Skip to content

A World Worth Protecting 381

บทที่ 381 ปัญหา!

เมื่อต้องเผชิญกับความเกรี้ยวกราดของหวังเป่าเล่อ หลี่อี้ก็หรี่ตาลงและรับแผ่นหยก   ที่หวังเป่าเล่อโยนให้ นางจ้องมองมันครั้งหนึ่งก่อนจะทำสีหน้าจริงจัง หญิงสาวรู้ดีว่าสิ่งที่นางทำนั้นวันหนึ่งจะต้องมีคนรู้เข้าจนได้ แต่ไม่นึกเลยว่าความจะแตกเร็วถึง    เพียงนี้ ความจริงแล้วนางมีมาตรการที่จะประวิงเวลาเอาไว้

แผนที่หลี่อี้ตั้งใจจะทำไปพร้อมๆ กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต้องการเวลาเพิ่มอีกสักหน่อยจึงจะสำเร็จ หลังจากที่ทุกอย่างลงตัว นางก็จะเผยแผนการที่แท้จริงและต่อกรกับหวังเป่าเล่อซึ่งๆ หน้า

ทว่าแผนกลับถูกเปิดโปงเร็วกว่าที่หญิงสาวคาดการณ์เอาไว้ นางหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง สีหน้ายิ่งขึงขังขึ้นอีกเมื่อนางวางแผ่นหยกลงและเอ่ยอย่างแช่มช้า

“ข้าคิดว่าปัญหานี้เกิดเพราะบรรดาคนงานตัดสินใจกันเองโดยพลการ              ข้าจะจัดการควบคุมเรื่องนี้เอง”

หลิวเทียนหาวหรี่ตาลงแต่ไม่ได้เอ่ยคำ กงเต๋าขมวดคิ้ว ขณะที่จินตั้วหมิงจ้องหลี่อี้เขม็ง พวกเขารู้ดีว่านางกำลังพยายามกล่าวโทษคนอื่น

หวังเป่าเล่อจ้องหลี่อี้อย่างเย็นชา ไร้ซึ่งความเป็นมิตรในดวงตา เขาโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา ขณะกำลังใคร่ครวญว่าจะใช้โอกาสนี้อัดหลี่อี้ให้ยับดีหรือไม่        หวังเป่าเล่อก็รู้สึกว่ามีร่างสามร่างภายนอกห้องทำงานกำลังควบคุมพลังปราณของเขาเอาไว้

ร่างทั้งสามนั้นไม่ใส่ใจปกปิดพลังปราณระดับกำเนิดแก่นในของตนสักนิด ทั้งสามเป็นองค์รักษ์ของหลี่อี้ที่มาจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า หากพูดให้ชัดก็คือ พวกเขามีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้กับสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าในเขตนครใหม่

ทั้งสามมาจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาว สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวสาขาย่อย และสำนักศึกษาเต๋าธารสวรรค์ สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ส่งผู้ฝึกตนขั้นสูงมาเพราะเห็นได้ชัดว่านี่คือหนึ่ฝในแผนการหยุดยั้งหวังเป่าเล่อ

อย่างไรเสีย เขตนครใหม่ก็สำคัญไม่ใช่น้อย เพราะตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหลี่อี้หรือจินตั้วหมิงก็ล้วนมีองค์รักษ์คอยอารักขาอยู่เสมอ มีเพียงหลินเทียนหาวและกงเต๋าเท่านั้นที่ไม่มีใคร เพราะแม้หลินเทียนหาวจะมีปูมหลัง       ไม่ธรรมดา แต่เขามาด้วยตัวเองไม่ได้เป็นตัวแทนของเหล่าเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่

ในทางตรงข้าม กงเต๋าเป็นตัวแทนของกองทัพชาวอังคาร ซึ่งถือเป็นองค์กรภายในของดาวอังคารเอง เมื่อสามารถเดินทางผ่านการเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างสะดวกสบาย จึงไม่มีความจำเป็นต้องมีคนอารักขา

ประกายเย็นยะเยือกสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อที่ถูกผนึกพลังปราณไว้ แม้เขาจะมีวิธีสั่งสอนหลี่อี้ทั้งๆ ที่โดนผนึกอยู่ก็ตาม แต่เมื่อตรึกตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็กลืนเอาความรู้สึกเกลียดชังลงไป ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ลงมือทันทีและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างกึกก้อง

“การเคลื่อนย้ายผู้คนสำคัญที่สุดในตอนนี้ แถมยังต้องมีการแบ่งเขตปกครองในเขตนครใหม่ด้วย ในเมื่อวันนี้ทุกคนก็อยู่ที่นี่แล้ว เรามาแบ่งเขตนครออกเป็นสี่ส่วน   กันเถิด โดยข้าจะให้พวกเจ้าแต่ละคนดูแลการก่อสร้างในแต่ละเขต ฝั่งทิศใต้และ      ทิศตะวันออกจะอยู่ภายใต้การดูแลของรองนายกเทศมนตรีหลินเทียนหาวและ      รองนายกเทศมนตรีจินตั้วหมิง ฝั่งทิศเหนือให้เป็นของรองนายกเทศมนตรีกงเต๋า    ส่วนรองนายกเทศมนตรีหลี่อี้ให้ดูแลฝั่งทิศตะวันตก ที่สำคัญกว่านั้น หลี่อี้ เจ้ายัง     ติดค้างคำอธิบายเรื่องนี้กับข้าอยู่!”

เมื่อหวังเป่าเล่อพูดจบ หลี่อี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ตอนที่พลังปราณของ     หวังเป่าเล่อถูกผนึกไว้ นางรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่า เพราะได้รับการสนับสนุนจาก        สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋า ทว่านางไม่ชอบใจสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดเอาเสียเลย

หวังเป่าเล่อไม่ได้บอกว่าจะตัดอำนาจที่มอบให้นางไปโดยสิ้นเชิง แต่กลับแบ่งอำนาจออกเป็นสี่ส่วน นางจึงเหลืออำนาจเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น

ทว่าหวังเป่าเล่อจับสิ่งที่นางทำได้แล้ว ดังนั้นต่อให้นางรู้สึกไม่พอใจ และต่อให้มี   สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าหนุนหลัง นางก็ไม่อาจหาข้ออ้างมาปฏิเสธได้ จึงทำได้เพียง    ถอนหายใจอยู่เงียบๆ

“ข้ามีคำอธิบายให้เจ้าแน่นอน ถ้าไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าจะไปรีบไปสืบสวนเรื่องนี้     ขอตัวก่อน!” พูดจบหลี่อี้ก็หันหลังให้ราวกับเป็นนกยูงรำแพนและเดินออกจากห้องทำงานไป

ความเงียบเข้าปกคลุมในทันที จินตั้วหมิงที่เพิ่งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่งจมอยู่กับความคิดของตน ชายหนุ่มรู้สึกว่าหวังเป่าเล่อเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกของตนไว้ไม่ได้  ทว่าเมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหวังเป่าเล่อสามารถจัดการปัญหาได้อย่างคล่องแคล่วและ     มีเกียรติ สัญชาตญาณของจินตั้วหมิงก็บอกเขาว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล        ชายหนุ่มสงสัยว่าหวังเป่าน่าจะกำลังวางแผนใหญ่อยู่ในใจเป็นแน่!

นี่คือส่วนหนึ่งของแผนการกำจัดหลี่อี้ออกไปให้พ้นทาง จินตั้วหมิงถอนหายใจ เขาไม่คิดเตือนหลี่อี้ เพราะหากทำเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการสะบั้นความสัมพันธ์กับ   หวังเป่าเล่อลงโดยปริยาย ดังนั้นหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่นาน เขาก็หันหน้าไปมอง     กงเต๋า ก่อนจะเห็นว่าฝ่ายนั้นหลุบศีรษะลงต่ำ แสดงความไม่สนใจเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง จินตั้วหมิงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นยกมือคำนับและเดินจากไป

เมื่อจินตั้วหมิงจากไปแล้ว กงเต๋าจึงเงยหน้าขึ้น เขาดูราวกับว่าต้องการจะพูดบางสิ่ง แต่ก็หยุดตนเองเอาไว้แล้วเดินจากไปเช่นกัน ในไม่ช้าก็เหลือเพียงหวังเป่าเล่อและหลินเทียนหาวอยู่ในห้องทำงานกันเพียงลำพัง

หลินเทียนหาวรู้สึกไม่พอใจนัก สำหรับเขาแล้ว วิธีที่หวังเป่าเล่อใช้จัดการเรื่องในครั้งนี้นั้นโอนอ่อนเกินไป เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ใต้เท้า ท่านจะปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ”

ประกายล้ำลึกปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เขาเคาะโต๊ะอยู่สองสามครั้งก่อนจะเปิดปากพูด

“เทียนหาว เจ้าช่วยบันทึกการสนทนาทั้งหมดของวันนี้ รวมถึงรายละเอียด      ทุกอย่างลงบนแผ่นหยกและส่งไปให้ท่านเจ้านครทีเถิด ในเมื่อรองนายกเทศมนตรี   หลี่อี้ลั่นวาจาว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เราก็ไม่ควรถือสาหาความกับนางอีก”

เมื่อไม่มีทางเลือก หลินเทียนหาวก็ได้เพียงพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นและเดินจากไปนั้น หวังเป่าเล่อก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“นอกจากนั้น เจ้าจงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการชะลอเวลาเคลื่อนย้ายผู้คน และตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องจับตาดูเขตนครฝั่งตะวันตกของหลี่อี้อีกต่อไป สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ จัดการเขตนครส่วนอื่นๆ ที่นางไปสร้างความวุ่นวายเอาไว้ให้เรียบร้อย!”

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหวังเป่าเล่อนั้นชัดเจน ขณะที่หลินเทียนหาวฟังไป ลมหายใจของเขาก็ถี่ขึ้น ชายหนุ่มรู้สึกถึงความชั่วร้ายบางอย่างในถ้อยคำของ        หวังเป่าเล่อ เขารีบแสดงท่าทีรับรู้คำสั่งและขอตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทุกคนจากไปแล้ว หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็หลับตาลง ดูราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อท้องฟ้ามืดลงและความมืดโรยตัวปกคลุมห้องทำงาน    หวังเป่าเล่อก็ถูกกลืนหายไปกับความมืด มีเพียงเสียงพึมพำของเขาที่ลอยอยู่ในอากาศ

“หลี่อี้ หากว่าเจ้าซื่อตรงก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเลย แต่หากเจ้าประสงค์ที่จะตายแล้วละก็ ข้าก็จะให้เจ้าได้สมดังใจ!”

จริงดังที่หวังเป่าเล่อได้คาดการณ์ไว้ แม้ว่าหลี่อี้จะส่งคำสั่งให้มีการสืบสวน        แต่ก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น นางแสร้งทำเป็นว่ากำลังเริ่มการซ่อมแซม

แต่ก็ทำเพียงผิวเผิน นางแทบไม่ได้จัดการอะไรกับแก่นหลังเลย แต่กลับเร่ง     การก่อสร้างให้เร็วขึ้นอีก

อย่างไรก็ดี เมื่ออำนาจของหลี่อี้ถูกลดทอนลง ขณะนี้นางจึงมีอำนาจเหนือเพียงเขตนครฝั่งตะวันตก ไม่ใช่ทั้งเขตนครเช่นเดิม จึงทำได้เพียงเปลี่ยนเขตนครฝั่งตะวันตกให้เป็นนครโลกาศักดิ์สิทธิ์ของนางเอง

หลี่อี้ยังคงเชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้วนางจะพิสูจน์ได้ว่าตัวนางเองคือตัวแทนที่เหมาะกับตำแหน่งนายกเทศมนตรีที่สุด หวังเป่าเล่อ เจ้าหมูตอน ทำดีเพียงเพราะหลอกลวงประชาชนเท่านั้น

แต่กระนั้นนางก็รู้ดีว่าแผนของตนไม่ควรถูกเปิดโปงอีก อย่างน้อยๆ ก็จนกว่า  นครโลกาศักดิ์สิทธิ์จะเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นหญิงสาวจึงระมัดระวังตัวขึ้นเป็นพิเศษ    นางปลดผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนและเอาคนของนางจากสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวมาแทนที่ทั้งหมด

ในขณะเดียวกัน หลี่อี้ก็ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ทำให้คนนอก           ไม่อาจเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ภายในได้ ต่างกับอีกสามเขตเป็นอย่างยิ่ง           พอหลินเทียนหาวเข้ามาควบคุม จินตั้วหมิงและกงเต๋าก็ยอมร่วมมือ พวกเขาซ่อมแซมแก้ไขทุกอย่างที่หลี่อี้ลอบเปลี่ยนแปลงไว้ และเริ่มก่อสร้างเขตนครใหม่ตามพิมพ์เขียวของหวังเป่าเล่อ

เวลาผ่านไปเช่นนั้นร่วมครึ่งเดือน ดูเหมือนว่าเจ้านครดาวอังคารจะได้รับ       แผ่นหยกไปแล้ว แต่เพราะเหตุผลบางประการ นางกลับไม่เคยเอ่ยปากถามถึง       เรื่องนั้นเลย แต่ออกคำสั่งเลื่อนการเคลื่อนย้ายผู้คนออกไป โดยกล่าวว่าเป็นเพราะความขัดข้องบางประการ

นอกจากนั้น ยังมีการทดสอบการต้านทานเหตุอสูรหลั่งไหลของเขตนครใหม่    อีกหลายครั้งในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา

ผลปรากฏว่าวงแหวนปราณของเขตนครใหม่ป้องกันอสูรได้ดีในทุกๆ ครั้ง       ส่วนเขตนครฝั่งตะวันตกที่หลี่อี้ดูแลอยู่ก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด

สิ่งนี้ทำให้นางยิ่งมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเหตุครั้งหนึ่งที่พลังของอสูรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และมีแสงมายารูปทรงกลมปรากฏขึ้นในเขตนคร            ฝั่งตะวันตกที่หลี่อี้ดูแล ซึ่งช่วยเพิ่มพลังให้กับผนึกในสุสานอาวุธเทพใต้ดิน ส่งผลให้อสูรตายเป็นจำนวนมาก

การทดสอบครั้งนั้นยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้หลี่อี้ขึ้นไปอีก นางมีหลักฐานแน่ชัดที่จะพิสูจน์ว่านครโลกาศักดิ์สิทธิ์ของนางเหมาะสมและทรงพลังกว่าปราการนิรันดร์ของหวังเป่าเล่อมากนัก!

ได้เวลายึดอำนาจแล้ว! หลี่อี้ที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เริ่มอดรนทนไม่ไหว        นางสรุปข้อได้เปรียบของนครโลกาศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงประสิทธิภาพของมันในการต้านทานเหตุอสูรหลั่งไหล และวางแผนจะติดต่อสำนักศึกษาเต๋ากวางขาวเพื่อออกเอกสารท้าทายหวังเป่าเล่ออย่างเป็นทางการ และส่งเรื่องให้นครอาณานิคม          ดาวอังคารแก้ไขตำแหน่งในแต่ละเขตนครใหม่ตามความเหมาะสม ทว่ามีความเปลี่ยนแปลงกะทันหันเกิดขึ้นในคืนนั้นเสียก่อน เป็นความเปลี่ยนแปลงที่นางไม่ได้เตรียมตัวรับมือแม้แต่น้อย!

ปากทางเข้าของสุสานใต้ดินแห่งใหม่ที่ดูเหมือนจะเชื่อมกับสุสานอาวุธเทพใต้ดิน ปรากฏขึ้นในเขตนครฝั่งตะวันตกที่หลี่อี้ดูแลอยู่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version