บทที่ 384 ทุกอย่างพร้อมแล้ว
การถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เป็นการลงโทษที่หนักหนาพอดูอยู่แล้ว การถูกขึ้นบัญชีดำโดยฝ่ายบริหารดาวอังคารให้ไม่ได้รับงานใดๆ บนดาวอังคารได้อีกนั้น ยิ่งร้ายแรงกว่า บทลงโทษนี้แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดของเจ้านคร
เป็นที่แน่ชัดว่านางต้องการแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมา การลงโทษหลี่อี้ยังเป็นการเตือนไปยังสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าและขั้วการเมืองอื่นๆ ว่าหากต้องการอยู่บนดาวอังคารก็ต้องปฏิบัติตามกฎที่นางตั้งเอาไว้!
พวกเขาต้องเลิกเล่นสกปรกและทำกิจกรรมใต้โต๊ะต่างๆ ในความเป็นจริงแล้ว เจ้านครคิดว่าโทษของหลี่อี้นั้นเหมาะสมเสียด้วยซ้ำ!
นางยังคิดด้วยว่าคงต้องจับตาดูหวังเป่าเล่อมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นนายกเทศมนตรีที่นางเชื่อใจและแต่งตั้งด้วยตัวเอง การที่มีรองนายกเทศมนตรีซึ่งมาจากขั้วการเมืองต่างๆ เข้ามาแทรกแซงและสร้างปัญหาทำให้นางไม่พอใจเป็นอันมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เมื่อหวังเป่าเล่อ เจ้าหนุ่มน้อย ทั้งกล้าหาญและมีความรับผิดชอบ ตอนที่กงเต๋าตกอยู่ในอันตรายเขาก็นำภารกิจช่วยเหลืออย่างกล้าหาญ ฝ่ายหลี่อี้นั้นนอกจากจะรักตัวกลัวตาย ยังมุ่งมั่นคิดแต่จะแย่งชิงอำนาจกับหวังเป่าเล่อแม้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ส่งผลให้เจ้านครมองนางแย่ลง
สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋ายังคงไม่มีท่าทีต่อการลงโทษหลี่อี้ สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ แม้พวกเขาจะไม่พอใจแต่คดีก็ถูกตัดสินไปแล้ว แม้ว่า พวกเขาคิดอยากแก้ไขปัญหาเยี่ยงมิตร แต่สหพันธรัฐกลับตอบรับคำสั่งของเจ้านครในทันที ความเร็วในการตอบรับนี้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของสหพันธรัฐที่มีต่อเรื่องนี้
สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวมีทางเลือกเพียงทางเดียว นั่นก็คือ…หันมาสนับสนุน หวังเป่าเล่อแทน หาไม่แล้ว สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวก็จะถูกตัดออกจากการแข่งขันแย่งชิงอำนาจไปโดยปริยาย
ส่งผลให้สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมามีอำนาจแทนและกลายมาเป็น สำนักศึกษาเต๋าหลักที่มีอำนาจพูดแทนทั้งสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าบนดาวอังคาร
หลังจากการทอดถอนใจเฮือกใหญ่ สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวก็พูดคุยปรึกษากันอยู่นานก่อนจะตัดสินใจติดต่อไปยังสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพูดคุยและต่อรองกันอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจสนับสนุนหวังเป่าเล่ออย่างเต็มที่!
การสนับสนุนนั้นเห็นได้ชัดทันทีในเขตนครใหม่ อากัปกิริยาของผู้ที่มาจาก สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าต่อหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไป ทุกคนฟังคำสั่งเขาอย่างดี ขณะเดียวกัน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เคยพยายามจะส่งคนเข้าไปในเขตนครใหม่แล้วถูกขัดขวางในตอนแรก ก็สามารถส่งศิษย์จำนวนมากไปเพื่อสนับสนุนหวังเป่าเล่อได้แล้ว
หวังเป่าเล่อไม่รอช้า แต่งตั้งบรรดาศิษย์จากสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ในเขตนครใหม่ทันที เกิดการโยกย้ายแต่งตั้งอย่างชุลมุนอยู่พักใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับจินตั้วหมิงและกงเต๋าเช่นกัน พวกเขาแบ่งตำแหน่งมากมายที่ว่างลงหลังจากที่หลี่อี้จากไประหว่างกัน หลินเทียนหาวเองก็ต้องการทำเช่นเดียวกัน ทว่าหลังจากที่ได้ปรึกษาบิดาแล้ว หลินโยวก็ตัดสินใจไม่ส่งคนของเขาไปยังเขตนครใหม่เพิ่มเติม เขาตั้งใจจะถอยหลังออกมาและฝากความหวังเอาไว้ที่ หวังเป่าเล่ออย่างสมบูรณ์
ณ เวลานี้ ไม่มีใครสนใจหลี่อี้อีกแล้ว แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะคิดถึงเรือนร่างอันเย้ายวนของนางบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็หมดเวลาไปกับการคิดว่านางทำตัวไร้หัวคิดเพียงใดมากยิ่งกว่า
อีกคนหนึ่งที่คิดถึงหลี่อี้อยู่บ่อยครั้งได้แก่จินตั้วหมิง ชายหนุ่มรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสทอง ที่จะทำให้หลี่อี้ยอมอ่อนข้อให้ตน
เขามั่นใจยิ่งว่าสามารถช่วยนางได้ในช่วงเวลาคับขันนี้ เพียงแค่หยิบยื่น ความช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น หลี่อี้ก็จะตกเป็นของเขา แต่กระนั้น ชายหนุ่มกลับ ทำเพียงยิ้มบางให้กับความคิดนั้น
ได้เวลาเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว สำหรับข้าแล้ว หลี่อี้ไม่น่าสนใจอีกต่อไป ข้าคิดว่า…พี่สาวของหลี่ซิ่ว หลี่หว่านเอ๋อร์ น่าจะท้าทายกว่า แม้ว่านางเคยเกือบจะตอนข้ามาแล้ว แต่ยิ่งอารมณ์ของนางรุนแรงเพียงใด ตัวข้าเองก็ยิ่งมุ่งมั่นอยากได้นางมากขึ้นเท่ากัน!
หลังจากที่ตำแหน่งแทบทั้งหมดในเขตนครใหม่มีคนมารับงานแล้ว สำนักศึกษาเต๋ากวางขาวก็เป็นผู้จัดหาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเขตนครฝั่งตะวันตกมาให้ทั้งหมด ราวกับว่าเป็นการไถ่โทษและสมานฉันท์กับหวังเป่าเล่อและฝ่ายบริหาร ดาวอังคาร โล่เรืองแสงขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนเขตนครฝั่งตะวันตกที่เพิ่งสร้างใหม่เพื่อผนึกสุสานใต้ดินแห่งใหม่ โล่นี้จะถูกเปิดขึ้นเป็นครั้งคราวเพื่อจำกัดพลังของ สุสานใต้ดินเอาไว้
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ผู้คนนับร้อยล้านอพยพเข้าสู่เขตนครใหม่ เรือบินลำยักษ์หลายลำมาลงจอด นำผู้มาใหม่มาตั้งต้นชีวิตในเขตนครแห่งนี้ พวกเขาเข้าทำงานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อเริ่มการทำงานและตั้งต้นชีวิตในเขตนครแห่งใหม่โดยสมบูรณ์
กลุ่มไตรจันทรารีบช่วยเหลือลงแรงอย่างแข็งขัน พวกเขานำธุรกิจหลักๆ ของกลุ่มมาเปิดสาขาในเขตนครใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาการว่างงานของประชาชน ขั้วการเมืองอื่นๆ ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เขตนครใหม่เริ่มจะลืมตาอ้าปากได้อย่างช้าๆ
เมื่อมีประชากรมากขึ้น วงแหวนปราณของเขตนครใหม่ก็แข็งแกร่งขึ้นตามกัน วงแหวนสามารถควบคุมสุสานใต้ดินและการกัดกร่อนของกำแพงได้อย่างมั่นคงขึ้น เกิดเป็นวงจรที่ลงตัวและคงที่
และเขตนครแห่งใหม่ของดาวอังคารก็เปิดตัวโดยสมบูรณ์เช่นนั้นเอง ทั้งโครงสร้างและขนาดก็ยิ่งใหญ่สมกับเป็นเขตนคร ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ถึงอำนาจสั่งการที่เขามีในฐานะนายกเทศมนตรี
ในเขตนครใหม่แห่งนี้ การตัดสินใจของเขาเพียงครั้งเดียวอาจส่งผลต่อชีวิตของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้มีปัญญาหลักแหลมมากมายต่างก็พยายามอ่านใจหวังเป่าเล่อกันอย่างขะมักเขม้น
หวังเป่าเล่อดีใจเป็นล้นพ้น ลูกน้องของเขาส่วนมากรู้ดีว่าเขาชอบกินขนมเพียงใด ไม่นานนัก อุตสาหกรรมขนมก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในเขตนครแห่งใหม่…เจ้าลาเอง ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นเพราะสถานะของหวังเป่าเล่อ
ไม่ว่ามันจะไปที่ใดหรือกินสิ่งใดเข้าไป ก็ไม่มีใครพยายามหยุดยั้ง ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนกลัวด้วยซ้ำว่ามันจะกินไม่อิ่ม…
ไม่มีใครรู้ว่ากระแสนิยมนี้เริ่มต้นจากที่ใด แต่ไม่นานคนจำนวนมากก็เริ่มหันมาเลี้ยงลา ลาที่เป็นสัตว์เลี้ยงแทบทั้งหมดนั้นเป็นตัวเมีย…เจ้าลาของหวังเป่าเล่อเริ่มถูกมองว่าเป็นสิ่งมีค่า มันดีใจมากกับสถานะใหม่นี้ และหลายฝ่ายจากสหพันธรัฐก็ให้ความสนใจในตัวมันอีกด้วย
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพวกเขาไม่สามารถเอาตัวมันไปได้ เป็นผลให้ต้องหาวิธีใหม่ จนเกิดเป็นค่านิยมการเลี้ยงลาตัวเมียขึ้น เจ้าลาของหวังเป่าเล่อมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์และทุ่มเท กงเต๋าปกป้องเจ้า ปักษาเพลิงขาวอย่างเข้มงวดและแทบไม่ยอมปล่อยออกจากบ้านเลย เจ้าลาดำเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
แต่สวรรค์ย่อมเห็นใจลาที่มีความอดทน มันมองหาโอกาสอยู่เสมอ…เป็นผลให้ เมื่อใดก็ตามที่คนเห็นกงเต๋าและผู้ติดตามวิ่งไล่ลาดำ พวกเขาก็จะรู้ทันทีว่าเจ้าลาดำ ได้ไปทำมิดีมิร้ายกับปักษาเพลิงขาวของกงเต๋ามาอีกแล้ว
หวังเป่าเล่อทำได้เพียงแสดงความไม่พอใจ ไม่ว่าเขาจะทุบตีลาดำสักกี่ครั้ง หรือไม่ว่าจะทุบตีมันอย่างรุนแรงเพียงใด วันต่อมามันก็จะลุกขึ้นทำตัวไร้ยางอายตามปกติ จนในที่สุดหวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจเลิกสนใจมันเสียและหันมามุ่งมั่นกับ การฝึกปราณแทน ชายหนุ่มเริ่มสนทนากับประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และเจ้าเยี่ยเหมิงเรื่องการสร้างวงหวานปราณถี่ขึ้นเรื่อยๆ
สามเดือนผ่านไป เขตนครใหม่เริ่มเจริญรุ่งเรือง ในเวลานั้นเอง เพราะความอุตสาหะของเจ้าเยี่ยเหมิงและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากตำหนักวงแหวนปราณของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุด…นางก็สามารถแปลงวิชากลืนปราณฉบับย่อให้กลายเป็นวงแหวนปราณได้สำเร็จ!
เจ้าเยี่ยเหมิงได้มอบนามของวงแหวนปราณนี้มาด้วย นางตั้งชื่อให้ว่าพันธุ์ไม้แตกสาขา
หวังเป่าเล่อไม่ชอบชื่อนี้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มคิดว่าอย่างไรเสียความสามารถในการตั้งชื่อของเขานั้นดีกว่านางอยู่มาก จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อมันเป็นวงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่
“เจ้าคิดว่าอย่างไร ชื่อที่ข้าคิดมันไม่เลวใช่ไหม เยี่ยเหมิง ไม่ใช่ว่าข้าอยากโอ้อวดหรอกนะ แต่เจ้าไม่ค่อยเก่งเรื่องการตั้งชื่อเอาเสียเลย” หวังเป่าเล่อพูดอย่างภูมิใจ
เจ้าเยี่ยเหมิงที่อยู่ปลายสายของแหวนสื่อสารถึงกับเงียบงันไป แล้วก็วางสาย
นางเขินอายหรือ หรือว่าจะโกรธ หวังเป่าเล่อกะพริบตา ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่า เขาไม่ควรพูดเช่นนั้นเพราะถึงอย่างไรนางก็ช่วยเขาไว้ เขาจึงต้องคิดหาวิธีที่จะโม้เกี่ยวกับตัวเองอย่างมีมารยาทขึ้นในการคุยกันครั้งต่อๆ ไป
หวังเป่าเล่อตกลงปลงใจได้ เขาพยายามจะกดความตื่นเต้นเอาไว้ แต่ทันที่ที่ได้รับวงแหวนปราณมา เขาก็จัดตั้งวงแหวนปราณเป่าเล่อผู้ยิ่งใหญ่ขนาดย่อส่วนเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของมันทันที
หวังเป่าเล่อส่งคนไปติดตั้งวงแหวนปราณนี้ในที่พักของเขา หลังจากที่คนเหล่านั้นกลับไปแล้ว เมื่อเขาอยู่คนเดียว หวังเป่าเล่อรีบนั่งขัดสมาธิเพื่อเปิดวงแหวนปราณทันที เมื่อพลังปราณของเขาเริ่มหมุนวงและวงแหวนปราณเริ่มทำงาน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังดูดที่เริ่มแผ่กระจายไปบนผิวโลก มันมีผลกับปราณมืดภายในสุสานอาวุธเทพ ใต้ดินด้วย ชายหนุ่มรู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ
เพียงแค่มีวงแหวนปราณนี้ ตำแหน่งขุนนางระดับสามชั้นสูงก็อยู่ในมือข้าแล้ว! หวังเป่าเล่อหัวเราะออกมาเสียงดัง เขารีบลุกขึ้นยืนและเดินวนไปมาอยู่ในที่พัก สมองหมุนวนอย่างรุนแรง
นี่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนในเขตนครแห่งใหม่…ข้าควรจะบอกพวกเขาเสียด้วย หากทุกคนทำงานร่วมกัน เราจะสามารถเปลี่ยนเขตนครใหม่แห่งนี้ให้กลายเป็น นครแห่งใหม่ได้เลย! เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเรียกหลินเทียนหาว กงเต๋า และ จินตั้วหมิงมาทันที
ทั้งสามมารวมกันที่ห้องทำงานของหวังเป่าเล่อ ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดสิ่งใด ก็เห็นหวังเป่าเล่อผู้มีสีหน้าจริงจังและความตื่นเต้นในแววตา ชายหนุ่มชิงพูดขึ้นก่อน
“ทุกท่าน ข้ามีโอกาสอันงามจะมาเสนอพวกท่านทุกคน สิ่งนี้จะพาทุกท่าน เลื่อนขั้นไปยังยศขุนนางชั้นถัดไปได้ ทุกท่านจะรับเอาไว้หรือไม่”