Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1043

ตอนที่ 1043

คำตอบ

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวถามปัญหานี้ขึ้นมา ทั้งจิ่วผอและหลิงอวิ๋นจื่อต่างก็ยิ้มออกมา สำหรับเสินซือซ่างเหริน ท่านแค่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ พร้อมกับหลับตาลง

“ข้าคิดว่าเจ้าจะจากไปโดยที่ไม่ถามอะไรออกมาอีก” หญิงชรากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

ผู้ที่ตอบคำถามนี้กลับไม่ใช่จิ่วผอ แต่เป็นหลิงอวิ๋นจื่อ

“ตอนแรกแม้แต่พวกเราก็ไม่ได้ตระหนักถึงสาเหตุของเรื่องนี้ หลังจากที่ตรวจสอบดู ก็พบว่ากลิ่นอายของเจ้าทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา”

“กลิ่นอายของข้า?” เมิ่งฮ่าวถามพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง เขายกเลิกสิ่งที่เคยคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้มากกว่าครึ่งไปทันที

หลิงอวิ๋นจื่อไม่ได้พูดอธิบายขึ้นในทันใด แต่เริ่มอธิบายเกี่ยวกับผู้ฝึกตนอสูรว่า “ผู้ฝึกตนอสูรเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พวกมันไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่พวกมันก็ไม่ใช่อสูรด้วยเช่นเดียวกัน เดิมทีพวกมันได้วิวัฒนาการมาจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลที่เก้า พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์มา”

“พวกมันเป็นผู้ฝึกตนก็ไม่ใช่ เป็นอสูรก็ไม่เชิง เนื่องจากเช่นนั้นพวกมันจึงเรียกตัวเองว่า…ผู้ฝึกตนอสูร!”

“ผู้ฝึกตนอสูรเช่นนี้ สามารถพบเห็นได้แต่ในทะเลของอาณาจักรขุนเขาทะเลเท่านั้น สำหรับสัตว์อสูรที่เจ้าพบเจอมาอยู่ที่ด้านนอกของทะเลที่เก้า พวกมันยังเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ได้ไม่สมบูรณ์ จึงไม่ค่อยจะฉลาดนัก แต่ถ้าพวกมันมีเวลาที่เพียงพอ ก็จะมีศักยภาพที่จะกลายเป็นผู้ฝึกตนอสูรได้ทั้งหมด”

“ผู้ฝึกตนอสูรเรียกพวกมันเองว่ากลุ่ม และเกลียดชังคนแปลกหน้าอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากอสูรทะเล

แต่พวกมันก็คิดว่ายังคงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอสูรทะเลเหล่านั้น ถึงแม้ว่าสติปัญญาของอสูรทะเลเหล่านั้นจะยังไม่ตื่นขึ้นมา ก็ยังคงถูกมองว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ถ้าเจ้าไปทำร้ายครอบครัวของพวกมัน แม้แต่ตัวเดียวก็ตามที พวกมันก็จะสามารถรับรู้ได้จากกลิ่นอายของเจ้า”

“จริงๆ แล้ว ก็มีอยู่หลายคนในพวกมันที่มีสายโลหิตเชื่อมต่อกับอสูรทะเลเหล่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะคิดได้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ อันที่จริงผู้ควบคุมทะเลที่เก้าแห่งนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เป็นพวกมัน”

ขณะที่เมิ่งฮ่าวรับฟัง ปากก็ค่อยๆ อ้าขึ้น และดวงตาก็เริ่มเบิกกว้าง เขาเคยคาดเดาถึงความเป็นไปได้ต่างๆ อยู่มากมาย แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่า…ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย

ความเป็นจริงของเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ไกลเกินกว่าความซับซ้อนใดๆ ที่เขาเคยพบเห็นมา มันไม่ได้เกี่ยวกับพันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูร หรือหินปราณเซียนสีดำ หรือความเป็นศัตรูกับตระกูลฟางมาอย่างยาวนาน หรือเรื่องที่เขาไปมีปัญหากับใครบางคนแต่อย่างใด

เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา ขณะที่ตระหนักถึงความจริงของเรื่องนี้

“เมื่อไหร่ที่พวกมันกลายเป็นผู้ฝึกตนอสูร พวกมันก็จะไม่แตกต่างไปจากผู้ฝึกตนเท่าใดนัก จริงๆ แล้ว มีอยู่หลายคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก ในการฝึกตนของพวกมัน พวกมันสามารถจะบรรลุกลายเป็นเซียน สามารถเข้าไปในอาณาจักรโบราณ และก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนทั่วไป”

“ตลอดหลายปีมานี้ ผู้ฝึกตนอสูรมากมายได้ออกจากอาณาเขตแห่งนี้ ไปยังสถานที่แห่งอื่นในขุนเขาทะเลที่เก้า หรือแม้แต่ดาวดวงอื่น ที่นั่นพวกมันได้ให้กำเนิดลูกหลานออกมานับไม่ถ้วน

แต่น่าเสียดาย ที่มีแต่อยู่ในทะเลที่เก้าแห่งนี้เท่านั้น อสูรทะเลถึงจะมีสติปัญญาขึ้นมา และจากนั้นก็กลายเป็นผู้ฝึกตนอสูรได้ ถ้าอยู่ในสถานที่แห่งอื่น เรื่องเช่นนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นมาได้”

“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อสูรทะเลในมหาสมุทรของดาวดวงอื่นๆ ทั้งหมด ต่างก็เป็นลูกหลานจากทะเลที่เก้า ด้วยเช่นนั้นพวกมันทั้งหมดต่างก็เป็นกลุ่มเดียวกัน และส่วนใหญ่แล้วก็มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกันทางสายโลหิต”

เมื่อหลิงอวิ๋นจื่อมองเห็นรอยยิ้มที่แห้งเหี่ยวของเมิ่งฮ่าว สีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันและอีกสองผู้ชราคาดไม่ถึงว่า เขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้

“ข้าเข้าใจแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา

“ไห่เซียน (อาหารทะเล) ทั้งหมดภายใต้สวรรค์แห่งนี้คือครอบครัวเดียวกัน…”

เขาพึมพำเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดที่ดูเหมือนว่าไม่ยุติธรรมต่อตัวเอง ตอนนี้เขาแน่ใจได้ว่าอสูรทะเลทั้งหมดที่เคยสังหารไปตอนที่อยู่ในทะเลเทียนเหอบนดาวหนานเทียน ต้องเป็นกลุ่มสมาชิกของผู้ฝึกตนอสูรในที่แห่งนี้เป็นแน่ แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า จะทำให้เกิดเป็นผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นมาได้?

ถึงแม้ว่าอสูรทะเลจะถูกแยกออกจากกันด้วยระยะทางที่ห่างไกล ถึงแม้ว่าจะมีหลายรุ่น และเห็นได้ชัดว่าอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนอสูรในที่แห่งนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะเปลี่ยนสายโลหิตของตนเอง ถ้าเขาเป็นเหมือนกับผู้ฝึกตนโดยทั่วไป แค่สังหารไปเพียงน้อยนิดในการเผชิญหน้ากันในบางโอกาส ก็อาจจะไม่ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนวุ่นวายใดๆ ในทะเลที่เก้า หรืออาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าแห่งนี้

ผู้ฝึกตนอสูรก็เหมือนกับผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป พวกมันไม่ได้มีความอาฆาตแค้นจนฝังลึกอยู่ในสายโลหิต อันเนื่องมาจากกลุ่มสมาชิกที่ยังไม่มีสติปัญญาเพียงไม่กี่ตัวเหล่านั้น แต่เมิ่งฮ่าว…ไม่เพียงแต่จะสังหารสัตว์ทะเลไปแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น

เขาได้สังหารอสูรทะเลไปแทบจะทั้งหมดในทะเลเทียนเหอ สำหรับผู้ฝึกตนอสูรแล้ว นั่นแทบจะคล้ายกับว่าได้ไปทำลายล้างหนึ่งในสาขาสายโลหิตของพวกมันทั้งหมดเลยทีเดียว

แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่า ได้มีหัวใจอสูรอยู่ในครอบครองมากน้อยเท่าใดในตอนนั้น

ไม่เพียงแต่ไม่อาจจะนับได้ว่ามีสัตว์อสูรมากมายเท่าใดที่ต้องตายไปเนื่องจากตัวเขา แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้กลิ่นอายของเขาต้องแปดเปื้อนอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคาดคิดได้ถึงปฏิกิริยาของผู้ฝึกตนอสูร สำหรับใครก็ตามที่แสดงตัวขึ้นในทะเลที่เก้าด้วยกลิ่นอายเช่นนั้น

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีความรู้สึกที่ค่อนข้างจะหดหู่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างแล้วละก็ เขาอาจจะค้นหาวิธีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวเหล่านี้ได้ นอกจากนั้นที่แห่งนี้คือทะเลที่เก้า และเขาก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูทางสายโลหิตกับผู้ฝึกตนอสูร

นี่เป็นเรื่องของกลิ่นอาย…และเป็นความสามารถของกลุ่มสมาชิกเหล่านั้นที่จะรับรู้ได้ ในมุมมองของพวกมัน มือของเมิ่งฮ่าวได้ชุ่มโชกเต็มไปด้วยโลหิต และเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะทำอะไรเกี่ยวกับมันได้

“กลิ่นอายนี้สามารถปกปิดไว้ได้หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้น

“โชคร้ายที่กลิ่นอายนี้ไม่อาจจะปกปิดไว้ได้” หลิงอวิ๋นจื่อกล่าวตอบ พร้อมกับถอนหายใจออกมา

“มีเพียงสิ่งเดียวที่เจ้าสามารถจะทำได้ก็คือ ระมัดระวังตัวให้มากไว้ อย่าได้ออกไปจากสำนัก แต่น่าเสียดายที่มีบางสิ่งซึ่งพวกเราไม่อาจจะคาดเดาได้ล่วงหน้า พวกเราจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเจ้าจะมีกลิ่นอายที่รุนแรงเช่นนี้?” หลิงอวิ๋นจื่อรู้สึกเสียใจขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

“เจ้านายที่แท้จริงของทะเลที่เก้าคือผู้ฝึกตนอสูร ถึงแม้ว่าอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจะตั้งอยู่ในที่แห่งนี้ แต่ถ้าเจ้าไล่ตามร่องรอยย้อนกลับไปจนถึงจุดเริ่มต้น ก็จะพบว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเราถูกบังคับให้ย้ายมาอยู่ในที่แห่งนี้”

“อย่างไรก็ตาม ตำนานได้บอกถึงเหตุผลทั้งหมดที่ผู้ฝึกตนอสูรสามารถจะบรรลุถึงสติปัญญา เมื่อเริ่มเกี่ยวข้องกับไห่เมิ่งจื้อจุน เนื่องจากเช่นนั้น พวกเราจึงอยู่ร่วมกันมาตลอดหลายปีและได้ยอมรับซึ่งกันและกัน ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรคือฝ่ายของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ทั้งในขุนเขาทะเลที่เก้าและในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าแห่งอื่น”

“อย่าได้วิตกไปมากนัก กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรคือส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า และด้วยเช่นนั้น พวกมันก็ต้องยึดมั่นต่อกฎของสำนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง…จะถูกทำเพื่อลำดับขั้น”

“ดังนั้น เจ้าสามารถจะมองเรื่องนี้ว่าเป็นการทดสอบอีกอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน”

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ ในตอนนี้สิ่งที่เขาสามารถจะทำได้ก็คือพยักหน้า ประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็หมุนตัวและออกไปจากวิหารหลัก ขณะที่เขาเดินออกมาและไปยืนอยู่บนยอดเขา สายลมอันหนาวเย็นก็พุ่งมาปะทะตัว เขามองออกไปยังที่ห่างไกล จากระดับความสูงนี้ ทำให้สามารถจะมองเห็นอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าได้เกือบทั้งหมด

“คงจะดีกว่าถ้าไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับมัน ข้าไม่อาจจะแก้ไขปัญหานี้ได้ ดังนั้นจึงไม่คุ้มค่าที่จะไปคิดถึงมัน”

เมิ่งฮ่าวหยิบเอากุญแจแผ่นหยกออกมาจากถุงสมบัติ และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดเข้าไป ทันใดนั้นแผนที่ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าก็ปรากฏขึ้น

หลังจากที่อ่านดูแผนที่ เขาก็พบถ้ำแห่งเซียนที่สามผู้ชราได้จัดเตรียมไว้ให้ มันอยู่ใกล้กับอาณาเขตที่เป็นจุดศูนย์กลาง อยู่ระหว่างเทือกเขาสองลูก

เขาเก็บแผ่นหยกไว้ ก้าวเดินตรงไป จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้า พุ่งฝ่าอากาศไปจนทำให้เกิดเป็นเสียงดังกระหึ่ม มุ่งตรงไปยังถ้ำแห่งเซียน ขณะที่พุ่งฝ่าอากาศไป เขาได้พบกับศิษย์ต่างๆ ของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า

ถ้าพวกมันเป็นผู้ฝึกตน ก็จะเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกมันจดจำได้ว่าเขาคือใคร ถ้าพวกมันเป็นผู้ฝึกตนอสูร ในทันทีที่พวกมันมองเห็นเขา ก็จะพยายามสะกดข่มตนเองไว้อย่างเห็นได้ชัด ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยความเกลียดชังและความต้องการสังหารอย่างเข้มข้น

สายตาเมิ่งฮ่าวจ้องนิ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้น ขณะที่พุ่งต่อไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เขาก็มาถึงอาณาเขตของถ้ำแห่งเซียน เมื่อมองไปรอบๆ สิ่งแรกที่โดดเด่นออกมาก็คือ สองเทือกเขาที่ดูคล้ายกับเป็นมังกร ซึ่งยืดยาวออกไปไกลและเป็นวงกว้าง

ในท่ามกลางของภูเขาเป็นหน้าผาขนาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีน้ำไหลปกคลุมอยู่ริมชายขอบของหน้าผา จนกลายเป็นน้ำตกที่สูงชัน

เกิดเป็นเสียงดังก้องออกมาจากพื้นของน้ำตก ตามมาด้วยละอองน้ำจำนวนมาก ที่สาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้เกิดเป็นม่านหมอกปิดบังไปทั่วบริเวณนั้น น้ำที่อยู่ตรงด้านล่างได้ก่อตัวเป็นสระน้ำสีฟ้าที่ใสเหมือนผลึก พลังแห่งฟ้าดินในบริเวณนั้นเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง

ต่อจากสระน้ำเป็นที่อยู่อาศัยสองชั้น

ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของบุปผานานาพันธุ์ และเสียงร้องขับขานของวิหค ราวกับเป็นสวนสวรรค์ เต็มไปด้วยต้นไม้และบุปผาที่ดูแปลกตา กระจายกลิ่นหอมออกไปจนเต็มบริเวณนั้น ซึ่งดูคล้ายกับเป็นหุบเขาลึกที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยสระน้ำ

หน้าผาแห่งนั้นพุ่งสูงขึ้นไปจนดูคล้ายกับเป็นอุปสรรคที่ไม่อาจจะก้าวข้ามไปได้ ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้แทบจะอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า แต่ก็ดูเปล่าเปลี่ยวและเงียบสงบ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้เห็นที่พักถูกสร้างอยู่ในพื้นผิวของหน้าผา ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะคาดคิดได้ว่ามันคงจะมีขนาดที่ใหญ่โตมากกว่าที่เห็นจากภายนอก จริงๆ แล้วตรงส่วนที่ลึกเข้าไปในหน้าผา ต้องมีห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาจากก้อนศิลาอย่างแน่นอน

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน เขาก็มีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

ร่างกายเขาแวบขึ้น ขณะที่บินผ่านน้ำตกและไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างสระน้ำ สัตว์จำนวนมากในบริเวณนั้นรู้สึกตกใจกลัวจนต้องกระจัดกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ต้นไม้ใบหญ้าส่ายไหวไปมาอย่างอ่อนโยนจากการถูกรบกวนนี้ ทำให้เกิดเป็นกลิ่นหอมกระจายเต็มไปทั่วในอากาศ เสียงน้ำตกทำให้อารมณ์ของเมิ่งฮ่าวเบิกบานขึ้นมาในทันที

“สถานที่แห่งนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก!”

เขาคิด มองไปรอบๆ ด้วยความสบายใจ เดินตรงไปยังที่พัก และมองไปรอบๆ ด้วยความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้น จากนั้นก็ส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ ยกมือขวาขึ้น และขยับร่ายเวทชี้นิ้วออกไป ทำให้เกิดเป็นสายลมพุ่งตรงไปยังแท่นศิลาตัวอักษรที่ตั้งอยู่ตรงด้านหน้าของที่พัก

เมื่อสายลมไปสัมผัสโดนแท่นศิลา มันก็สั่นไปมา จากนั้นเกราะเรืองแสงก็กระจายออกมาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ท้องฟ้าที่ด้านบนถูกผนึกไว้ และน้ำตกก็ถูกขัดขวางไม่ให้ตกลงมา

ไม่มีน้ำไหลลงมาอีก และน้ำก็เริ่มสร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกัน ในที่สุดก็ดูคล้ายกับเป็นสระน้ำแห่งที่สอง ลอยอยู่ในกลางอากาศตรงด้านบนขึ้นไป

 

ด้านข้างของสระน้ำใหม่นี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นผิวของหน้าผา และตรงส่วนก้นของมันเป็นเกราะป้องกัน เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็น ดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่ตระหนักว่านี่คือสถานที่สำหรับการเข้าฌาณตามลำพังอย่างแท้จริง

มันถูกตัดขาดออกไปจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง และมีความปลอดภัยอย่างสูงสุดด้วยเช่นกัน

ในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวกำลังมองไปรอบๆ ด้วยความพึงพอใจ ยังถ้ำแห่งเซียนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ที่ห่างไกลออกไปมากๆ มีบางสิ่งได้เกิดขึ้นอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว สถานที่แห่งนั้น…ไม่ได้ตั้งอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล ยิ่งไปกว่านั้นมันยังได้ตั้งอยู่ที่ด้านนอกของสามสิบสามสวรรค์อีกด้วย มันตั้งอยู่ใน…ห้วงอวกาศที่แตกต่างกันออกไป

มองเห็นเป็นดินแดนโบราณขนาดใหญ่ที่เป็นภาพสะท้อน มีขนาดใหญ่โตมโหฬารจนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มันลอยตัวอยู่ที่นั่นในห้วงความว่างเปล่า กระจายแรงกดดันอันไร้ขอบเขตออกมาอย่างต่อเนื่อง

ภายในโลกภาพสะท้อนนี้เป็น…โลงศพขนาดใหญ่ รวมทั้งผีเสื้อหลากสีที่งดงามเก้าตัว

ที่กำลังห้อมล้อมอยู่รอบๆ โลงศพเป็นทะเลแห่งฝูงชนนับไม่ถ้วน ทั้งหมดต่างก็กราบกรานสักการะต่อโลงศพนั้น

ที่เบื้องหน้าของกลุ่มฝูงชนเป็นหญิงสาวเยาว์วัยสามคน ซึ่งมีความงดงามอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความหวังและการหวนรำลึก ขณะที่จ้องมองไปยังโลงศพ และจากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงไปบนพื้น

ที่เบื้องหน้าของสามหญิงสาวเป็นชายชราผู้หนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้าสีดำ ตรงด้านหลังของมันมีภาพลวงตาของต้นไม้โบราณอยู่

ในตอนนี้สองมือของมันได้ยื่นสูงขึ้นไป และกำลังร้องตะโกนขึ้นไปในอากาศด้วยเสียงอันดัง เป็นเสียงที่ดูเหมือนจะเป็นคำสาปแช่ง ถึงแม้ว่ายากที่จะได้ยินว่ามันกำลังพูดอะไรอยู่ก็ตามที

แต่ไม่นานนัก กลุ่มหมอกสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของมัน ม้วนตัวไปมาอย่างพลุ่งพล่าน กระจายกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นออกมา

“ข้าเกือบจะพบมันแล้ว…ถ้ามันใช้ออกมาอีกแค่ครั้งเดียว ข้าก็จะสามารถค้นหาตำแหน่งของมันได้!” หลังจากที่ผ่านไปนาน ชายชราก็กระอักโลหิตออกมา และดูเหมือนว่าร่างกายจะแห้งเหี่ยวลงไป ต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังของมันก็แห้งเหี่ยวไปด้วยเช่นเดียวกัน ราวกับว่ามันเพิ่งจะใช้พลังชีวิตอย่างมากมายเพื่อจะกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา

ไม่เพียงแต่มันเท่านั้นที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนในการกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา คนทั้งหมดในทะเลแห่งฝูงชนที่อยู่รอบๆ ตัวมัน ต่างก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน ผีเสื้อทั้งเก้าตัวสั่นสะท้าน และปีกทั้งสี่ข้างของพวกมัน มีอยู่สองข้างที่ล่วงหล่นตกลงไป

ตรงสถานที่แห่งอื่นภายในความว่างเปล่าของโลกอันกว้างใหญ่เดียวกันนี้ ยังมีส่วนที่เป็นภาพสะท้อนอย่างไร้ขอบเขตของโลกอื่นอีก

ภายในโลกแห่งนั้นมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่ง!

ในโลกแห่งนั้น มีดวงตะวันอยู่เก้าดวง!!

ตรงเท้าของรูปปั้นเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง สวมใส่ชุดยาวสีขาว ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่า…มันมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับรูปปั้นเป็นอย่างยิ่ง!!

มันส่ายหน้าและยิ้มออกมา

“หมู่จวิน (ท่านแม่) พูดถูกแล้ว คนที่เกิดใหม่มักจะมีความวิตกกังวลมากกว่าคนที่กลับมาแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version