Skip to content

A World Worth Protecting 870

บทที่ 870 ข้อสงสัยและการปฏิเสธ

ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์ก็มอบดวงจันทร์บริวารให้หวังเป่าเล่อใช้แทน ถ้ำที่พักและฐานที่มั่น อันที่จริงแล้ว หลังถามความเห็นจากชายหนุ่ม ชายวัยกลางคน ก็รีบประกาศว่าหวังเป่าเล่อได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนัก มหาทัณฑ์สวรรค์ทันที มีสถานะเกือบเท่าตัวเขาด้วยซ้ำ

การพะเน้าพะนอนี้ทำให้หวังเป่าเล่อปลื้มปริ่มอยู่ในใจ หลังจากที่กล่าว ขอบคุณปรมาจารย์มหาทัณฑ์แล้ว ชายหนุ่มก็จากไปตั้งหลักที่ดวงจันทร์บริวาร เพราะอย่างไรเสีย…เขาก็เข้าใจดีว่าสงครามนั้น…ยังไม่จบ และเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

ขณะที่ทั้งสำนักกำลังเตรียมตัวและรวมตัวกันอย่างขะมักเขม้น หวังเป่าเล่อก็แผ่พลังปราณออกไปผนึกทั้งด้านนอกและด้านในของห้องลับในถ้ำที่พักของเขาเอาไว้ ชายหนุ่มหยิบหุ่นเชิดจักรพรรดิทั้งสิบสองและเรือบินรบเวทของเขาออกมา หลังจากที่ตรวจสอบผนึกจนแน่ใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็ปล่อยหญิงสาวออกมาจาก เรือบินรบเวทด้วยดวงจิตเทพ

นางเป็นใครกันแน่นะ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและเพ่งมองไปยังสตรีผู้ที่แสดงอาการวิตกกังวลและสิ้นหวังอย่างหนักออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าของนางเผยให้เห็นว่า นางอยากจะตายเสียมากกว่าอยู่

เมื่อจ้องมองไปยังสตรีตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็แผ่ดวงจิตเทพออกไป หลังจากที่ ดวงจิตนั้นเข้าห้อมล้อมกายนางเอาไว้ ชายหนุ่มก็ตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่ หลังจากการตรวจสอบ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ บนสนามรบ หวังเป่าเล่อกวาดสายตามองหญิงสาวเร็วๆ แต่ก็ยังไม่รู้ว่านางเป็นใคร ขณะนี้เมื่อได้มองดูนางอย่างละเอียดด้วยพลังปราณของตน…ชายหนุ่มก็ยังไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งใดจากกายนางได้ ราวกับว่าร่างนี้เป็นร่างจริงของนางจริงๆ

สตรีนางนี้มีรูปลักษณ์สะสวยพอใช้ หากดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว นางดูอายุ ราวยี่สิบปี ผิวของนางสีขาว อีกทั้งรูปร่างยังอ่อนช้อยงดงาม นางสวมใส่อาภรณ์สีรุ้ง ที่ไม่เพียงเปิดเผยความงามของนางเท่านั้น แต่ยังทำให้นางดูอ่อนเยาว์ด้วย แต่หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าเมื่อผู้ฝึกตนบรรลุระดับดาวพระเคราะห์เมื่อใด จะดูหนุ่มแก่เพียงใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

เพราะตราบใดที่พวกเขาต้องการใช้พลังปราณเพื่อทำให้ตนดูอ่อนเยาว์ ก็สามารถทำได้ไม่ยากเลย เป็นเรื่องธรรมดายิ่งในหมู่ผู้ฝึกตน ดังนั้นแล้ว จึงเป็นการยากที่จะบอกอายุที่แท้จริงของใครสักคนผ่านหน้าตาเท่านั้น โดยปกติแล้ว จำต้องใช้ สัมผัสสวรรค์กวาดดูให้ทั่วเพื่อมองให้เห็นร่องรอยของวัยชรา

ตัวอย่างเช่น แม้ว่าสตรีนางนี้จะดูเหมือนอยู่ในร่างจริง แต่ตามที่สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อตรวจพบ นางก็ไม่ได้ชราแต่อย่างใด และระดับปราณของนางยังยอดเยี่ยมอีกด้วย เพราะนางอยู่ในขั้นจุติวิญญาณชั้นปลายเป็นที่เรียบร้อย

ขั้นปราณนั้นอาจไม่ได้สลักสำคัญอะไรในอารยธรรมครามทองคำ แต่ในสหพันธรัฐ เป็นการยากยิ่งที่คนอายุน้อยเพียงเท่านี้จะมีปราณอยู่ในขั้นนี้ได้ อย่างน้อยในบรรดาสหายที่หวังเป่าเล่อรู้จัก ก็ไม่มีใครเลยที่บรรลุถึงขั้นจุติวิญญาณตั้งแต่อายุเท่านี้ยกเว้นตัวเขาเอง

สิ่งนี้ทำให้หวังเป่าเล่อสงสัยอยู่ในใจ เพราะไม่อาจระบุตัวตนที่แท้จริงของนางได้ สายตาของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นก่อนพูดออกมาช้าๆ

“บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร!”

คำพูดของหวังเป่าเล่อเยือกเย็นราวกับเป็นสายลมหนาว ทำให้อุณหภูมิในห้องลับลดลงอย่างรวดเร็ว อากาศเย็นยะเยือกกระจายไปทั่ว ทำให้ร่างกายของหญิงสาว สั่นสะท้านเบาๆ หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่หลายลมหายใจ นางก็หลุบศีรษะลงต่ำ ราวกับว่าพยายามอย่างยิ่งที่จะสงบจิตใจ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ

“ข้าเป็นศิษย์สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งอารยธรรมครามทองคำจาก ปลายกระบี่โบราณ…นามว่าเฉินเสวี่ยเหมย”

เมื่อได้ยินคำตอบของสตรีนางนั้น คิ้วของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งขมวดหนักเข้าไปอีก สายตาของเขาเยือกเย็นยิ่งกว่าเก่า อันที่จริงแล้ว ชายหนุ่มกำลังเริ่มร้อนรนอย่างมาก เขากลัวว่าการคาดเดาของตนจะเป็นจริงและหนึ่งในบรรดาสหายถูกสตรีนางนี้ สังหารไปแล้ว ทำให้นางได้ดวงจิตเทพของเขาไปครอง หวังเป่าเล่ออยากค้นวิญญาณนางโดยตรง แต่เขาก็คิดว่าหากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย การค้นวิญญาณก็อาจทำให้ร่างกายของนางเสียหายอย่างหนักได้

หวังเป่าเล่อจึงหรี่ตาลงก่อนจะมองสตรีนางนั้นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง แม้ว่านางจะพยายามเต็มที่ที่จะไม่ตื่นตระหนก ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าหญิงสาวทั้งกังวลและสิ้นหวังในใจ มีความหมดอาลัยตายอยากฉายชัดอยู่ในแววตา เขาจึงเข้าใจในวินาทีนั้นว่านางได้เตรียมใจที่จะตายไว้แล้ว

และขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอยู่นั้น แผ่นหยกสื่อสารในกระเป๋าคลังเก็บของเขาก็ส่งคลื่นพลังรบกวนออกมา ชายหนุ่มลดมือลง ก่อนพลิกมือขวาหยิบแผ่นหยกออกมา เขากำลังจะเปิดมันดู แต่อึดใจต่อมา หวังเป่าเล่อ ก็ผงกศีรษะขึ้นมาอย่างแรง ก่อนจะยกมือขวาชี้หน้าสตรีนางนั้น

“เจ้าอยากตายหรืออย่างไร”

เมื่อชายหนุ่มชี้นิ้วไป ร่างของนางก็แข็งทื่อทันที ก่อนที่ใบหน้าจะซีดขาว ราวกับว่าร่างกายของนางแปรสภาพเป็นท่อนไม้ ทำให้ไม่อาจคิดอ่านอะไรต่อไปได้ นางทำได้เพียงยืนอยู่กับที่ในขณะที่ความหมดหวังในใจเริ่มแพร่กระจายไปถึงดวงวิญญาณ นางไม่อาจซุกซ่อนความต้องการตายในดวงตาเอาไว้ได้อีกต่อไป หญิงสาวเริ่มร้องไห้ออกมา นางอยากปิดตาลงเพื่อซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ แต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตาม

หวังเป่าเล่อส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ในทันใดนั้นเอง ดวงแสงดวงหนึ่งก็ลอยออกมาจากหว่างคิ้วของสตรีนางนั้น ดวงแสงนั้นคือดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อ มันกลับมาลอยอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม

วินาทีที่ชายหนุ่มมองดูแผ่นหยกสื่อสาร เขาก็รู้สึกถึงคลื่นรบกวนของดวงจิตเทพของตนที่แผ่ออกมา สตรีที่อ้างว่าตนเองชื่อเฉินเสวี่ยเหมยนั้นต้องการปลดปล่อย ดวงจิตเทพออกไปขณะที่หวังเป่าเล่อไม่ทันได้สังเกต นางไม่ได้ต้องการจะทำอันตรายชายหนุ่ม แต่เป้าหมายของนางกลับเป็น…การฆ่าตัวตาย!

นางแน่วแน่เอาการอยู่เหมือนกัน…หวังเป่าเล่อจ้องสตรีนางนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะก้มศีรษะลงมองแผ่นหยกสื่อสาร ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ส่งข้อความเสียงมาหาเขา ชายวัยกกลางคนชวนเขาไปที่โถงใหญ่เพราะมีเรื่องต้องการจะปรึกษาด้วย

หลังจากที่ตอบอีกฝ่ายไปอย่างง่ายๆ หวังเป่าเล่อก็หันกลับมามองเฉินเสวี่ยเหมยอีกครั้ง ขณะนี้ร่างกายของนางถูกเขาแช่แข็งเอาไว้ ประกายประหลาดสะท้อนขึ้นมาในดวงตาของชายหนุ่ม ความเด็ดเดี่ยวของนางทำให้เงาของสตรีนางหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ขณะที่ชายหนุ่มนิ่งเงียบอยู่ เขาก็โบกมือขวาก่อนจะปล่อยเฉินเสวี่ยเหมยออกมา เมื่อถูกปลดปล่อยจากพันธนาการก็ดูเหมือนว่าร่างของนางได้เสียพลังไปจนหมด นางซวนเซถอยหลังไปหลายก้าวด้วยท่าทางเจ็บปวด ร่างทั้งร่างราวกับจะวอนขอให้ชายหนุ่มสังหารนางเสียเดี๋ยวนั้น ก่อนที่จะพูดออกมาเสียงเบา

“ด้วยพลังปราณระดับท่าน โปรดอย่าทำให้ข้าอับอายเลย ข้าไม่สนใจว่าท่านจะสังหารข้าหรือไม่ หากศิษย์พี่ต้องการจะรู้เรื่องใดเกี่ยวกับอารยธรรมครามทองคำ ข้าก็จะบอกท่านตามตรง ข้าหวังเพียงแค่ว่าท่านจะให้ข้าได้มีศพที่สวยงามและได้ตายโดยที่ยังมีศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่!”

คำพูดนั้นแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวอันแรงกล้าและทำให้ความรู้สึกฉงนสงสัยในแววตาของหวังเป่าเล่อเข้มข้นขึ้นไปอีก หลังจากที่นิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ชายหนุ่ม ก็ยกมือขวาขึ้นโบก ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปในพริบตา ร่างของหลงหนานจื่อสลายไป เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงซึ่งกำลังจ้องมองไปยังเฉินเสวี่ยเหมย

“พอได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ดวงจิตเทพบนกายเจ้าเป็นของข้าเอง เจ้าเป็นใครกันแน่” น้ำเสียงของหวังเป่าเล่อแสดงความสิ้นหวัง ขณะที่พูดไปนั้น เขาก็ลับดวงจิตเทพของเขาให้เฉียบคมเป็นอย่างยิ่ง เพราะชายหนุ่มต้องการสังเกตปฏิกิริยาของนาง

หวังเป่าเล่อไม่ได้เอ่ยชื่อตนเอง และไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่เขาคาดเดาว่าเป็นนาง นั่นเพราะเขายังไม่อาจตอบข้อสงสัยในใจได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงพยายามเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและจะตัดสินใจหลังจากที่นางได้เห็นร่างนี้แล้ว

แต่ปัญหาก็คือ…หลังจากที่เฉินเสวี่ยเหมยมองเห็นร่างจริงของหวังเป่าเล่อ แม้นางจะตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังมีความสับสนในแววตา สิ่งนี้ทำเอาหวังเป่าเล่อใจหาย

หลังจากที่นิ่งเงียบอยู่หลายลมหายใจ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น

“ข้าไม่สนใจข้อมูลเรื่องอารยธรรมครามทองคำหรือสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่ได้อยากรู้ตัวตนของเจ้าในสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน สิ่งที่ข้าอยากรู้…คือตัวตนที่แท้จริงของเจ้า!”

“ข้าไม่เข้าใจท่านเลยศิษย์พี่…ข้าไม่มีตัวตนอื่นใด ศิษย์พี่ ท่าน…คิดว่าข้า เป็นใครคนอื่นอย่างนั้นหรือ” เฉินเสวี่ยเหมยยิ่งดูสับสนเข้าไปใหญ่ นางจ้องมอง ร่างจริงของหวังเป่าเล่อด้วยสีหน้าฉงนสงสัย

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนางเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เริ่มจะหมดความอดทน ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน แววตาของเขาเย็นเยียบขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะกวาดตามองเฉินเสวี่ยเหมย

“ข้าจะเตือนความจำเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน สหพันธรัฐ!”

หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้น เฉินเสวี่ยเหมยก็ยังคงสับสนอยู่ มีความไม่แน่ใจปรากฏขึ้นมาบนสีหน้า หลังจากที่ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ นางก็พูดออกมาเบาๆ

“ศิษย์พี่ สหพันธรัฐ…เป็นสำนักอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆ หรือ เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าสหพันธรัฐคืออะไร” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วก่อนจะพูดเสียงต่ำ

“ข้าไม่ทราบจริงๆ” เฉินเสวี่ยเหมยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ทั้งจังหวะหัวใจและท่าทางของนางไม่ได้แสดงพิรุธอะไร ดูเหมือนว่านางจะไม่รู้จริงๆ

จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

“สงสัยว่าข้าจะจำคนผิดไปจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าจับตัวผู้ฝึกตนต่างดาวชื่อหวังเป่าเล่อได้ เจ้าคงจะไม่รู้จักมันเช่นกัน ข้าขังเจ้าอ้วนนั่นเอาไว้และได้เรียนรู้สิ่งน่าสนใจ มาหลายอย่างจากการค้นวิญญาณมัน ข้ายังกลืนวิญญาณของมันเข้าไปส่วนหนึ่งด้วย ข้าจึงสัมผัสถึงดวงจิตเทพของมันได้ เมื่อเจ้าไม่รู้จักมัน ก็ดูเหมือนว่ามันจะใช้ วิชาประหลาดซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ ข้าจะไปกลืนมันทั้งตัวและทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณของมันเสีย!”

เมื่อพูดจบ หวังเป่าเล่อก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนจะยกเท้าเตรียมก้าวออกจากห้องลับไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version