Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1380

ตอนที่ 1380

สามคัมภีร์ผนึกผู้ยิ่งใหญ่

“ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยลงมือมาก่อน แม้แต่ตอนที่เจ้าปรากฏตัวขึ้น พวกเราทั้งสามก็มุ่งเน้นไปที่การต่อต้านหลักเท่านั้น!”

“วันนี้ พวกเราทั้งสามจะชดใช้หนี้ให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล!”

“สามคัมภีร์ผนึกผู้ยิ่งใหญ่!” บรรพจารย์ทั้งสามเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ลึกลับอย่างถึงที่สุด นานหลายปีนับไม่ถ้วนมาแล้วที่พวกท่านไม่เคยปรากฏกายขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้ว่าคัมภีร์ที่พวกท่านฝึกฝนจะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่พวกท่านก็ไม่ใช่ผู้สร้างคัมภีร์เหล่านั้นขึ้นมาเอง ท่านบรรพจารย์เป็นแค่ผู้พิทักษ์คัมภีร์เท่านั้น

สามชายชรานั่งขัดสมาธิและหลับตาลง ในขณะที่สัญลักษณ์เวทของคัมภีร์เริ่มหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่าง และก่อตัวขึ้นมาเป็นเครื่องหมายผนึก!

พวกท่านวางแผนไว้ว่าจะใช้พลังของคัมภีร์ผนึกผู้ยิ่งใหญ่สตรีนางนี้ไว้!

“พวกเราจะยอมสังเวยอายุขัยเพื่อเป็นพลังให้กับสามคัมภีร์ดั้งเดิมและผนึกเจ้าไว้ภายใน มันไม่ใช่การผนึกไปตลอดกาล แต่ก็นานพอจนสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงไป!”

ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ขมวดคิ้วและชี้นิ้วข้างขวาออกไป แต่ก็ไม่อาจจะทำลายเครื่องหมายผนึกให้แตกกระจายไปได้ เวลาเดียวกันนั้นไห่เมิ่งจื้อจุน และผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก็พุ่งกลับไปยังสนามรบ ใช้พลังผู้ยิ่งใหญ่ทำให้การต่อสู้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

“เจ้าคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนกระแสการต่อสู้ได้เช่นนี้?” ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้กล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้น แม้ในขณะที่เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปมา ก็ดูเหมือนว่าคนนอกคอกผู้หนึ่งซึ่งมีท่าทางปกติทั่วไปที่อยู่ในสนามรบจู่ๆ ก็เริ่มสั่นสะท้าน จากนั้นก็มองขึ้นมาและแผดร้องคำราม ร่างกายเริ่มบวมเป่งขึ้นและเริ่มกลืนกินกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเข้าไปอย่างคาดไม่ถึง

ในช่วงระยะเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ ก็กลายเป็นก้อนเนื้อลูกทรงกลมที่มีความกว้างถึงหนึ่งพันจ้างเต็ม ลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

อันที่จริงก้อนเนื้อลูกทรงกลมนั้นก็มีใบหน้าอยู่ ถ้าดูให้ละเอียดก็จะมองเห็นส่วนที่คล้ายกับศีรษะ เมื่อดวงตาของมันลืมขึ้นมา ก็สาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา เวลาเดียวกันนั้นเสียงหัวเราะก็ดังก้องขึ้น

“น่าสนใจยิ่ง ดูเหมือนว่าข้าคงต้องจัดการผู้ยิ่งใหญ่แล้ว” ก้อนเนื้อลูกทรงกลมหดตัวเล็กลงจนกลายร่างเป็นคนผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว

เป็นบุรุษวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดยาวสีแดง มีรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกับศีรษะที่มีขนาดใหญ่โตจนดูเหมือนว่าไม่สมส่วนกับร่างกาย ใบหน้าเป็นรอยยิ้มที่บิดขึ้นไป และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็พุ่งกระจายออกมา ขณะที่ก้าวเดินตรงมายังไห่เมิ่งและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด

เมื่อมันปรากฏกายขึ้น สีหน้าของไห่เมิ่งจื้อจุนก็สลดลง เช่นเดียวกับใบหน้าของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ ทั้งหมด แม้แต่ดวงตาของสามบรรพจารย์ก็ยังต้องเบิกกว้างขึ้น

“กลิ่นอายนี้…เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากสามสิบสามสวรรค์ เจ้ามาจาก…อีกสองกองกำลังนั้น!!”

ในตอนนี้กลุ่มคนนอกคอกอื่นๆ นับสิบที่อยู่ภายในกองกำลังขนาดใหญ่นั้นเริ่มกู่ร้องออกมา ขยายขนาดใหญ่ขึ้น และดูดกลืนกลุ่มคนนอกคอกบริเวณใกล้เคียงเข้าไป ในที่สุดก็มีผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากกว่าสิบคนปรากฏกายขึ้นบนสนามรบ

ถึงแม้ว่าความผันผวนของพื้นฐานฝึกตนพวกมันจะไม่อยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่ แต่จากพลังการต่อสู้ก็ทำให้พวกมันเทียบเท่ากับราชันจักรพรรดิ ในทันทีที่ปรากฏกายขึ้น พวกมันก็เริ่มหัวเราะและพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเล

กลิ่นอายของพวกมันแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล และไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากสามสิบสามสวรรค์ แม้แต่พลังระเบิดที่โจมตีไป ก็ยังไม่อาจจะขับไล่พวกมันออกไปได้!

นั่นเป็นเพราะว่าพวกมันไม่ได้มาด้วยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่ใช้วิญญาณทำการยึดครองร่าง จนสามารถจะปรากฏกายขึ้นมาได้

อย่างน่าตกใจยิ่ง หนึ่งในผู้ที่ถูกยึดครองร่างนั้นเป็นยักษ์ตนหนึ่ง ที่จู่ๆ ก็มีขนาดใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิม แหงนหน้าขึ้นไปและกู่ร้องออกมา พุ่งตรงเข้าไปในสนามรบ เมื่อทำเช่นนั้นดวงดาวที่อยู่บนหน้าผากของมันก็เริ่มหมุนวนไปมา ทำให้กลิ่นอายอันน่ากลัวพุ่งขึ้นไป

ในช่วงเวลาสั้นๆ อาณาจักรขุนเขาทะเลก็เริ่มประสบกับความสูญเสียอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

ทะเลที่เจ็ดไม่คงอยู่อีกต่อไป และขุนเขาที่เจ็ด…กำลังถูกปิดล้อมด้วยกลุ่มคนนอกคอกนับล้าน เพียงไม่นานก็เริ่มแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับขุนเขาอื่นๆ สงครามเกิดความไม่สมดุลย์ขึ้นอีกครั้ง

ในตอนนี้มีแค่สองทะเลและสองขุนเขาเหลืออยู่ในอาณาจักรทั้งหมดเท่านั้น!

ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงนี้ และดูเหมือนว่าการทำลายล้างกำลังใกล้เข้ามาแล้ว กลุ่มคนนอกคอกนับล้านที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังจำนวนมาก ได้นำพวกมันเข้าไปในทะเลที่แปด แต่ในตอนนี้เองที่ธนูแสงดอกหนึ่งจู่ๆ ก็พุ่งออกมาจากขุนเขาที่แปด ปรากฏขึ้นแทบจะในทันทีที่เบื้องหน้าของยักษ์ซึ่งมีดวงดาวอยู่บนหน้าผาก

ยักษ์ตนนั้นแผดร้องคำราม กำมือขวาเป็นหมัดและต่อยตรงไปยังลูกธนูนั้น

เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น เมื่อธนูแสงแตกกระจายไป แต่ยักษ์ตนนั้นก็ส่งเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ขณะที่ถอยโซเซไปทางด้านหลัง เวลาเดียวกันนั้นแขนขวาของมันก็ระเบิดขึ้น และร่างกายส่วนใหญ่ก็ถูกทำลายไปอย่างรุนแรง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก จากนั้นธนูแสงดอกที่สองก็ใกล้เข้ามา แต่ก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปในร่างยักษ์ กลับตรงไปยังทะเลที่แปดแทน!

ทะเลที่แปดถูกปกคลุมด้วยเวทป้องกันมานานแล้ว ในตอนนี้ก็ถูกกระตุ้นด้วยธนูแสงดอกนั้น ทำให้ทะเลทั้งหมดเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม วงแหวนแห่งแสงนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนผิวน้ำ จากนั้นก็พุ่งขึ้นมาและระเบิดออกไปอย่างน่าตกใจยิ่ง

ทันใดนั้นเสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังก้องออกมา ขณะที่กลุ่มคนนอกคอกนับไม่ถ้วนแตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยแรงระเบิดของเวทป้องกัน

แน่นอนว่าผู้ที่ตกตายไปเหล่านั้นไม่ถือว่ามากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนกองกำลังของกลุ่มคนนอกคอกทั้งหมด และไม่อาจจะบอกว่าเป็นการระเบิดที่ร้ายแรงได้ ไม่มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของพวกมันอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าเป็นใคร?!?!” ยักษ์ที่ไร้แขนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสร้องตวาดถามขึ้น แหงนหน้าและกู่ร้องออกมา ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังอื่นๆ ซึ่งปรากฏกายขึ้นในตอนนี้ ต่างก็หันหน้าจ้องมองไปยังขุนเขาที่แปดกันทั้งหมดด้วยเช่นกัน

ที่แห่งนั้นแสงอันเจิดจ้าปรากฏขึ้น พุ่งออกมาจากขุนเขาที่แปดด้วยความรวดเร็วสูงสุด ตรงมายังสนามรบ

ซึ่งก็คือเมิ่งฮ่าวนั่นเอง!

อย่างน่าตกใจยิ่งมีสัตว์อสูรนอกคอกติดตามมาอย่างมากมาย จนไม่อาจจะนับได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะทำให้พวกมันปฏิบัติตามคำสั่งได้ ต่างก็แผดร้องคำรามพุ่งตรงไปยังสนามรบด้วยสีหน้าอันดุร้าย

กระแสของสงครามเริ่มเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึงในทันที สำหรับสองผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ หนึ่งคนกำลังต่อสู้กับสุ่ยตงหลิว หลังจากที่ทั้งสองหายตัวไป สำหรับอีกคน กำลังถูกผนึกไว้ชั่วคราวโดยสามบรรพจารย์

ตอนนี้ไห่เมิ่งจื้อจุนและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดกำลังต่อสู้กับผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ด้วยความสิ้นหวัง

การปรากฏกายของเมิ่งฮ่าวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกไม่อาจจะรุกคืบได้อีกต่อไป แต่เวลาเดียวกันนั้นก็ต้องไปเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากกว่าสิบคนอยู่ในตอนนี้ ซึ่งบางคนก็เป็นยักษ์อีกด้วย

เมื่อเมิ่งฮ่าวเริ่มต่อสู้กับพวกมัน กองกำลังกลุ่มคนนอกคอกก็เริ่มเดินหน้าเข้าไปในทะเลที่แปด ไม่นานนักทะเลก็ถูกกำจัดไป และกองกำลังเหล่านั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังขุนเขาที่แปด

ในตอนนี้เองที่เสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาจู่ๆ ก็ดังก้องออกมา มีใครบางคนบินออกมาจากขุนเขาทะเลที่เก้า ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของกองกำลังกลุ่มคนนอกคอก อย่างน่าตกใจยิ่งที่ด้านหลังของคนผู้นี้สามารถจะมองเห็นเป็นโลกภาพลวงตา ราวกับว่าคนผู้นี้ออกมาจากภายในโลกแห่งนั้น

“ตี้ตี่ (น้องชาย) ข้ามาช่วยแล้ว” เสียงเก่าแก่โบราณนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน คนผู้นี้เป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งมีสีหน้าที่โดดเดี่ยวเดียวดายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าตนเองไม่ควรที่จะมาปรากฏตัวขึ้นในวันนี้และยุคสมัยนี้ แต่ก็ยังคงต้องมา

นี่ก็คือ…เคอจิ่วซือ!!

มันมาจากสำนักเซียนอสูรโบราณ ซึ่งถูกกลืนหายเข้าไปในประวัติศาสตร์มานานแล้ว มาปรากฏกายขึ้นในสนามรบนี้ ทันทีที่มันปรากฏกายขึ้น เสียงถอนหายใจอีกเสียงก็ได้ยินออกมาจากโลกภาพลวงตาที่อยู่ด้านหลัง เสียงถอนหายใจนี้ดังออกมาจาก…เจินหลิงเยี่ย! (วิญญาณราตรีที่แท้จริง)

ขณะที่เสียงถอนหายใจดังก้องออกมา เยี่ยก็ลืมตาขึ้นมาอยู่ภายในโลกภาพลวงตา ทันใดนั้นกลุ่มคนนอกคอกนับล้านจู่ๆ ก็หายตัวไป เมื่อพวกมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ในยุคสมัยที่ไม่มีใครมองเห็นได้ พวกมันย้อนกลับเข้าไปในสำนักเซียนอสูรโบราณ ในช่วงที่เป็นยุคทองและรุ่งเรืองมากที่สุด ทันใดนั้นการต่อสู้ก็ปะทุขึ้นมาอยู่ภายในนั้น!!

ไม่ใช่เคอจิ่วซือเพียงคนเดียวที่ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบช่วงวิกฤตนี้ คู่สามีภรรยาจู่ๆ ก็บินออกมาจากขุนเขาทะเลที่เก้า ด้านหลังของสตรีเป็นผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ซึ่งมีสีหน้าว่างเปล่า แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง สำหรับบุรุษ ทุกย่างก้าวที่เดินมาก็ทำให้เกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งพุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนพื้นน้ำแข็ง!

คนทั้งสองคือ…ซวงถู่เยาตี้ (จักรพรรดิอสูรดินยะเยือก) หานซานและภรรยา!!

“เมิ่งเสียวโหย่ว (สหายน้อยเมิ่ง) หานโหม่ว (ผู้แซ่หาน) มาแล้ว” การปรากฏกายขึ้นของหานซาน ทำให้เกล็ดน้ำแข็งกระจายออกไปทั่วทั้งฟ้าดิน

ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของมันจะไม่สูงมากนัก แต่การปรากฏตัวขึ้นของมันก็ทำให้ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลเต็มไปด้วยความต้องการต่อสู้ขึ้นมาใหม่ ด้วยความกล้าหาญใหม่ หลังจากหานซาน ราชันจี้ก็ปรากฏตัวขึ้น เช่นเดียวกับเมิ่งไว่กง

จากนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งแห่งตระกูลฟาง

สำนักต่างๆ จากขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมดเข้ามาร่วมด้วย เมิ่งฮ่าวยังมองเห็นเจ้าอ้วนอีกด้วย ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่ามันมีความหวาดกลัว แต่ก็พุ่งเข้าไปในสนามรบอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็เป็นอาจารย์ของเมิ่งฮ่าว…ตานกุ่ย ซึ่งเริ่มต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายนี้กับกลุ่มคนนอกคอกด้วยเช่นกัน

ใบหน้าที่ดูคุ้นเคยต่างก็มายังขุนเขาที่แปดเพื่อร่วมต่อสู้กันทั้งหมด…

ขุนเขาที่แปดกลายเป็นสนามรบ เต็มไปด้วยกลุ่มคนนอกคอกและผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล การต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมและขมขื่นทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วอย่างต่อเนื่อง เผชิญหน้ากับทะเลกลุ่มคนนอกคอกอย่างไร้จุดสิ้นสุด คนทั้งหมดทำทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดไตร่ตรองถึงความวิตกกังวลของตนเอง เขาไม่อาจจะไปช่วยคนรู้จักด้วยตนเอง กลับถูกบังคับให้ต้องไปต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลัง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากสามสิบสามสวรรค์ ความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทของพวกมัน เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยักษ์หลายตนนั้น ซึ่งมีพลังกายเนื้อที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

เสียงระเบิดดังก้องออกมา และกลุ่มคนก็ตายไปทั้งซ้ายขวา ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่ใช้พลังการฝึกตนทั้งหมดออกมาเพื่อโจมตีกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้เวทกลืนภูเขาเพื่อเรียกให้ภูเขาจำนวนมากตกลงมา และกลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้าพร้อมกับกรงเล็บอันแหลมคมเหลือคณา

อสูรโลหิตปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงแผดร้องคำราม และสุดยอดสะพานก็ตกลงมาบดขยี้กลุ่มคนนอกคอก เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นภูติผีที่แวบไปมาเพื่อต่อสู้กับศัตรูนับสิบในคราเดียว

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่ยักษ์ตนหนึ่งกระอักโลหิตออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อหน้าอกของมันยุบลงไปภายใต้หมัดที่ต่อยมาของเมิ่งฮ่าว หัวใจมันแตกละเอียดไป และโลหิตก็สาดกระจายออกไปทั่วทุกที่ ทำให้เมิ่งฮ่าวเปียกชุ่มไปด้วยโลหิตทั้งตัว

“โลหิตเทพ? ถึงแม้ว่าจะไม่บริสุทธิ์นัก แต่ก็ไม่เลว” เมื่อรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของโลหิตเทพนี้ เมิ่งฮ่าวก็แวบร่างไปอย่างรวดเร็ว พุ่งทะยานเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง พ่นโลหิตบางส่วนออกมาจากปาก เผชิญหน้ากับศัตรูนับสิบและจากนั้นก็เริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา โบกสะบัดมือออกไป เรียกกระจกทองแดงให้กลายเป็นอาวุธสงคราม จากนั้นผีโต้งก็ลอยออกมาและกลายเป็นชุดเกราะ

“เข้ามา สังหาร!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องคำราม หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย เหล่าสหายและคนในครอบครัวต่างก็ต่อสู้กันอย่างขมขื่นทั้งหมด แล้วเขาจะยืนดูอยู่ที่ด้านข้างได้อย่างไร!?

ที่ห่างไกลออกไป สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่กำลังต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมขึ้นมาได้ เสียงระเบิดตนเองดังก้องออกมาเป็นระยะ ขณะที่อาณาจักรขุนเขาทะเลต่อสู้ด้วยความบ้าคลั่ง ในตอนนี้พวกมันสามารถจะต่อสู้กับกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกได้อย่างเท่าเทียมกัน และไม่ได้พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องอีกต่อไป

ในที่สุดกลุ่มคนนอกคอกก็มาเผชิญหน้ากับความบ้าคลั่งที่แท้จริงของอาณาจักรขุนเขาทะเล!

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้องออกมาจากเศษซากปรักหักพังของขุนเขาที่หก “ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด ครั้งนี้พวกเจ้าต้องถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น!”

นี่คือเสียงของผู้ยิ่งใหญ่สตรี ในตอนนี้ร่างของสามบรรพจารย์ที่อยู่รอบๆ กำลังแห้งเหี่ยวลงไปจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่ก็ยังคงยืนหยัดต่อไป

ในตอนนี้เองที่ศิษย์ของแต่ละคนได้บินตรงมา นั่งลงขัดสมาธิอยู่ด้านหลังเพื่อช่วยเหลือด้วยอายุขัยของแต่ละคน!

“พวกเจ้าคิดว่าจะตรึงข้าไว้ได้นานเท่าใด? สามคัมภีร์ดั้งเดิมไม่ธรรมดา เป็นสุดยอดคัมภีร์เต๋าจากอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พื้นฐานฝึกตนของพวกเจ้าไม่ได้อยู่ในระดับผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นพวกเจ้าจะผนึกข้าได้นานสักเท่าใด? จริงๆ แล้วในตอนนี้พวกเจ้าก็ไม่อาจจะยืนหยัดได้ต่อไปอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ข้าเป็นอิสระ ก็จะเป็นตอนที่อาณาจักรขุนเขาทะเล…ต้องพบเจอกับการทำลายล้างไปจนหมดสิ้น!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version