Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 538

ตอนที่ 538

ผู้พิทักษ์เต๋าอ๋าวเฉี่ยนโลหิต

ขณะที่สองวิญญาณแรกก่อตั้งตกตายไป แสงสีแดงซึ่งเต็มอยู่ในพื้นที่รอบๆ หนึ่งหมื่นจ้าง ได้กลายเป็นกลุ่มหมอกสีแดง กลุ่มหมอกนั้นพลุ่งพล่านปั่นป่วนม้วนตัวไปมา พุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างน่าตกใจยิ่ง

มันเปลี่ยนไป ไม่ได้แบนราบและกระจายเป็นวงกว้างอีกต่อไป แต่เป็นรูปทรงกลม เมื่อมองมาจากที่ห่างไกลออกไปก็ดูเหมือน…ดวงตาสีแดงขนาดใหญ่!

ใครก็ตามที่มองไปยังดวงตานี้จะรู้สึกหวาดกลัวและตกใจอย่างถึงที่สุด และคงจะสูญเสียความสามารถในการขบคิดไป ภาพที่เห็นนี้ทำให้จิตใจเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม ราวกับว่ากำลังตกอยู่ในท่ามกลางทะเลแห่งโลหิต ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้

ราวกับว่าในทันใดนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเริ่มมีสีแดงโลหิต

ดวงตานั้นเหมือนเป็นของจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ และเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งอสูรที่แปลกๆ กลุ่มหมอกสีแดงม้วนตัวไปมา ราวกับว่าดวงตานั้นกำลังกระพริบอยู่ น่าตกใจอย่างถึงที่สุด ตรงจุดกึ่งกลางของลูกตานั้นมีกระแสน้ำวนปรากฏอยู่ ซึ่งหมุนวนอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหลุมดำหลุมดำนั้นดูเหมือนจะสามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปได้ ทันทีที่มันปรากฏขึ้น อากาศในบริเวณนั้นก็บิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่าแสงทั้งหมดในบริเวณนั้นกำลังถูกดูดเข้าไป ทุกคนที่มองเห็นภาพนี้คงต้องหวาดกลัวไปตามๆ กัน

ขณะที่กระแสน้ำวนหมุนไปมา หลุมดำก็เริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น สิบจ้าง ห้าสิบจ้าง หนึ่งร้อยจ้าง…สามร้อยจ้าง สุดท้ายมันขยายออกไปจนกระทั่งไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันจ้าง

ดวงตาสีแดงมีความกว้างหนึ่งหมื่นจ้าง หลุมดำกว้างหนึ่งพันจ้าง ราวกับเป็นม่านตา กระแสน้ำวนนั้นเป็นชายขอบระหว่างม่านตาและดวงตา

ทั้งหมดนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในด่านเต็มไปด้วยความตกตะลึงโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนของด่านนั้นกำลังสั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่ออย่างรุนแรง

“นั่นคืออะไร?!?!”

“ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งต่างก็ตกตายไปทั้งหมด ภายในช่วงเวลาสั้นๆ! เมิ่งฮ่าวผู้นี้…มี…พื้นฐานฝึกตนอยู่ระดับใดกันแน่?!”

“มันกำลังเรียกสิ่งที่น่ากลัวอะไรออกมา?!”

เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของทุกคนในบริเวณนั้น ลมหายใจพวกมันเริ่มเร่งร้อนกระชั้นสั้น ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตเป็นตายอันลึกล้ำเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่ในตอนนี้ พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ต่อเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าพวกมันกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้าย ซึ่งไม่อาจจะตื่นขึ้นมาได้ เป็นสิ่งที่จะประทับลงไปในจิตวิญญาณของพวกมันตลอดชั่วกาลนาน

ทะเลม่วงที่อยู่รอบๆ เต็มไปด้วยคลื่นยักษ์ จากภายในหลุมดำของดวงตาขนาดใหญ่นั้น เสียงคำรามทันใดนั้นก็ได้ยินมา

โฮ่งงงงงง!

เสียงคำรามนั้นคล้ายกับเป็นเสียงคำรามของสัตว์อสูรบางอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนและอากาศก็สั่นสะท้าน ม่านตาที่อยู่ภายในดวงตายักษ์สีแดง ดูเหมือนจะหดตัวลง และจากนั้นก็ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างบิดเบี้ยวไปมา และกลุ่มคนที่อยู่ในด่านต่างก็รู้สึกว่าจิตใจพวกมันสั่นระรัว

แค่เสียงคำรามเพียงครั้งเดียว แต่ก็น่าตกใจราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า ขณะที่ดังก้องออกมา ครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนที่อยู่ในด่านเริ่มมีโลหิตไหลซึมออกมาจากดวงตา, จมูก, ปากและหูของพวกมัน และจากนั้นก็สลบหมดสติไป

พวกมันไม่อาจจะต่อต้านเสียงคำรามนั้นได้ ซึ่งประกอบไปด้วยพลังพื้นฐานฝึกตน ที่สามารถทำให้จิตใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หนึ่งเสียงแต่เต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ผู้คนหมดสติไป

เสียงแตกร้าวได้ยินมาจากยานบินและแผ่นไม้ ซึ่งสร้างขึ้นเป็นเมืองหน้าด่าน สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเริ่มจมลงไป ทะเลม่วงที่อยู่รอบๆ พลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างรุนแรง ราวกับว่ากำลังตอบรับเสียงคำราม ซึ่งดังออกมาจากภายในดวงตาสีแดงนั้น

ผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่ ซึ่งไม่ได้หมดสติไป ต่างก็มีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามสีหน้าพวกมันก็ซีดขาว ขณะที่ใช้ความพยายามอดทนอย่างน่าเหลือเชื่อ พื้นฐานฝึกตนพวกมันโคจรหมุนวน และหอบหายใจอย่างรุนแรงขณะที่จ้องไปยังภาพที่ด้านบน

ทันทีที่เสียงคำรามนั้นได้ยินมา อุ้งเท้ายักษ์ก็เริ่มยื่นออกมาจากภายในหลุมดำ มีกรงเล็บที่แหลมคมราวใบมีด และเต็มไปด้วยขนที่ยาวเงางาม อุ้งเท้านั้นยื่นออกมาเรื่อยๆ จนเผยให้เห็นขาทั้งหมด

เส้นขนที่ยาวนั้นไหลพริ้วไปมา และเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน กงเล็บนั้นดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากอากาศให้เปิดออกได้ เสียงคำรามที่สามารถฉีกกระชากอากาศอีกเสียงได้ยินมา จากภายในหลุมดำนั้น

อุ้งเท้าที่สองปรากฏขึ้นจากภายในหลุมดำ และจากนั้นก็เป็นศีรษะขนาดใหญ่ ส่งเสียงคำรามที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน

ศีรษะนั้น…ช่างใหญ่โตมโหศาลอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!

ขนสีแดง, เขี้ยวอันดุร้าย และกลิ่นอายอันป่าเถื่อนและโหดเหี้ยมระเบิดออกมา

ศีรษะนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นสุนัข!

มันส่ายไปมา ราวกับว่ากำลังใช้พลังทั้งหมดที่สามารถรวบรวมได้ เพื่อจะโผล่ออกมาจากหลุมดำนั้น มันพุ่งตรงออกมา โผล่มาอย่างเต็มตัว พร้อมกับเสียงคำรามที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน

ที่มองเห็นได้ทั้งหมดก็คือลำแสงสีแดง ซึ่งพุ่งออกมาอย่างรุนแรงจากภายในหลุมดำ กลุ่มหมอกสีแดงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไป และจากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้น เงาร่างสีแดงขนาดใหญ่ก็มองเห็นได้ กำลังยืนอยู่ที่นั่นอย่างยิ่งใหญ่

มันมีขนาดใหญ่โต ปกคลุมไปด้วยขนสีแดง มีเดือยแหลมของกระดูกแทงออกมาทั่วร่าง ทำให้มันดูดุร้ายมากยิ่งขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ราวกับเป็นกิเลน หรือราชสีห์โลหิต ระดับความดุร้ายอันน่าเหลือเชื่อของมันกระจายออกมาจนยากที่จะอธิบายออกมาได้!

นี่ก็คือ…อ๋าวเฉี่ยนโลหิต!

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับขั้นตัดวิญญาณก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของมัน และแม้แต่อาณาจักรแห่งเต๋าก็ยังกระจายออกมาให้รู้สึกได้ เมิ่งฮ่าวรู้ว่าอาณาจักรแห่งเต๋านี้ โดยแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นของอ๋าวเฉี่ยน แต่ถูกประทับโดยเซียนโลหิต ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสายโลหิตมัน และเป็นขุมทรัพย์เซียนโลหิต

ประทับเช่นนั้นจะคงอยู่ในวิญญาณโลหิตทุกตัว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันได้ประสบกับการหลอมรวมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงสามารถแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เป็นเหตุผลบางอย่างที่ทำให้อ๋าวเฉี่ยนต้องจำศีลเป็นเวลานานเกือบสองร้อยปี ตอนนี้ มันได้ตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์แล้ว

อ๋าวเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามออกมา เสียงนั้นทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ท้องฟ้ามืดสลัว ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไปมา ทะเลม่วงพลุ่งพล่านปั่นป่วน ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ยังคงมีสติอยู่ในด่านต่างก็สลบไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังอ๋าวเฉี่ยน มองไปยังรูปร่างขนาดใหญ่โตของมัน มองไปยังรูปร่างอันดุร้ายของมัน และพื้นฐานฝึกตนของมัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าอ๋าวเฉี่ยนจะมีรูปร่างที่ดุร้ายมากขึ้น แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว มันก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เป็นสุนัขขนปุยตัวเล็กๆ ซึ่งวิ่งอยู่ข้างกายติดตามเขาไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้น

มันยังคงเป็นคู่หูของเขา เป็นคู่หูที่พบกันในการแข่งขันขุมทรัพย์เซียนโลหิต และปฏิเสธที่จะจากเขาไป

มันเป็นอ๋าวเฉี่ยนตัวเดียวกันกับที่คอยยืนเฝ้าปกป้องเขา บนยอดเขาโดดเดี่ยวในการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยหรือได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นมากมายแค่ไหน แม้แต่ในช่วงของการจะตกตายไปได้ทุกขณะจิต มันก็ยังไม่ยอมจะจากไป ใช้ชีวิตของมันเองมาปกป้องเมิ่งฮ่าว แม้แต่ในตอนที่เหน็ดเหนื่อยและใกล้จะตายไป สิ่งที่มันต้องการทั้งหมดก็คือ ให้เมิ่งฮ่าวยกมือขึ้นมา ลูบไล้ไปที่ศีรษะของมัน

เมิ่งฮ่าวไม่เคยจะลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นทั้งหมด เขามองไปขณะที่ร่างของอ๋าวเฉี่ยนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงและใกล้จะตายไป แต่ก็ยังคลานมาหาเขา และจากนั้นก็พยายามใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มันจะรวบรวมได้ เพียงเพื่อจะเลียไปที่มือของเขา

จากนั้นก็คิดไปถึงตอนที่มันได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ในช่วงที่เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ตระกูลหลี่ ใช้พลังทั้งหมดของมันเหวี่ยงให้เขาลอยออกไปจากประตู มือมากมายนับไม่ถ้วนได้ยื่นออกมาคว้าจับมันไว้ และฉุดลากมันลงไปในบึงโคลน ก่อนที่มันจะหายตัวไป ก็พยายามจะแลบลิ้นออกมา ราวกับว่ามันได้พยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเลียเจ้านายของมัน

แล้วเมิ่งฮ่าว…จะลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร?!

“อ๋าวเฉี่ยนโลหิต” เขากล่าวเสียงอ่อนโยน มองไปยังอ๋าวเฉี่ยนที่ตัวใหญ่ยักษ์ท่าทางดุร้าย มองไปยังเดือยที่แหลมคมอย่างน่าตกใจ และกลิ่นอายที่กระจายออกมาอย่างน่าประหลาดใจของมัน

เสียงของเขาอ่อนโยน แต่ทันทีที่หลุดออกมาจากปาก อ๋าวเฉี่ยนทันใดนั้นก็สั่นสะท้าน มันหันหน้ามา และมองลงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความสับสน แต่จากนั้นสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปช้าๆ และมีความยินดีขึ้น มันค่อยๆ ก้มศีรษะลงมา ปล่อยให้เมิ่งฮ่าวลูบไปที่จมูกของมัน ค่อยๆ แลบลิ้นออกมาด้วยความระมัดระวัง เพื่อเลียมือเมิ่งฮ่าว

ขณะที่เมิ่งฮ่าวลูบจมูกของมัน มันก็ส่งเสียงครางหงิงๆ ออกมา เหมือนกับตอนที่มันยังเล็กอยู่เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา ขณะที่เขาลูบไล้ไปที่อ๋าวเฉี่ยนอย่างแผ่วเบา คิดไปถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้านนอกถ้ำกำเนิดใหม่ เมื่ออ๋าวเฉี่ยน ถึงแม้จะอยู่ใน่ช่วงจำศีล ก็ยังพยายามใช้พลังทั้งหมดที่มันสามารถทำได้ ยื่นอุ้งเท้าออกมาหนึ่งข้าง

“สหายเก่า, ไม่พบกันตั้งร้อยกว่าปี…” เขากล่าวเสียงอ่อนโยน “พวกเราไปกวาดล้างเผ่าเทียนฉงกันเถอะ!” ฉับพลันนั้นรังสีสังหารเขาก็เดือดพล่าน ในเวลาเดียวกัน รังสีสังหารของอ๋าวเฉี่ยนก็ระเบิดพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า มันส่งเสียงคำรามราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง เมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ บินขึ้นไปยืนอยู่บนศีรษะอ๋าวเฉี่ยน โบกสะบัดมือขวา ทำให้คลื่นขนาดใหญ่กวาดออกไป และนำสมาชิกเผ่าจินอูไปด้วย รวมทั้งร่างของคนตายไปแล้ว

ภายใต้การควบคุมของเมิ่งฮ่าว พลังแห่งการทำลายล้างของทะเลม่วงถูกจำกัดไว้ เพื่อให้มั่นใจว่ากลุ่มคนเผ่าจินอูจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังอูหลิงและคนอื่นๆ “พวกเราจะไปด้วยกัน มีหนี้โลหิตที่ต้องชดใช้คืนด้วย…โลหิตเท่านั้น!”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเขา อ๋าวเฉี่ยนก็ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง และจากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า นำเมิ่งฮ่าวไปพร้อมกับมัน อูหลิงและคนชราอื่นๆ รู้สึกว่าโลหิตของพวกมันเริ่มเดือดพล่านขึ้นมาเหมือนกับวันเก่าๆ ในอดีต พวกมันและสมาชิกของเผ่าคนอื่นๆ พุ่งตรงไปพร้อมกับคลื่นยักษ์

พวกเขาไม่ได้กลับไปยังดินแดนสีดำ แต่มุ่งหน้าตรงไปยังด่านที่อยู่ใกล้มากที่สุด, ด่านที่เก้าภายใต้คำสั่งของปรมาจารย์ฮูเหยียน เผ่าเทียนฉงได้ทำสงครามกับเผ่าจินอู เพื่อจะบังคับให้เมิ่งฮ่าวปรากฏตัวออกมา ซึ่งทำให้พวกมันต้องจ่ายค่าตอบแทนไปเล็กน้อย แต่ในการต่อสู้กันครั้งแรก พวกมันได้จับกุมสมาชิกเผ่าจินอูได้ห้าร้อยคน ผู้ที่ถูกจับกุมตัวได้เหล่านั้นถูกนำไปลงทัณฑ์ทรมานอย่างไม่รู้จบ ทำให้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันถูกทำลายไป และจากนั้นก็ถูกส่งไปแขวนที่ด่านทั้งสิบในทะเลม่วงแห่งทะเลทรายตะวันตก!

พวกมันถูกแขวนให้เห็นอย่างเปิดเผย ด้วยจุดประสงค์ทั้งหมดก็คือ…หวังว่าเมิ่งฮ่าวจะมองเห็น ในความคาดคิดของปรมาจารย์ฮูเหยียน เมื่อไหร่ที่เมิ่งฮ่าวได้เห็น เขาก็จะต้องถูกบังคับให้ปรากฏกายขึ้น

ถ้าเขาไม่ยอมโผล่หน้าออกมา ภาพศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะถูกตัดขาดจนอ่อนแอลง และเขาก็จะสูญเสียพลังแห่งความศรัทธาไป อันที่จริง เมิ่งฮ่าวได้บรรลุถึงจุดที่ไม่ต้องใช้พลังแห่งความศรัทธาเหล่านั้นมานานแล้ว เขาสร้างวิญญาณแรกก่อตั้งได้สำเร็จ ด้วยเช่นนั้น เขาจึงเป็นทั้งเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ และ…ไม่ได้เป็น

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ผิดจากที่ปรมาจารย์ฮูเหยียนได้คาดคิดไว้ เมิ่งฮ่าว…ในที่สุดก็ปรากฏกายขึ้นแต่เหตุผลนั้นก็เนื่องมาจากมิตรภาพอย่างยาวนาน ที่เขามีต่อเผ่าจินอู!

“การสังหารของพวกเรา…จะเริ่มจากสิบด่านที่อยู่บนทะเลม่วง!”

อ๋าวเฉี่ยนส่งเสียงคำราม ขณะที่มันพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อของขั้นตัดวิญญาณ เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ด้านบนศีรษะมัน สายลมกระพือพัดเสื้อผ้าเขาพริ้วไปมา รังสีสังหารในดวงตามีแต่เข้มข้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ และความมุ่งมั่นที่จะกวาดล้างเผ่าเทียนฉงก็มีความรุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตูม!

ในที่สุดก็เริ่มมองเห็นด่านที่สอง หลังจากที่ปรึกษาพูดคุยกับสมาชิกดั้งเดิมของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ เขาก็รู้ว่าถึงแม้ด่านที่สิบจะเป็นของพันธมิตรศาลสวรรค์ แต่ส่วนใหญ่จะถูกควบคุมดูแลโดยเผ่าเทียนฉง

ด่านที่สอง, ห้า และเก้า ต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน สำหรับด่านที่เจ็ดซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะทำลายไป ได้แต่ต้องตำหนิสองชายชราที่พยายามจะสังหารเขา

“ข้าไม่สนใจว่าพวกมันเป็นคนของเผ่าไหน” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ “ใครก็ตามที่บังอาจมาแขวนกลุ่มคนเผ่าจินอูของข้า…พวกมันต้องตาย!”

ไม่จำเป็นต้องให้เมิ่งฮ่าวออกคำสั่ง ดวงตาอ๋าวเฉี่ยนโลหิตสาดประกายด้วยแสงสีแดง ขณะที่มันเข้าไปใกล้ด่านที่สอง

โฮ่งงงงงง!!

เสียงคำรามนั้นทำให้เกิดเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง พลังที่มองไม่เห็นม้วนกวาดออกไป ขณะที่มันกระแทกเข้าไปในด่าน ค่ายกลเวทก็ถูกกระตุ้นให้ทำงาน อย่างไรก็ตาม มันเพียงต่อต้านเสียงคำรามนี้ได้แค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น ก่อนที่จะพังทลายลงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนของเผ่าเทียนฉง ที่อยู่ภายในด่านก็เริ่มบินขึ้นไปในอากาศ สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนที่พวกมันจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ สายลมอันรุนแรงก็ม้วนกวาดตรงไปยังพวกมัน และผู้ฝึกตนทุกคนก็ถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ ในทันที ถูกทำลายลงไปทั้งร่างกายและวิญญาณโดยสิ้นเชิง

เสียงกู่ร้องอย่างสิ้นหวังดังออกมาจากภายในด่าน ซึ่งเป็นของผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นสุดท้ายสูงสุดวิญญาณแรกก่อตั้ง ร่างกายมันสั่นสะท้าน เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยหยดโลหิต การที่ได้เห็นผู้คนมากมายถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา เป็นสิ่งที่ราวกับเป็นฝันร้าย

มันรู้ว่าเสียงคำรามนั้น หมายความได้เพียงอย่างเดียวว่า มันกำลังเผชิญหน้ากับ…ตัดวิญญาณ!“ท่านที่นับถือคือใคร? พวกเราคือผู้ฝึกตนเผ่าเทียนฉง แห่งพันธมิตรศาลสวรรค์!”

“ข้าคือเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าจินอู, เมิ่งฮ่าว ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือคนของข้า และกวาดล้างเผ่าเทียนฉง!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version