Skip to content

A World Worth Protecting 337

บทที่ 337 อาฆาตเข้ากระดูกดำ

เด็กชายผู้นั้นเร็วเหลือเชื่อ แต่ความเร็วของเจ้าลาเมื่อเห็นอาหารอันโอชะก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะเมื่อมันรู้สึกได้ว่าอาหารกำลังเคลื่อนผ่านตนเองตรงไปหาเจ้านาย มันรีบกระวีกระวาดจัดการในทันที

เจ้าลาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าศัตรูซึ่งร้ายกาจที่สุดในชีวิตมันคือชายที่อยู่เบื้องหลัง ชายผู้นี้หยุดยั้งไม่ให้มันกินจนอิ่มท้อง และยังพยายามแย่งอาหารไปจากมันอีก

เจ้าลารับไม่ได้เป็นอันมากที่เห็นอาหารอันโอชะเคลื่อนผ่านไปมันไปและตรงไปสู่อ้อมกอดของเจ้านาย มันไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน จึงหันหน้าไปงับเหยื่อ ฝังฟันลงอย่างรวดเร็ว!

การงับของเจ้าลานั้น… ทั้งปุบปับและเหนือความคาดหมาย หวังเป่าเล่าไม่นึก    ไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เด็กชายล่องหนผู้ทั้งเย็นชาและทะนงตนก็เช่นกัน     เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะโดนลาหน้าตาโง่ๆ ที่เอาแต่กินหญ้าตัวนี้หันมางับเข้าให้

เด็กชายไม่อยากเชื่อว่าลาตัวนี้จะมองเห็นตนเอง ความเร็วของมันทำให้เด็กชายตกตะลึงจนตัวสั่น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนพร่าเลือนไปหมด รู้ตัวอีกทีฟันของเจ้าลาก็ฝังลงในแขนขวาของเขาเสียแล้ว

เสียงดังกรอบส่งให้เด็กชายเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ไม่มีใครได้ยินออกมาด้วยความเจ็บปวด แขนขวาครึ่งหนึ่งของเขาขาดสะบั้น เลือดสดๆ ที่ไม่มีใครเห็นไหลทะลักออกมา เด็กชายหน้าถอดสีในทันที ความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจปรากฏขึ้นในแววตาที่เจือไปด้วยความเคลือบแคลง ดูเหมือนเด็กชายจะไม่เคยคาดคิดเลยตั้งแต่เกิดมาว่าตนเองจะถูกกัดเข้าสักวันหนึ่ง!

เด็กชายหายใจสะดุดด้วยความเจ็บปวดและหวาดผวาเมื่อเห็นเจ้าลากำลังจะกัดเป็นครั้งที่สอง เด็กชายล่องหนล่าถอยไปในทันทีโดยไม่สนใจเลือดที่กำลังทะลักออกจากปากแผล

เขารอดพ้นจากแรงกัดของเจ้าลาที่กำลังจะงับลงอีกครั้งได้อย่างหวุดหวิด

หวังเป่าเล่อไม่รู้สึกถึงเด็กชายเลยแม้แต่น้อยนิด เขาเห็นเจ้าลาหันหน้าไปทางหนึ่งและงับอากาศอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆ กับภาพตรงหน้า แต่เมื่อมองไปรอบกายก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

เจ้าลาหันกลับมามองหวังเป่าเล่อด้วยสีหน้าโอ้อวด ดูเหมือนมันจะพอใจที่อาหารจานโปรดของตนรอดพ้นเงื้อมมือของหวังเป่าเล่อไปได้ มันกระดิกหางและเคี้ยวกร้วมๆ สองสามครั้งก่อนกลืนแขนขวานั้นลงไป

ขณะที่กำลังเคี้ยวนั้น ดวงตาของมันก็พลันเบิกโพลง ความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาก่อนจะเลือนหายไปและแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ มีแววบ้าคลั่งเจือปนอยู่ ส่งให้มันมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

แขนข้างนั้นเป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่มันเคยกินมาในชีวิต!

“เจ้างับบ้าอะไร กินหญ้าต่อไปเสีย!” หวังเป่าเล่อเห็นเจ้าลาหยุดกินหญ้าจึง     เหล่มองอย่างรวดเร็ว เจ้าลาที่ถูกดุหายใจเข้าลึก ก่อนมองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตา     ใสซื่อและเริ่มเล็มหญ้าต่อไป ดูเหมือนมันจะเสียใจเป็นอันมากที่อาหารอันโอชะนั้นหายไปแล้ว

ก่อนหน้านี้หญ้าสีโลหิตก็อร่อยดี ทว่าตอนนี้กลับรสชาติเหมือนขี้ผึ้งผสมฝุ่น      แต่เจ้าลาก็หิวหน้ามืดเกินกว่าจะหยุดกินได้ จึงตั้งหน้าตั้งตาเคี้ยวต่ออย่างไม่ลดละ…

สายตาใสซื่อที่เจ้าลาส่งให้หวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ทำให้ชายหนุ่มใจไม่ค่อยดี      เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หวังเป่าเล่อรู้นิสัยเจ้าลาเป็นอย่างดี มันไม่มีทาง     ทำหน้าเช่นนั้นใส่เขาในสถานการณ์ปกติ เจ้าลามักทำหน้าใสซื่อใส่เขา เมื่อมันไปกินอะไรที่รู้ว่าไม่ควรกิน หรือทำอะไรที่รู้ว่าไม่ควรทำเท่านั้น มันชอบทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เพื่อกลบกลื่อนความผิด

“มีอะไรไม่ชอบมาพากล นี่ ไสหัวไป เจ้าแอบกินอะไรแปลกๆ ลับหลังข้าเช่นนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อเขม็งมองด้วยสายตาเคลือบแคลง

เจ้าลาเริ่มกระวนกระวายทันทีที่ได้ยิน มันหันมามองหวังเป่าเล่อด้วยสายตางุนงงไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ความพยายามกลบเกลื่อนพิรุธทำให้หวังเป่าเล่อรู้ทันทีว่า ตนเอง    คิดถูก แต่ไม่ว่าเขาจะสำรวจบริเวณโดยรอบเท่าใดก็ไม่พบสิ่งใดเลย ชายหนุ่มมอง     เจ้าลาตัวแสบอีกครั้งก่อนเดินนำหน้ามันไปในโพรง

เจ้าลาดีใจเนื้อเต้นเมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อมองไม่เห็นสิ่งใด มันเดินตามสองสามก้าวและเริ่มส่งเสียงร้องอย่างสุขใจ ชายหนุ่มและลาของเขามุ่งหน้าเข้าไปในโพรงที่     ทอดยาว แต่ระหว่างนั้นชายหนุ่มกลับรู้สึกปวดหัวตุบและสงสัยในสิ่งที่ไร้คำตอบ

ทันทีที่คู่หูคนและสัตว์หายเข้าไปในโพรงที่เจ้าลากินหญ้าเสียราบเรียบ เด็กชายสีโลหิตก็ปรากฏกายขึ้นอย่างช้าๆ

เขาไม่เหลือคราบความหยิ่งทะนงอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ความโกรธของเขาเจือไปด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัว แขนขวาขาดครึ่งด้วย  รอยกัดหมดจด…

เด็กชายกัดฟันกรอด ดูเหมือนว่าอยากตามไปล้างแค้น แต่เมื่อก้มลงมองแขนกุดๆ ของตนเองตัวก็สั่นอย่างรุนแรง เด็กชายตัดสินใจไม่ถูกว่าตนเองควรทำอย่างไรดี

เขาขบกรามแน่นก่อนมองเขม็งไปในโพรง ดวงตามีความจองเวรแต่ก็ไม่กล้าตามไปล้างแค้นให้สาสม สุดท้ายแล้วเด็กชายสีโลหิตก็ตัดสินใจหันหลังกลับด้วยความ     ขุ่นเคืองเพื่อมุ่งหน้าไปอีกทาง

หากมีใครได้เห็นเหตุการณ์นี้ คงจะเห็นได้ว่าแววตาเคียดแค้นของเด็กชายนั้นไม่ได้พุ่งตรงไปที่หวังเป่าเล่อ แต่เป็นลาของเขา…

แรงอาฆาตเข้ากระดูกดำ… ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

หวังเป่าเล่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลิกคิดเรื่องพฤติกรรมแปลกๆ ของเจ้าลา ขณะที่มุ่งหน้าเข้าไปในโพรงเรื่อยๆ หญ้าสีโลหิตก็เบาบางลงจนหายไปในที่สุด หวังเป่าเล่อเห็นแสง  สีแดงเข้มข้นเจิดจ้าอยู่ตรงหน้า พร้อมเสียงการต่อสู้อันดุเดือด ตอนนั้นเองเจ้าลาก็    ตัวสั่นเทิ้มและบรรลุปราณลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นสี่

หวังเป่าเล่อจนด้วยคำพูดเมื่อเห็นเจ้าลากินจนตัวมันเองบรรลุปราณ เขาทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่ายและมุ่งหน้าตรงไปยังแสงสีแดงเจิดจ้านั้น ชายหนุ่มหยุดก่อนที่จะถึงปลายโพรง และได้เห็นถ้ำขนาดใหญ่อยู่ที่ปลายทางผ่านสายตาของกองทัพยุง!

แสงสีแดงชาดเหมือนเลือดสดๆ สาดส่องออกจากถ้ำนั้น แสงนั้นสว่างเจิดจ้า   กลืนกินทุกสิ่งภายในอุโมงค์ และฉายออกจากจุดกำเนิดแสงนับร้อย!

ในถ้ำมีถุงก้อนเนื้อหลายร้อยก้อนติดอยู่ทั่วผนังและเพดาน ถุงก้อนเนื้อแต่ละก้อนกว้างราวสองถึงสามเมตร แต่ละถุงปล่อยแสงสีแดงแสบตาออกมา

เมื่อมองใกล้ๆ จะเห็นผู้ฝึกตนนอนสลบไสลอยู่ในถุงเนื้อเหล่านั้น ทุกคนหลับตานิ่ง    ไม่ไหวติง ราวกับถุงก้อนเนื้อกำลังดูดพลังชีวิตของพวกเขาไป

หวังเป่าเล่อสมองแทบระเบิดเมื่อเห็นภาพตรงหน้าผ่านสายตาของยุง              เขาหอบหายใจถี่ พลันนึกไปถึงเหตุการณ์การเผชิญหน้ากับต้นไม้ยักษ์ที่แอ่งแผ่นดิน  เค่อหลุน… ที่เขาเจอเข้ากับผู้ฝึกตนซึ่งถูกต้นไม้ยักษ์กลืนกิน

เหตุการณ์ทั้งสองนี้… เหมือนกันเกินไป!

ต้นไม้ยักษ์วางแผนจะปฏิวัติเช่นนั้นหรือ หวังเป่าเล่อตาเบิกโพลง เกือบถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอด แม้จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในถ้ำนั้นแล้วว่า ต้นไม้ยักษ์กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับศพยักษ์สูงสามสิบเมตร เสียงระเบิดที่เขาได้ยินก่อนหน้าก็มาจากฉากการต่อสู้นี้

ต้นไม้ยักษ์ไม่ได้รับมือกับคู่ต่อสู้อยู่คนเดียว แต่มีเฉินเฟิงร่วมทัพด้วย ทั้งสองผนึกกำลังกันจึงต้านศพยักษ์ไว้ได้ ศพยักษ์มีหนังหยาบหนาและเนื้อที่หนายิ่งกว่า ถึงกำลังเน่าเปื่อยผุพังแต่ก็ยังมีแรงต้านทานที่แข็งแกร่ง ควันพิษกระจายออกจากปาก        เมื่อมันคำราม ทั้งต้นไม้ยักษ์และเฉินเฟิงจำต้องถอยหนีอย่างไม่มีทางเลือก

ต้นไม้ยักษ์ดูโกรธเกรี้ยว ความเย็นชาเย็นฉายขึ้นในดวงตาพร้อมรังสีสังหาร

หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกให้กับภาพตรงหน้า เขาไม่ได้หนีไปในทันที แต่พินิจถึงทางหนีทีไล่ของตนเองอยู่พร้อมส่งยุงออกไป ยุงทั้งเก้าตัวพุ่งเข้าใส่ถุงเนื้อเรืองแสง พยายามกัดเพื่อแทรกตัวเข้าไปในถุง แต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก

ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หวังเป่าเล่อก็สั่งให้ยุงสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักดวงตาของชายหนุ่มก็เป็นประกายวาบ เขาเห็นถุงเนื้อก้อนหนึ่งแขวนอยู่ด้านขวาของถ้ำผ่านสายตายุง ในถุงนั้นมีร่างของหลินเทียนหาว!

หลินเทียนหาวดูอ่อนแรงเหมือนใกล้จะเสียชีวิตอยู่รอมร่อ หากหวังเป่าเล่อมาถึงช้ากว่านี้อีกหน่อยคงหมดหวัง

ไหนๆ ข้าก็อยู่ที่นี่แล้ว มาลองให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปข้าง มันจะมีอะไรให้ต้องกลัวกัน หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอด เขาพุ่งตัวออกจากโพรงด้วยความเร็วเหลือล้นไปยังถ้ำ      เบื้องหน้า ชายหนุ่มเมินการต่อสู้ที่กำลังปะทุอยู่ตรงหน้า และตรงเข้าไปหา           หลินเทียนหาวในทันที

เขาร้องตะโกนขณะพุ่งเข้าไป พลังปราณพวยพุ่งเข้าสู่อาวุธเวทในมือ แสงสีดำระเบิดจ้าออกจากกระบี่สีดำ พายุมืดอุบัติขึ้นที่ด้านหลังหวังเป่าเล่อ จระเข้สีดำกระโจนออกมาจากกระบี่และแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำสูงเสียดฟ้า พลังที่ไหลบ่าออกมาจากลำแสงนั้นรุนแรงมาก จนมีเพียงผู้ฝึกตนระดับรากฐานตั้งมั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้นจึงจะทำได้ คมกระบี่ทรงพลังของชายหนุ่มตัดลงที่ถุงเนื้อของ             หลินเทียนหาว

เสียงดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วถ้ำ ถุงเนื้อที่ว่าแข็งแกร่งยังต้านทานพลังกระบี่ของหวังเป่าเล่อไม่ไหว จึงระเบิดและฉีกขาดในทันที

หวังเป่าเล่อควบคุมพลังกระบี่ได้ดีเยี่ยม แม้ถุงเนื้อจะระเบิด แต่หลินเทียนหาวที่อยู่ข้างในกลับไม่เป็นอันตรายแม้แต่เส้นผม!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version