Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1430

ตอนที่ 1430

บดขยี้ตี้ลิ่วจื้อจุน

เมื่อเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา สีหน้าของตี้ลิ่วจื้อจุนก็เปลี่ยนไป แม้ในขณะที่มันเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปทางด้านหลังเพื่อหลบหนี ตำแหน่งที่มันเพิ่งจะอยู่ตรงนั้นก็ถูกบดขยี้และทำลายไป

พื้นดินสั่นสะเทือนแหลกสลายไป เกิดเป็นรอยแตกขนาดใหญ่เปิดออก

เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงมาราวกับเป็นสายฟ้า ใบหน้าอสูรอันดุร้ายที่อยู่รอบๆ ตัวเพิ่มความเร็วขึ้น ในชั่วพริบตาก็กดทับลงไปยังร่างของตี้ลิ่วจื้อจุน ปราณอสูรแผ่กระจายออกไป ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นไหวไปมา และสีสันอันเจิดจ้าก็แวบขึ้นไปจากในพื้นที่แห่งนั้น

ม่านตาตี้ลิ่วจื้อจุนหดเล็กลง และโบกสะบัดมือออกไปในท่าคว้าจับ ธวัชผืนยาวปรากฏขึ้นอยู่ในมือ บนผืนผ้าวาดเป็นภาพของสัตว์อสูรจำนวนมากที่กำลังแผดร้องคำรามออกมา ในท่ามกลางสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ยังมีแม้แต่มังกรด้วยเช่นกัน!

“หมื่นสัตว์อสูรกลืนสวรรค์!” มันแผดร้องออกมา โบกสะบัดธวัชออกไปในอากาศ ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในธวัชก็พุ่งออกมาพร้อมกับเสียงแผดร้องคำราม กลายเป็นทะเลแห่งสัตว์อสูรที่ม้วนกวาดตรงไปยังใบหน้าอสูรอันดุร้าย

ในชั่วพริบตาทั้งสองฝ่ายก็กระแทกเข้าหากัน เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ทำให้เศษซากปรักหักพังรอบๆ บริเวณนั้นแตกกระจายไป และอากาศก็ถูกบดขยี้ คล้ายกับเป็นภูเขาขนาดใหญ่สองลูกพุ่งมาปะทะกัน ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนและฝุ่นละอองขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นไป!

ตูม!

เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด แต่เวลาเดียวกันนั้น ตี้ลิ่วจื้อจุนก็กระอักโลหิตออกมาและธวัชของมันก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ

มันคือช่วงการต่อสู้ที่วิกฤตอันตราย ตี้ลิ่วจื้อจุนฉวยโอกาสพุ่งจากไป กระอักโลหิตออกมาอยู่ตลอดเวลา จากนั้นเสียงปะทุก็ได้ยินมาเมื่อเงาร่างจำนวนมากปรากฏขึ้น เงาร่างนับหมื่นที่ดูคล้ายกับตี้ลิ่วจื้อจุนเริ่มกระจัดกระจายออกไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะตัดสินใจได้ว่าร่างไหนคือร่างจริงของมัน

ตี้ลิ่วจื้อจุนเคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวมาก่อน และรู้สึกหวาดกลัวเขามานานแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้อย่างยืดเยื้อ และพยายามจะหลบหนีจากไปในทันที

เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา และเปิดดวงตาที่สามขึ้นมา โลกเปลี่ยนเป็นเมืองภูตผี มองเห็นเงาร่างนับไม่ถ้วนอยู่ภายในนั้น เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ในทันทีว่า ในท่ามกลางเงาร่างนับหมื่นเหล่านั้น ร่างไหนคือร่างจริงของตี้ลิ่วจื้อจุน

“เจ้าไม่มีทางหนีพ้น” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป ก็ขยับร่างเคลื่อนไหวไปปรากฏกายขึ้นตรงด้านหน้าของหนึ่งในเงาร่างเหล่านั้น จากนั้นก็ต่อยหมัดออกไป

มันคือหมัดสังหารเทพ!

เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่เงาร่างนั้นแตกกระจายไป และตี้ลิ่วจื้อจุนก็โผล่ออกมาจากภายใน ใบหน้าซีดขาว รีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุดในทันที ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความดุร้าย แต่ก่อนที่มันจะทันได้หลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวก็ชี้นิ้ว ปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นแปดออกไป

จากพลังการต่อสู้ในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าว เวทรุ่นแปดมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ยังต้องหวาดกลัว สีหน้าของตี้ลิ่วจื้อจุนสลดลง ขณะที่จู่ๆ ก็หยุดชะงักนิ่ง ถึงแม้ว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้แทบจะในทันที แต่ช่วงที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในเวลาสั้นๆ นี้ ก็ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานตราบชั่วนิรันดร์ในการต่อสู้เช่นนี้

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวต่อยหมัดตรงไปยังตี้ลิ่วจื้อจุนอีกครั้ง แต่ในทันใดนั้นเองผิวกายของตี้ลิ่วจื้อจุนก็กลายเป็นสีแดงจ้า และมีแสงที่คล้ายกับโลหิตพุ่งกระจายออกมา กลายเป็นเกราะป้องกันที่มาขัดขวางหมัดนั้นไว้

หมัดของเมิ่งฮ่าวกระแทกลงไปยังเกราะป้องกันสีโลหิต ทำให้เกราะป้องกันนั้นบิดเบี้ยวไปมา และตี้ลิ่วจื้อจุนก็ถอยโซเซไปทางด้านหลัง

อย่างไรก็ตามขณะที่เป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ต่อยออกไปอีกหนึ่งหมัด และอีกหนี่งหมัด เสียงระเบิดดังก้องขึ้นเมื่อเกราะป้องกันสีโลหิตดิ้นรนที่จะยืนหยัดต่อต้าน แต่เมื่อหมัดที่สามกระแทกลงไป เกราะป้องกันก็แตกกระจายไป และหมัดนั้นก็พุ่งลงไปบนหน้าอกของตี้ลิ่วจื้อจุนอย่างเต็มกำลัง

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของมัน และความรู้สึกมึนงงก็ม้วนกวาดออกไปทั่วจิตใจราวกับเป็นน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกราก แม้แต่พื้นฐานฝึกตนก็เริ่มไม่เสถียรมั่นคง และวิญญาณก็เริ่มสั่นสะท้าน

“บัดซบ จินหยุนซานน่าจะรู้ว่าข้าต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ยอมตอบกลับมา มีแต่เหล่าปาเพียงคนเดียวที่กำลังเดินทางมา ถึงมันจะอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการมายังที่แห่งนี้!!”

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ไม่เพียงแต่จะบ้าคลั่งเท่านั้น มันยังเชี่ยวชาญในด้านการต่อสู้เชิงรุกอีกด้วย ข้าใช้พลังออกมาได้แค่แปดในสิบส่วนเท่านั้น มันไม่ปล่อยให้ข้ามีโอกาสตอบโต้กลับไปแม้แต่น้อย!” เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้อีกครั้ง ตี้ลิ่วจื้อจุนก็แผดร้องคำรามด้วยโทสะออกมา ในตอนนี้มันรู้ว่าไม่อาจจะหลุดออกมาจากการต่อสู้นี้ได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวพยายามที่จะกำจัดตนเองไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็น่าจะต่อสู้จนตายดีกว่าหลบหนีจากไป อันที่จริงความหวังเพียงหนึ่งเดียวของมันก็คือยืดระยะเวลาการต่อสู้ให้นานพอจนกว่าตี้ปาจื้อจุนจะมาถึง

จากนั้นคนทั้งสองก็สามารถจะร่วมมือกันต่อสู้หรือหลบหนีไปด้วยกัน ทั้งสองทางเลือกนี้ทำให้พวกมันสามารถจะพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้

“เมิ่งฮ่าวเจ้ามันมากเกินไปแล้ว!” มันแผดร้องคำรามออกมา ร่างกายยังคงเป็นสีแดงจ้า ขณะที่ขยับมือร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองข้าง ทันใดนั้นระลอกคลื่นกลุ่มเมฆก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังมัน ทำการปลดปล่อยพลังแก่นแท้ของตนเองออกมาทั้งหมด กลายเป็นศีรษะสีดำขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าต้องการจะกลืนกินลงไปทั้งเป็น

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเย็นชาราวน้ำแข็ง ขณะที่ขยับตัวเคลื่อนไหว ริ้วแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นกลายเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า กระแทกลงไปยังศีรษะสีดำ กรีดเฉือนและทำลายมันไป

ตี้ลิ่วจื้อจุนแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา โลหิตพุ่งกระจายออกมาจากบาดแผลทั่วร่าง แม้ในขณะที่มันเตรียมตัวจะพุ่งถอยไปทางด้านหลัง วิหคยักษ์สีฟ้าก็เคลื่อนย้ายทางไกล ไปปรากฏขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้ามัน และจากนั้นก็พุ่งตรงมากระแทกร่างมัน

ในช่วงสถานการณ์อันร้ายแรงนี้ ตี้ลิ่วจื้อจุนแผดร้องคำรามด้วยโทสะออกมา ขยับสองมือร่ายเวทจนทำให้แสงทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวมันหายไป ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีดำสนิท ขณะที่เรียกแก่นแท้ที่เก้าของตนเองออกมา ซึ่งก็คือความมืดมิดยามราตรี

ความมืดมิดยามราตรีสามารถจะบดขยี้แสงทั้งหมดลงไปได้ สีดำสามารถจะซ้อนทับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่มีอยู่ทั้งหมดสามารถจะถูกกวาดล้างออกไปได้ เวทแก่นแท้นี้คือไพ่ไม้ตายของตี้ลิ่วจื้อจุน เมื่อถูกต้อนให้ตกอยู่ในมุมอับเช่นนี้ มันก็รีบใช้ออกมาในทันที

ขณะที่แก่นแท้ระเบิดออกมา ก็ทำให้ฟ้าดินต้องมืดมิดลงไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น รับรู้ได้ถึงรังสีสังหารอันไร้ขอบเขตที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว

รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกควบคุม ราวกับว่าความเย็นชาอันไร้ขอบเขตที่อยู่รอบๆ ตัว กำลังพยายามจะไหลซึมเข้ามาภายในร่างเพื่อกวาดล้างวิญญาณของตนเองออกไป

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็หัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “ใครบางคนเคยพยายามจะแทรกซึมเข้ามาในร่างข้า เพื่อทำให้วิญญาณข้าแปดเปื้อน ข้าปล่อยให้นางทำไป ดังนั้นนางจึงรู้สึกพอใจและโล่งใจ และตอนนี้เจ้าก็พยายามจะใช้เวทแก่นแท้เช่นเดียวกันนั้นมาโจมตีข้า…”

“แก่นแท้แห่งความมืดมิดยามราตรีนี้สามารถจะปกคลุมไปทั่วทั้งฟ้าดิน แต่ปราณอสูรภายในร่างข้าก็สามารถจะปกคลุมไปทั่วทั้งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต…” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็หยุดการต่อต้าน ปล่อยให้ความมืดมิดยามราตรีผ่านเข้ามาในร่าง แต่ขั้นตอนนั้นก็เชื่องช้าเป็นอย่างยิ่งในความรู้สึกของตนเอง ดังนั้นเขาจึงอ้าปากขึ้นและจงใจดูดกลืนมันเข้ามาเอง

แทบจะทันใดนั้นความมืดมิดยามราตรีก็เริ่มสั่นสะท้าน ในชั่วพริบตาเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นหลุมดำ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนขณะที่ความมืดมิดอันไร้ขอบเขต…ไหลเข้ามาในปาก!!

ภาพที่เห็นนี้ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ตี้ลิ่วจื้อจุนรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกใจ เมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังดูดกลืนความมืดมิดยามราตรีเข้าไปในปาก เส้นผมเมิ่งฮ่าวลอยพลิ้วไปมาขณะที่เริ่มกระจายเป็นกลิ่นอายที่ตี้ลิ่วจื้อจุนไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชั่วชีวิตของมัน

มันคือกลิ่นอายอันชั่วร้าย เป็นกลิ่นอายที่แตกต่างกันมากมาย คล้ายกับเซียน แต่ก็คล้ายกับเทพด้วยเช่นกัน เวลาเดียวกันนั้นก็คล้ายกับปีศาจ เปลี่ยนกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเต๋าแห่งโลกใบหนึ่ง และเมื่อโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทุกสรรพสิ่งก็เริ่มพังทลายลงไป

ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นสำหรับตี้ลิ่วจื้อจุนก็คือว่า ทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่าแก่นแท้ที่เก้าของตนเอง…กำลังหายไปจากภายในร่างของมัน

“กลืน…กลืนกินแก่นแท้? เจ้า เจ้า เจ้า…” ตี้ลิ่วจื้อจุนรู้สึกหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะโบยบินออกไปจากร่าง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แผดร้องออกมาขณะที่พุ่งถอยไปทางด้านหลัง

ในตอนนี้มันยกเลิกความคิดที่จะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวไปแล้ว พยายามที่จะหลบหนีจากไปด้วยความรวดเร็วทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ ทิ้งภาพทับซ้อนเป็นจำนวนมากอยู่ที่ด้านหลังขณะที่หลบหนีจากไป

ปากของเมิ่งฮ่าวบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มอันดุร้าย แม้ในขณะที่ตี้ลิ่วจื้อจุนเริ่มหลบหนีจากไป เมิ่งฮ่าวก็เดินตรงไปสามก้าว แต่ละก้าวที่เดินไปนั้นก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง

หลังจากเดินไปสามก้าว พลังก็พุ่งขึ้นมาจนถึงระดับที่ดูเหมือนว่าจะสามารถแทนที่โลกแห่งนี้ได้ทั้งหมด ทันใดนั้นความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ก็เต็มอยู่ในจิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุน

“มันกำลังจะสังหารข้า!!” ตี้ลิ่วจื้อจุนคิด ฟาดฝ่ามือลงไปบนศีรษะของตนเอง เสียงหึ่งๆ ดังเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่ปลดปล่อยเวทลับบางอย่างออกมา กลุ่มควันสีเขียวพุ่งขึ้นมาจากผิวกายสีแดงจ้าของมัน ทำให้มีความรวดเร็วเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็อยู่ห่างออกไปไกลถึงหนึ่งพันหลี่

รังสีสังหารแวบประกายขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว ขณะที่เดินไปอีกสี่ก้าว แต่ละก้าวที่เดินไปนั้นทำให้ฟ้าสะท้านดินสะเทือน ก้าวที่สี่ทำให้พุ่งตรงไปถึงหนึ่งพันหลี่ จากนั้นก็เดินไปก้าวที่ห้าและก้าวที่หก ซึ่งมีระยะทางที่เท่าเทียมกันอย่างน่าทึ่ง

ใบหน้าของตี้ลิ่วจื้อจุนซีดขาว และความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง

และรับรู้ได้ว่าไพ่ไม้ตายของตนเองซึ่งก็คือแก่นแท้ที่เก้ากำลังจางหายไป ทำให้หนังศีรษะต้องด้านชาขึ้นมา จากนั้นก็รู้สึกว่าพลังของเมิ่งฮ่าวกำลังพุ่งขึ้นไป และจิตใจมันก็เริ่มหมุนคว้าง รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังต่อสู้กับผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้เช่นเจ้าสำนักหรือจินหยุนซาน

“บัดซบ นั่น…นั่นคือเจ็ดก้าวเทพแห่งอาณาจักรมาร!!” มันรู้ว่าพลังระเบิดที่แข็งแกร่งมากที่สุดของเจ็ดก้าวเทพมาจากก้าวที่เจ็ด ซึ่งจะยกระดับจิตใจ, พลังชีวิต, พื้นฐานฝึกตน และทุกสิ่งทุกอย่างให้สูงขึ้นไปมากกว่าเดิม ในชั่วพริบตาก็จะนำไปสู่การระเบิดออกของพลังการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นหลายเท่าตัว

ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่เจ็ด ภาพที่เบื้องหน้าของตี้ลิ่วจื้อจุนก็กลายเป็นสีแดงไป ในช่วงวิกฤตความเป็นตายนี้เอง ลำแสงก็ปรากฏขึ้นยังที่ห่างไกลออกไป พุ่งตรงมาด้วยความรวดเร็วสูงสุด

ตี้ปาจื้อจุนมาถึงแล้ว!

“เหลาจิ่ว เจ้ากำลังทำอะไร? กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายสหายร่วมสำนัก หยุดมือเดี๋ยวนี้!!” เสียงของตี้ปาจื้อจุนดังก้องออกมาคล้ายกับเสียงฟ้าร้องคำราม และเสียงกระหึ่มกึกก้องนั้นก็ทำให้แม้แต่กลุ่มเมฆก็ยังต้องพลุ่งพล่านปั่นป่วนขณะที่มันพุ่งตรงมา

ดวงตาตี้ลิ่วจื้อจุนเบิกกว้างขึ้นด้วยความดีใจ และทันใดนั้นมันก็พุ่งตรงไปยังทิศทางของตี้ปาจื้อจุน ในตอนนั้นเองที่เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่เจ็ดพอดี!

สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ท้องฟ้ากลายเป็นใบหน้าเมิ่งฮ่าว และพื้นดินก็เปลี่ยนเป็นสีดำ กลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างลึกล้ำกระจายเต็มไปทั่วบริเวณนั้น ปกคลุมอยู่บนมือขวาของเมิ่งฮ่าวเพื่อก่อตัวเป็นแก่นแท้เวทรุ่นแปด!

มันคือ…เวทแห่งความว่างเปล่า!

อย่างน่าตกใจยิ่งเขากำลังเตรียมตัวที่จะผนึกตี้ลิ่วจื้อจุนไว้โดยสิ้นเชิง ผนึกความว่างเปล่ารอบๆ ตัวมัน ผนึกพื้นฐานฝึกตนของมัน และผนึก…ชีวิตของมัน!

ในทันทีที่เครื่องหมายผนึกปรากฏขึ้น สีหน้าของตี้ปาจื้อจุนที่ใกล้เข้ามาก็สลดลง

“เมิ่งฮ่าว เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!!”

ในตอนนี้มันไม่ได้เรียกเมิ่งฮ่าวด้วยตำแหน่งตี้จิ่วจื้อจุนอีกต่อไป แต่เรียกนามจริงของเขา!

จิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุนกำลังหมุนคว้าง และเต็มไปด้วยความรู้สึกของวิกฤตโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวมาแทนที่โลกแห่งนี้ทั้งหมด และขณะที่มือขวาของเขาตกลงมา ตี้ลิ่วจื้อจุนก็แผดร้องออกมา

“เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่มีทางผนึกข้าได้!!” เห็นได้ชัดว่ามันโยนความระมัดระวังตัวทั้งหมดทิ้งไปในสายลมแล้ว เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองสามารถจะทำได้ในช่วงวิกฤตนี้…ระเบิดหนึ่งในแก่นแท้ของมัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version