Skip to content

A World Worth Protecting 90

บทที่ 90 แสนยานุภาพของปราณโลหิต!

“สวรรค์ช่วยข้าด้วย นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ผู้มีปราณระดับการฝึกตนโบราณ ต้านทานแรงกดจากผู้มีลมหายใจเที่ยงแท้ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ”

“ปราณ…ปราณโลหิตของหวังเป่าเล่อแก่กล้าจนสะเทือนถึงสวรรค์ อย่างนี้แปลว่าหมอนี่ก็ไม่ได้ปล่อยพลังออกมาเต็มที่ตอนสู้กับเจ้าเยี่ยเหมิงสินะ!”

อย่าว่าแต่บรรดาศิษย์เลย บรรดาอาจารย์ที่ยืนอยู่โดยรอบก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน   ทุกคนที่ยืนล้อมอยู่นั้นอ้าปากค้าง สติกระเจิดกระเจิงไปกับภาพตรงหน้า

ความแตกต่างระหว่างการฝึกตนโบราณกับลมหายใจเที่ยงแท้นั้น เปรียบได้กับเด็กวัยละอ่อนกับชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะได้ แต่ว่าสิ่งที่อยู่  ต่อหน้าทุกคนตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อตั้งตัวตรง เงยหน้าขึ้น ด้วยแววตาคมกริบ นี่แปลได้อย่างเดียวว่า แรงกดดันจากลมหายใจเที่ยงแท้ของเกาเฉวียนนั้นใช้กับเขาไม่ได้ผล!

แม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเช่นกัน ท่านยืนค้างอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างจนไม่อาจซ่อนความตกตะลึงไว้ได้

ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ผู้ที่สั่งสมพลังปราณโลหิตจนแก่กล้าถึงขีดสุด อาจสามารถต้านทานแรงกดดันของลมหายใจเที่ยงแท้ได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่การจะทำแบบนั้นได้    ผู้นั้นจะต้องได้รับมรดกทางพันธุกรรมเป็นสายโลหิตที่หายากยิ่ง แม้แต่ความก้าวหน้าของวิชาความรู้ในยุคสมัยนี้ก็ยังช่วยได้ไม่มาก

หรือว่า…บรรพบุรุษของหวังเป่าเล่อจะมีสายโลหิตที่หายากนี้อย่างนั้นหรือ

ท่านเจ้าสำนักหยุดฝีเท้า และเลิกพยายามจะแยกมวยตรงหน้าระหว่างหวังเป่าเล่อและเกาเฉวียน ตัวท่านเองก็อยากรู้เช่นกันว่าหวังเป่าเล่อจะไปได้ไกลถึงเพียงไหน

ความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยว่าหวังเป่าเล่อแอบมีสมบัติล้ำค่าเก็บไว้กับตัว        หรือความรู้สึกละโมบอยากได้สายเลือดพิเศษของเขานั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้มีอำนาจ แม้จะมาจากสำนักศึกษาเต๋าทั้งสี่ก็ตาม แต่ในฐานะสถาบันที่สร้างผู้มีความสามารถมากมายให้สหพันธรัฐ เป้าหมายหลักคือการทำให้ศิษย์ของสำนักทั้งสี่รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสำนักศึกษา ไม่ใช่การมุ่งหาประโยชน์ให้ตนเอง

หากสำนักทั้งสี่ต้องการหาประโยชน์ใส่ตนตั้งแต่ต้น คงไม่กลายมาเป็นสถาบันที่ยิ่งใหญ่ทรงเกียรติราวหอคอยงาช้าง ที่คนทั่วสหพันธรัฐทำได้แค่ฝันถึงอย่างทุกวันนี้ ท่านเจ้าสำนักเข้าใจดีถึงบทบาทหน้าที่ของตนในการสร้างยอดฝีมือ แม้ตำแหน่งของท่านจะอยู่ที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรองเท่า แต่เจตจำนงนี้แก่กล้าในบรรดาผู้ปกครองชั้นสูงของทุกสำนัก

นับแต่โลกเดินทางเข้าสู่ยุคกำเนิดวิญญาณมาก หลายคนก็ได้รับโอกาสก้าวหน้าที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวท่านเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

ใครๆ ก็มีความลับของตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่หรือ ถึงหวังเป่าเล่อจะมีความลับ        แต่ตราบใดที่เขาซื่อสัตย์ต่อสำนักศึกษาเต๋า ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!

เจ้าสำนักมองภาพการต่อสู่ระหว่างหวังเป่าเล่อและเกาเฉวียนด้วยความคาดหวัง

บัดนี้เกาเฉวียนดูตกใจเสียยิ่งกว่าทุกคนในที่นั้นรวมกันเสียอีก

“เป็นไปไม่ได้!” เขากรีดร้อง ลมหายใจสะดุด ปราณโลหิตที่ยากหาผู้ใดเหมือนของหวังเป่าเล่อ ทำลายแรงกดดันจากลมหายใจเที่ยงแท้ของเขาไปหมดสิ้น เกาเฉวียนไม่เคยพบเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เขาลืมตาดูโลกมา!

“ทุกอย่างเป็นไปได้!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นอีก แววตาที่จดจ้องคมกริบยิ่งขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มดีใจมากที่การฝึกของตนสำเร็จผล ความมั่นใจของเขาพุ่งขึ้นสูง  เสียดฟ้า

หวังเป่าเล่อรู้สึกดีใจที่แม่นางน้อยไม่ได้โกหกตน สรีระทองคำสามารถเอาชนะ    ลมหายใจเที่ยงแท้ได้จริงเสียด้วย!

เขาคำรามเสียงแผ่ว ก่อนพุ่งไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจเต็มร้อย ความเร็วที่เขากระโจนเข้าใส่เกาเฉวียนนั้นแตะขีดจำกัด จนร่างทั้งร่างดูราวกับสายฟ้าที่ฟาดตรงไปข้างหน้า

“ต่อให้เจ้าเอาชนะลมหายใจเที่ยงแท้ได้ ทักษะระดับการฝึกตนโบราณมันก็ได้   แค่นั้นแหละ!” ดวงตาของเกาเฉวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง คนที่มุงดูมากมายทำให้เขารู้สึกขายหน้า การโดนศิษย์หักหน้าทำให้เขาทั้งโกรธและอาย เกาเฉวียนสะบัดมือขวาด้วยรังสีอำมหิต ขณะหวังเป่าเล่อพุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขา ในฝ่ามือของรองเจ้าสำนักมี     ยันต์อยู่สามใบ!

ยันต์กระดาษทั้งสามนี้ดูราวกับวัตถุที่ไม่มีอยู่จริงบนโลกมนุษย์ เบาบางราวอากาศธาตุ อักขระและสีสันแสนลึกลับกระจายไปตัวเครื่องราง ทันทีที่เกาเฉวียนนำมันออกมา พลังปราณก็ถูกดูดเข้ามาวนรอบยันต์ทั้งสามทันที

ดวงตาของเกาเฉวียนส่องประกาย เขาปายันต์ใส่หวังเป่าเล่อและประกาศก้องว่า “ลูกไฟโลกันต์!”

ทันใดนั้นเครื่องรางก็สั่นไหวและเผาไหม้ตนเอง ไฟโหมแรงขึ้นโดยดูดเอา        พลังปราณมาเป็นเชื้อเพลิง ภายในพริบตาก็กลายเป็นลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นสามลูก!

เพลิงนั้นไม่ใช่เพลิงธรรมดาแต่เป็นเพลิงที่เรืองแสงสีฟ้า อุณหภูมิของมัน           สูงพอที่จะเผาไหม้ทั้งร่างมนุษย์และเหล็กกล้าให้กลายเป็นผุยผง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพียงสัมผัส ร่างก็จะกลายเป็นเถ้าในทันที!

ทันทีที่ลูกไฟพุ่งแหวกอากาศ ทุกอย่างก็ร้อนระอุด้วยเปลวเพลิง ก่อนกลายเป็นกระแสความร้อนพลุ่งพล่านรุนแรง บรรยากาศเริ่มลุกไหม้ขณะที่ลูกไฟสามลูกพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!

หวังเป่าเล่อตกใจเป็นอันมาก เขาเคยเห็นการต่อสู้ของผู้มีลมหายใจเที่ยงแท้มาบ้างในวิดีทัศน์ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเวทระดับลมหายใจเที่ยงแท้กับตา

เหล่าศิษย์ที่ยืนมุงอยู่ก็อุทานออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน

“เวทระดับลมหายใจเที่ยงแท้!”

เวทที่เกาเฉวียนใช้เป็นเวทระดับลมหายใจเที่ยงแท้ขั้นต้น ความแตกต่างระหว่างปราณระดับลมหายใจเที่ยงแท้และการฝึกตนโบราณนั้น ไม่ได้มีแค่ความแข็งแกร่ง  ของร่างกาย หรือแรงกดดันจากลมหายใจเที่ยงแท้เท่านั้น แต่ยังมีพลังเวทด้วย!

ปราณขั้นการฝึกตนโบราณใช้ปราณโลหิตในการสร้างภาพลวงตา แต่นั่นก็เป็นเพียงเคล็ดวิชาหนึ่งของปราณโลหิตเท่านั้น ไม่ได้มีพลังทำลายล้างที่สูงอะไร ผู้มีปราณขั้นการฝึกตนโบราณยังต้องพึ่งร่างกายในการต่อสู้อยู่มาก

แต่สำหรับปราณระดับลมหายใจเที่ยงแท้นั้นต่างออกไป เวทมีพลังทำลายล้าง    สูงกว่าการใช้ร่างกายในการต่อสู้ ปุถุชนเดินดินทั่วไปทำได้เพียงใช้ร่างกายโจมตีเท่านั้น ต่างจากผู้ฝึกตนราวฟ้ากับเหว!

ลูกไฟทั้งสามลูกเคลื่อนที่มาด้วยความเร็ว เผาไหม้ทุกสิ่งที่พุ่งผ่านเป็นจุลและเข้าใกล้หวังเป่าเล่อขึ้นทุกที ลูกไฟทั้งสามต้อนเขาให้จนมุมโดยไม่ปล่อยให้ซ่อนตัวได้ กระแสความร้อนระอุไหลหลากเข้าท่วมร่าง

เจ้าสำนักต้องการหยุดความหายนะที่อาจเกิดขึ้นตรงหน้า แต่ก็ห้ามตนเองไว้ทัน ท่านมองไปที่หวังเป่าเล่อและคิดได้ว่าหวังเป่าเล่อเองไม่ใช่คนทำอะไรไม่คิดหน้า      คิดหลัง เมื่อเขากล้าพอที่จะท้าผู้ฝึกตนสู้ ก็แปลว่าต้องมีทางโต้กลับอยู่!

หวังเป่าเล่อมองลูกไฟสามลูกที่ใกล้เข้ามาทุกที ก่อนกลั้นลมหายใจและยกมือขวาขึ้น กำไลคลังเวทของเขาส่องแสงวาบ กระบี่เหาะเหินหลายเล่มพุ่งออกมา มุ่งหน้าตรงไปที่ลูกไฟเวทนั้น

เขาโยนตราผนึกอีกนับสิบมาล้อมกายตนไว้ ตราผนึกหยกสีม่วงเริ่มเรืองแสง ก่อนแปรสภาพเป็นมังกรสีม่วงตัวเล็กที่เริ่มส่งเสียงคำราม และลอยวนรอบร่างกายของเขา

กระบี่เหาะเหินและลูกไฟเวทพุ่งเข้าชนกัน แต่กระบี่เหาะเหินที่ปกติแล้วต้านทานแรงปะทะได้ทุกรูปแบบ ก็เริ่มหลอมละลายด้วยอำนาจของลูกไฟ!

วัตถุดิบที่หวังเป่าเล่อใช้หลอมกระบี่เหาะเหินนั้นเป็นวัตถุดิบธรรมดาทั่วไป         ที่พอจะประมือกับผู้ใช้ปราณระดับการฝึกตนโบราณได้ แต่เมื่อเจอเข้ากับเวทระดับ  ลมหายใจเที่ยงแท้ ความแข็งแกร่งนี้ก็ถูกสยบลงอย่างรวดเร็ว แต่แม้วัสดุภายนอกจะแสนธรรมดา แก่นวิญญาณภายในที่สร้างมาจากศิลาวิญญาณรุ้งนั้นกลับยากหาสิ่งใดเหมือน กระบี่เหาะเหินเริ่มหลอมละลาย แต่แก่นวิญญาณภายในพร้อมจะระเบิดขึ้นทันทีที่โดนกระตุ้นจนกลายเป็นแรงต้าน ช่วยชะลอให้ลูกไฟพุ่งเข้ามาปะทะได้ช้าลงอย่างแน่นอน

ในวินาทีนั้น หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าใกล้ลูกไฟเวททั้งสาม ส่วนตราผนึกที่วนอยู่รอบกายเขาก็ระเบิดออก แรงระเบิดนี้ส่งผลให้ลูกไฟหยุดนิ่งชั่วขณะและเบนออกจากกัน ช่องว่างระหว่างลูกไฟทั้งสามลูกกว้างพอที่จะให้คนๆ หนึ่งพุ่งผ่านไป

ทุกอย่างยากเกินอธิบายและเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ตั้งแต่หวังเป่าเล่อ        โยนกระบี่เหาะเหินออกมา จนถึงตอนที่เขาพุ่งเข้าหาคู่อริด้วยความเร็วสูงสุด         แรงระเบิดจากกระบี่เหาะเหินและตราผนึกทำให้ลูกไฟชะลอช้าลง ส่งผลให้           หวังเป่าเล่อแทรกตัวผ่านมาได้

มังกรสีม่วงตัวเล็กรอบกายเขาก็เป็นเกราะคุ้มกันชั้นดี แม้จะระเบิดออกทันทีที่สัมผัสกับลูกไฟเพียงน้อยนิด แต่นั่นก็พอให้หวังเป่าเล่อแทรกตัวผ่านลูกไฟเวทมาได้อย่างหวุดหวิด จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเกาเฉวียน

รองเจ้าสำนักชะงักในทันที ทั้งความสามารถในการตอบโต้ ระดับปราณ และความไวของหวังเป่าเล่อนั้นมากเกินกว่าคนปกติจะทำได้ เขาตั้งตัวไม่ทันและทำได้แค่ถอยหลังออกไปเท่านั้น เกาเฉวียนเรียกสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมาใช้เป็นโล่อันเล็กกำบังร่างกาย แต่ก็ไม่วายถูกหมัดของหวังเป่าเล่อซัดเข้าไปจนได้

ทันทีที่หมัดของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้ากระแทกโล่ แรงจากการปะทะทำให้โล่สั่นเทาตามแรงหมัดไปข้างหลัง และกระแทกเข้าหน้าอกของเกาเฉวียนอย่างจัง จนเครื่องในของเขาสั่นสะเทือน ร่างของเกาเฉวียนก็ถอยตามแรงกระแทกไปข้างหลังเช่นกัน       แต่ดูเหมือนหวังเป่าเล่อจะยังไม่พอใจและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง!

ฉากนี้ทำให้ทุกคนกลั้นหายใจ ดวงตาของท่านเจ้าสำนักทอประกาย

เกาเฉวียนที่ล่าถอยไป มองหวังเป่าเล่ออย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยเจอผู้ใช้ปราณขั้นการฝึกตนโบราณที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อพุ่งมาอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเกาเฉวียนก็ส่องแสงวาบ

ร่างกายของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งเกินไป ข้าจะปล่อยให้มันมาประชิดตัวไม่ได้     ต้องทำให้มันทิ้งระยะห่างออกไป!

เกาเฉวียนดีดนิ้ว ยันต์อีกสี่อันก็ปรากฏขึ้นรอบกายในทันที!

ยันต์ทั้งสี่เริ่มลุกไหม้ แต่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นลูกไฟเหมือนเดิม หากกลายเป็นใบพัดที่พุ่งตัดอากาศมาด้วยความเร็วแซงหน้าลูกไฟไปมากโข ใบพัดทั้งสี่พุ่งตรงเข้าหา        หวังเป่าเล่อ

ความเร็วของใบพัดนั้นไว้เสียยิ่งกว่าเสียง!

ในเวลาเดียวกันนั้นเกาเฉวียนก็ถอยไปตั้งหลัก รองเจ้าสำนักดีดนิ้วอีกครั้ง และกระบี่เหาะเหินสามเล่มก็พุ่งออกมาจากคลังเวทของเขา กระบี่นั้นคมกริบและกำลังพุ่งตรงมาหมายจะเฉือนหวังเป่าเล่ออีกทาง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version