Skip to content

A World Worth Protecting 55

บทที่ 55 กระบี่สั้นสีม่วง

ชีวิตหวังเป่าเล่อหลังจากได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของสาขาอาวุธเวทนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก ความแตกต่างที่ชัดเจนข้อหนึ่งคือ ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก    เหล่าศิษย์น้อยใหญ่ที่เขาพบระหว่างทางจะมีท่าทีปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพยิ่ง

หัวหน้าศิษย์สาขาอื่นๆ ก็มีท่าทีต่อเขาเปลี่ยนไปมาก พวกเขาไม่ได้แค่ส่งข้อความมาทักทายเหมือนแต่ก่อน แต่กลับบากบั่นมาพบชายหนุ่มถึงที่ มุ่งหวังจะตีสนิทกับ  หวังเป่าเล่อให้มากขึ้น

หวังเป่าเล่อสุขใจเป็นอย่างมาก เขาทราบดีว่าการมีเส้นสายหลากหลายมันดีเช่นไร และตระหนักถึงมารยาทที่พึงกระทำเช่นกัน เขาใช้เวลาหลายวันไปกับการทำความรู้จักหัวหน้าศิษย์จากสาขาอื่นๆ

ในขณะเดียวกัน ช่วงหยุดเรียนของปีแรกก็ใกล้เข้ามาถึง นอกจากหวังเป่าเล่อแล้ว สหายรุ่นเดียวกันหลายคนก็ได้ตำแหน่งหัวหน้าศิษย์มาครอบครอง คนที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์คนที่สองต่อจากหวังเป่าเล่อก็คือ เจ้าเยี่ยเหมิง!

นอกจากนางจะเป็นประเด็นร้อนในเครือข่ายวิญญาณเมื่อตอนช่วงเข้าเรียนแรกๆ แล้ว นางก็เก็บตัวเงียบมาโดยตลอด พอนางเริ่มออกตัว ก็ได้ขึ้นเป็นหนึ่งในหัวหน้าศิษย์ของสาขาอักษรปราณในทันใด

คนที่สามที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์คือ จั่วอี้ฟาน หลังจากเปิดศึกกับลู่จื่อหาวและเฉินจื่อเหิงมาแรมปี ชายหนุ่มก็ก้าวข้ามไปเป็นหนึ่งในหัวหน้าศิษย์สาขาการยุทธ์ได้สำเร็จก่อนใคร

ถ้าเป็นเวลาอื่น ทั้งสองที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าศิษย์มาครองคงจะสร้างความโกลาหลได้ไม่น้อย แต่ว่าหวังเป่าเล่อนั้นได้สร้างปรากฏการณ์สุดเหลือเชื่อจนกลบความสำเร็จของเจ้าเยี่ยเหมิงและจั่วอี้ฟานไปจนมิด

แต่อาจารย์จากสาขาวิชาต่างๆ หัวหน้าสาขา และแม้แต่เจ้าสำนักนั้นก็เล็งเห็นถึงความสามารถอันโดดเด่นของหวังเป่าเล่อและศิษย์ร่วมรุ่นคนอื่นๆ ชื่อเสียงของ       หวังเป่าเล่อนั้นกระจายไปไกลจนถึงเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง เจ้าสำนักนั้นได้รับข้อความถามไถ่มากมายจากสหายหลายคน เมื่อหวังเป่าเล่อได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของสาขาอาวุธเวท

อาจารย์เคราแพะเองก็ไม่ต่าง ทุกครั้งที่เขาได้รับข้อความถามไถ่เรื่องหวังเป่าเล่อ เขาจะอวดทันทีว่าตนเป็นผู้คัดเลือกหวังเป่าเล่อมาเป็นการพิเศษ

“พวกเจ้าไม่รู้อะไร ตอนที่ข้าเห็นหวังเป่าเล่อ ข้าก็รู้ทันทีว่าเจ้าหนุ่มนี่มีความสามารถล้นเหลือ ดังไข่มุกสว่างไสว แม้สาขาอื่นๆ จะมัวแต่พิจารณากันอย่าง    ถี่ถ้วน แต่ข้านั้นก็ไม่ลังเลใจ ใช้อำนาจในมือคัดเลือกเจ้าหนุ่มมาเป็นพิเศษทันที!

“สายตาคู่นี้ไม่เคยตัดสินใครพลาด เจ้าหวังเป่าเล่อเป็นตัวพิสูจน์ความสามารถในการมองคนของข้า!”

อาจารย์เคราแพะนั้นพออกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสายตาอิจฉาริษยาจากเพื่อนของตน

เขานึกได้ว่าเคยวางแผนจะให้วัตถุเวทเป็นรางวัลแก่หวังเป่าเล่อ หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็ตัดสินใจไม่ให้วัตถุเวทระดับหนึ่ง แต่ตัดสินใจหลอมวัตถุเวทระดับสองให้หวังเป่าเล่อด้วยตนเอง

หลายวันต่อมา อาจารย์เคราแพะมองวัตถุเวทที่ตนหลอมมากับมือ พลางคิดว่าหวังเป่าเล่อนั้นช่างโชคดีเสียจริง

เจ้าหนุ่มนี่มันสมกับที่ได้คัดเลือกพิเศษมาจริงๆ โชคดีอะไรเยี่ยงนี้!

อาจารย์เคราะแพะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตระหนักว่าคงเป็นเพราะฟ้าลิขิต จากนั้นก็ส่งข้อความหาหวังเป่าเล่อ

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะเป็นหัวหน้าศิษย์เพียงผู้เดียว แต่พอทราบว่าอาจารย์เคราแพะเรียกตัวเขาเข้าพบ ชายหนุ่มก็นึกถึงตอนที่อาจารย์เคราะแพะยืนหยัดเคียงข้างเขาเพียงคนเดียวแม้รองเจ้าสำนักจะพยายามไล่เขาออก

หวังเป่าเล่อไม่เคยลืมบุญคุณนี้ เมื่อได้รับข้อความเสียง เขาก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและมุ่งหน้าไปโถงหัวหน้าสาขาบนยอดเขาในทันที เมื่อเข้าไปภายในก็พบกับรอยยิ้มต้อนรับจากอาจารย์เคราแพะ ชายหนุ่มรีบประสานมือคำนับทักทาย

“ศิษย์ผู้นอบน้อมมารายงานตัวแล้วขอรับ ท่านหัวหน้าสาขา!”

อาจารย์เคราแพะหัวเราะขึ้นก่อนจะเดินไปประคองชายหนุ่มขึ้นยืนตรง เขามองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเอ็นดู

“ไม่แย่ เจ้าหนุ่ม แข็งขันดีมาก!” อาจารย์เคราแพะตบบ่าเด็กหนุ่มขณะที่พูดด้วยท่าทีใจดีและดูอบอุ่น หวังเป่าเล่อกะพริบตา เขาชอบอาจารย์เคราแพะอยู่แล้ว      ชายหนุ่มเริ่มเปิดบทสนทนากับอาจารย์

หลังจากถามถึงเรื่องการฝึกตนของหวังเป่าเล่อและพูดคุยสัพเพเหระอีกเล็กน้อย อาจารย์เคราแพะก็พออกพอใจกับท่าทีนอบน้อมของเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะดูเข้ากันได้ดีกับหัวหน้าศิษย์คนก่อนๆ แต่ใจจริงแล้วเขาก็แอบไม่ชอบพอพวกนั้นอยู่ลึกๆ

ทว่าหวังเป่าเล่อนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนเลือกชายหนุ่มผู้นี้มากับมือ      และเขาก็พึงพอใจกับการกระทำของตนเป็นอย่างมาก จึงหงายมือขวาเผยให้เห็นกระบี่เหาะเหินเล่มหนึ่ง

กระบี่เหาะเหินมีสีม่วงทั่วทั้งเล่ม ภายในมีระลอกคลื่นไหลเวียนอยู่ เมื่อกระบี่ปรากฏขึ้นในมือ ก็มีคลื่นไอร้อนแผ่กระจายออกมา ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนผืนดินที่กำลังลุกเป็นไฟ

หากมองไปสักพัก ห้วงอากาศรอบกระบี่นั้นดูบิดเบือน เหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่ากระบี่เล่มนี้มิใช่กระบี่ธรรมดาสามัญ!

นอกจากนั้นตัวกระบี่ยังมีร่องโหว่รูปเพชรอยู่หนึ่งร่อง ร่องโหว่นี้ไม่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาทีหลัง หากแต่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกระบี่ ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นเองระหว่างขั้นตอนการหลอม

แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะไล่สายตามองกระบี่เพียงแวบเดียว แต่ด้วยความรู้ด้านอาวุธเวทที่เขามี ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของกระบี่เล่มนี้จนอดประทับใจไม่ได้

อาจารย์เคราแพะมองหวังเป่าเล่อพร้อมกับส่งยิ้มให้ “เจ้าเห็นอะไรในกระบี่บ้าง”

“ท่านใช้ศิลาวิญญาณรุ้งไปเจ็ดก้อน สลักด้วยตัวอักขระเต๋าอีกสี่หมื่นตัว อีกทั้งยังมีคุณสมบัติของอักขระว่องไวและอักขระไฟร้อนอยู่ในตัวกระบี่ ส่วนวัสดุที่ใช้นั้น…ข้ายังไม่เชี่ยวชาญเรื่องวัสดุหลอมมากนัก จึงไม่มั่นใจเท่าใด แต่ข้าสามารถบอกได้ว่าวัสดุที่ใช้หลอมนั้นเป็นวัสดุชั้นสูง

“ส่วนร่องโหว่นั่น…”

หวังเป่าเล่อลังเลใจอยู่ชั่วครู่ เขาไม่รู้ว่าร่องโหว่คืออะไร

อาจารย์เคราแพะหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังการวิเคราะห์จากหวังเป่าเล่อ

“เจ้าอธิบายได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องปกติที่เจ้าไม่รู้จักร่องโหว่นี้ เจ้าจะเรียนรู้สิ่งนี้ในขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมสิ่งของ ร่องโหว่นี้เรียกว่า…ร่องสวรรค์    เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเองระหว่างการหลอมวัตถุเวทซึ่งจะเกิดขึ้นโดยสุ่ม ไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง

“เมื่อมีร่องสวรรค์ปรากฏขึ้นที่ตัววัตถุเวท เจ้าสามารถใช้ศิลาวิญญาณเสริมพลังให้แก่วัตถุเวทชิ้นนั้นได้

“หวังเป่าเล่อ ข้าขอมอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่เจ้า!”

หลังจากพูดจบ อาจารย์เคราแพะก็โบกมือขวา กระบี่ในมือกลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งไปยังหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัวเมื่อได้รับกระบี่มา เขามองอาจารย์เคราแพะสลับกับกระบี่ในมือ จากนั้นก็ประสานมือคำนับแสดงความเคารพและความซาบซึ้งใจที่มี

“ขอบคุณท่านหัวหน้าสาขาเป็นอย่างสูง!”

“เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้า ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสูงสุดที่ทำได้ในการสอบมิติมายาและการที่เจ้าได้ขึ้นเป็นหัวหน้าศิษย์สามโถง เจ้าได้พิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วว่า เจ้าเป็นศิษย์ที่มากความสามารถที่สุดในประวัติศาสตร์สาขาอาวุธเวท!”

อาจารย์เคราแพะลูบหนวดเคราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ใช้กระบี่เล่มนั้นปกป้องตนเอง! จงจำไว้ อย่าได้หยิ่งผยองใจ จงมุ่งหน้าพัฒนาตนขึ้นไปอีกเพื่อที่จะได้ผ่านการสอบเข้าเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง และได้เลื่อนขั้นเป็น       ผู้ฝึกตน!”

หวังเป่าเล่อหายใจลึก กุมมือคำนับรับคำ อาจารย์เคราแพะยกชาขึ้นจิบ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ทราบว่าหมดธุระแล้วจึงกลับออกไป

เมื่อกลับมาถึงถ้ำที่พัก หวังเป่าเล่อก็หยิบกระบี่สีม่วงออกมาตรวจดูอย่างสุขใจ เขานำศิลาวิญญาณรุ้งเม็ดหนึ่งไปใส่ไว้ในร่องสวรรค์ เมื่อปราณวิญญาณเริ่มไหลเวียนเข้าสู่ตัวกระบี่ กระบี่เล่มน้อยก็กะพริบแสงสีม่วง และเริ่มขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ       จนกลายเป็นกระบี่เล่มใหญ่ หวังเป่าเล่อหยิบดาบขึ้นฟาดใส่ก้อนหินด้านหลัง

ทันใดนั้น คลื่นความร้อนก็ปะทุออกมาปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ก้อนหินหายไปครึ่งก้อน บนหินมีรอยยาวของกระบี่ประทับอยู่

คมมาก! หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก เขาไม่เคยสัมผัสวัตถุเวทจู่โจมมาก่อน          เขาตื่นตะลึงกับพลังของกระบี่เล่มนี้เป็นอย่างมาก

จะว่าไป ข้าก็มีแก่นวิญญาณเหลืออยู่หลายชิ้น หวังเป่าเล่อเก็บดาบเข้ากำไลคลังเวทอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยิบแก่นวิญญาณนับร้อยที่เขาหลอมไว้ตอนฝึกวิชา        แก่นวิญญาณออกมา

แก่นวิญญาณพวกนี้หลอมมาจากศิลาวิญญาณที่สลักอักขระมาอย่างดี              จะปล่อยให้เสียของไม่ได้

หวังเป่าเล่อเกาหัว เขารู้สึกเขินอายไม่น้อยที่เป็นถึงสุดยอดหัวหน้าศิษย์สาขาอาวุธเวทแต่กลับมีวัตถุเวทในครอบครองแค่เพียงสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเช่ายืมมา ส่วนอีกชิ้นก็ไม่ได้หลอมขึ้นเอง

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจจะหลอมแก่นวิญญาณเหล่านี้ให้เป็นวัตถุเวท นอกจากจะช่วยให้เขามีวัตถุเวทไว้ใช้งานแล้ว ยังได้ฝึกฝนขั้นตอนการหลอมวัตถุเวทอีกด้วย

ตัดสินใจดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ติดต่อเซี่ยไห่หยางให้จัดหาวัสดุสำหรับหลอมจำนวนมาก แม้ว่าเขาจะเลือกใช้วัสดุธรรมดาๆ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็ไม่ได้ถูกเลย เพราะเขาซื้อจำนวนมากโข แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะชายหนุ่มมีศิลาวิญญาณมากมาย   หากยังไม่สามารถจ่ายได้หมด เขาก็ยังมีแก่นวิญญาณไว้ต่อรอง แก่นวิญญาณนั้น       มีราคาสูงกว่าศิลาวิญญาณอยู่พอตัวเลยทีเดียว

ไม่นาน เซี่ยไห่หยางก็ส่งวัสดุมากให้ หวังเป่าเล่อใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในถ้ำ        เตาหลอมวิญญาณ เก็บตัวหลอมวัตถุเวทอยู่ผู้เดียว

วัตถุเวทชิ้นแรกที่เขาหลอมคือ โทรโข่งใหญ่พลังแรงกล้า หวังเป่าเล่อถึงกับ    สะดุ้งโหยงเมื่อได้ลองทดสอบโทรโข่ง แม้จะใช้งานในสถานที่เสียงดังวุ่นวาย เสียงจากโทรโข่งก็ยังสามารถกลบความวุ่นวายทั้งหมดได้ด้วยเสียงดังราวสายฟ้าคำราม

เขาชอบโทรโข่งมากจนไม่ปล่อยให้ห่างมือ ไม่นาน ชายหนุ่มก็เริ่มหลอมวัตถุเวทชิ้นอื่นๆ มีเชือกที่ใช้จับคน และกระบี่เหาะเหินอีกหลายเล่ม แต่ไม่ว่าเล่มไหนก็        ไม่สามารถเทียบเคียงกระบี่ม่วงได้

หวังเป่าเล่อคิดได้ว่าเขายังขาดวัตถุเวทปกป้องอยู่ เลยถอดชุดคลุมหัวหน้าศิษย์มาวาดอักขระนับไม่ถ้วนบนชุด หลอมศิลาวิญญาณหลายก้อนรวมถึงวัสดุที่สามารถ      ใช้หลอมเสื้อผ้าได้เข้าไปอีก หลังจากความยากลำบากทั้งปวง ก็เกิดเป็นวัตถุเวท      ชิ้นใหม่จากชุดคลุมเต๋าของตน

หลังจากนั้นเขาก็หลอมตราผนึกขึ้นจำนวนมหาศาล หวังเป่าเล่อนั้นสนใจ       ตราผนึกมากระหว่างการฝึกหลอมแก่นวิญญาณ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถหลอมตราผนึกระดับสูงได้ แต่ด้วยจำนวนมากขนาดนี้ก็น่าจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ดี      อยู่ไม่น้อย

เมื่อสัมผัสได้ถึงทักษะการหลอมวัตถุเวทที่เพิ่มขึ้น ชายหนุ่มก็นึกถึงหุ่นเชิดปกป้องที่หลอมให้บุคคลปริศนาเจ้าของหมวกนักรบจากเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง

ของเล่นนั่นดูมีพลังกล้าแกร่ง ข้าควรหลอมไว้บ้าง เผื่อใช้เป็นผู้คุ้มกันตน ใช้ขี่     ไม่ก็ไว้ใช้บริการน้ำชาก็ยังได้ หวังเป่าเล่อครุ่นคิดสักพักก่อนจะสรุปได้ว่าหุ่นเชิดนั้น     มีประโยชน์เหลือหลาย เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสร้างหุ่นเชิด

เนื่องจากเขาจะหลอมไว้ใช้ส่วนตัว หวังเป่าเล่อจึงสั่งซื้อวัสดุอีกจำนวนมากเพื่อใช้เสริมการหลอม จะได้สามารถสร้างหุ่นเชิดที่มีคุณภาพสูงกว่าตัวที่เขาเคยให้เงาปริศนาไป

หุ่นเชิดที่เขาหลอมออกมานั้นมีมากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอสูรดุร้าย หรือจะเป็นสาวใช้รูปกายดังมนุษย์

ชายหนุ่มยืนมองหุ่นเชิดแปดตัวที่เขาหลอมขึ้นด้วยความพึงพอใจ ในด้านของพลังโจมตีนั้น หุ่นเชิดทั้งแปดได้ศิลาวิญญาณรุ้งมาเสริมพลังทำให้สามารถสลักอักขระเพิ่มขึ้นได้หลายตัว ส่งผลให้หุ่นเชิดมีพละกำลังเทียบเท่าขั้นปราณโลหิต

ส่วนด้านความทนทานนั้น หวังเป่าเล่อได้เสริมพลังด้วยวัสดุราคาสูง จนทำให้แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นบำรุงชีพจรไม่สามารถทำลายหุ่นเชิดของเขาลงได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

น่าเสียดายที่ข้ายังขาดความรู้ด้านวัสดุ มิเช่นนั้น ข้าคงสลักอักขระตามวัสดุต่างๆ ที่จะใช้ได้ อาจทำให้หุ่นเชิดมีพลังระดับขั้นบำรุงชีพจรเลยด้วยซ้ำ! หวังเป่าเล่อมอง  หุ่นเชิดเบื้องหน้าด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

ขณะกำลังนึกหาวิธีเสริมพลังให้เหล่าหุ่นเชิด หวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงหลิวต้าวปินดังขึ้นจากแหวนสื่อสาร

“ท่านหัวหน้าศิษย์ พรุ่งนี้สำนักเต๋าศึกษาศักดิ์สิทธิ์จะเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนแล้ว ข้าติดต่อตู้หมิน โจวเสี่ยวหยา เฉินจื่อเหิง และเพื่อนเก่าอีกหลายคนไป ไหนๆ ก็มาจากเมืองปักษาเพลิงกันหมด เลยตั้งใจจะชวนกลับบ้านด้วยกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version