Skip to content

A World Worth Protecting 71

บทที่ 71 การแก้แค้นไม่มีคำว่าเร็วเกินไป

หวังเป่าเล่อเป็นคนใจแคบ นั่นแปลว่าเขาจะต้องชำระแค้นทุกคนที่ทำร้ายเขาแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเพิ่งจะพบเจอประสบการณ์    เฉียดตายจากการต่อสู้หฤโหดที่ป่าฝนบ่อเมฆ ความผิดพลาดแม้เพียงนิดเดียวอาจจะทำให้เขาถึงแก่ความตายได้

หากหวังเป่าเล่อต้องพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนั้นอีกคำรบหนึ่งเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้หรือไม่

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นไม่เพียงแค่ละเมิดกฎของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ยังถือเป็นการยั่วโมโหหวังเป่าเล่ออย่างมาก แม้ว่าประกาศที่ออกโดยสำนักศึกษา           เต๋าศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหวังเป่าเล่อตอบโต้ได้หรือไม่ แต่เขาตัดสินใจว่า   การแก้แค้นนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว

การล้างแค้นจะนำมาซึ่งความเกลียดชังที่รุนแรงขึ้นแน่ แต่หวังเป่าเล่อไม่สนใจ เพราะว่าถึงแม้เขาจะไม่ล้างแค้น หลินเทียนหาวและพวกก็ยังจะเห็นเขาเป็นศัตรูอยู่  ร่ำไป หวังเป่าเล่อจึงตัดสินใจจะล้างแค้นเพื่อความสบายใจของตัวเขาเองเป็นหลัก

จากผลการสอบสวนของเจ้าสำนักและประกาศที่ส่งออกไป ความจริงเปิดเผยว่าเฉาคุนและเจียงหลินร่วมมือกับหลินเทียนหาวด้วย ผลการสอบสวนเผยความจริงออกมาจนสิ้นสงสัย แม้ว่าเฉาคุนและเจียงหลินจะไม่ได้ร่วมมือโดยตรงแต่พวกเขา      ก็ร่วมกันวางแผนขึ้นมา

ข้าจะต้องตบหน้าพวกมันต่อหน้าธารกำนัลให้ได้ เมื่อนั้นข้าจึงจะพอใจ!          หวังเป่าเล่อรู้สึกลิงโลดขณะที่เคี้ยวขนมถุงใหญ่อยู่ในถ้ำที่พัก พลางวาดฝันรอคอยให้หลินเทียนหาวและสมุนกลับมาอย่างตื่นเต้น

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิวต้าวปินและศิษย์ฝ่ายวินัยของสาขาวิชาอาวุธเวทเดินทางกลับสู่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์เพื่อรายงานตัวต่อหวังเป่าเล่อได้อย่างรวดเร็วตามคำสั่ง

หวังเป่าเล่อไม่ได้สั่งงานใดๆ ให้พวกเขาเป็นการเฉพาะ บอกไว้เพียงแค่ว่าให้เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่อยู่เสมอ ในที่สุดอีกสองวันก็ผ่านไป วันแรกของการเปิด  ภาคเรียนใหม่ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง

เช้าวันนั้น หวังเป่าเล่อตื่นแต่หัววัน เขาสวมชุดคลุมเต๋าหัวหน้าศิษย์แล้วซ้อม       ท่ายืนอยู่หน้ากระจก เขาต้องการท่ายืนที่ทำให้เขาดูแข็งแกร่งที่สุด เขาหันหน้าไปมาอย่างเพลิดเพลินก่อนจะส่งคำสั่งไปยังหลิวต้าวปินผ่านแหวนสื่อสาร

“ศิษย์ฝ่ายวินัยของสาขาวิชาอาวุธเวททุกคน จงไปรวมตัวกันที่ท่าอากาศยานของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ภายในครึ่งชั่วโมง!”

หลังจากสั่งการเสร็จหวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจเข้าลึก ชายหนุ่มรู้พึงพอใจกับตนเองเป็นอย่างยิ่ง เขาเดินทางออกจากถ้ำที่พักด้วยพุงที่เต่งตึงและมือที่กำแน่น   เสียงใบพัดหมุนอยู่บนท้องฟ้าดังกระทบโสตประสาทของหวังเป่าเล่อแทบจะในทันทีที่เขาเดินออกมา เรือบินลำแล้วลำเล่าบินตรงเข้ามา

บรรดาศิษย์ปีสูงเกือบทุกคนจะกลับมาที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ในวันแรกของการเปิดเทอม เรือบินบางลำพาศิษย์ใหม่มาถึงก่อนเวลา ในวันนี้ของทุกๆ ปี              ที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์จะมีผู้คนหนาแน่นเป็นพิเศษ

บรรดาศิษย์ปีสูงที่กลับมาถึงแล้วหลายคนต่างพากันไปยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่ม    ศิษย์ใหม่ทันทีที่มาถึง พวกเขาต้องการจะหาศิษย์ใหม่สักคนเพื่อทำความรู้จักใน       ปีการศึกษาที่จะมาถึง ศิษย์ปีสูงทุกคนต่างฝันถึงการสร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ  คนอื่นในสำนักวิชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ดี ปีนี้ดูจะแตกต่างจากเดิม ในขณะนี้ที่ท่าอากาศยาน หลิวต้าวปินและศิษย์ฝ่ายวินัยหลายร้อยคนต่างพากันมารวมตัว พวกเขามาถึงแทบจะในทันทีหลังได้รับคำสั่ง หวังเป่าเล่อเองยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ การปรากฏตัวของพวกเขาสร้างความโกลาหลขึ้นในบริเวณนั้น ศิษย์คนอื่นๆ ต่างพากันฉงนสงสัย

“เกิดอะไรขึ้นกัน!”

“ทำไมถึงมีศิษย์ฝ่ายวินัยเต็มไปหมด”

“พวกเขามาจาก…สาขาวิชาอาวุธเวท!”

ท่ามกลางเสียงพูดคุยอื้ออึงจากฝูงชนนั้น หลิวต้าวปินและศิษย์ฝ่ายวินัยตั้งแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ทุกคนมีสีหน้าขึงขังขณะที่ยืนรอกันอย่างนิ่งเงียบ

อีกไม่นานนัก เงาของหวังเป่าเล่อก็ทอดลงมาจากระยะไกล นัยน์ตาของศิษย์ฝ่ายวินัยนับร้อยต่างฉายแววกระตือรือร้น พวกเขาต่างทักทายหวังเป่าเล่อด้วยความเคารพ ความเคารพนั้นจะมาจากใจหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

“ยินดีต้อนรับขอรับ ท่านหัวหน้าศิษย์!”

เสียงพวกเขาดังมาก ดังเสียจนกระทั่งมีคลื่นเสียงกระจายออกไปโดยรอบ      เหล่าบรรดาศิษย์ในบริเวณใกล้เคียงถึงกับตัวสั่น ใจของหวังเป่าเล่อเปี่ยมไปด้วยความหฤหรรษ์ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้เหล่าศิษย์ฝ่ายวินัย เขากำหมัดแน่นขณะที่จ้องมองไปยังยานลาดจระเวนที่กำลังลงจอด

หลังจากที่หวังเป่าเล่อแจ้งเจ้าสำนักว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง เจ้าสำนักก็ได้บอกเลขรหัสของเรือบินที่หลินเทียวหาว เฉาคุน และเจียงหลินจะโดยสารมา ขณะนี้หวังเป่าเล่อมารอคอยด้วยความสงบ เขากวาดตามองเรือบินอยู่อย่างขะมักเขม้น

ความเงียบสงบของหวังเป่าเล่อทำให้หลิวต้าวปินและเหล่าศิษย์ฝ่ายวินัยเริ่มกังวล แม้กระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรหวังเป่าเล่อ พวกเขายังคงสีหน้าขึงขังไว้ขณะที่เฝ้ารอในความเงียบงัน บรรดาผู้คนบนท่าอากาศยานต่างรู้สึกกดดันเป็น    อย่างยิ่ง ต่างคนต่างก็คาดเดาไปต่างๆ นานา พลางกระซิบกระซาบกันไม่หยุดหย่อน

เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ไม่นานนักเรือบินลำแล้วลำเล่าก็ลงจอด      เหล่าศิษย์ปีสูงที่เพิ่งลงจากเรือบินตอนแรกต่างพากันหัวร่อต่อกระซิกแต่กลับเงียบงันไปหลังจากได้เห็นศิษย์ฝ่ายวินัยจากสาขาวิชาอาวุธเวท ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจและพยายามจะหลีกเลี่ยงการเดินผ่านกองกำลังศิษย์ฝ่ายวินัยโดยตรง พวกเขาพากันเดินไปรวมตัวอยู่ข้างๆ ขณะที่ประเมินสถานการณ์ไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เรือบินบางลำขนอาจารย์และเหล่าศิษย์ใหม่มา ศิษย์ใหม่เหล่านี้    ไม่รู้จักศิษย์ฝ่ายวินัย พวกเขาต่างพากันส่งเสียงดังเพราะความตื่นเต้นของการได้เดินเข้าสู่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามองเห็นกองกำลังศิษย์ฝ่ายวินัยในทันที จนเริ่มมีคำถามในใจ

“คนพวกนี้เป็นใครกันนะ”

“ดูสิ มีเจ้าอ้วนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าพวกเขาด้วย เจ้าอ้วนนั่นดูจะมียศสูงกว่าคนอื่นนะ ชุดเขาไม่เหมือนใครเสียด้วย”

ขณะที่กลุ่มศิษย์ใหม่กำลังซุบซิบกันนั้น อาจารย์ที่นำพวกเขามาหันไปจ้องมองหวังเป่าเล่อแบบไวๆ และหลังจากอธิบายให้ศิษย์ใหม่ได้รับรู้กันคร่าวๆ ศิษย์ใหม่    ทุกคนต่างก็พากันสูดหายใจ หลังจากที่ได้ล่วงรู้ว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายวินัยสำนักในชุดดำและชายร่างท้วมที่ยืนอยู่ด้านหน้าเป็นใคร

ขณะที่เรือบินลำแล้วลำเล่าเทียบท่า จำนวนคนบนท่าอากาศยานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความวุ่นวายก็กลับมาอีกครั้ง ทันใดนั้น สายตาของหวังเป่าเล่อก็ไปจบเข้ากับเรือบินที่กำลังลดระดับลงจอด หวังเป่าเล่อเพ่งมองขณะที่เดินเข้าไปใกล้ยานลำนั้น

การเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อนำพาให้ศิษย์ฝ่ายวินัยหลายคนเดินตามเขาไป ขบวนแห่ที่น่าเกรงขามของหวังเป่าเล่อทำให้ผู้คนหันมาสนใจอีกครั้ง

เรือบินที่หวังเป่าเล่อมองอยู่ลงจอด ศิษย์ปีสูงหลายคนเริ่มเดินลงมาจากยาน       ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งที่มีสีหน้าท่าทางไม่สู้ดีนัก จะเป็นใครไม่ได้นอกจากอดีตหัวหน้าศิษย์ของโถงศิลาวิญญาณเจียงหลิน!

เขาเคยถูกหวังเป่าเล่อลงโทษมาก่อนแล้ว แต่ในการประชุมหัวหน้าศิษย์ครั้งแรกนั้นหวังเป่าเล่อสูญเสียอำนาจไป เจียงหลินได้รับการอภัยโทษ ทำให้เขาเกลียด           หวังเป่าเล่อยิ่งนัก เมื่อได้ล่วงรู้ว่าหลินเทียนหาวมีแผนการบางอย่าง จึงเข้าช่วยวางแผนด้วย เป็นเหตุผลว่าทำไมการที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นจึงทำให้เจียงหลินถึงกับลมใส่ เจียงหลินหยุดชะงักอย่างฉับพลัน สัญชาตญาณของเขาบอกว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนขึ้นมาในทันใด เขากระโจนผ่านอากาศด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าร่างกายของเขาได้กลายเป็นสายรุ้งทอดยาวที่มีปลายอยู่ตรงที่เรือบินเพิ่งลงจอด

ขณะเดียวกันนั้น หวังเป่าเล่อก็เอ่ยขึ้นเสียงดังกังวาน

“เจียงหลิน เจ้าถูกขับออกจากสำนักศึกษาในข้อหาพยายามฆ่าหัวหน้าศิษย์      ข้าจะจับกุมเจ้าเดี๋ยวนี้! ศิษย์ฝ่ายวินัยทุกคน จับตัวเจียงหลินไว้!”

เสียงของหวังเป่าเล่อที่ดังราวกับพายุ สร้างคลื่นอากาศออกไปเป็นบริเวณกว้าง เมื่อได้ยินเข้า เจียงหลินถึงกับหน้าถอดสีและตัวสั่นเทาราวกับโดนฟ้าผ่า เขาขยับ    ถอยหลังอย่างไม่ทันตั้งตัวพร้อมทั้งร้องตะโกนออกมาเสียงสั่น

“หวังเป่าเล่อ เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!”

บรรดาเพื่อนและอาจารย์ที่ยืนรายล้อมเจียงหลินอยู่ต่างก็พากันตกตะลึงและพยายามจะขัดขวางหวังเป่าเล่อตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ดี เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วขยับเปิดทางให้หวังเป่าเล่อเข้าถึงตัวเจียงหลินได้อย่างง่ายดาย

นัยน์ตาของเจียงหลินแสดงความตื่นกลัวและสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพลางดิ้นรนและพยายามต่อสู้

“เจ้าฝ่าฝืนกฎสำนักอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อพูด นัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ   หวังเป่าเล่อเคลื่อนเข้าหาเจียงหลินด้วยความเร็วสูง เจียงหลินเองพยายามหลบด้วยความกลัว หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นคว้าคอเจียงหลินเอาไว้และจับเขาทุ่มลงพื้น   อย่างแรง

เจียงหลินส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด เหงื่อเม็ดเป้งๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา   จิตสังหารของหวังเป่าเล่อรุนแรงมาก เขาเบี่ยงตัวออกและบิดข้อมืออีกข้างหนึ่งของเจียงหลิน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดนั่นเอง หวังเป่าเล่อชกเข้าไปที่หน้าอกของเจียงหลินอย่างแรง ทำลายเส้นปราณของเจียงหลินและทำให้เขาฝึกตนโบราณไม่ได้อีกต่อไป!

เจียงหลินกระอักโลหิตสีแดงสดออกมา พลังการฝึกตนของเขาเทียบหวังเป่าเล่อ  ผู้ที่เพิ่งจะชนะการต่อสู้นองเลือดในป่าฝนบ่อเมฆมาหยกๆ ไม่ได้อีกต่อไป ขณะนี้ ร่างกายอาบเลือดของเจียงหลินถูกเหวี่ยงออกมาจากเรือบิน เมื่อตกกระแทกพื้นเขาก็หมดสติไปในบัดดล ร่างกายไร้สติของเขาถูกหลิวต้าวปินและเพื่อนลากออกไปทันที

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ความเหี้ยมโหดของหวังเป่าเล่อทำให้     ฝูงชนถึงกับมองตาค้าง พวกเขาต่างพากันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ คำพูดของ         หวังเป่าเล่อเมื่อครู่ทำให้พวกเขายิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก

“พยายามฆ่าหัวหน้าศิษย์งั้นหรือ”

“สวรรค์! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถูกไล่ออกจากสำนักงั้นหรือ”

“ข้าจำได้แล้ว เมื่อข้าเห็นหวังเป่าเล่อเมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างกายเขาเหมือนอาบไปด้วยเลือด”

ขณะที่ฝูงชนกำลังคาดเดาเหตุการณ์กันไปนั้น หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งยืนอยู่บนเรือบินลำหนึ่งขณะที่เพ่งมองไปยังอีกลำที่กำลังลงจอด มีบุคคลหน้าถอดสีอีกคนหนึ่งกำลังเดินถอยร่นอย่างต่อเนื่อง เขาผู้นั้นก็คือ เฉาคุน!

หวังเป่าเล่อจ้องมองเฉาคุนด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

เฉาคุนมองเห็นสายตาของหวังเป่าเล่อที่จับจ้องมา แววตานั้นแสดงออกถึงความคิดได้เป็นอย่างดี สมองเขาตื้อตันไปหมดขณะที่พยายามจะหนี แม้กระนั้น ความเร็วของเขาไม่อาจหลบหนีเสียงของหวังเป่าเล่อได้

“เฉาคุน ถูกขับออกจากสำนักในข้อหาพยายามฆ่าหัวหน้าศิษย์!” ไวเท่าความคิด หวังเป่าเล่อพุ่งตัวเข้าใส่เฉาคุนในทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจียงหลินทำให้เฉาคุนกลัวจนสุดจะบรรยาย เขาแหกปากร้องตะโกนพลางวิ่งหนี “หวังเป่าเล่อ ข้าบริสุทธิ์! หลินเทียนหาวต่างหากที่เป็นคนต้นคิด! ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version