Skip to content

A World Worth Protecting 377

บทที่ 377 ปฏิบัติการช่วยเหลือ

หวังเป่าเล่อมีสองทางเลือก เขาจะรอให้เจ้านครมาก็ได้ หรือเขาจะ…เข้าไปช่วยเหลือในทันที แต่ก็ไม่ต้องมัวคิดให้ปวดหัว พอพบว่าชีวิตพวกกงเต๋ากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ชายหนุ่มก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาตายได้

เขาไม่ลังเลใจ สั่งการให้ฝูงยุงพุ่งผ่านกองทัพอสูรเข้าไปล้อมพวกกงเต๋าไว้ ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อที่อยู่ในศูนย์ควบคุมก็อ้าปากพูดขึ้น

“เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือ!”

ทันทีที่ประกาศเช่นนั้น เหล่าผู้ฝึกตนจากกองทัพก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาพร้อมกรูกันเข้าไปในสุสานอย่างไม่ลังเลใจ หวังเป่าเล่อสั่งการให้หลินเทียนหาวและจินตั้วหมิงเรียกเหล่าลูกน้องของทั้งสองมาช่วยด้วย

ชายหนุ่มจะไม่เข้าไปในสุสานก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่เข้าไปด้วยก็จะไม่มีใครบอกตำแหน่งที่ถูกต้องของกงเต๋าได้ ซึ่งอาจทำให้กลุ่มช่วยเหลือต้องเสียเวลาในการตามหา

หวังเป่าเล่อไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตนใช้ฝูงยุงคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้        เขาเงียบอยู่สักพักก่อนจะกัดฟันแน่นนำกลุ่มช่วยเหลือเข้าไปในสุสานด้วยตนเอง

“ท่านนายกเทศมนตรี!” หลินเทียนหาวและจินตั้วหมิงตื่นตะลึงไปขณะมอง    หวังเป่าเล่อพุ่งออกจากศูนย์ควบคุม มุ่งหน้าไปยังเขตสุสานอาวุธเทพใต้ดิน          อย่างรวดเร็ว วงแหวนปราณปลดปล่อยพลังสังหารฝูงอสูรลงไปมาก เมื่อเห็น         ทางสะดวก หวังเป่าเล่อก็นำกลุ่มผู้ฝึกตนจากกองทัพหลายพันคนเข้าไปในสุสาน

ไม่ได้มีแค่หลินเทียนหาวและจินตั้วหมิงที่ตื่นตะลึงเมื่อเห็นชายหนุ่มมุ่งหน้าเข้าไปในสุสาน เหล่าผู้ฝึกตนจากกองทัพต่างรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก พวกเขามองหวังเป่าเล่อ    ต่างไปจากเดิม

ไม่ต้องรอให้ชายเบื้องหน้าเอ่ยพูดอะไร กลุ่มผู้ฝึกตนก็รีบวิ่งเข้าไปยืนรายล้อม  หวังเป่าเล่อราวกับเป็นค่ายกลคุ้มกัน ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในสุสานด้วยความเร่งรีบ

หลินเทียนหาวสูดหายใจลึกสองสามครั้ง ดวงตาของเขาเจือสีแดงดูสับสน สุดท้ายเขาก็กัดฟันแน่นและพุ่งตามเข้าไปเช่นกัน จินตั้วหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหยเก     แต่ชายหนุ่มก็ลังเลใจอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะตามหลังเข้าไปในสุสานพร้อมกลุ่ม        ผู้คุ้มกันของตน

กองทัพผู้คนจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนพุ่งฝ่าดงอสูรเข้าไป กลุ่มผู้ฝึกตนที่เพิ่งได้รับคำสั่งต่างแห่แหนตามเข้าไปในสุสานจากทุกส่วนของเขตนครใหม่ มีคนกรูเข้าไปในสุสานไม่หยุดหย่อน

หลี่อี้เพิ่งจะตามมาถึง นางขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก่อนจะเหยียดยิ้มขึ้น

พวกโง่! นางดูแคลนการกระทำของเหล่าผู้ที่เข้าไปในสุสาน เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดจะตามเข้าไป คิดว่าไม่คุ้มเอาเสียเลยที่จะเอาชีวิตมากมายไปเสี่ยงภัยเพื่อช่วยเหลือ  คนแค่ไม่กี่คน

ในฐานะรองนายกเทศมนตรีแล้วนางไม่ควรตามเข้าไป นางคิดว่าพวกหวังเป่าเล่อช่างกระทำไปอย่างขาดวุฒิภาวะยิ่งนัก

เมื่อคิดเช่นนั้น ดวงตาของหลี่อี้ก็ฉายแสงวาบ นางยืนอยู่ในศูนย์ควบคุม ในหัวผุดความคิดหนึ่งขึ้น…

ถ้าหวังเป่าเล่อตายในนั้น ข้าก็จะได้ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรี…

ขณะที่หลี่อี้กำลังหมกมุ่นกับความคิดในหัว ถัดไปในสุสานอาวุธเทพใต้ดิน      กลุ่มผู้ฝึกตนหลายหมื่นคนก็ได้ตรวจสอบและค้นหาพวกกงเต๋าอย่างสุดความสามารถภายใต้การนำของหวังเป่าเล่อ หลินเทียนหาว และจินตั้วหมิง

ด้านในสุสานนั้น แม้วงแหวนปราณจะสามารถสังหารเหล่าอสูรได้แต่ก็มีพลังน้อย ช่วยพวกเขาได้ไม่มากเท่าไหร่ โชคดีที่อสูรถูกสังหารลงไปมากแล้ว ประกอบกับมี   หวังเป่าเล่อคอยนำทัพ ทำให้กลุ่มช่วยเหลือสามารถเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ติดขัด พวกเขาเป็นดังคลื่นยักษ์หลายระลอกที่ซัดถาโถมเข้าใส่ภายในสุสาน กลืนกิน         ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่าน

เสียงร้องคำรามจากการรบราฆ่าฟันดังก้องไปทั่ว เสียงร้องโหยหวนด้วย       ความเจ็บปวดดังระงม ฝูงอสูรลดจำนวนลงไปมาก พวกเขาเดินหน้าฆ่าฟันอย่างต่อเนื่องจนเข้ามาถึงช่วงกลางของสุสาน ห่างจากจุดที่พวกกงเต๋ากำลังต่อสู้เอา      ชีวิตรอดไปไม่ไกล

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องคำรามลั่นมาจากส่วนลึกสุดของสุสาน มีไอเย็นพวยพุ่งออกมาพร้อมเสียงที่ดังก้องไปทั่ว

ไอเย็นประหลาดให้สัมผัสเหมือนดังฤดูหนาวเข้าปกคลุมภายในสุสาน ชั้นน้ำแข็งขึ้นเกาะบนผนังที่อยู่รายรอบ กลุ่มช่วยเหลือตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าดูตื่นตระหนก รู้สึกราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นพร้อมไอเย็นและกำลังกัดกินร่างกาย เข้าแทรกซึมพยายามรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวกับสุสาน

ทันใดที่ไอเย็นพวยพุ่งออกมา เหล่าอสูรรอบๆ ก็คลุ้มคลั่งขึ้น ถูกความดุร้ายเข้าครอบงำ พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีโดยปราศจากสตินึกคิด

หวังเป่าเล่อหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายตรงหน้า    คนอื่นอาจไม่รู้ว่าไอเย็นนี้คืออะไร แต่หวังเป่าเล่อรู้ ทันใดที่ไอเย็นปรากฏขึ้น เปลวไฟ  สีดำในตัวเขาก็ลุกโชน สัมผัสได้ว่าเปลวไฟสีดำกำลังหิวกระหายอยากกลืนกินไอเย็นนี้!

กายาวิญญาณขั้วลบ…หรือว่าจะเป็นปราณมืดที่แม่นางน้อยเคยพูดถึง หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองมากนัก เขาสังเกตเห็นว่าผู้คนรอบข้างเริ่มมีใบหน้าซีดเผือด บางคน  ดูมึนงงไร้สติขณะที่น้ำแข็งเริ่มเกาะตัวเป็นชั้นบนร่างกายพวกเขา

หวังเป่าเล่อกัดฟันแน่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาไม่ลังเลใจ รีบกระตุ้นเปลวไฟสีดำให้เริ่มดูดกลืนในทันใด!

ไอเย็นรอบบริเวณเหมือนจะหยุดชะงักไป จากนั้นก็เปลี่ยนทิศพุ่งเข้าไปหา      หวังเป่าเล่อแทนที่จะแผ่กระจายไปปกคลุมทั่วพื้นที่ต่อ ชายหนุ่มตัวสั่นกระตุก       เมื่อได้รับปราณมืดเข้าร่าง เปลวไฟสีดำภายในกายลุกโชติช่วงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนดังมีฝนตกลงบนพื้นดินแห้งแล้ง ระดับพลังปราณในร่างของเขาพุ่งสูงขึ้น ดวงตาฉายแสงโรจน์ ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปได้อย่างรวดเร็วและมีพละกำลังแข็งแกร่งขึ้นมาก

คมกระบี่ฟาดฟันลงใส่อสูรตัวหนึ่งจนร่างแยกเป็นสองท่อน ทว่าหวังเป่าเล่อยังคงเป็นกังวล แม้จะเริ่มดูดปราณมืดในสุสานเข้ามาได้ แต่แค่เขาคนเดียวคงไม่สามารถช่วยทุกคนได้ ผู้คนรอบข้างยังโดนไอเย็นเข้าเล่นงาน ที่เขากำลังทำตอนนี้เป็นแค่    การชะลอเวลา ไม่นานทุกคนคงจะโดนไอเย็นจัดการกันหมด

หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าหากโดนไอเย็นเข้าแทรกซึมโดยสมบูรณ์จะเป็นเช่นไร           แต่ก็พอจะเดาภาพได้ว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือความตาย หากคนหลายหมื่นคนที่เข้ามาในสุสานเป็นอะไรไป คงจะถือเป็นการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ของชายหนุ่มที่เลือกเข้ามาช่วยเหลือด้วยตนเอง

บ้าจริง!

ขณะที่กำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าคงต้องเลือกระหว่างถอยหนี หรือ…เร่งความเร็วดูดปราณมืดเข้าไป…

เมล็ดดูดกลืน! เขาร้องคำรามในใจ ตัดสินใจลองเสี่ยงดูสักตั้ง เมล็ดดูดกลืนภายในกายตื่นตัวด้วยการนำจากเปลวไฟสีดำ พลังดูดกลืนทวีคูณขึ้นหลายเท่า ปราณมืด   เย็นยะเยือกในอากาศพุ่งไปทางหวังเป่าเล่อด้วยจำนวนที่มากขึ้นและรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม

ราวกับว่าชายหนุ่มกลายเป็นหลุมดำที่คนภายนอกมองไม่ออก เขาดูดกลืนไอเย็นรอบกายอย่างบ้าคลั่งส่งผลให้ผู้ฝึกตนรอบกายสั่นกระตุก เริ่มได้สติกลับคืน พวกเขาต่างมีสีหน้าตื่นกลัว ขณะที่กำลังฟื้นตัวหลังจากรอดพ้นจากอันตรายได้นั้น             หวังเป่าเล่อก็ร้องคำรามขึ้น

“ตามข้ามา! สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือไปช่วยพวกที่ติดอยู่ข้างใน!” เสียงตะโกนของหวังเป่าเล่อสร้างความตื่นตกใจให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ รวมถึงหลินเทียนหาวและ        จินตั้วหมิง พวกเขามุ่งหน้าต่อไปแข่งกับเวลา ในที่สุดทุกคนก็เห็นกงเต๋าในสภาพบาดเจ็บสาหัส ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือด กำลังรับมือกับเหล่าอสูรด้วยร่างกายอันสั่นเทา!

บรรดาลูกน้องของเขากลายเป็นศพไปหมดแล้ว…

กงเต๋าเตรียมใจตายไว้แล้ว เขาคิดว่าโอกาสรอดเดียวที่เหลืออยู่คือคอยคนมาช่วย แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ห่างเหินของตนและหวังเป่าเล่อ ทำให้ชายหนุ่มคิดว่าอีกฝ่าย  คงเลือกที่จะรายงานไปยังเจ้านครและรอการช่วยเหลือจากนาง

แม้ว่าจะดำเนินการรวดเร็วเพียงใด ตนก็ไม่น่าจะมีชีวิตรอดจนการช่วยเหลือมาถึง กงเต๋ามองลูกน้องตนเองโดนสังหารไปคนแล้วคนเล่า นัยน์ตาแดงก่ำเต็มไปด้วย   ความสิ้นหวัง การสำรวจครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับสุสานเยอะมาก         มีหลายเรื่องที่ชายหนุ่มยังไม่ได้บอกหวังเป่าเล่อ เขารู้ดีว่าหากไม่ระเบิดพลีชีพ     ตนเองเสีย…ไม่นานศพของเขาก็จะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของสุสานอาวุธเทพใต้ดินกลายเป็นอสูรตนหนึ่งในกองทัพ เพื่อนๆ และบรรดาลูกน้องคงจะได้เห็นตนเองปรากฏตัวพร้อมๆ กับเหล่าอสูร

กงเต๋ามองเหล่าอสูรรอบๆ ที่กำลังจะพุ่งเข้ามาใส่อีกครั้ง เขาฉีกยิ้มด้วย        ความเจ็บปวดก่อนจะร้องคำรามลั่นเตรียมระเบิดพลีชีพตนเอง

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงร้องตื่นตะลึงดังขึ้น ฟังดีๆ ก็ได้ยินเสียงลมหายใจของมนุษย์พร้อมเสียงระเบิดหลายระลอก

ชายหนุ่มไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นท่ามกลางแสงวาบจากคาถาวิชาต่างๆ พลันวัตถุเวทก็ยิงกระสุนไปตรงหลุมที่กงเต๋าอยู่ ก่อนจะระเบิดออก

เหล่าอสูรในหลุมที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่กงเต๋ากรีดร้องลั่นท่ามกลางการระเบิด   หลายระลอก เลือดเนื้อของพวกมันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กงเต๋าที่    รอดตายมาได้อย่างฉิวเฉียดหันไปมองหวังเป่าเล่อที่กำลังถืออาวุธเวทในมือ ชายหนุ่มเบื้องหน้าพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนจะจับเขาไว้ ด้านหลังหวังเป่าเล่อมีกองทัพผู้ฝึกตนในสภาพบาดเจ็บสะบักสะบอม

“เจ้า…” กงเต๋าตื่นตะลึง พยายามดิ้นออกตามสัญชาตญาณ ไม่ทันจะพูดได้จบประโยคก็เห็นสายตาของหวังเป่าเล่อสั่งให้หุบปากเสียก่อน

“กงเต๋า เจ้ามันโง่เง่าสิ้นดี!” มือหนาของหวังเป่าเล่อที่กำลังโกรธจัดพุ่งหลบ     การปัดป้องของกงเต๋าเข้าไปจับหมับที่คอชุดคลุม จากนั้นก็โยนอีกฝ่ายไปทางกลุ่ม     ผู้ฝึกตนจากกองทัพที่อยู่ด้านหลัง

“รีบหนีเร็ว!” ในใจหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความกังวลใจ ชายหนุ่มสังหรณ์ว่า     จะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น หลังจากสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งในสุสานกำลังตื่นขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากที่ตนเข้ามา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version