Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 472

ตอนที่ 472

จิตวิญญาณแห่งสะพานเซียนเดินหน

แม้จะเป็นเช่นนั้น ร่างเมิ่งฮ่าวก็ยังคงกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง เขายืนนิ่งแข็งทื่ออยู่ที่นั่น อยู่ภายในชั้นน้ำแข็ง มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถรับรู้ได้ก็คือ มั่นใจได้ว่าจิตวิญญาณเขายังไม่ถูกทำลายไป อย่างไรก็ตาม กระแสน้ำวนที่อยู่บนแขนขวาจู่ๆ ก็ระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง

เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงพลังของธาตุดินที่เพิ่มขึ้นอยู่ภายในกระแสน้ำวนนั้น แรงดึงดูดดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด จนสามารถกล่าวได้ว่าเข้าไปใกล้จุดที่สามารถกำจัดพลังของดินเกล็ดน้ำแข็ง

สำหรับจื่อเซียง นางเป็นเซียนอมตะที่ครอบครองกายเนื้ออยู่ แต่ในตอนนี้ความอ่อนแอของนางก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมิ่งฮ่าวมากเท่าใดนัก ปราณกระบี่หลบเลี่ยงนางไป แต่นางก็ล้มลงไปด้วยเช่นกัน และกายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในทันที แต่ที่แตกต่างกันก็คือนางสามารถยืนหยัดได้นานกว่าเมิ่งฮ่าว

ด้านบนขึ้นไป เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างกายชายชรายิ้มออกมาและกล่าวว่า “…หนึ่งร้อย”ในทันทีที่เสียงของมันดังก้องออกมา ร่างจำแลงหนึ่งแสนร่างของหานซานก็สังหารทาสสะพานที่อยู่ในบริเวณนั้นไปจนหมดสิ้น

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ภายในกลิ่นอายของความหนาวเหน็บ เงาร่างแล้วร่างเล่าเริ่มปรากฎขึ้น เงาร่างเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นทาสสะพานที่หานซานเพิ่งจะสังหารไป พวกมัน…ปรากฎขึ้นอีกครั้งโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ไม่มีแม้แต่ร่างเดียวที่ตกตายไป

อันที่จริง เมื่อเมิ่งฮ่าวมองออกไปยังทาสสะพานจากภายในรูปปั้นน้ำแข็ง ก็มีเด็กหญิงนางหนึ่งที่ดูคุ้นตา

“เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?” ชายชรากล่าวเสียงราบเรียบ

หานซานยืนอย่างเงียบขรึมอยู่ที่นั่น พร้อมกับสีหน้าที่ขมขื่น ยกขวดสุราขึ้นมาดื่มลงไป

บุคคลต่อมาที่กล่าวขึ้นไม่ใช่ชายชรา แต่เป็นเด็กชาย “ในโลกของข้า ถ้าเจ้าศรัทธาในตัวข้า เจ้าก็จะไม่มีวันตาย ไม่มีทางถูกสังหารไป นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดี? ชีวิตนิรันดร์ที่ไม่มีทางถูกทำลายไปได้ ข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียวก็คือ สร้างข้าขึ้นมาใหม่”

เสียงมากมายดังขึ้นมา ไม่ใช่เสียงของเด็กชายนั้น แต่มาจากทาสสะพานที่อยู่รอบๆ ที่กล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าทาสสะพานทั้งหมดนี้แทบจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน

“ศรัทธาในตัวข้า เจ้าจะมีชีวิตตลอดไป!”

“ศรัทธาในตัวข้า เจ้าจะไม่มีทางถูกทำลายไป!”

“ศรัทธาในตัวข้า เจ้าจะคงอยู่ในสวรรค์และปฐพีนี้!”

“ศรัทธาในตัวข้า เข้าใจเต๋าของข้า เต๋าของข้าก็คือเต๋าของเจ้า…”

จากนั้น ชายชรา, เด็กชาย และทาสสะพาน ต่างก็พูดโดยพร้อมเพรียงกัน

“ข้าคือจิตวิญญาณแห่งสะพานเซียนเดินหน เจ้ามายังที่นี่เมื่อสามพันปีก่อน เพื่อกราบกรานข้า เจ้าให้คำสัญญาไว้กับข้า เจ้าต้องการมีชีวิตเป็นอมตะ และพลังชีวิตอันไร้ขอบเขต ทำให้เจ้าสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่เดียวดายได้”

“ในตอนนั้น เจ้ามีอายุขัยเหลืออยู่เพียงแค่สิบปี คำตอบที่ข้าให้เจ้าก็คือเจ้าควรศรัทธาในตัวข้า…แต่เจ้าก็…กลับคำพูด!” สามคำสุดท้ายดังกระหึ่มกึกก้องด้วยโทสะอย่างไร้ที่สิ้นสุด เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

“เห็นได้ชัดว่าเจ้ายอมรับ แต่จากนั้นก็กลับคำพูด ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากหญิงสาวที่เคยอยู่กับเจ้า นางได้อ้อนวอนขอร้องให้เจ้าเปลี่ยนใจ นางชักนำให้เจ้าไขว้เขว และจากนั้นสิ่งที่นางทำก็คือ…ให้เจ้ากลับคำสัญญา!”

“ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เพื่อให้เจ้าไม่มีความศรัทธาในตัวข้า นางได้ตะโกนคำพูดเหล่านั้นออกมาตรงหน้าเจ้า นางได้กลายเป็นทาสสะพาน…”

“ทำให้เจ้ารู้สึกตัวขึ้นมา…”

เสียงนั้นดังก้องราวสายฟ้าพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ดังกระหึ่มกึกก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ใบหน้าหานซานซีดขาว และกระอักโลหิตออกมากองโต โลหิตนี้ไม่ใช่เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บของมัน แต่มาจากบาดแผลที่มันรู้สึกเจ็บปวดอย่างเข้มข้นรุนแรงอยู่ในจิตใจ ความทรงจำทันใดนั้นก็เปิดออก มันมองเห็นภาพของภรรยายืนอยู่ที่ด้านข้าง วิงวอนขอร้องคว้าจับชายเสื้อของมันไว้ ขณะที่นางพยายามจะเกลี้ยกล่อมมัน

แต่มันกำลังถูกครอบงำ มันต้องการชีวิตนิรันดร์ จนกระทั่งได้เห็นนางเดินจากไปต่อหน้า จึงทำให้มัน…รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

“ข้าได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอดทั้งสามพันปีที่ผ่านมา…” หานซานถอนหายใจ เงยหน้าขึ้น และแววตาของมันก็เต็มไปด้วยการตัดสินใจและความมุ่งมั่น มันเริ่มเดินตรงออกไป

ทันทีที่มันเริ่มต้นเดิน ทาสสะพานที่อยู่รอบๆ ตัวมันก็เริ่มส่งเสียงแผดร้อง และพุ่งตรงเข้ามาที่มันอีกครั้ง ขณะที่พวกมันทำเช่นนั้น หานซานก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กระบี่สีฟ้าของมันส่งเสียงกระหึ่ม และร่างจำแลงหนึ่งแสนร่างที่อยู่รอบๆ ตัวมัน ก็หายไปหนึ่งหมื่นร่าง

กระบี่ของมันกวาดผ่านไป ทำให้กลิ่นอายอันหนาวเหน็บในบริเวณนั้นพุ่งขึ้นมา ทันใดนั้น ทาสสะพานหนึ่งล้านคนก็ถูกแช่แข็งนิ่งอยู่

เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เส้นผมมากมายของหานซาน จู่ๆ ก็กลายเป็นสีขาวและมันก็แก่ชราลง กระบี่ที่กวาดไปเมื่อครู่นี้ก็คือเพลงกระบี่เดียวดาย ที่มันคิดค้นขึ้นมาเอง เพลงกระบี่นี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครจะสามารถได้ยินยกเว้นตัวมันเอง เป็นเสียงเพลงที่ร้องออกมาจากจิตใจ เป็นสิ่งที่มันรับรู้ เป็นสิ่งที่มันได้ยินเพียงคนเดียว

เพลงนี้เพียงร้องออกมาแค่ครั้งเดียวในชีวิตของมัน เป็นเพลงที่ไม่ได้เผาไหม้พลังชีวิต แต่นำพลังชีวิตมาหลอมรวมเข้ากับเสียงเพลง ทำให้เกิดเป็นความโดดเดี่ยวแห่งชีวิต!

“ทางเลือกของข้าในปีนั้นช่างซับซ้อน และไร้เหตุผลอยู่มากมาย ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน…” ขณะที่มันก้าวเนิบนาบตรงไป หานซานก็สะบัดกระบี่ขึ้นอีกครั้ง ร่างจำแลงอีกหนึ่งหมื่นร่างก็หายไป และทาสสะพานก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ในตอนนี้ เส้นผมของมันขาวโพลนไปทั่วทั้งศีรษะ

ในเวลาเดียวกันนั้น พลังของหานซานก็ระเบิดออกไป เนื่องจากเสียงเพลงแห่งชีวิตของมัน ทำให้พื้นฐานฝึกตนและพลังชีวิตทั้งหมดระเบิดออกมา

เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าพื้นฐานฝึกตนของหานซานอยู่ในอาณาจักรไหนกันแน่ แต่ในตอนนี้ ระดับพลังของมันก็เกินกว่าสิ่งใดๆ ที่เมิ่งฮ่าวจะสามารถเข้าใจได้

ชีวิต…ช่างเรียบง่ายเหมือนกับกาลเวลาที่ไหลผ่านไป

ชีวิต…เหมือนกับกระบี่สิบเล่มที่ปลดปล่อยพลังออกมา!

“ต่อมาข้าก็ได้ยินการเรียกหาของเจ้า…” หานซานพูดเสียงแผ่วเบา เดินตรงไปยังภูเขา โบกสะบัดกระบี่เป็นครั้งที่สาม และความหนาวเหน็บก็ไม่อาจจะขวางกั้นมันได้ พลังของกระบี่กระแทกเข้าไปในภูเขา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน สีหน้าของชายชราและเด็กชายเปลี่ยนไปในทันที

สำหรับหานซาน เส้นผมของมันเริ่มหลุดล่วงลงมา ร่างกายมันแก่ชราและอ่อนแรงลง ตอนนี้มันเปลี่ยนจากบุรุษวัยกลางคน กลายเป็นชายชรา ผิวหนังเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอย มันไม่ได้ดูเหมือนวีรบุรุษผู้กล้าอันโอ่อ่าสง่างามอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แววตาและเจตจำนงของมันก็ยังคงแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมากกว่าเดิม เต็มไปด้วยความดื้อรั้นและปราศจากความเสียใจ…แม้มันจะต้องเดินไปสู่ความตายก็ตามที มันก็ต้องช่วยเหลือภรรยาให้จงได้!

“ข้าเสียใจมาโดยตลอดที่นำเสวี่ยเอ๋อร์มายังที่แห่งนี้…เดิมทีข้ามาพร้อมกับนางเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์…” มันพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่กระบี่ที่สี่กวาดสะบัดออกไป รายนามที่อยู่บนภูเขาเริ่มสลัวเลือนลางลง ราชวังบนยอดเขากำลังสั่นไหว และรอยร้าวก็ปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของมัน

“หานซาน, เจ้ากำลังทำอะไร?!” ชายชราร้องตะโกนออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะและความดุร้าย ด้านข้างมัน เด็กชายก็มีสีหน้าอำมหิตโหดร้ายด้วยเช่นกัน ขณะที่มันจ้องมายังหานซาน

เมิ่งฮ่าวมองไปอย่างเงียบๆ จากภายในรูปปั้นน้ำแข็ง กระแสน้ำวนบนแขนขวากำลังดูดดินเกล็ดน้ำแข็งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง พื้นฐานฝึกตนของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ ในขณะที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาก็มองไปยังหานซาน และเห็นในสิ่งที่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นความยืนกรานที่ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน

เป็นความยืนกรานที่คล้ายกับเป็นความเชื่อมั่น

“ความยืนกรานของข้าจะคล้ายกับอะไร?” เมิ่งฮ่าวคิด

“ข้าไม่มีทางจะลืมสิ่งที่ได้เกิดขึ้นในวันนั้น…” หานซานกล่าว กระบี่ครั้งที่ห้าของมันกวาดออกไป ด้วยพลังที่สามารถตัดแบ่งพื้นปฐพี เมื่อตกกระทบไปบนยอดเขา เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ และเด็กชายก็ถูกสังหารไป

เด็กชายเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่มันกลายเป็นน้ำแข็ง สิ่งสุดท้ายที่มันได้ยินก่อนที่สติสัมปชัญญะของมันจะจางหายไป ก็คือเสียงที่ดูเหมือนจะอยู่บนปากเหวแห่งความตาย เป็นเสียงที่เยือกเย็นและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าก็อยากรู้ด้วยเช่นกันว่าเจ้าเรียกข้ามายังที่แห่งนี้ทำไม” หานซานกล่าว “เมื่อข้าสำเร็จวิชาเพลงกระบี่เดียวดาย หิมะก็เริ่มตกลงมา โลกของข้าทั้งหมดก็กลายเป็นน้ำแข็ง ทุกแห่งหนที่กระบี่ของข้าแตะสัมผัส ก็จะกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นข้าก็เข้าใจ จากนั้นความทรงจำเก่าๆ ก็กลับคืนมา…”

“ข้าก็คือหานถู่เยาตี้!! (จักรพรรดิอสูรดินยะเยียบ)” กระบี่ที่หกระเบิดออก ศีรษะของเด็กชายถูกตัดออกไป และราชวังก็ระเบิดออก รอยแตกร้าวปรากฎขึ้นบนยอดเขา ในตอนนี้ หานซานดูเก่าแก่โบราณ ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย และทั่วทั้งร่างของมันก็แห้งเหี่ยวลงไป

“ถ้ากล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น ข้าก็คือร่างจำแลงของมัน หลายปีนานมาแล้วจนนับไม่ได้ ข้าสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของบรรพบุรุษตระกูลจี้ออกมาได้ ข้าไปอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ธรรมดาหลายรุ่นจนนับไม่ถ้วน จนกระทั่งในที่สุดข้าก็เข้าใจ” กระบี่ที่เจ็ดของมันกรีดลงไป และยอดเขาก็เริ่มแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ชายชราตัวสั่นสะท้านและแววตาของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ในตอนนี้เอง เมื่อยอดเขาพังทลายลงมา ก็มีผีเสื้อวิญญาณอสูรสองตัวบินออกมาจากภายในยอดเขา ดูเหมือนว่าพวกมันจะถือกำเนิดขึ้นมาจากการพังทลายของยอดเขา พวกมันบินขึ้นไปในอากาศ พุ่งจนหายลับตาไป

ไม่มีใครให้ความสนใจต่อผีเสื้อวิญญาณอสูรทั้งสอง หานซานก็ไม่สนใจ, ชายชราก็ไม่ แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้สนใจ มีเพียงจื่อเซียงที่สังเกตเห็น แต่นางถูกกักอยู่ในน้ำแข็ง และไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากมองดูขณะที่พวกมันบินจนหายลับตาไป

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีจุดประสงค์อันใด ข้าเพียงแค่ต้องการภรรยาคืน” กระบี่ที่แปดกรีดลงไป ตัดเฉือนเข้าไปในภูเขา กรีดตรงไปยังร่างของชายชรา

ดูเหมือนชายชราไม่อาจจะต่อต้าน หรือต่อสู้กับกระบี่นี้ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะที่กระบี่เข้ามาใกล้ อากาศที่อยู่เบื้องหน้ามัน ฉับพลันนั้นก็เริ่มสลัวเลือนลางลง และหญิงสาวก็ปรากฎขึ้นมายืนอยู่ด้านหน้ามัน นางมองขึ้นไปยังกระบี่ และจากนั้นก็มองไปยังหานซาน

ทันใดนั้นหานซานก็หยุดนิ่ง กระบี่หยุดการกรีดลงไป ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหายไป มีเพียงสิ่งเดียวที่มันกำลังมองดูอยู่ก็คือ หญิงสาวนางนั้น

นางไม่ได้งดงามอย่างไร้ที่ติ แต่ก็มีความนุ่มนวลอ่อนโยน จ้องมองลงมายังหานซาน

“ข้าจะไม่ไปกับท่าน” นางกล่าวเสียงนุ่มนวล “ข้าไม่อาจไปได้ ข้าเป็นทาสสะพาน เริ่มจากปีนั้น ข้าก็กลายเป็นทาสสะพานไปชั่วนิรันดร์…” นางมีท่าทางค่อนข้างสับสน

“เมื่อไหร่ที่สะพานเซียนจะปรากฎขึ้นใหม่อีกครั้ง…? พวกเราจะได้เห็นท่านอีกวันไหน…?” ขณะที่เสียงพึมพำของหญิงสาวดังก้องออกไป ชายชราก็เริ่มหายตัวไป ขณะที่เป็นเช่นนั้น มันก็มองไปยังหานซานอย่างเรียบเฉย

“ข้าคือจิตวิญญาณแห่งสะพานเซียน” มันกล่าว “ทาสสะพานทั้งหลายต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของข้า ถ้าข้าละทิ้งความทรงจำในครั้งนี้ เมื่อข้าตายไป ภรรยาของเจ้าก็จะกลายเป็นวิญญาณสะพานคนใหม่”

“ระหว่างพวกเราไม่มีความเป็นศัตรูต่อกัน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน้าที่ เพื่อที่จะฟื้นฟูสะพานเซียนเดินหนกลับคืนมา เดิมทีเจ้าน่าจะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งสะพาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมท่านเยาตี้ (จักรพรรดิอสูร) ถึงได้ซ่อนเจ้าไว้เมื่อหลายปีก่อนโน้น ตอนนี้ หน้าที่นี้จะตกเป็นของภรรยาเจ้า”

“หน้าที่ของข้าจบลงแล้ว ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์นัก งานของข้าก็คือค้นหาเจ้า และนำเจ้ากลับมา นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของท่านจักรพรรดิอสูร ก่อนที่ท่านจะตายไป ค้นหาเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นทาสสะพาน” ด้วยเช่นนั้น มันก็จางหายไป

ทันทีที่มันหายไป ความสับสนในแววตาของหญิงสาวก็จางหายไป ตอนนี้ดวงตานางกระจ่างสดใส นางมองไปยังหานซาน และรำลึกถึงความทรงจำเก่าๆ บางทีนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่นางเลือกจะกลายเป็นทาสสะพาน เป็นครั้งแรกในชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของนาง ที่ทันใดนั้นนางก็มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน

พร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่น นางมองไปยังหานซาน

“สังหารข้า ปล่อยข้าให้หลุดพ้นจากไป…”

คำพูดของนางดังก้องออกมา เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยิน และมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เขาก็ถอนหายใจออกมา

ความแจ่มใสคงอยู่เพียงแค่แวบเดียว ในตอนที่เมื่อทาสสะพานได้กลายเป็นวิญญาณสะพาน ทาสสะพานก็จะมีความแจ่มใสอยู่ชั่วขณะ หลังจากช่วงเวลานั้น ทาสสะพานก็จะตื่นขึ้นมาและมีสติอยู่กับตัว ไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนที่พวกมันเป็นมาก่อนอีกต่อไป

บุคคลเช่นนี้ก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณคนใหม่ของสะพานเซียนเดินหน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version