Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1018

ตอนที่ 1018

จัดการเต่าชราเอกะเทวะ

ขุนเขาทะเลที่เก้า สถานที่บางแห่งในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว

ที่อยู่ห่างไกลออกไปมากๆ จากดาวตงเซิ่ง คือสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลที่เก้ามากที่สุด ถ้ามีใครมาลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงตำแหน่งนี้ และมองออกไปยังที่ห่างไกล ก็จะสามารถมองเห็นว่า ระหว่างทะเลที่เก้าและท้องฟ้าที่ว่างเปล่า เป็นเงาของซากปรักหักพังที่ยืดยาวออกไป

ด้วยการผ่านซากปรักหักพังเหล่านั้นทั้งหมดไปตรงๆ ก็จะไปถึงทะเลที่เก้าได้เร็วขึ้น แต่ถ้าอ้อมซากปรักหักพังเหล่านั้นไป ก็จะต้องใช้เวลานาน นานมากๆ

เงาของซากปรักหักพังเหล่านั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็น…เศษซากเซียนอันลี้ลับ!

ในตอนนี้เองที่แสงสีโลหิตได้พุ่งขึ้นมาเหนือเศษซากเซียน ในชั่วพริบตาร่างที่มีขนาดใหญ่โตของปรมาจารย์เอกะเทวะก็ลอยออกมาในทันที

“ฮา ฮา ฮา! เจ้าสารเลวน้อย เมิ่งฮ่าว! มาสิ! เจ้าคิดว่าจะหาเหลาจู่พบในที่แห่งนี้, หือ?!” ดูเหมือนว่าปรมาจารย์เอกะเทวะจะมีความยินดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่มันลอยออกมาสีหน้าก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม

“ช่างโชคร้ายนักที่เหลาจู่ไปพบกับเจ้าบนดาวตงเซิ่ง แต่ครั้งนี้ข้ากำลังมาหลบซ่อนอยู่ในเศษซากเซียน! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะสามารถติดตามมาจนถึงที่นี่ได้!”

“ฮา ฮา ฮา! สุดท้ายแล้วเหลาจู่เป็นผู้ที่ฉลาดมากที่สุด ในขุนเขาทะเลที่เก้าแห่งนี้ ไม่มีใครจะฉลาดและรอบคอบเท่าเหลาจู่อีกแล้ว!” ด้วยความรู้สึกที่พึงพอใจในตนเอง ปรมาจารย์เอกะเทวะแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา จากนั้นก็บินผ่านเศษซากเซียนไป แต่ในตอนนี้เองที่มันได้ยินใครบางคนพูดขึ้นมาอยู่ที่ด้านหลังของมัน

“ฟังนะ เจ้าเต่าชรา” เสียงนั้นกล่าวขึ้นด้วยความเฉื่อยชา “คำว่า ‘ฉลาดและรอบคอบ’ เป็นสิ่งที่เจ้าควรจะรอให้คนอื่นพูดออกมา เจ้าไม่อาจจะใช้มันอธิบายตัวเองได้”

ในทันทีที่เสียงนั้นดังก้องออกมา

แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านร่างปรมาจารย์เอกะเทวะไป ศีรษะที่มีขนาดใหญ่โตของมันค่อยๆ หันไปรอบๆ อย่างช้าๆ และเมื่อมองไปที่ด้านหลังของมัน ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึง มันอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหางของตนเอง ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้นั่งฉีกยิ้มกว้างให้กับมันอยู่ในตอนนี้

“เจ้า…” ปรมาจารย์เอกะเทวะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันจดจำได้ว่าในช่วงที่มันกำลังหลบหนีจากมา เมิ่งฮ่าวน่าจะยังคงอยู่บนดาวตงเซิ่ง แต่ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า…เจ้าสารเลวบัดซบผู้นี้ได้เคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่แห่งนี้พร้อมกับมัน

คงไม่อาจจะตำหนิปรมาจารย์เอกะเทวะที่กำลังกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่า มันไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากนั้นเวทหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว และการเคลื่อนย้ายดวงดาวของวิชาเวทนี้ ก็เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด ทำให้สามารถบรรลุถึงประตูเคลื่อนย้ายทางไกลได้อย่างโชคดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์เอกะเทวะไม่เคยคาดคิดมาก่อน

หลังจากที่โผล่ออกมา มันก็จ้องมองไปยังเบื้องหน้า และต้องตื่นเต้นขึ้นเป็นอย่างมากที่สามารถจะหลบหนีเมิ่งฮ่าวมาได้อีกครั้ง โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเงาร่างที่ทำให้โลหิตของมันต้องเย็นเฉียบ จู่ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นบนหางของมัน

“เฮ, เหล่าอูกุย (เต่าชรา) ไม่พบกันนานเลยนะ!”

เมิ่งฮ่าวกล่าวโบกไม้โบกมือให้กับปรมาจารย์เอกะเทวะ มีรอยยิ้มที่เขินอายอยู่บนใบหน้า จากเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของเขา ทำให้ดูคล้ายกับเป็นคนที่บังเอิญมาพบกับสหายเก่าอย่างที่คาดไม่ถึง จนมีท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากที่จ้องมองไปด้วยความตกใจอยู่ชั่วขณะ ปรมาจารย์เอกะเทวะก็แหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมาราวกับว่ามันกำลังเริ่มคลุ้มคลั่ง ทำให้แคว้นจ้าวที่อยู่บนหลังของมันต้องสั่นสะเทือนไปมา

“เมิ่งฮ่าว นี่มันมากเกินไปแล้ว! เหลาจู่ทนไม่ไหวแล้ว!!”

“เพื่อที่จะหลบซ่อนตัว ทำให้ข้าต้องหลบหนีมาแล้วหลายครั้ง ผู้ผนึกอสูรอันบัดซบ เมิ่งฮ่าวเจ้าสารเลวน้อย! เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้ารังแกกันมากไปแล้ว!!”

“ข้าจะกินเจ้า!” อารมณ์ความรู้สึกของปรมาจารย์เอกะเทวะแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ จิตใจมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ และรู้สึกกราดเกรี้ยวขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่มีใครที่มันต้องการจะเห็นน้อยไปกว่าเมิ่งฮ่าวอีกแล้ว และเมื่อครู่นี้ในตอนที่มันปลาบปลื้มใจอย่างถึงที่สุด ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็มาปรากฏตัวขึ้นบนร่างมัน! ทำให้มันรู้สึกว่ากำลังแทบจะบ้าคลั่งไป

ยิ่งมันคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งรู้สึกเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้มันรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ที่น่าสงสารมากที่สุดในโลกแห่งนี้

พร้อมกับเสียงแผดร้อง มันอ้าปากขึ้นและยืดตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ด้วยความหวังว่าจะงับเขาไปในการกัดแค่ครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ปากของมันเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว เขาก็กระแอมไอออกมา และยกมือขวาขึ้นไปอยู่ที่เบื้องหน้า

“มา เหลาจู่ (ปรมาจารย์) มาเกาคันให้กับเสี่ยวเหยีย (ท่านปู่น้อย)”

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างปรมาจารย์เอกะเทวะ และศีรษะขนาดใหญ่ของมันก็หยุดชะงักนิ่ง ดวงตากลายเป็นสีแดงจ้าขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว แต่…มันก็ไม่กล้าจะกินเขาลงไปจริงๆ

เวทผนึกที่อยู่ภายในร่างของมันกำลังหมุนวนไปมา ดังนั้นมันจึงไม่กล้าที่จะไปทำร้ายเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อยนิด ถ้ามันทำ เวทผนึกนั้นก็จะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

ในทันทีที่ศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะหยุดนิ่งอยู่กับที่ เมิ่งฮ่าวก็เดินตรงไปและลูบไปที่ศีรษะมันอย่างแผ่วเบา

“ช่างเชื่อฟังนัก มา มา มา มาให้ข้าดูว่าสี่ตัวอักษรที่ข้าแกะสลักไว้อยู่บนหลังของเจ้าเมื่อปีนั้นยังไม่หายไป” เมิ่งฮ่าวพูดไปพร้อมกับหัวเราะออกมา

ร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะสั่นสะท้าน แหงนหน้าขึ้นไปและแผดร้องคำรามด้วยโทสะออกมา ด้วยความรู้สึกที่อัปยศเป็นอย่างยิ่ง จนต้องร้องตะโกนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เจ้าสารเลวน้อย! ไสหัวไป!”

มันรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังจะระเบิดออกไป โบกสะบัดหางอย่างเต็มแรง เหวี่ยงให้เมิ่งฮ่าวกระเด็นออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็พุ่งพลังออกมา พยายามหลบหนีจากไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างไรก็ตามในตอนที่มันเหวี่ยงเมิ่งฮ่าวให้กระเด็นไป เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอากระถางสายฟ้าออกมา ประจุไฟฟ้าเต้นไปมาขณะที่เมิ่งฮ่าวสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับสัตว์ป่าที่อยู่ในแคว้นจ้าว

ในทันทีที่เขาปรากฏกายขึ้นบนหลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ ก็กระแอมไอออกมาจากนั้นร่างก็แวบขึ้น ไปปรากฏกายขึ้นใหม่บนศีรษะของปรมาจารย์เอกะเทวะ กระทืบเท้าลงไปเต็มแรง

 

“เหลาจู่ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?! ยากนักที่พวกเราจะได้พบกันอีก! แล้วเจ้าจะหลบหนีไปทำไม!?”

ปรมาจารย์เอกะเทวะจ้องมองไปด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นสะท้าน ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ แผดร้องคำรามออกมา เห็นได้ชัดว่าโทสะของมันได้พุ่งขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ มันไม่อาจจะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เพื่อไปทำร้ายเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อย

กลิ่นอายของมันระเบิดเป็นพลังออกมา กลายเป็นคลื่นแห่งลมปราณพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องบินออกไปจากศีรษะของมัน กลุ่มหมอกม้วนตัวไปมาอยู่รอบๆ ตัวปรมาจารย์เอกะเทวะ ปกคลุมร่างมันไว้ขณะที่พยายามจะหลบหนีจากไปอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ยื่นมือออกชี้ตรงไปยังปรมาจารย์เอกะเทวะ

“เวทผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด!”

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวร้องตะโกนออกมา ร่างที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของปรมาจารย์เอกะเทวะ จู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่งอยู่ในกลางอากาศ โดยปกติแล้วเวทผนึกของพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อผู้ที่มีพื้นฐานฝึกตนสูงกว่าเมิ่งฮ่าว และจะทำให้เกิดเป็นพลังที่สะท้อนกลับมาอีกด้วย

แต่ปรมาจารย์เอกะเทวะมีเวทผนึกอสูรอยู่ภายในร่างของมันแล้ว และถูกกำหนดให้กลายเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเมิ่งฮ่าว ดังนั้นมันจึงไม่อาจจะต่อสู้กลับไปยังเวทผนึกนี้ได้

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ ในตอนที่ทั้งสองได้พบกันเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนโน้น นอกจากนั้นปรมาจารย์เอกะเทวะยังได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน พื้นฐานฝึกตนของเขาได้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นสวรรค์ที่แยกตัวออกมาจากพื้นปฐพี

ตอนนี้เขาสามารถจะรับรู้ได้ถึงเวทผนึกที่อยู่ภายในร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะแล้ว ทำให้เขาสามารถจะใช้เวทของตนเองทำการควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์

ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์เอกะเทวะได้เห็นว่าเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน ทำให้มันต้องเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมา ขณะที่จับตัวปรมาจารย์เอกะเทวะไว้ ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ปรมาจารย์เอกะเทวะก็เริ่มสั่นสะท้าน และจากนั้นก็ฟื้นกลับคืนมาจากเวทรุ่นแปด

ในตอนนั้นเองก่อนที่ปรมาจารย์เอกะเทวะจะเริ่มแผดร้องด้วยโทสะขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือไปอีกครั้ง

“เวทผนึกอสูร, เวทรุ่นเจ็ด, ผนึกกรรม!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ชี้นิ้วตรงไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น

“อี๋? ไม่มีกรรม?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่มีกรรมอยู่เลย เขาลองพยายามอีกสองสามครั้ง และต้องพบว่าไม่อาจจะทำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แสงแปลกๆ เริ่มสาดประกายขึ้นมาอยู่ในดวงตา

เขารู้สึกตกใจขึ้นอย่างแท้จริง แต่กลับกัน ปรมาจารย์เอกะเทวะกลับรู้สึกหวาดกลัวจนโลหิตมันต้องเย็นเฉียบลง เมื่อคิดย้อนกลับไปยังความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อในอดีตที่ผ่านมา ทำให้มันรู้สึกกราดเกรี้ยวขึ้น และจากนั้นก็พ่นลำแสงออกมาจากปาก ลำแสงนั้นได้กลายเป็นมีดบินที่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างโหดเหี้ยม ดูเหมือนว่ามีความตั้งใจจะกรีดเฉือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวให้ฉีกขาดออก เพื่อแยกปรมาจารย์เอกะเทวะและเมิ่งฮ่าวให้ออกจากกันโดยสิ้นเชิง

มีดบินนั้นดูคล้ายกับเป็นใบหลิว และดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็กระจายกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณออกมา

“เวทผนึกอสูรรุ่นที่แปด!” ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมีดบินนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นและชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นปรมาจารย์เอกะเทวะก็หยุดชะงักนิ่งไปอีกครั้ง และพื้นฐานฝึกตนของมันก็ถูกตรึงไว้โดยสิ้นเชิง

ไม่ใช่ว่าเวทผนึกของเมิ่งฮ่าวมีพลังอันน่ากลัว แต่เป็นเพราะว่าเวทสะกดที่อยู่ภายในร่างของปรมาจารย์เอกะเทวะถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง เวทสะกดนั้นตอบสนองต่อเจตจำนงของเมิ่งฮ่าว และระเบิดเป็นพลังออกมา

ตอนนี้มีดบินไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของปรมาจารย์เอกะเทวะอีกต่อไป และหยุดการเคลื่อนไหวไป เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายขึ้น เขาเข้าไปใกล้มีดบินและโบกสะบัดมือ ทำให้มีดเล่มนั้นลอยลงมาอยู่ในมือ

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าปรมาจารย์เอกะเทวะ ปลดปล่อยอำนาจแห่งกรรมออกมา ทำการผูกมีดบินให้ติดอยู่กับโชคชะตาของเขา

เมื่อเวทรุ่นแปดจางหายไป ปรมาจารย์เอกะเทวะก็ส่งเสียงแผดร้องด้วยความโศกเศร้าออกมา

“มีดบินของข้า! นั่นเป็นมีดบินที่ข้าชอบมากที่สุดในหลายปีมานี้!!”

“เมิ่งฮ่าว นำมันกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! นั่นคือมีดวิเศษของข้า…”

“เจ้า เจ้า เจ้า สังหารข้าไปเลย! การมาขโมยของวิเศษของข้า ก็เหมือนกับการเฉือนชิ้นเนื้อของข้าไป!”

“เมิ่งฮ่าว! เจ้า เจ้า เจ้า…” ปรมาจารย์เอกะเทวะแทบอยากจะร้องไห้ออกมา มันไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ทั้งไม่อาจจะทำร้ายเมิ่งฮ่าวได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยเวทผนึกออกมา เวทสะกดที่อยู่ภายในร่างมันก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา ทำให้มันรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ

นอกจากนั้นแล้ว ปรมาจารย์เอกะเทวะเป็นผู้ที่ตระหนี่ถี่เหนียวเป็นอย่างยิ่ง การที่ถูกขโมยของวิเศษไป เป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าเรื่องใดๆ สำหรับมัน

การคงอยู่ของเมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นหายนะ เป็นโศกนาฏกรรมในชั่วชีวิตของมัน เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะได้ครุ่นคิดไปว่า ชีวิตของมันต้องกลับกลายเป็นเช่นนี้ หยดน้ำตาก็เริ่มไหลรินลงมาบนใบหน้าของมัน

เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะและเมิ่งฮ่าวได้มาพบกันใหม่อีกครั้ง ผู้หนึ่งรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ในขณะที่อีกคนกลับมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ก็ได้มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่บนดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปไกลมากจากตำแหน่งของคนทั้งสองในตอนนี้ ดาวดวงนั้นคือ…ดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า

นั่นเป็นดวงดาวที่ถูกครอบครองโดยตระกูลหลี่, ตระกูลซ่ง และตระกูลหวัง ทำให้มันกลายเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของสามตระกูลอันยิ่งใหญ่

ในตอนนี้ ทั่วทั้งตระกูลหลี่กำลังตกแต่งประดับประดาด้วยผืนธงและโคมไฟหลากสีที่ดูหรูหราสง่างาม ทั่วทั้งตระกูลเต็มไปด้วยบรรยากาศที่มีความสุขรื่นเริง และคนทั้งหมดก็รู้ว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ หลี่หลิงเอ๋อร์ก็จะไปแต่งงานกับนายน้อยของตระกูลฟางแห่งดาวตงเซิ่ง

ถึงแม้ว่าสมาชิกของตระกูลบางคนจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เร่งด่วนเกินไปบ้าง แต่งานวิวาห์ที่ถูกจัดขึ้นอย่างกระทันหันนี้ ก็ถูกจัดโดยปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าของตระกูลหลี่ และนอกจากนั้นการที่หลี่หลิงเอ๋อร์จะต้องแต่งให้กับเมิ่งฮ่าวก็ได้มีการตกลงกันไว้เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครจะสามารถมาเปลี่ยนแปลงการรวมตัวเป็นพันธมิตรกันระหว่างสองตระกูลอันยิ่งใหญ่นี้ได้

แน่นอนว่า ไม่มีใครในตระกูลหลี่จะรู้ว่าเมิ่งฮ่าวได้หลบหนีการแต่งงานไปแล้ว และไม่มีใครตระหนักถึงการกระทำของหญิงสาวที่ตั้งใจจะหลบหนีออกมาจากดาวเป่ยหลูด้วยเช่นกัน ตอนนี้นางกำลังมุ่งหน้าออกไปยังที่ห่างไกล

หญิงสาวนางนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นหลี่หลิงเอ๋อร์

ยากที่จะบอกได้ว่านางทำเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีใครตรวจจับได้ว่านางได้หลบหนีจากไปแล้ว หลังจากที่บินออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว นางก็ลูบไปที่หน้าอกของตนเองด้วยความโล่งใจ และเร่งความเร็วออกไปจนห่างไกลมากขึ้น

“ให้ข้าแต่งกับหมูยังดีกว่าให้ไปแต่งกับเจ้าสารเลวบัดซบเมิ่งฮ่าวนั้น!” นางกล่าวผ่านร่องฟัน กลายเป็นว่านางได้ตัดสินใจเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว หลบหนีการแต่งงาน

บุรุษวัยกลางคนผู้เป็นปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าของตระกูลหลี่ ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นเคยกับหลี่หลิงเอ๋อร์ จริงๆ แล้วก็ได้เฝ้าจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลา มันส่งเสียงอันราบเรียบถามขึ้นว่า “เจ้าคิดคำนวณไม่ผิดพลาด?”

แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน บุรุษในชุดสีดำก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของมัน เป็นภาพลวงตาที่ค่อนข้างจะดูเลือนราง ทำให้ยากที่จะมองเห็นรูปร่างหน้าตาของมันได้อย่างชัดเจน

“เวทพยากรณ์ของข้า ไม่มีวันผิดพลาดอย่างแน่นอน”

“โอกาสที่จะออกไปจากจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) เพื่อไปรวมตัวกับสาขาหลักของตระกูล ได้ขึ้นกับเมิ่งฮ่าวแล้วโดยสิ้นเชิง”

ปรมาจารย์เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็หมุนตัวและไม่ได้ให้ความสนใจต่อหลี่หลิงเอ๋อร์อีก กล่าวว่า “ไม่ต้องไปบังคับนาง ถ้านางต้องการจะจากไป ก็ปล่อยให้ขึ้นกับโชคชะตา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version