ตอนที่ 1399
ผีเสื้อโบยบิน
การระเบิดตนเองของสุ่ยตงหลิว เพื่อขัดขวางเส้นทางของศัตรู ทั้งหมดนั้นก็แค่ถ่วงเวลาให้กับผีเสื้อได้เพียงเล็กน้อย ช่วยให้เมิ่งฮ่าวนำอาณาจักรหนีรอดไปได้สำเร็จ เมื่อพูดถึงการตัดสินใจและการกระทำของท่าน ก็ไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องถูกหรือผิด แผนการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านทำมาทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งดีหรือเลว
มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่เบื้องหลังก็คือ ความคิดและอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน
คนทั้งหมดยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ขณะที่ผีเสื้อพุ่งเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
เมิ่งฮ่าวยังคงหมดสติไป ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในอุโมงค์ช่วงสุดท้าย เขาไม่ได้อยู่ที่ด้านในของผีเสื้อ เมื่อคนอื่นๆ พยายามจะนำร่างเขาเข้าไปด้านใน ผีเสื้อก็เริ่มสั่นสะท้านราวกับว่ากำลังจะแตกกระจายออกไป ดังนั้นพวกมันจึงถูกบังคับให้ต้องปล่อยเมิ่งฮ่าวไว้ที่ด้านนอก อยู่บนร่างของผีเสื้อ
ไห่เมิ่ง, ตี้จ้าง และคนทั้งหมดยังคงอยู่บริเวณใกล้เคียง ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์เต๋า ยังมีอีกสองเงาร่างที่อยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าว ซึ่งก็คือฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่
พวกท่านไม่ได้ดูเหมือนว่าไร้ตัวตนแม้แต่น้อย มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับผู้คนจริงๆ นั่งอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว มองไปยังฮ่าวเอ๋อร์ของตนเองด้วยสายตาที่อ่อนโยน ในสายตาของพวกท่าน เมิ่งฮ่าวมักจะเป็นเด็กน้อยของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ฮ่าวเอ๋อร์ พวกเรายังไม่จากไป ตื่นขึ้นมา และเจ้าก็จะมองเห็นพวกเราแล้ว…”
“ฮ่าวเอ๋อร์…”
คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองไปยังบิดามารดาของเมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้ง แม้แต่ไห่เมิ่งจื้อจุนก็ยังต้องประสานมือและโค้งตัวลงให้กับคนทั้งสอง เมื่อพวกท่านปรากฏตัวขึ้น
คนทั้งหมดรู้ว่าผีเสื้อเป็นของตระกูลฟาง และวิญญาณของคนทั้งสองกำลังช่วยขับเคลื่อนปีกของมันอยู่
พวกท่านไม่ได้ตายไป แต่เกิดใหม่ในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่คงอยู่ไปตลอดกาล
ผีเสื้อกำลังกระพือปีกทั้งสองข้าง นำพากลุ่มคนทั้งหมดพุ่งห่างออกไปไกลในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
ตรงด้านหลังเป็นอาณาจักรเทพ
ที่ไล่ล่าติดตามมาด้วยความรวดเร็วสูงสุด เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ตรงทิศทางที่แตกต่างกันออกไปในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่เป็นดินแดนขนาดใหญ่อีกแห่ง กำลังถูกผีเสื้อยักษ์หลายตัวฉุดลากมาอย่างเงียบๆ ตอนนี้ดินแดนขนาดใหญ่นั้นกำลังเปลี่ยนทิศทาง มุ่งหน้าตรงมายังตำแหน่งของเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวกำลังฝันอยู่ ภายในความฝันมีเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าอยู่ตลอดเวลา ได้ยินเสียงหัวเราะและร้องไห้ที่ดูเหมือนว่าจะฉีกกระชากทุกสรรพสิ่งให้ขาดสะบั้นไป ขณะที่สายฟ้าฟาดลงมาอยู่รอบๆ ตัว ก็มองเห็นเส้นเลือดดำเลื้อยไปทั่วทั้งร่างกาย ยังมีอีกสิ่งที่สามารถจะมองเห็นได้ก็คือเครื่องหมายที่แปลกๆ บางอย่าง
สัญลักษณ์เวท!
สัญลักษณ์เวทแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูร!
เมิ่งฮ่าวได้ครอบครองเวทรุ่นสองจนถึงเวทรุ่นแปดแล้ว ตอนนี้เขาถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาจากเวทรุ่นแรกของสุ่ยตงหลิว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่กำลังหลอมรวมอยู่ภายในร่าง ทำให้ได้รับความรู้แจ้งของเวทผนึกรุ่นแรก, เวทผนึกตราบนิรันดร์!
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากปัจจัยของเหตุและผล, ด้วยความเป็นและความตาย ทุกสรรพสิ่งต่างก็มีจุดเริ่มต้นและจุดจบ!
นอกจากเวทผนึกแล้ว เมิ่งฮ่าวก็ถูกห้อมล้อมด้วยทะเลอันกว้างใหญ่ เป็นทะเลที่เหมือนกับพลังการฝึกตน ทำให้โลกทั้งหมดเต็มไปด้วยคลื่นยักษ์ที่เขาสามารถจะดูดซับเข้าไปได้อย่างแท้จริง
พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวกำลังพุ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง จิตใจกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยเวทแห่งเต๋านับไม่ถ้วน ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงต้องสั่นสะท้าน จนสามารถจะเปลี่ยนแปลงสวรรค์ได้
ยากที่จะบอกได้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว ก่อนที่สายฟ้าที่อยู่ภายในโลกแห่งนี้จะจางหายไป ในที่สุดเมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้เมิ่งฮ่าวก็หลับตาลงและจมลึกลงไปในทะเลแห่งพลังการฝึกตน ภายในความลึกเหล่านั้นมีภูเขาขนาดเล็กอยู่เก้าลูก ระหว่างภูเขาเหล่านั้นมีทะเลอยู่แปดแห่ง ซึ่งดูเหมือนว่าไม่อาจจะหลอมรวมเข้ากับทะเลแห่งพลังการฝึกตนได้
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางภูเขาทั้งเก้าและทะเลทั้งแปด หลับตาเพื่อเข้าฌาน เขากำลังอยู่ในช่วงของการค้นหาความรู้แจ้ง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมาด้วยการดิ้นรนอยู่เป็นระยะ บางครั้งก็ว่างเปล่าด้วยความสับสน บางครั้งก็เต็มไปด้วยความยินดี เปลี่ยนแปลงไปมาอย่างต่อเนื่อง เวลาเดียวกันนั้นทะเลที่อยู่รอบๆ ตัวก็ค่อยๆ ลดลงไปอย่างช้าๆ
ภูเขาทั้งเก้าและทะเลทั้งแปดที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ บริเวณนั้นดูเหมือนว่าจะมีการเชื่อมต่อกับเมิ่งฮ่าวด้วยความลี้ลับบางอย่าง และยังได้สั่นไปมาตามจังหวะการเต้นหัวใจของเขาอีกด้วย
สัญลักษณ์เวทที่ซับซ้อนแปดชิ้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก สัญลักษณ์ชิ้นสุดท้ายปรากฏขึ้นเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการถูกสร้างขึ้นมา สัญลักษณ์เหล่านี้คือเวทผนึกของเมิ่งฮ่าว เมื่อชิ้นสุดท้ายเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็จะเป็นการบ่งบอกว่าเมิ่งฮ่าวสามารถใช้เวทผนึกตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งจนถึงรุ่นที่แปดได้ทั้งหมด!
สัญลักษณ์ที่เหลือทั้งหมดกำลังกระจายเป็นกลิ่นอายแก่นแท้ที่แตกต่างกันออกไป ราวกับว่าพวกมันสามารถระเบิดเป็นกลิ่นอายแก่นแท้ออกมาได้ทุกเมื่อ
ที่กำลังห้อมล้อมอยู่รอบตัวเมิ่งฮ่าวเป็นตะเกียงวิญญาณสามสิบสามดวง มีอยู่สิบแปดดวงที่กำลังลุกไหม้อยู่ และสิบห้าดวงถูกดับลงไปแล้ว จากตะเกียงวิญญาณทั้งสิบแปดดวงเหล่านั้น มีอยู่หนึ่งดวงเป็นตะเกียงผู้ยิ่งใหญ่ ถ้ามันถูกทำลาย เมิ่งฮ่าวก็จะตกตายไป!
ทันใดนั้นหนึ่งในตะเกียงวิญญาณทั้งสิบแปดดวงจู่ๆ ก็ดับลงไป
ขณะที่เวลาผ่านไปอีกครั้ง ก็มีตะเกียงถูกดับลงไปมากขึ้น แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นเช่นนั้น กลุ่มควันสีดำก็จะพุ่งขึ้นมา และไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว
พื้นฐานฝึกตน, กลิ่นอาย และกายเนื้อของเมิ่งฮ่าว เริ่มก้าวหน้าขึ้นไปทั้งหมด!
โชควาสนาที่ได้รับมาจากสุ่ยตงหลิวกำลังกระทำตามความตั้งใจของท่าน กำลังเปลี่ยนแปลงเมิ่งฮ่าวให้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดอย่างสมบูรณ์แบบ!
ถึงแม้ว่าขั้นตอนนี้จะค่อนข้างเชื่องช้า และอาจจะต้องใช้เวลานาน แต่ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุด!
เวลาเดียวกันนั้นอาณาจักรเทพกำลังใกล้เข้ามายังผีเสื้อ ในที่แห่งนั้นไห่เมิ่งจื้อจุนมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่เป็นเวลานาน และจากนั้นก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
ไห่เมิ่งลุกขึ้นมายืน มองออกไปยังความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า และจากนั้นก็พึมพำขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ผู้คนในรุ่นเดียวกัน…จากไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เป็นคราของข้าแล้ว ผู้ซึ่งไร้ประโยชน์มากที่สุด”
“ข้ารับรู้ได้ถึงอาณาจักรมารที่เบื้องหน้า และอาณาจักรเทพก็กำลังไล่ตามมา”
“ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ประโยชน์มากที่สุด มีพลังการฝึกตนที่ไม่เพียงพอ ไร้ซึ่งแผนการกลยุทธ์ใดๆ สามารถทำได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น…” นางยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ
“ข้ามองดูอาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไป และมองดูนางปรากฏกายขึ้น มองดูขณะที่ผีเสื้อพุ่งทะยานออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และตอนนี้ข้าก็มองดูขณะที่ศัตรูไล่ตามมา ข้าสามารถจะทำอะไรได้อีกบ้าง…?”
“ข้ามีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ใดๆ มีอยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นก็คือแผนการที่เกี่ยวข้องกับลำดับขั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่จะทำให้แผนการนั้นบรรลุถึงเป้าหมายแล้ว!”
“ความหวังของอาณาจักรขุนเขาทะเลไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า แต่ขึ้นอยู่กับมัน”
ไห่เมิ่งหันหน้าไปมองยังเมิ่งฮ่าวที่ยังคงสลบอยู่ จากนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ยกมือขึ้นมาและชี้ตรงไปยังปีกข้างหนึ่งของผีเสื้อ
ท่วงท่านั้นทำให้สองคนหายไปจากโลกที่อยู่บนปีกของผีเสื้อในทันที พวกมันเป็นสองผู้ฝึกตนลำดับขั้นที่ยังคงเหลืออยู่นอกจากเมิ่งฮ่าว และชั่วขณะต่อมาพวกมันก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งอยู่ที่เบื้องหน้าไห่เมิ่ง
หนึ่งในสองคือผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากขุนเขาแรก, เต้าเทียน! อีกคนคือผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากขุนเขาที่เจ็ด, อวี่เหวินเจียน!
คนทั้งสองยังไม่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับมาจากการทำสงคราม แต่ในทันทีที่ปรากฏกายขึ้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองกำลังอยู่ที่ไหน
คนทั้งสองมองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับไห่เมิ่งจื้อจุน
ไห่เมิ่งมองไปยังคนทั้งสองอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “เจ้าทั้งสองเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่?”
สีหน้าของเต้าเทียนและอวี่เหวินเจียน เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ขณะที่พยักหน้าอย่างแข็งขัน พวกมันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว ทั้งบ้านเกิดและตระกูล สหายก็มีเหลืออยู่เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น สิ่งที่คงอยู่ในจิตใจทั้งหมดก็คือความเกลียดชังอย่างลึกล้ำ
“ถ้าเช่นนั้น ก็ถึงเวลาที่จะกระทำภารกิจของลำดับขั้นแล้ว…ข้าวางแผนนี้มานานหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นกลยุทธ์เดียวที่ข้าคิดขึ้นมาได้ ในตอนนี้ข้าจะปลดปล่อยเวทกำเนิดใหม่ออกมา ซึ่งจะต้องใช้พลังชีวิตของพวกเจ้า ข้าจะส่งพวกเจ้าหนึ่งคนไปยังอาณาจักรเทพ และอีกคนไปยังอาณาจักรมาร!”
“ในที่แห่งนั้นพวกเจ้าจะเหมือนกับเป็นเมล็ดพันธุ์เพื่อการล้มล้างศัตรู พวกเจ้าต้องสูญสิ้นอนาคต และอาจจะตายไปในขั้นตอนนี้ เป็นไปได้ว่าแผนการของข้าไม่มีความหวังที่จะทำได้สำเร็จแม้แต่น้อย และพวกเจ้าก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อโค่นล้มกองกำลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสองนั้นได้”
ไห่เมิ่งหลับตาลงและพึมพำกับตนเอง “แต่…ก็ยังคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู”
ด้วยเช่นนั้น ดวงตานางก็แวบประกายขึ้น ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาแตะไปบนหน้าผากของอวี่เหวินเจียน ร่างกายมันเริ่มสั่นสะท้าน และเครื่องหมายลำดับขั้นบนหน้าผากก็กระจายเป็นแสงระยิบระยับออกมาปกคลุมไปรอบๆ ตัว ค่อยๆ ห่อหุ้มไปทั่วร่างจนกระทั่งอวี่เหวินเจียน…กลายเป็นเถ้าธุลีไป!
จากนั้นก็หายสาบสูญไป!
เส้นใยวิญญาณที่เหลืออยู่ของมัน ถูกขับเคลื่อนด้วยแก่นแท้พลังชีวิตของ
ไห่เมิ่งจื้อจุน ให้พุ่งออกไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ในที่แห่งนั้นมันจะไปค้นหาเส้นทางเพื่อการเกิดใหม่ เป็นเส้นทาง…ที่พุ่งผ่านความว่างเปล่าไปจนถึงอาณาจักรมาร
“ปล่อยให้ความทรงจำข้านำทางเจ้า ปล่อยให้พลังชีวิตของข้าเป็นเส้นทางของเจ้า นำพลังจากพื้นฐานฝึกตนของข้าผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ข้า…คือส่วนหนึ่งของหายนะแห่งอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ในตอนนั้นข้าได้ทิ้งเครื่องหมายไว้ในอาณาจักรมาร…ไปเถอะ ผู้ฝึกตนลำดับขั้น!”
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่วิญญาณของอวี่เหวินเจียนหายเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ติดตามเส้นทางแปลกๆ ผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ของอาณาจักรมาร วิชาเวทที่ถูกใช้ออกมานี้ เกินกว่าที่จะอธิบายออกมาได้ แต่นี่คือแผนการที่แท้จริงของไห่เมิ่งจื้อจุนเพียงผู้เดียว แม้แต่แผนการที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรสายลม ก็ถูกจัดเตรียมโดยสุ่ยตงหลิว ไม่ได้เกิดขึ้นจากความคิดของนางเอง
ดวงตาเต้าเทียนสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และหลับตาลง
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น เครื่องหมายลำดับขั้นที่อยู่บนหน้าผากก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นมา ปกคลุมไปทั่วร่างมันด้วยแสงระยิบระยับ จากนั้นก็หายตัวไปจากผีเสื้อ
หลังจากที่กระทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสิ้น ไห่เมิ่งจื้อจุนก็กระอักโลหิตออกมา และดูเหมือนว่าจะแห้งเหี่ยวลงไป นางทำการเผาไหม้พลังชีวิตของตนเอง ตั้งแต่การต่อสู้เพื่ออาณาจักรขุนเขาทะเล และทำให้แผนการสำเร็จลุล่วงด้วยการเสียสละแก่นแท้บางส่วนออกไป ตอนนี้ก็เหมือนกับเป็นตะเกียงที่ขาดน้ำมันจนแทบจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ
“ในที่สุดก็ถึงคราวข้าแล้ว” ไห่เมิ่งยิ้มออกมา โบกสะบัดชายแขนเสื้อและก้าวเดินตรงไปปรากฏกายขึ้นในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ห่างออกไปจากผีเสื้อ ที่แห่งนั้นนางกางแขนออกเป็นวงกว้าง ทำให้เสียงกระหึ่มดังก้องออกมาจากภายในร่าง เวลาเดียวกันนั้นเปลวไฟที่มองไม่เห็นก็เริ่มลุกโชนขึ้นมา
นางกระทำด้วยความไม่ลังเลแม้แต่น้อย รู้ดีว่าวิญญาณของตนเองจะต้องกระจัดกระจายหายไป ไม่อาจจะผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้อีก และพื้นฐานเต๋าของตนเองก็จะต้องถูกทำลายไป แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น นางก็จะใช้พลังทั้งหมดเท่าที่มี พลังชีวิตทุกส่วน เผาไหม้ตนเองอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ในตอนนั้นเองที่ดูเหมือนว่านางจะเยาว์วัยลงไปอีกครั้ง ร่างกายสั่นสะท้านขณะที่ความผันผวนอันน่าตกใจกระจายออกมา กลายเป็นกระแสน้ำวนแห่งการทำลายล้างอยู่รอบๆ ตัว
นางไม่เลือกที่จะระเบิดตนเองไป แต่กำลังเผาไหม้พื้นฐานฝึกตนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ทั้งหมด เพื่อให้กลายเป็นพลังแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง!
นางกำลังใช้ความตายของตนเอง เพื่อค้นหาทิศทางให้อาณาจักรขุนเขาทะเลและผีเสื้อเดินทางผ่านเข้าไป เป็นทิศทางที่ปลอดภัยซึ่งจะทำให้คนรุ่นหลังยังคงอยู่ต่อไปได้!
นางคือผู้ยิ่งใหญ่ ตลอดไปและตราบนิรันดร์!
บางทีนางอาจจะไม่มีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่ง และบางทีนางอาจจะไม่ค่อยเก่งกล้ามากนัก แต่ดวงตะวันและจันทรา รวมทั้งสวรรค์ทั้งหมดสามารถเป็นสักขีพยานได้ว่า จิตใจนางเป็นของอาณาจักรขุนเขาทะเลตลอดไป!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางพุ่งกระจายออกไป ถูกเกื้อหนุนด้วยพลังการฝึกตนและพลังชีวิตที่กำลังลุกไหม้ กระจายเข้าไปในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต ทำการค้นหาไปทั่วทุกที่ เพื่อโอกาสรอดเพียงน้อยนิดสำหรับอาณาจักรขุนเขาทะเล
นางรับรู้ได้ว่าอาณาจักรเทพกำลังใกล้เข้ามา และอาณาจักรมารก็เข้ามาใกล้แล้ว ขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางพุ่งกระจายออกไปอย่างต่อเนื่องไร้จุดสิ้นสุด ร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เริ่มแยกส่วนออกไป ขาทั้งสองข้างกลายเป็นจุดแสงที่เริ่มกระจัดกระจายออกไป
แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งหมดนั้นก็เพื่อค้นหาความหวังให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล…