Skip to content

A World Worth Protecting 884

บทที่ 884 ทางเดียวคือต้องสู้!

หวังเป่าเล่อไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มมั่นใจว่าวิชาดวงเนตรปีศาจช่วยลดทอนพลังครึ่งหนึ่งของพายุสุริยะไป ถึงกระนั้นก็ใกล้ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว แม้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์และน่าจะมีหนทางในการลดทอนพลังไปบ้าง สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ต้องอ่อนแอกว่าชายหนุ่ม

ดังนั้น…ถ้าหวังเป่าเล่อรู้สึกว่าใกล้ถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว ผู้อาวุโสฝ่ายขวา ก็ต้องใกล้ถึงขีดจำกัดด้วยเช่นกัน!

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเขาหันไปมองผู้อาวุโสฝ่ายขวา สภาพปัจจุบันของ อีกฝ่ายนั้นดูเลวร้ายอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมหายไปจากหัวหมด ร่างกายซูบเซียวจนดูเหมือนโครงกระดูก พลังปราณที่แผ่ออกมาก็ดูอ่อนแรงลง เงามายาของดาวเคราะห์ปรากฏอยู่ด้านนอกร่างกายของผู้อาวุโส และดูเหมือนกำลังจะแหลกสลาย

ทั้งหมดพิสูจน์ได้จากความคลุ้มคลั่งและการไม่ยอมรับที่ฉายชัดในแววตาของ ชายชรา ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและสังเกตเห็นว่า หวังเป่าเล่อสามารถลดทอนพลังดารานิรันดร์ได้ การลดทอนพลังดังกล่าวไม่ได้มาจากสมบัติเวท แต่เป็นพลังของชายหนุ่มเอง!

ผู้อาวุโสตระหนักเรื่องนี้ช้าเกินไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเขา ถ้าหวังเป่าเล่อพยายามซ่อนเรื่องนี้ไว้ด้วยการกระอักเลือดสดๆ และร้องครวญครางออกมาเป็นพักๆ ขณะหลบหนีเพื่อตบตา ผู้อาวุโสฝ่ายขวาย่อมสามารถมองออกได้ทันทีว่าเป็นกับดัก

แต่หวังเป่าเล่อกลับเงียบมาโดยตลอดและพุ่งทะยานออกไปอย่างดุดัน การกระทำของชายหนุ่มทำให้ผู้อาวุโสมองออกได้ยากว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล กระนั้นเขาก็ตอบโต้อย่างรวดเร็ว หลังจากมองพิจารณาหวังเป่าเล่อ ผู้อาวุโสก็เริ่ม ถอยหนีออกห่างอย่างไม่ลังเลใจ

เขาไม่ได้แค่หนี แต่ยังยกมือสองข้างตั้งผนึกฝ่ามือขณะถอยออกห่าง พยายามสร้างพลังผนึกป้องกันไม่ให้หวังเป่าเล่อหลบหนีออกไปได้เหมือนเช่นตนเองโดยเลือกที่จะลงมือก่อน

“หลงหนานจื่อ เจ้าเล่ห์นักหรือ ข้ายอมรับว่าข้าสะเพร่าเกินไป แต่…ในเมื่อ เจ้าเลือกเข้ามาที่นี่ ก็เท่ากับว่าเจ้าได้เลือกที่จะจบชีวิตแล้ว ข้าไม่ต้องโจมตีอะไร เจ้ามาก แค่กันไม่ให้เจ้าออกไปได้ก็เพียงพอแล้ว!” เมื่อผู้อาวุโสฝ่ายขวาคว่ำฝ่ามือลง พลังเทพก็ปะทุออกมา ผนึกมือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นและพุ่งไปปะทะหวังเป่าเล่อ

“ในหมู่ผู้ฝึกตน สิ่งสำคัญที่สุดคือระดับการฝึกตน ข้าอยู่ระดับดาวพระเคราะห์ ส่วนเจ้าอยู่แค่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ บนดารานิรันดร์แห่งนี้ ขอแค่ข้าทนอยู่ได้นาน กว่าเจ้า เจ้าก็ต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่!”

ดวงตาของผู้ฝึกตนฝ่ายขวาส่องประกายคลุ้มคลั่งขณะที่พลังปราณระเบิดออกมาจากทั่วร่าง ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์และเป็นผู้อาวุโสของ สำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงผ่านการต่อสู้มามากมายและกลายเป็นคนเด็ดขาด ตอนนั้นเขาไม่สนใจอีกต่อไปว่าดาวเคราะห์ของตนจะเริ่มปริแตกขณะพยายามจัดการหวังเป่าเล่อ ผู้อาวุโสต้องการเปลี่ยนความคิดที่จะเข้าไปใกล้ชั้นดารานิรันดร์ของ ชายหนุ่มให้กลายเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องนึกเสียใจเพราะมันเปรียบเหมือนเป็นการ ฆ่าตัวตาย!

“จริงหรือ” หวังเป่าเล่อหรี่ตา รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า แม้รอยยิ้มนั้นจะดูไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความเหี้ยมโหด

“แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าเจ้าไม่ใช่ระดับดาวพระเคราะห์อีกต่อไป” หวังเป่าเล่อพูด แววเย็นเยียบฉายวาบขึ้นในตา ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นรอไว้ก่อนแล้ว ในมือของเขา… มีแผ่นหยกอยู่!

“สาป!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะปล่อยพลังปราณไปผสาน รวมกับแผ่นหยกในมือ ทำให้แผ่นหยกสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมปลดปล่อยด้ายสีดำจำนวนมากออกมา ด้ายสีดำเป็นเหมือนใยแมงมุม ทันใดที่ปรากฏมันก็พุ่งเป้าไปที่ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจากสำนักวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ไม่สนใจพายุดารานิรันดร์ในบริเวณ พุ่งตรงไปยังจุดระหว่างคิ้ว หมายจะเข้ากลืนกิน!

“นี่มัน…” ผู้อาวุโสฝ่ายขวาหน้าซีดเผือดในทันใด สัญญาณอันตรายซึ่งเกินกว่า ที่ดารานิรันดร์ทำให้ชายชรารู้สึกระเบิดขึ้นภายในใจ เขาสังหรณ์ใจว่าจะให้ด้ายนั่น เข้าใกล้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะต้องจบชีวิตลงเป็นแน่

ขณะที่กำลังตื่นตกใจสุดขีด ผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็ตั้งผนึกฝ่ามือด้วยมือทั้งสองข้างและปล่อยพลังเทพออกไปต้านทานไว้ นอกจากนี้ยังปล่อยสมบัติเวทมากมายออกมาช่วยอีกแรง

แต่ก็ไม่เป็นผล!

ด้ายดำเคลื่อนตัวทะลุผ่านพลังเทพและสมบัติเวทของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ระหว่างเคลื่อนตัวผ่าน ด้ายก็มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ก่อนจะกลายเป็นจุดสีดำพุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของผู้อาวุโสฝ่ายขวา ไม่เปิดโอกาสให้เป้าหมายได้ตอบโต้อะไร เหมือนว่าทุกอย่างได้กำหนดไว้แล้ว พริบตาต่อมา…ด้ายดำก็ปรากฏตัวฝังอยู่ตรงช่องว่าง ระหว่างคิ้วของชายชรา

เสียงสั่นสะเทือนดังกึกก้อง ร่างผู้อาวุโสสั่นเทิ้มรุนแรงขณะที่เขากรีดร้องลั่น ด้วยความเจ็บปวด ผนึกและฝ่ามือมายาตรงหน้าที่เพิ่งปล่อยไปสลายหายไปทันที ขณะที่กรีดร้องอยู่นั้น พลังปราณของเขาเหมือนจะโดนยับยั้งไว้ จุดสีดำตรงหว่างคิ้วเปล่งแสง ก่อนจะกะพริบติดต่อกันเก้าครั้ง พลังปราณของผู้อาวุโสลดทอนจากระดับดาวพระเคราะห์…ลงมาเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นสมบูรณ์!

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างจากตอนที่หวังเป่าเล่อใช้คำสาปจัดการกับผู้ฝึกตนขั้น จิตวิญญาณอมตะชั้นปลายไปเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น ครั้งนี้น่าตื่นตะลึง กว่ามาก เพราะเป็นการลดทอนพลังปราณจากระดับดาวพระเคราะห์ และนี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อจึงไม่ยอมใช้คำสาปนี้กับผู้อาวุโสฝ่ายขวาก่อนหน้านี้

เขารู้ว่าการจะทำให้ระดับพลังปราณของผู้อาวุโสฝ่ายขวาตกลงได้นั้น จะต้องจัดการในตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพไม่สู้ดี จึงเป็นเหตุให้…ชายหนุ่มเลือกเข้าไปใกล้ ชั้นดารานิรันดร์ ทั้งหมดนี้…เขาทำไปเพราะ…วางแผนจะใช้คำสาปนี้!

“ตอนนี้เจ้าไม่ใช่ระดับดาวพระเคราะห์อีกต่อไป ทีนี้ก็มาดูกันว่าใครจะทนอยู่ได้นานกว่ากัน กลัวว่าเจ้าจะไม่ได้อยู่รอดแข่งขันกันกับข้าเพราะจะตายด้วยน้ำมือข้า ไปเสียก่อน” จิตสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาหวังเป่าเล่อขณะที่เขาขยับตัวพุ่งตรงไปทางผู้อาวุโสฝ่ายขวาที่กำลังถอยหนีพร้อมกรีดร้องเสียงลั่น!

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาไม่รู้ว่าจะต้องตอบโต้อย่างไร เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลงหนานจื่อที่อยู่ตรงหน้าจะมีเคล็ดวิชาน่าพรั่นพรึงเช่นนี้อยู่

โดยเฉพาะเมื่อชายชรานึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ขณะที่ร้องครวญครางจากความปวดร้าวราวกับวิญญาณกำลังถูกบดขยี้ ภาพแผนการวางกับดักและการต่อสู้กับหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นในหัว ขณะเดียวกันเขาก็กำลังถอยหนีไปด้วยความหวาดกลัว

ทั้งฝ่ามือระดับดาวพระเคราะห์ของหวังเป่าเล่อ การที่ชายหนุ่มทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายต้องบาดเจ็บหนัก การถ่วงเวลาผู้อาวุโสฝ่ายขวาไว้ทำให้ไม่สามารถตั้งผนึกใหม่ ได้ทันเวลา ทั้งหมดรวมกับการที่ชายหนุ่มทำให้พายุสุริยะปั่นป่วน ส่งผลให้ผู้อาวุโส ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และต้องไล่ตามชายหนุ่มด้วยการปลดปล่อยพลังปราณ…

หลังจากนั้น หลงหนานจื่อก็เปลี่ยนทิศทางและมุ่งตรงไปยังชั้นดารานิรันดร์ ผู้อาวุโสฝ่ายขวาคิดว่าตนเองมองแผนการของหลงหนานจื่อได้ทะลุปรุโปร่งและมี แผนโต้ตอบเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายไว้พร้อมแล้ว แต่สุดท้าย…เขาก็พบว่า อีกฝ่ายยังมีเล่ห์กลซ่อนไว้อีก เป้าหมายของหลงหนานจื่อคือทำให้ตนอ่อนแอลงและปล่อยคำสาปน่าสะพรึงกลัวใส่

จากที่เคยคิดว่าถือไพ่เหนือกว่ากลับต้องตกเป็นรองในทันใด การคำนวณและ กลยุทธ์เช่นนี้ทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายขวาตื่นกลัวขึ้นมาจับจิต ก่อนหน้านั้น เขาก็ไม่ได้มองว่าหลงหนานจื่อเป็นคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังประเมินอีกฝ่ายต่ำไปอยู่ดี

แต่ผู้อาวุโสก็รู้ตัวช้าไป และผลกระทบที่ตามมานั้นหนักหนาทีเดียว ขณะที่ความคิดมากมายฉายชัดขึ้นในหัว ร่างผู้อาวุโสฝ่ายขวาก็กระตุกเกร็งจากการที่ต้อง ฝืนทนกับความเจ็บปวดที่ออกมาจากวิญญาณ เขารีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะสังหารหวังเป่าเล่อ แม้จะตื่นกลัวอยู่มากเพียงใด จิตสังหาร ก็ทวีคูณเพิ่มขึ้นเช่นกัน!

ข้าจะทุ่มทุกอย่างที่มี จะปล่อยให้คนเช่นนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!

แม้จะรู้ว่าตนเองตกหลุมพรางและอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง แต่เขาก็ยังมี ไพ่ตายที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้!

หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะมีกลยุทธ์อื่นใดหลงเหลืออยู่อีก แม้อีกฝ่ายจะยังมีไพ่ตายอะไรเหลืออยู่ก็คงไม่มีทางพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้ เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าคำสาปมีผลสูงสุดแค่สิบห้านาที ไม่ว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะมี วิธีการอะไร เมื่อคำสาปหมดฤทธิ์ เขาก็ต้องพบภัยอันตรายอยู่ดี

จะหนีก็ไม่ได้ เพราะหากยังติดอยู่ในดารานิรันดร์แห่งนี้ อนาคตต่อไปต้องมืดหม่นแน่ และคงจะถูกไล่ตามมาไม่เร็วก็ช้า นอกจากนี้ วิธีนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หวังเป่าเล่อมัก จะเลือกทำ

ดังนั้น…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้!

ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะไม่ตื่นกลัวเมื่อตกอยู่ในสภาพเดียวกับเขา ซึ่งก็คือไม่สามารถออกจากดารานิรันดร์แห่งนี้ได้เพราะได้ทำลายจุดอ่อนของที่นี่ไปเองตอนที่ไล่ตามมา พายุสุริยะบนดารานิรันดร์ปั่นป่วนหนักทำให้ทั้งสองไม่สามารถใช้สัมผัสสวรรค์ได้ ภัยอันตรายล้อมรอบตัว การจะหาจุดอ่อนของพลังธรรมชาติจุดอื่นให้เจอเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก!

ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไป ก็ยิ่งออกจากที่แห่งนี้ได้ยากยิ่งขึ้น

เว้นเสียแต่…ผู้อาวุโสฝ่ายขวาจะมีวิธีอื่นที่ใช้ออกจากที่แห่งนี้ตอนไหนก็ได้ จึงกล้าตัดสินใจไล่ตามข้ามา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version