Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1393

ตอนที่ 1393

รู้สึกผิดเนื่องจากตระกูลฟาง

“ใครให้พวกเจ้ามาตอแยข้า? ตอนนี้พวกเจ้าพอใจแล้วหรือไม่? ตอนนี้พวกเจ้าวางใจแล้วหรือไม่?” เสียงแปลกๆ ของเมิ่งฮ่าวดังก้องไปทั่วทั้งสนามรบ ทำให้กลุ่มคนนอกคอกทั้งหมดสั่นสะท้าน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดก็ยังต้องตื่นตระหนก

“เสแสร้งทำเป็นภูตผี!” ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้แค่นหัวเราะ ทันใดนั้นก็เดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อไห่เมิ่งจื้อจุนกำลังจะเข้าไปขัดขวาง ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก็ยื่นมือออกมาขวางกั้นนางไว้

ไห่เมิ่งอ้าปากค้างขณะที่มองไปยังผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดเพื่อยืนยันว่า แววตาของมันเป็นของเมิ่งฮ่าวจริงๆ

เวลาเดียวกันนั้นผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่กำลังสั่นสะท้านขณะที่หลบหนีจากไปพร้อมกับกลุ่มหมอกสีดำเป็นทางยาว แต่มันก็อยู่ห่างไกลจากสนามรบเป็นอย่างมาก และผู้คนต่างก็เพ่งสมาธิไปยังเมิ่งฮ่าว จึงไม่มีใครให้ความสนใจมันแม้แต่น้อย

ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว พลังแก่นแท้ทั้งหมดของมันก็ปะทุออกไป แต่แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็กำหมัดจนแน่น และกลิ่นอายก็เปลี่ยนไปในทันที ไม่ได้หัวเราะและร้องไห้อีกต่อไป กลับดูเหมือนว่าจะเย่อหยิ่งทระนงไปโดยสิ้นเชิง

กลิ่นอายที่ทระนงเช่นนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวกลายเป็นจุดศูนย์กลางของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อเขาต่อยหมัดออกไป ก็ราวกับว่าความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่นั้นจะก้มคารวะให้กับพลังนี้!

ขณะที่คนทั้งสองเข้ามาใกล้ซึ่งกันและกัน พลังของเมิ่งฮ่าวก็ปะทุขึ้น เมื่อเขาต่อยหมัดสังหารเทพออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า! ก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา เดินไปเจ็ดก้าว แต่ละก้าวก็ต่อยหมัดไปหนึ่งครั้ง

ซึ่งก็คือเจ็ดก้าวเทพ ทำให้พลังพุ่งทะยานขึ้นไป จนกระทั่งถึงก้าวที่เจ็ด ก็ต่อยหมัดที่เจ็ดออกไปด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งทระนง ราวกับว่าเขาคือท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งปวง ราวกับว่าเขาคือผู้บ้าคลั่งที่ต้องการจะสังหารฝ่ายตรงข้ามไป ถึงแม้ว่าจะต้องตายไปก็ตามที

นี่คือความแตกต่างของการหัวเราะและร้องไห้ก่อนหน้านี้ ซึ่งผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันไปมา

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ขณะที่กลิ่นอายเปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่ได้เย่อหยิ่งทระนงอีกต่อไป ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความดุร้าย เห็นได้ชัดว่าเขาลืมเลือนอาการบาดเจ็บไปโดยสิ้นเชิง คล้ายกับเป็นสัตว์ป่าที่ไม่สนใจว่าร่างกายของตนเองจะบาดเจ็บมากแค่ไหน กระโจนเข้าใส่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจยิ่ง อ้าปากกว้างขึ้น พยายามจะกัดลงไปยังศีรษะของบุรุษผู้นั้น!

ผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกประหลาดใจและถอยไปทางด้านหลังในทันที แต่ปากเมิ่งฮ่าวก็ยังคงกัดลงไปบนไหล่ของมัน และก้อนเนื้อขนาดใหญ่ก็ฉีกขาดออก จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หันหน้าไปมองยังมัน ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เส้นผมพลิ้วไปมา ดูเหมือนกับเป็นสัตว์ป่าที่บ้าคลั่ง!

“เจ้า…” ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวขึ้นด้วยจิตใจที่เต้นรัว เมิ่งฮ่าวเริ่มหัวเราะหึๆ ขณะที่พุ่งกระโจนไปโจมตีอีกครั้ง ไม่สนใจอาการบาดเจ็บใดๆ ถึงแม้ว่าจะต้องตายไปก็ตาม ดูเหมือนว่าจะบ้าคลั่งไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความดุร้าย ลืมเลือนความเป็นตายไปจนหมดสิ้น ยินดีที่จะจบลงด้วยการทำลายล้างซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ต้องตื่นตระหนกขึ้นอย่างลึกล้ำ

“คนบ้า! เจ้ามันคนบ้า!” มันแผดร้องขึ้นมาพุ่งถอยไปทางด้านหลัง อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปราณเซียนอันยิ่งใหญ่, เที่ยงธรรมและบริสุทธิ์ปะทุออกมาจากร่าง แต่ก็ยังคงดุร้ายเหมือนเดิม คล้ายกับเป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย และ…เมื่อเซียนมีโทสะ สวรรค์ก็พังทลายปฐพีแตกกระจายไป!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างยิ่งใหญ่ ปราณเซียนกำลังหมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง พลังแก่นแท้ม้วนตัวไปมาขณะที่ขยับมือร่ายเวท และปลดปล่อยวิชาเวทออกไปเป็นจำนวนมาก ภูเขาตกลงมา, สุดยอดสะพานบดขยี้ลงไป และลมพายุก็กรีดร้องระงมกลายเป็นสายฟ้า วิชาเวทลอยออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด ทำให้เมิ่งฮ่าวดูคล้ายกับเป็นทะเลเวท ขณะที่พุ่งตรงไปยังผู้ยิ่งใหญ่บุรุษ

แม้แต่กระถางสายฟ้าก็ยังได้ปรากฏขึ้น หลังจากที่ทำการเคลื่อนย้ายทางไกล วิหคยักษ์สีฟ้าก็กรีดเฉือนลงไปยังแผ่นหลังของผู้ยิ่งใหญ่ด้วยการโจมตีอันดุร้าย

สีหน้ามันสลดลง และเมื่อกำลังจะตอบโต้กลับไป เมิ่งฮ่าวก็ต่อยหมัดออกมาในทันที ปล่อยให้ผู้ยิ่งใหญ่โจมตีมา มือขวาของเมิ่งฮ่าวระเบิดออกจนกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ และร่างกายครึ่งตัวก็ถูกทำลายไป แต่ก็สามารถจะเข้าไปใกล้ผู้ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ

พร้อมกับเสียงหัวเราะและร้องไห้ เมิ่งฮ่าวกัดลงไป…บนลำคอของผู้ยิ่งใหญ่ และฉีกกระชากเนื้อส่วนนั้นออกมาอย่างดุร้าย!

บุรุษผู้นั้นแผดร้องเป็นเสียงโหยหวน เหวี่ยงร่างเมิ่งฮ่าวออกไป และพุ่งถอยไปทางด้านหลัง เวลาเดียวกันนั้นก็เอามือจับลงไปยังบาดแผลที่ลำคอ ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีเสียงดังรอดออกมา ในตอนนี้สีหน้ามันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและงุนงงไปโดยสิ้นเชิง

เป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะพบเจอกับศัตรูที่ทำให้ตนเองต้องหวาดกลัวไปอย่างแท้จริง แต่ในตอนนี้มันกำลังหวาดกลัวเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง

ที่ยิ่งมากไปกว่านั้นก็คือเมื่อเมิ่งฮ่าวเลียริมฝีปากและเริ่มเข้ามาใกล้มันอีกครั้ง หนังศีรษะของมันกำลังลุกขึ้นตั้งชี้ชัน รู้สึกราวกับว่าแทบจะระเบิดออกไป และทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ในสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวไปเมื่อครู่นี้

“ตอนนี้ข้าไม่อาจจะเอาชนะพวกเจ้าได้ แต่ก็สามารถ…กินพวกเจ้า!”

“นี่คืออะไรกัน, บัดซบ!? อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารต้องการเปลี่ยนแปลงเซียน แต่สิ่งที่มาแทนที่นี้คืออะไรกัน?! มันยังน่ากลัวกว่าเซียนมากนัก!!”

มันจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวแอบมีโทสะขึ้นมา และกำลังจะพุ่งถอยไปทางด้านหลังแต่ทันใดนั้นสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป มองลงไปยังบาดแผลและสังเกตเห็นว่ากลายเป็นสีดำไป และสีดำนั้นกำลังกระจายออกไปอย่างช้าๆ

“คำสาปแช่ง!!” มันร้องอุทานออกมา ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“ไม่ใช่คำสาปแช่ง เป็นแค่ความเกลียดชังของข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะและร้องไห้ จากนั้นก็พุ่งตรงไป ใบหน้าผู้ยิ่งใหญ่เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง และร้องตะโกนด้วยโทสะ ขณะที่ร่างกายเริ่มแห้งเหี่ยวลงไป เวลาเดียวกันนั้นแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ของมันก็โผล่ออกมา ทิ้งร่างกายไว้ทางด้านหลังและหลบหนีจากไป ไม่ต้องการจะเกี่ยวข้องใดๆ กับเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป

“คนบ้า! เจ้ามันเป็นคนบ้า!!”

เมิ่งฮ่าวหัวเราะไปยังภาพที่ผู้ยิ่งใหญ่หลบหนีจากไป จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังเต้าฟางและกล่าวว่า “อย่าเข้ามาใกล้ข้า”

เต้าฟางสั่นสะท้านและเริ่มถอยไปทางด้านหลัง หนังศีรษะด้านชา ถ้าพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวอ่อนแอกว่าพวกมัน ก็ไม่น่าหวาดกลัวมากนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ห่างจากพวกมันแค่เส้นใยเดียวเท่านั้น!

การเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดทั้งหมดนี้ และแรงกดดันที่กำลังกดทับลงมาจากกลิ่นอายของเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันยากที่จะปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่า พวกมันไม่ได้ดุร้ายเท่าเมิ่งฮ่าว!

เมิ่งฮ่าวบ้าคลั่งจนไม่สนใจแม้แต่ความตายของตนเอง ตราบเท่าที่สามารถจะกัดลงไปบนเลือดเนื้อ เต้าฟางต้องสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่มองไปยังสีหน้าที่หวาดกลัวของวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่สตรี ขณะที่ถูกกลืนกินลงไป

ทันใดนั้นมันก็มีความรู้สึกว่าอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร…ทำผิดพลาดไปแล้ว!!

บางทีเซียนแท้อาจจะมีพลังที่เหนือเทพ มีพลังที่สามารถสะกดข่มมาร แต่ก็ยังคงจะพ่ายแพ้ในสงครามเซียน แต่กลับกันอสูรนี้ ถึงแม้ว่าเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็ทำให้ความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึง…ความน่ากลัวที่อาจจะเกิดขึ้นของอสูร!

ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ…แขนของเมิ่งฮ่าวเริ่มงอกขึ้นมาใหม่ต่อหน้าต่อตาของคนทั้งหมด และปรากฏขึ้นเหมือนกับเป็นแขนข้างใหม่อย่างรวดเร็ว

ทำให้เต้าฟางต้องสั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

ในตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่กำลังหลบหนีออกไปจากสนามรบ ผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ก็กำลังหลบหนีจากไป และกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกก็หลบหนีไปด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนั้น…ก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน การเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันของ…อสูร!

โดยหลักการแล้วเมิ่งฮ่าวไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ สามารถจะกล่าวได้ว่าเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด

เสียงหัวเราะของเมิ่งฮ่าวดังลอยออกไป กลายเป็นเสียงร้องไห้ และสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ในเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งนี้ ดูเหมือนว่าเขากำลังหัวเราะให้กับตนเอง และร้องไห้ให้กับเครือญาติ

คนทั้งหมดที่ได้ยินต่างก็จมดิ่งอยู่ในความเงียบ กลุ่มคนนอกคอก, ผู้ฝึกตนขุนเขาทะเล และสุ่ยตงหลิวต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน

“เมิ่ง…เมิ่งฮ่าว…” ฟางอวี๋กล่าวขึ้น สั่นสะท้านอยู่ในวงแขนของซุนไห่ มองไปยังน้องชายของตนเอง มองไปยังเมิ่งฮ่าว และจิตใจก็บิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด บิดามารดาของคนทั้งสองได้จากไปแล้ว และตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็เป็นเครือญาติสายโลหิตเพียงหนึ่งเดียวของนาง

เจ้าอ้วนร้องไห้ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว อยากจะพูดบางอย่างออกมา แต่ก็ไม่มั่นใจว่าควรจะพูดอะไรดี ทั้งหมดที่มันรู้ก็คือว่า การมองไปยังเมิ่งฮ่าวเช่นนี้ทำให้ตนเองต้องเต็มไปด้วยความปวดใจ

จากนั้นก็ยังมีเฉินฝาน และท่านอาจารย์ตานกุ่ยของเมิ่งฮ่าว และที่อยู่ห่างไกลออกไป เคอจิ่วซือ มีแววตาที่เจ็บปวดรวดร้าว

คนทั้งหมดที่ยังคงมีชีวิตอยู่บนดาวหนานเทียน กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว พวกมันมองเห็นปราณอสูรบนร่างเขา มองเห็นความน่ากลัวของเขา และมองเห็นสีหน้าที่ทั้งร้องไห้และหัวเราะออกมาของเขา

“สุ่ยตงหลิว บางทีท่านอาจจะเป็นจิ่วเฟิงจริงๆ หรืออาจจะไม่ใช่ แต่ไม่ว่าท่านคือใคร แผนการของท่านก็ทำให้ข้า, เมิ่งไว่กง, ฟางเหยียเยี่ย และเตียเหนียงของข้า อาณาจักรขุนเขาทะเลพังทลายลงไป และดาวหนานเทียนก็แทบจะถูกทำลายไป ข้ากลายเป็นอสูร คงจะถึงเวลาแล้วที่ท่านจะเปิดเผยแผนการสุดท้ายออกมา” เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กล่าวขึ้นมาทำให้เกิดเป็นเสียงสะท้อนที่แปลกๆ ขณะที่จ้องมองไปยังสวรรค์ด้านบน

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นกระเพื่อมไปมา เมื่อสุ่ยตงหลิวปรากฏตัวขึ้น ตรงทิศทางอื่นเต้าฟางและผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

และเริ่มหลบหนีจากไป ปล่อยให้ไห่เมิ่งจื้อจุนและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดของเมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้สุ่ยตงหลิว

ดวงตาของผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดเป็นสีแดงจ้า การเปลี่ยนแปลงของเมิ่งฮ่าวมีผลกระทบกับกลิ่นอายของมันด้วยเช่นกัน มันยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอสูรที่แปลกๆ ขณะที่มองไปยังสุ่ยตงหลิว

สุ่ยตงหลิวยังคงนิ่งเงียบไปนานสักพัก สีหน้าเต็มไปด้วยความปวดร้าวเสียใจ ในที่สุดก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว

“เหล่าฟูมีแผนการอยู่มากมาย เตรียมการไว้หลากหลาย และการตกตายไปเป็นจำนวนมากก็เนื่องมาจากแผนการเหล่านั้น ขอให้เจ้า…ปล่อยวางเรื่องทั้งหมด เหล่าฟู…ไม่เคยรู้สึกผิดต่ออาณาจักรขุนเขาทะเล แต่ก็รู้สึกผิดต่อ…ตระกูลฟาง”

“ตระกูลฟางคือตระกูลทุกชั้นฟ้า ด้วยสายโลหิตที่ไม่ธรรมดา หลังจากที่มายังอาณาจักรขุนเขาทะเล ปรมาจารย์รุ่นแรกของเจ้าก็ได้โชควาสนาที่ต่อต้านสวรรค์ ทำให้สายโลหิตทุกชั้นฟ้าเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากผลเนี่ยผานทำให้มีการเกิดใหม่ได้หลายครั้ง สายโลหิตตระกูลฟางจึงเหมาะสมกับแผนการของเหล่าฟูมากที่สุด!”

“นอกจากนั้น เจ้าก็ยังเป็นสายโลหิตตระกูลฟางที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด ดังนั้น…”

“ดังนั้นสิ่งที่ถูกเรียกว่าทัณฑ์ปีที่เจ็ดของข้าก็เกิดจากการบงการของท่าน!”

เมิ่งฮ่าวพูดแทรกขึ้น โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป และน้ำเสียงแปลกๆ ที่ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยทั้งเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินต้องรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ สุ่ยตงหลิวก็พยักหน้า “ทัณฑ์ปีที่เจ็ดของเจ้ามีสาเหตุมาจากเหล่าฟู ไว่กง (ท่านตา) เจ้าเหล่าฟูก็เตรียมการให้กลายเป็นราชันขุนเขาทะเล จู่ฟู่ (ท่านปู่) เจ้าเหล่าฟูก็ดึงวิญญาณของมันใส่เข้าไปในคัมภีร์ตัดสวรรค์”

“ฟู่หมู่ (บิดามารดา) เจ้าก็เป็นเหล่าฟูเตรียมการด้วยเช่นกัน เป็นคนส่งพวกมันมาเฝ้าพิทักษ์ดาวหนานเทียน เพราะว่าวิญญาณของคนทั้งสองเหมาะสมที่จะกลายมาเป็นวิญญาณขับเคลื่อน!”

“แม้แต่ความเป็นศัตรูกันระหว่างตระกูลจี้และตระกูลฟางก็เป็นแผนการของเหล่าฟูด้วยเช่นกัน…การฝึกเวทผนึกของพันธมิตรผู้ผนึกอสูรของเจ้า ก็เป็นการจัดการของเหล่าฟู เป้าหมายทั้งหมดก็เพื่อให้เจ้ากลายเป็น…เจตจำนงใหม่แห่งขุนเขาทะเล หรืออาจจะกลายเป็นเซียน! แต่ในระหว่างนั้นโชคชะตาของเจ้าก็เปลี่ยนแปลงไป”

“ตลอดช่วงชีวิตของข้า ไม่เคยคิดที่จะทำลายขุนเขาทะเล แต่ก็ต้องเสียใจต่อตระกูลฟาง…อย่างไรก็ตามจู่ฟู่เจ้าก็ยังไม่ตายไปจริงๆ และเตียเหนียงเจ้าก็อาจจะไม่ตายไปด้วยเช่นกัน!”

“ถ้าแผนการสำเร็จ เหล่าฟูจะฆ่าตัวตายต่อหน้าเจ้า ควักหัวใจออกมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยต่อโลหิตของตระกูลฟาง”

“ถ้าแผนการล้มเหลว…เหล่าฟูก็จะกำจัดเปลวไฟวิญญาณของตนเองด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยให้เจ้าได้รับในสิ่งที่ต้องการ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version