Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1436

ตอนที่ 1436

หมัดที่สี่, พิฆาตมาร

ในช่วงการต่อสู้ที่วิกฤตนี้ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ต่อยหมัดออกไป!

ซึ่งก็คือหมัดทำลายล้างชีวิต!

หนึ่งหมัดนั้นไม่อาจจะทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนได้ ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงต่อยออกไปเป็นหมัดที่สอง, หมัดกลายเป็นปีศาจ และจากนั้นก็หมัดที่สาม, หมัดสังหารเทพ สามหมัดถูกต่อยออกไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นการโจมตีที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อพลังระเบิดออกไป เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะหลุดพ้นออกมาจากการถูกตรึงแน่นอยู่กับที่ และก้าวเดินตรงไป

แทบจะในทันใดนั้นเอง อากาศรอบๆ ตัวก็ฉีกขาดออกจากกัน

เวลาเดียวกันนั้นพลังระเบิดก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวจากทางด้านหลัง ซึ่งยังคงเป็น…พลังแห่งการฉีกกระชากสวรรค์!

เห็นได้ชัดว่าพลังนั้นจะไม่ยอมหยุดลงจนกระทั่งเมิ่งฮ่าวถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ!

เมิ่งฮ่าวหลบเลี่ยงออกไป แต่พลังฉีกกระชากสวรรค์ก็ยังคงเข้ามาใกล้ อากาศพังทลายและแตกกระจายไป จนดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวแทบไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้

ที่ด้านล่างลงไป ซ่างกวนหงและคนทั้งหมดต่างก็หอบหายใจออกมา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่เคยเห็นผู้แข็งแกร่งเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดต่อสู้กันมาก่อน แต่ทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้กันไปมา พวกมันก็อดที่จะตระหนักว่าตนเองมีความอ่อนแอมากเพียงใดอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวหลบหนีไปได้อีกครั้ง จินหยุนซานก็ร้องตวาดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการสังหาร “ยังไม่ตายไปอีก?!?!?”

มือของมันกระจายเป็นแสงสีทองอันไร้ขอบเขตออกมา ขณะที่ทำท่าฉีกกระชากออกไปอีกครั้ง

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องอยู่รอบตัวเมิ่งฮ่าว และความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงก็เต็มอยู่ในจิตใจ แต่ก็ไร้ความหวาดกลัวใดๆ อันที่จริงความรู้สึกถึงอันตรายนั้นก็ไปกระตุ้นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในมรดกของสุ่ยตงหลิวขึ้นมา

“สามหมัดสังหารเทพยังไม่เพียงพอ ข้าต้อง…ต่อยหมัดที่สี่ออกไป หรือแม้แต่หมัดที่ห้า!!” ความคิดนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว และเวลาเดียวกันนั้นแสงแห่งความครุ่นคิดก็สาดประกายขึ้นมาในดวงตา

“หมัดแรกคือทำลายล้างชีวิต หมัดที่สองคือเผาไหม้ตนเอง หมัดที่สามคือการสังหารเทพ ถ้าเช่นนั้นหมัดที่สี่…น่าจะเป็นการพิฆาตมาร!”

“มารเหมือนกับเป็นยามราตรีอันมืดมิด หมัดพิฆาตมารก็เหมือนกับการทำลายความมืดมิดไป!” ลมหายใจเมิ่งฮ่าวเริ่มกระชั้นเร่งร้อนขึ้นมา ขณะที่คิดย้อนกลับไปยังความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ตี้ลิ่วจื้อจุนปลดปล่อยออกมา ทำการหลอมรวมเข้ากับความรู้แจ้งจากหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งวิชาเวทจากภายในมรดกของสุ่ยตงหลิว ความคิดก็เริ่มก่อตัวเป็นเค้าโครงขึ้นมาในจิตใจอย่างช้าๆ

แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดได้นานมากนัก ขณะที่พลังฉีกกระชากสวรรค์พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็กำแน่นเป็นหมัดขึ้นมา!

“หมัดที่สี่ พิฆาตมาร!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาดขึ้นขณะที่ต่อยหมัดออกไป เมื่อหมัดที่สี่ถูกปลดปล่อยออกไป ก็ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นสีดำเต็มไปทั่วบริเวณนั้น คาดไม่ถึงว่าพลังของหมัดนั้นจะเปลี่ยนให้ทั่วทั้งบริเวณที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวมืดมิดสนิทลงไปราวกับเป็นยามราตรี!

จากนั้นภายในความมืดมิดสนิทนั้น หมัดของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายเป็นแสงออกมา!

ไม่ใช่แสงสีขาว แต่เป็นสีแดง ราวกับว่าช่วงเวลายามราตรีมีผิวหนัง และกำลังฉีกขาดออกเพื่อเผยให้เห็นถึงเลือดเนื้อที่ด้านล่าง นี่คือหมัดที่สี่ซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะรู้แจ้งมาเมื่อครู่นี้, หมัดพิฆาตมาร!

มันไม่ได้ใช้แสงยามรุ่งอรุณเพื่อปัดเป่าความมืดมิดยามราตรีออกไป แต่กำลังส่องประกายทำให้ช่วงเวลายามราตรีมีชีวิตขึ้นมา! นี่คือการพิฆาตที่แท้จริง!

เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่แสงกระจายออกไป ทุกแห่งหนที่มันพุ่งผ่านไป ความมืดมิดยามราตรีก็จะเริ่มจางหายไปอย่างน่าตกใจยิ่ง ความมืดพังทลายลงไปและแม้แต่เวทฉีกกระชากสวรรค์ของจินหยุนซานก็ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง หมัดที่สี่ของเมิ่งฮ่าวต่อยลงไปยังจินหยุนซานและแสงสีทองนั้นก็ถูกพลังของเขาทำให้อ่อนจางลงไปด้วยเช่นกัน!

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่จินหยุนซานแผดร้องเป็นเสียงโหยหวนออกมา มือของมันกำลังสั่นสะท้าน และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก รีบถอยหลังไปโดยไม่รู้สึกตัว เมื่อมองขึ้นมายังเมิ่งฮ่าวดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“นั่นเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน!?!?” จิตใจมันเต้นรัวด้วยความประหลาดใจ เวทฉีกกระชากสวรรค์คือหนึ่งในไพ่ไม้ตายของตัวเอง เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจจะทำลายลงไปได้ อันที่จริงนี่คือครั้งแรกที่เกิดขึ้นเช่นนี้!!

ในอดีตที่ผ่านมา อาจจะมีใครบางคนแข็งแกร่งเพียงพอที่จะพุ่งผ่านมันไปได้ แต่นี่คือการถูกทำลายจากคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าตนเอง

แม้ในขณะที่จิวหยุนซานพุ่งถอยไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวก็โผล่ออกมาจากความมืดมิด มีท่าทางต้องการต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดงขณะที่ก้าวเดินตรงไป ส่งผลให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องอยู่ในอากาศ

“เจ้าใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวข้าแล้ว” ด้วยเช่นนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังจินหยุนซาน ปลดปล่อยเวทผนึกแห่งพันธมิตรผู้ผนึกอสูรออกไป ซึ่งก็คือเวทรุ่นแปด!

ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็ถูกตรึงแน่นไว้ ทำให้สีหน้าของจินหยุนซานต้องสลดลง และความรู้สึกถึงวิกฤตที่จวนตัวก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ

จินหยุนซานไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่กัดปลายลิ้นเล็กน้อยและพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ เมื่อโลหิตพุ่งผ่านอากาศก็กลายเป็นเครื่องหมายผนึกสีโลหิต ลอยขึ้นไปและตกลงมาบนหน้าผากของมัน

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อกลิ่นอายที่ทำให้สรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือนปรากฏขึ้น ระเบิดออกมาจากร่างจินหยุนซาน กลายเป็นสายฟ้าสีทองนับไม่ถ้วน!

สายฟ้าสีทองเหล่านี้มาจากทัณฑ์สีทอง!

เวลาเดียวกันนั้นความผันผวนก็เริ่มกระจายออกมาจากสัญลักษณ์สีโลหิตที่ดูเก่าแก่โบราณ ดูเหมือนว่าความผันผวนเหล่านั้นจะประกอบไปด้วยห้วงกาลเวลาหลายปีจนนับไม่ถ้วน ราวกับว่าสัญลักษณ์นี้ได้คงอยู่มาก่อนที่จะมีห้วงกาลเวลาซะอีก ความผันผวนนั้นแข็งแกร่งจนแม้แต่ความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตที่ด้านนอกของสุสานก็เริ่มสั่นสะท้าน เวลาเดียวกันนั้นกลุ่มเมฆก็เริ่มตกลงมา

ตรงด้านนอกสุสาน ก้อนเมฆกำลังรวมกลุ่มเข้าด้วยกันม้วนตัวไปมา กลุ่มเมฆที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนเหล่านั้นกำลังหดตัวเข้าด้วยกันตรงมายังเขตสุสาน

ในชั่วพริบตากลุ่มเมฆเหล่านั้นก็ระเบิดเป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นซ่อนเขตสุสานไว้อยู่ด้านใน จากนั้นก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังจินหยุนซาน พวกมันเริ่มมาบรรจบกันจนกลายเป็นสายฟ้าสีทองมากขึ้นกว่าเดิม

“แก่นแท้ที่เก้าของข้าคือทัณฑ์สายฟ้าอันไร้ขอบเขต! ข้าใช้เวลาหลายปีเพื่อได้รับความรู้แจ้งจากทัณฑ์สายฟ้า และยังได้กลืนกินกลุ่มหมอกแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตเพื่อทำให้มันสมบูรณ์แบบมากขึ้นอีกด้วย ถ้าข้าเข้าไปสู่จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรพื้นฐานเต๋า ทัณฑ์สายฟ้าอันไร้ขอบเขตก็จะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ จากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่อยู่ภายในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็จะหวาดกลัวต่อทัณฑ์สายฟ้าของข้า!”

จินหยุนซานกางแขนออกเป็นวงกว้าง ขณะที่สายฟ้าปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมันมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายแห่งแก่นแท้ที่เก้าของมันก็พลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา!

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหรี่เล็กลง รับรู้ได้ว่าแก่นแท้ที่เก้านี้ทรงพลังมากแค่ไหน และยังสามารถจะบอกได้อีกด้วยว่าสายฟ้าเหล่านั้นมีเจตจำนงอันเลือนลางของพวกมันเอง!

เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าทำไม แต่ก็เกิดเป็นภาพขึ้นมาในจิตใจ เป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นอยู่บนฝาผนังในอุโมงค์ เขาคิดไปถึง…หลัวเทียนกำลังทำลายโลกด้วยดรรชนีของมัน!

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวตระหนักว่ากลิ่นอายแห่งสายฟ้า ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนกับกลิ่นอายดรรชนีของหลัวเทียนก็ตาม แต่ก็คล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง!

“ทัณฑ์สายฟ้าโจมตี! เก้าแก่นแท้สังหาร!!” จินหยุนซานแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา ยกสองมือขึ้นมาและชี้ตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นสายฟ้าก็ก่อตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต แก่นแท้ที่เก้าของมันพุ่งทะยานตรงไป สายฟ้านับไม่ถ้วนรวมตัวเข้าด้วยกัน กลายเป็นดรรชนีสีทองขนาดใหญ่จนทำให้ฟ้าสะท้านดินสะเทือน กลุ่มหมอกหมุนวนอยู่รอบๆ ดรรชนีนั้นขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็มืดสลัวลงไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version