Skip to content

A World Worth Protecting 513

บทที่ 513 บังคับซื้อต่อ

หวังเป่าเล่อเก็บแผ่นหยกไปด้วยความหยิ่งผยอง ไม่ได้สนใจความแตกตื่นใน     ห้องสนทนากลุ่ม พอสังเกตดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาก็ยกมือกุมหน้าอกด้วย       สีหน้าเจ็บปวด

ทำไมข้ารู้สึกปวดใจเช่นนี้…หกพันแต้ม! หวังเป่าเล่อถอนหายใจยาว แม้ว่าตนจะสามารถหาแต้มการรบหกพันได้ง่ายดายกว่าคนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดในใจอยู่ดี

เพื่อสหพันธรัฐและอารยธรรมการฝึกตน ข้าจะให้การช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลใจ! ชายหนุ่มทนรับความปวดใจและปลอบประโลมตนเอง แต่ไม่นานก็พบว่าไม่ค่อยจะได้ผลดีเท่าใดนัก เขาหันมองรอบๆ ก่อนจะกัดฟันแน่นเมื่อพบว่าไม่มีใครอื่น

เพื่อทำตามความฝันให้สำเร็จ เพื่อขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐ! พอคิดเช่นนั้น       ความเจ็บปวดในใจก็คลายลงเล็กน้อย หวังเป่าเล่อกลับถึงเกาะเพลิงเขียว ผ่านไป     ครู่หนึ่งก็มองแต้มการรบสองพันแต้มที่เหลืออยู่ จากนั้นก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาอีกครั้ง

โชคดีที่ข้าข่มใจไว้ได้และส่งกระบวนเวทกลับไปแค่สามวิชา…ต้องสะสมแต้ม    การรบใหม่อีกครั้ง หวังว่าทางสำนักจะไม่รีบมายึดธุรกิจข้าวันรุ่งขึ้นนะ… ชายหนุ่มเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อยกับแต้มการรบอันน้อยนิดของตนเอง

เหล่าพันธุ์กล้าในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าหวังเป่าเล่อกำลังเจ็บปวดใจอยู่ พวกเขาต่างอุทานตื่นตะลึงกันในห้องสนทนากลุ่ม หลี่อี้ยังคงนิ่งเงียบ แม้จะรู้เรื่องธุรกิจ            เรือวิญญาณอันรุ่งเรืองของอีกฝ่ายดี แต่นางก็ไม่เชื่อว่าชายหนุ่มจะสามารถส่ง   กระบวนเวทกลับไปได้ทีเดียวถึงสามวิชา

คิดรวมค่าเคลื่อนย้ายก็รวมเป็นหกพันแต้ม! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าอ้วนนั่นจะใจป้ำขนาดนี้! หลี่อี้กัดฟันแน่น เริ่มใช้เส้นสายที่ก่อตั้งขึ้นสำรวจหาความจริง ไม่นานก็พบว่าหวังเป่าเล่อส่งแผ่นหยกสามวิชาผ่านวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายของสำนักวังเต๋าไพศาลจริง พอทราบเช่นนั้น นางก็ถึงกับทรงตัวไม่อยู่

ไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ที่นี่เจ้าอ้วนนั่นก็ยังเหนือกว่าข้า! หลี่อี้หายใจถี่รัว นางกัดฟันแน่น เริ่มตระเตรียมแผนการรวบรวมแต้มการรบเพิ่ม นางอยากใช้โอกาสที่มายังสำนัก     วังเต๋าไพศาลในครั้งนี้เอาชนะหวังเป่าเล่อ

วันเวลาล่วงเลยผ่านไป สิบวันต่อมา หวังเป่าเล่อยังคงรู้สึกเจ็บปวดในใจเป็นพักๆ กับแต้มการรบที่สูญเสียไป เขาสะสมแต้มการรบได้กลับมาแปดพันแต้ม จึงพอจะ    โล่งใจขึ้นมาบ้าง

ตอนนั้นเองชายหนุ่มก็สังหรณ์ใจว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาพบว่า          สองสามวันที่ผ่านมา มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่เกาะเพลิงเขียว พวกเขาไม่ได้มาเช่า           เรือวิญญาณแต่กลับจดบันทึกและสำรวจสถานการณ์รอบๆ ขณะเดียวกัน              เซี่ยไห่หยางก็ส่งข้อความเสียงมาหา

“เป่าเล่อ คนใหญ่คนโตในฝ่ายจัดการสำนักตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อต่อกิจการของเจ้า   ในเร็วๆ นี้ เตรียมตัวไว้ให้พร้อม…”

หัวใจของหวังเป่าเล่อเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาทำใจไม่ได้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้  จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่ก็รู้ว่าตนเองเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อยู่ดี การที่ธุรกิจซึ่งสามารถหาแต้มการรบได้ถึงสองหมื่นแต้มในหนึ่งเดือนอยู่รอดมานานขนาดนี้คงเพราะใครบางคนในสำนักทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อีกทั้งยังชี้ชัดว่ามันคงอยู่รอดไม่ได้นาน

อวิ๋นเพียวจื่อเองก็ส่งข้อความเสียงมาหาหวังเป่าเล่อ ดูเหมือนว่าชายอ้วนจะมีอำนาจน้อยกว่าเซี่ยไห่หยางจึงติดต่อมาช้ากว่าถึงสองวัน อวิ๋นเพียวจื่อเพิ่งรู้เรื่องนี้ก่อนที่สำนักจะตัดสินเพียงหนึ่งชั่วโมง และรีบติดต่อมาหาหวังเป่าเล่อในทันที

หลังจากได้รับข้อความจากอวิ๋นเพียวจื่อเพียงไม่นาน หวังเป่าเล่อที่เตรียมใจไว้แล้วก็ได้รับการติดต่อจากทางสำนัก…

เป็นการติดต่อมาแจ้งเตือนไม่ใช่เพื่อเจรจา! หวังเป่าเล่อไม่มีโอกาสต่อรองใดๆ ต้องยอมทำตามคำสั่งแม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

ในข้อความแจ้งเตือนเขียนไว้เพียงว่า

“ให้หยุดดำเนินการธุรกิจเช่าเรือวิญญาณในทันที จากนั้นให้ส่งสูตรการหลอม  เรือวิญญาณให้ทางสำนัก โดยทางสำนักจะชดเชยด้วยแต้มการรบจำนวน             หนึ่งหมื่นสองพันแต้ม!”

หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือน คิดหนักกับค่าชดเชยที่ทาง    ประตูบรรพชนให้มา เพราะจากข้อตกลงระหว่างชายหนุ่มกับเซี่ยไห่หยาง เขาจะต้องจ่ายให้อีกฝ่ายหนึ่งหมื่นแต้ม

นอกจากนี้ หลังจากคำนวณดูแล้วยังต้องให้อวิ๋นเพียวจื่ออีกสองพันแต้ม           ซึ่งค่าชดเชยเหล่านี้จะต้องแบ่งสันปันส่วนไปก่อนที่เขาจะได้รับ หวังเป่าเล่อจึงผุด    คิดว่าน่าจะมีเรื่องภายในอะไรสักอย่าง

แต่เขาก็รู้ว่าตนไม่ได้เสียเปรียบอะไรแม้จะมีเรื่องราวภายในเกิดขึ้น และหากโลภมากเกินไปอาจจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีตามมาอีกด้วย พอคิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น

ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงไม่รีรอรีบหยุดกิจการและส่งสูตรหลอมไปในทันที วันต่อมา พอได้แต้มการรบหนึ่งหมื่นสองพันแต้มมา เขาก็รีบส่งไปให้เซี่ยไห่หยางหมื่นแต้มและอวิ๋นเพียวจื่ออีกสองพันแต้ม

ชายหนุ่มไม่ได้โวยวายอะไร อวิ๋นเพียวจื่อรู้สึกไม่ดีจึงส่งข้อความเสียงมาหา

“เป่าเล่อ เรื่องนี้…เฮ้อ เพราะเจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนของสำนักวังเต๋าไพศาล               ถึงได้ค่าชดเชยน้อยเยี่ยงนี้ หลังจากแบ่งให้เซี่ยไห่หยางกับข้า เจ้าก็ไม่ได้อะไรเลย” อวิ๋นเพียวจื่อทราบเรื่องทั้งหมดจึงไม่ได้พยายามจะปิดบังอะไร เขาเอ่ยถึงเรื่องภายในที่ทุกคนน่าจะพอทราบกันดี

“ไม่เป็นไร ทุกคนเป็นเพื่อนข้า ข้าดีใจที่อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้ส่วนแบ่งไป”     หวังเป่าเล่อหัวเราะ เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ ชายหนุ่มคิดว่าแม้แต้มการรบ      จะสำคัญ แต่ความสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นสำคัญกว่า

อวิ๋นเพียวจื่อเองก็ไม่ใช่คนเขลา เขาสัมผัสได้ว่าหวังเป่าเล่อพูดออกมาจากใจจริง ชายอ้วนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังนึกสงสารอยู่ หลังจากครุ่นคิดสักพัก    เขาก็พูดขึ้น

“น้องเป่าเล่อ ถ้าเจ้าอยากขายเรือวิญญาณที่มี ข้าติดต่อคนให้เจ้าได้ หากเจ้า    ไม่รีบร้อนอะไร ข้าแนะนำว่าปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้ให้จะดีกว่า เราจะค่อยๆ ขายไปทีละลำเพื่อที่จะได้ขึ้นราคาได้ ถ้าเจ้ารีบร้อนขายไปทีเดียวหมด ราคาจะถูกกดให้ต่ำลง…”

หวังเป่าเล่อรอโอกาสนี้อยู่ แม้ตอนนี้จะเหมือนว่าเขามีแต้มการรบแค่แปดพันแต้ม   แต่เรือวิญญาณที่ครอบครองอยู่มีค่ามากกว่านั้น

ต้นทุนเรือวิญญาณทั้งหมดอยู่ที่สองหมื่นแต้ม แต่ก็ไม่น่าจะขายที่ราคาทุน      ชายหนุ่มยังสามารถหาแต้มการรบได้อีกหลายหมื่นแต้มแม้จะลดราคาไปถึงร้อยละ   หกสิบถึงเจ็ดสิบ

แต่หวังเป่าเล่อก็ขายเรือออกไปด้วยตนเองไม่ได้ ต้องให้เซี่ยไห่หยางหรือ        อวิ๋นเพียวจื่อช่วย ชายหนุ่มถกกับอวิ๋นเพียวจื่อด้วยความคาดหวัง หลังจากคุยกันเสร็จ เขาก็เอ่ยถามขึ้นอย่างไร้กังวล

“อวิ๋นเพียวจื่อ เซี่ยไห่หยางมีตำแหน่งอะไรในสำนักหรือ”

“อ๋อ เขาอยู่ฝ่ายผู้อาวุโสเฟิ่ง ถึงระดับการฝึกตนจะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็มีเส้นสายกว้างขวาง ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล เชี่ยวชาญเรื่องการค้าขาย ข้าก็ไม่รู้อะไรมาก แต่คาดว่าเขาน่าจะสนิทกับคนใหญ่คนโตในสำนักสักคน

ลือกันว่าน่าจะเป็นศิษย์พี่ชื่อหลิน” หากเป็นในสถานการณ์อื่น อวิ๋นเพียวจื่อคงจะลังเล ไม่เปิดเผยรายละเอียดมากเช่นนี้

อย่างไรเสีย เรื่องดังกล่าวก็เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในสำนักวังเต๋าไพศาล            แต่หลังจากติดต่อกับหวังเป่าเล่ออยู่หลายครั้ง และนอกจากจะได้กำไรมามากมายแล้ว ชายอ้วนยังรู้สึกว่าตนติดค้างหวังเป่าเล่ออยู่ จึงเปิดเผยทุกอย่างที่รู้ออกไปหมด

หลังจากนั้น อวิ๋นเพียวจื่อก็อธิบายรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ภายในสำนักก่อนจะวางสายไป หวังเป่าเล่อนั่งไขว้ขาหลับตาทำสมาธิ เขาเงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นแต้มการรบที่มี

ก่อนหน้านี้มีแต้มการรบหลายร้อยแต้มส่งตรงเข้าบัญชีทุกวัน เขาจึงใช้ชีวิตได้อย่างสำราญใจ แต่ตอนนี้ต้องกลับมาประหยัดอดออมอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงเริ่มนึกหาวิธีสะสมแต้มการรบใหม่

หลายวันผ่านไป เขาหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนลืมฝึกวิชา และเมื่อ    ชายหนุ่มหันมองแผ่นหินรับภารกิจในถ้ำที่พัก ดวงตาของเขาก็ฉายแววมุ่งมั่นขึ้นมา

ช่างเถอะ มุ่งหน้าไปยังตัวกระบี่เพื่อหาตราประจำตัวน่าจะเป็นวิธีหาแต้มการรบที่ดีที่สุด อีกทั้งยังไม่มีใครมาแย่งเอาไปได้! คิดดังนั้น หวังเป่าเล่อก็เลือกรับภารกิจมา หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกจากเกาะเพลิงเขียว เดินทางข้ามทะเลลาวามุ่งหน้าจากด้ามกระบี่ตรงไปยังตัวกระบี่ตามทิศทางที่ระบุไว้ในภารกิจ!

การเดินทางครั้งนี้ยาวไกลมาก หวังเป่าเล่อจึงเตรียมการมาอย่างดี ขณะกำลังเปลี่ยนทิศทาง แผ่นหยกแต้มการรบก็สั่นเตือน เขาหยิบออกมาดูด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่ามีแต้มการรบห้าร้อยแต้มโอนเข้ามาจากไหนก็ไม่ทราบ!

เกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มตรวจดูด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าเซี่ยไห่หยางเป็นคนโอนเข้ามา แต่นั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นอีก จึงตัดสินใจส่งข้อความเสียงไปถาม

“พี่เป่าเล่อ เจ้าได้รับแต้มแล้วหรือ พอดีข้ารับช่วงต่อกิจการมาเลยแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ส่วนเหตุผล…เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version