม ข้าซื้อมาเพียบเลยไว้ให้เจ้า แล้วก็ยังมีน้ำเย็นหล่อวิญญาณด้วย ข้าทำให้เย็นไว้แล้ว เจ้าดื่มได้ทุกเมื่อแล้ว รับรองว่าจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก”

ได้ยินทั้งหมดนั้น หวังเป่าเล่อก็พอใจอย่างยิ่ง แต่เขาแสร้งทำหน้าเลี่ยงไม่ได้    แล้วชี้ไปยังคนทั้งหลาย

หวังเป่าเล่อกระแอมก่อนจะพูดออกไปแบบเด็ดขาด “พวกเจ้าทุกคน จะให้ข้าทำอย่างไรกับพวกเจ้าดีนะ นับจากนี้อย่าทำแบบนี้อีก ในฐานะศิษย์ พวกเจ้าต้องแสดง  ตัวก่อน ระวังคำพูดคำจา แล้วก็ระวังการกระทำของพวกเจ้าด้วย!”

“หัวหน้าศิษย์ ท่านพูดถูก พวกเราผิดเอง” ศิษย์ฝ่ายวินัยเสื้อคลุมดำรีบตอบ     ฟังดูจากที่ตอบแล้วจะเห็นได้ว่าพวกเขาเตรียมตัวกันมาเต็มที่ ทั้งสืบหาความชอบของหวังเป่าเล่อกันภายในคืนเดียว และจดจำว่าเขาเคยพูดไว้ว่าอะไรบ้าง ไม่มีใครได้นอนหลับสักตื่นกันเลยเมื่อคืน

พวกเขาล้วนว้าวุ่นใจ ภายนอกหวังเป่าเล่อดูร่าเริงเป็นมิตร แต่พวกเขาได้ยินมาว่า   เด็กหนุ่มคนนี้จัดการศิษย์ฝ่ายวินัยไปกว่าสิบคน รวมถึงเจียงหลินเมื่อวาน              ตรงด้านนอกโถงศิลาวิญญาณ อีกยังยึดตำแหน่งกันต่อหน้าสาธารณะและสั่งจับกุม  คนพวกนั้น

การตัดสินโทษอย่างฉับไวทำพวกเขาตื่นตระหนกและนึกหวาดกลัว

ในบรรดาพวกเขากันเอง มีคนที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานทั้งหมดกับตา รู้ดีว่า  หวังเป่าเล่อซึ่งดูไร้พิษภัย แท้จริงแล้วน่ากลัวยิ่งนักเมื่อไม่ต้องเกรงใจใคร ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาตรงนี้ต่างมีความผิดติดตัว พวกเขาเลยไม่กล้าประมาทกัน

พอหวังเป่าเล่อกุมมือไว้ข้างหลังตัวเอง ยืนเพลิดเพลินกับคำชื่นชมจากผู้คนครู่หนึ่ง ครั้งเข้าไปในห้องทำงานหัวหน้าศิษย์ เขาก็อดถอนหายใจมิได้ เมื่อได้เห็นห้องหน้าตาหรูหราโอ่อ่า

ข้าต้องไม่ทำให้น้ำใจของสหายร่วมสำนักเสียเปล่า ในเมื่อพวกเขาช่วยปกป้องดูแลข้าเป็นอย่างดี

หวังเป่าเล่อพ่นลมหายใจ ดื่มชาบำรุงวิญญาณและอาหารเช้าสุดวิเศษที่ลูกน้องนำมาให้ จากนั้น เขาหยิบถุงขนมออกมาเปิดกิน พลางคิดถึงสิ่งต่างๆ จนในที่สุดเขาก็สั่งให้คนไปเชิญตัวหลิวต้าวปินมา

ไม่นานหลิวต้าวปินก็ได้รับคำเชิญอย่างสุภาพจากศิษย์ฝ่ายวินัย หลิวต้าวปินรู้สึกแปลกๆ อย่างไรบอกไม่ถูกเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อในห้องทำงานหัวหน้าศิษย์ และไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร เขาทราบตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าหวังเป่าเล่อได้เป็นหัวหน้าศิษย์ แต่ก็ยังทึ่งอยู่ดี

“หวัง…” ก่อนเขาจะได้เรียกชื่อหวังเป่าเล่อ ศิษย์ฝ่ายวินัยข้างกายเขาถมึงตาเขม็ง ข้างในอกหลิวต้าวปินแน่นถนัด นึกย้อนถึงภาพพ่อของเขาที่เคยเห็นมาก่อน เขารีบก้าวไปข้างหน้าสองรึสามก้าว แล้วก้มหัวต่ำให้หวังเป่าเล่อ

“ขอคารวะ หัวหน้าศิษย์”

“ต้าวปิน ทำไมเจ้าก็เอากับเขาด้วย พวกเราเป็นศิษย์สถาบันเดียวกัน เจ้ามาขอคารวะอะไรของเจ้า” หวังเป่าแกล้งทำเป็นโกรธแล้วลุกไปดึงให้หลิวต้าวปินยืนตรง เขาสั่งให้พวกศิษย์ฝ่ายวินัยออกไป จากนั้นก็เชิญหลิวต้าวปินมานั่ง

“ต้าวปิน ครึ่งปีผ่านไปเร็วมาก ข้ายังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นช่วงระหว่างการทดสอบของพวกเรา” หวังเป่าเล่อลูบตอเคราบางเบาที่เพิ่งขึ้น ดั่งว่ากำลังระลึกอดีต           เขาจำวิธีการเริ่มบทสนทนาเช่นนี้มาจากชีวประวัติเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ไม่ว่าภายนอกจะดูเป็นเช่นไร สำหรับเด็กวัยรุ่นมาทำท่าทางเช่นนี้ก็ยังดูประหลาด

หลิวต้าวปินเองคิดว่าแปลก แต่ยั้งความคิดตนไว้ หวังเป่าเล่ออาจเชิญเขามานั่งที่นี่ก็จริง แต่เขาจำได้ว่าบิดาวางตัวอย่างไรเวลาพบหน้ากับผู้บังคับบัญชาในแต่ละวัน เขาลอกเลียนแบบพ่อ เขยิบตัวไปข้างหน้า ให้กินพื้นที่บนเบาะแค่ครึ่งเดียว สีหน้าเขาแสดงความตั้งอกตั้งใจ

“หัวหน้าศิษย์ ต้องขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้า ต้าวปิน จะไม่มีวันลืม!” เขารอหวังเป่าเล่อพูดให้จบ และคำตอบของเขาก็รับกับคำพูดของหวังเป่าเล่อ

“ตอนนี้ไม่มีคนนอกอยู่ เจ้าเรียกชื่อข้าเถอะ ต้าวปิน ข้าไม่อยากทำเหมือนเจ้าเป็นคนนอก” หวังเป่าเล่อหยุดหลิวต้าวปิง เขาทึ่งกับท่าทางการนั่งและคำตอบของอีกฝ่าย และพอใจมากด้วยเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็นึกสับสนว่าหลิวต้าวปิงดูคุ้นเคยกับมารยาทในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงยิ่งกว่าตนได้อย่างไร

เขาเคยอ่านชีวประวัติพวกเจ้าหน้าที่เหมือนกันรึ หวังเป่าเล่องุนงง แต่ก็ลอบศึกษาและจำท่านั่งของหลิวต้าวปินเอาไว้ในใจ

หลิวต้าวปินตอบอย่างรวดเร็วและหนักแน่น เขาวางตัวให้ดูผ่อนคลายขึ้น         แต่แท้จริงแล้ว เขาไม่ได้เปลี่ยนท่านั่งเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั้งแบบนั้น ความรู้ความเข้าใจของหวังเป่าเล่อเพิ่มมากขึ้น เขาเพิ่งเริ่มรู้สึกว่าหลิวต้าวปินนั้นไม่ธรรมดาเลย

ข้าไม่เคยสังเกตมาก่อน แต่หมอนี่มีวิธีรับมือกับสิ่งต่างๆ ในแบบที่ไม่เหมือนใครทีเดียว หวังเป่าเล่อรู้สึกว่านี่เป็นประโยชน์ต่อตนยิ่งยวด เขาลองเอ่ยถึงข้อเสนอจะให้หลิวต้าวปินเป็นศิษย์ฝ่ายวินัยของฝ่ายวินัยสำนักประจำโถงศิลาวิญญาณ

เมื่อเขาเอ่ยออกไป ลมหายใจหลิวต้าวปินเร่งจังหวะเร็วขึ้นมา ต่อให้มีความรู้เยอะและเรียนจากบิดามามากมาย ตัวเขายังคงเป็นคนหนุ่ม พอได้ยินว่าตัวเองจะได้เป็นศิษย์ฝ่ายวินัย เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นทันที

“ขอบคุณ หัวหน้าศิษย์ ข้าจะเชื่อฟังคำสั่งใดๆ ก็ตามจากท่านแน่นอน!”

หวังเป่าเล่อหัวเราะลั่น เขาพูดให้กำลังใจหลิวต้าวปินสองสามคำ เลือกศิษย์   หยิบมือหนึ่งจากเมืองปักษาเพลิงขึ้นมา แล้วให้หลิวต้าวปินเสนอชื่อเพิ่มเติม         ก่อนแต่งตั้งทุกคนในรายชื่อเป็นศิษย์ฝ่ายวินัยของฝ่ายวินัยสำนักประจำโถง           ศิลาวิญญาณ โดยลงนามคำสั่งด้วยตัวเองในฐานะหัวหน้าศิษย์

“ข้าเพิ่งยึดฝ่ายวินัยสำนักมาได้ ต้าวปิน เจ้าต้องช่วยข้าดูแลที่นี่ในอนาคต”     หวังเป่าเล่อสั่งการเล็กน้อยปิดท้าย ก่อนหลิวต้าวปินจะออกจากห้องไปอย่างตื่นเต้นเต็มที่ ชายหนุ่มนั่งลง ยกขาพาดโต๊ะ จิบน้ำเย็นหล่อวิญญาณ เขายิ่งรู้สึกดีเป็นพิเศษเมื่อหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกอ่านผ่านๆ

ตัวเอกสารเกี่ยวกับเรื่องการละเมิดกฎระเบียบซึ่งศิษย์ฝ่ายวินัยของโถง           ศิลาวิญญาณได้จัดการไปแล้ว กำลังรอการตัดสินใจสุดท้ายจากเขา

หวังเป่าเล่อดูกองเอกสารหนาเพียงลวกๆ นอกจากคนชื่อซุนฉีฟางผู้โดนจับข้อหาขโมยตำราคู่มือสาขาอาวุธเวท คนที่เหลือต่างเป็นข้อหาละเมิดกฎระเบียบเล็กๆ น้อยๆ

ระดับความรุนแรงของการลักขโมยตำราคู่มือก็ยังเป็นไปได้หลายระดับ ทั้งหมดนี้ถูกศิษย์ฝ่ายวินัยของห้องโถงศิลาวิญญาณจับได้ ดังนั้นอำนาจการตัดสินใจจึงอยู่กับหวังเป่าเล่อโดยสมบูรณ์

ไล่ดูผ่านๆ ไป เขาก็เบื่อ แล้วโยนเอกสารไว้ข้างๆ ก่อนจะกินขนมต่อ

ฝ่ายวินัยสำนักต้องการให้ข้าเป็นที่ยำเกรง ข้าไม่มีเวลามาจัดการเรื่องพวกนี้หรอก ย้อนกลับไปตอนการทดสอบแรกเข้า หลิวต้าวปินรวมกลุ่มคนได้เร็ว แล้วก็ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้า เขาดูมีประสบการณ์พอสมควร…ข้าน่าจะให้เขาเป็นคนดูแลได้

หวังเป่าเล่อใฝ่ฝันจะเป็นผู้นำสหพันธรัฐมาตั้งแต่เยาว์วัย ตอนนี้เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์แล้ว ก็เหมือนได้ก้าวหน้าครั้งใหญ่สู่หนทางการเป็นผู้นำสหพันธรัฐ

ทว่า พลังอำนาจเป็นแค่เหตุผลรองที่ทำให้เขาอยากเป็นผู้นำสหพันธรัฐ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขาไม่อยากถูกใครข่มเหงรังแก ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าศิษย์แล้ว ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าคนอื่นสาขาอาวุธเวทจะไม่กล้าหาเรื่องกลั่นแกล้งตัวเขาแน่นอน

คิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ จึงสำรวจโดยรอบอีกที        แล้วหยิบยืมตำราวิชาค้ำจุนปราณเล่มที่สองและตำราศึกษาอักขราจารึกมา           เขากลับไปที่ถ้ำพักอาศัยแล้วเริ่มฝึกปราณ พลางศึกษาตำราวิชาค้ำจุนปราณเล่มนั้น  ไปด้วย

สำหรับหวังเป่าเล่อ เขาได้บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว จุดประสงค์ที่เขามายังสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อที่จะได้เรียนรู้วิชา สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปก็คือตั้งใจ       ร่ำเรียน

เวลาล่วงเลย ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ระหว่างนี้หวังเป่าเล่อแวะไป        ที่ตำหนักหัวหน้าศิษย์เป็นระยะ และใช้เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ค้นคว้าตำราวิชา         ค้ำจุนปราณเล่มสอง

หลิวต้าวปินไม่ได้มาหาเขา ทว่าหวังเป่าเล่อกลับต้องประหลาดใจกับความสามารถในการจัดการของหมอนั่น ทั้งที่เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น    ทุกอย่างได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบระเบียบ ปัญหาใดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่       ล้วนรายงานมาถึงหวังเป่าเล่ออย่างพร้อมสรรพเมื่อเขาเรียกหา ทั้งยังไม่กระทำการใดให้หวังเป่าเล่อเข้าใจผิด หรือคิดว่าเขาจ้องจะยึดอำนาจเป็นของตน

ความจริงแล้ว ไม่เคยมีเหตุการณ์ยึดอำนาจใดเกิดขึ้นภายในตำหนักหัวหน้าศิษย์มาก่อน เพราะหากมีประเด็นดังกล่าวขึ้นมา ตำหนักหัวหน้าศิษย์ก็มีอำนาจโยกย้ายที่ช่วยให้พวกเขาจัดการปัญหาใดๆ ก็ตามยามมีใครล้ำเส้น!

หลิวต้าวปินตระหนักถึงจุดนี้เป็นอย่างดี

ในเวลาเดียวกัน ณ สาขาการยุทธ์…

ถึงเขาจะไม่ใช่หัวหน้าศิษย์ ลู่จื่อหาวก็แอบแย่งชิงตำแหน่งนั้นอยู่กับเฉินจื่อเหิงและจั่วอี้ฟาน เขากำลังติดตามข่าวหวังเป่าเล่ออย่างกระหายใคร่รู้อยู่ในเครือข่ายวิญญาณ ตอนที่ไปเห็นภาพของชายหนุ่มเข้า

ยิ่งจ้องหวังเป่าเล่อในภาพนั้นนานเท่าไร เขายิ่งรู้สึกชอบกล สักพักต่อมา         เขาดึงเอาแหวนสื่อสารมาส่งข้อความเสียงไปหาน้องสาวของโจวลู่จากชมรมการต่อสู้

“โจวจิง ช่วยข้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ากระต่ายอ้วนไร้ยางอายนั่นที ข้าว่าข้าเจอเป้าหมายแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version