Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 586

ตอนที่ 586

ข้าจะพาเจ้ามุ่งหน้าต่อไป

เจ็ดประมุข ทันใดนั้นก็เริ่มตกใจมากยิ่งขึ้น

“เสียงของราชันหลี่!!”

“เป็นไปไม่ได้! ราชันหลี่กำลังจำศีลอยู่! ถ้าท่านตื่นขึ้นมา ภูเขาอสูรทั้งสามลูกนี้ก็จะส่องแสงไกลออกไปนับสิบล้านจ้าง ทั่วทุกทิศทางในทันที และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก็จะคลายผนึกออก ทุกคนต้องรับรู้ และผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า ก็จะมาเยือนเพื่อแสดงความคารวะ!”

“นี่ไม่ใช่ราชันหลี่ แต่ก็มีเสียงเหมือนกับท่านเป็นอย่างยิ่ง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”

“มีบางสิ่งเกี่ยวกับเสียงนี้ ดูเหมือนว่า…มันจะอ่อนล้า?”

ขณะที่ทุกคนในโลกภายนอกกำลังประหลาดใจ บนชั้นแปดสิบของเจดีย์เซียนอสูร ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังพังทลายลง เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังของปรมาจารย์เอกะเทวะ ด้านบนขึ้นไปมีเครื่องหมายสีม่วง ส่องแสงสีม่วงออกมา

ขณะที่แสงนั้นกระจายออกไป การพังทลายไปของชั้นนั้นก็เริ่มเงียบลง และทุกสรรพสิ่งก็หยุดนิ่งอยู่กับที่

เสียงที่ดังก้องออกไปในโลกภายนอก เมิ่งฮ่าวก็ได้ยินด้วยเช่นกัน และแหล่งที่มาของมัน…ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเครื่องหมายสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าเขา

เวทแห่งเต๋าสิบอันดับแรก ไม่ต้องมีการรู้แจ้ง อาศัยเพียงแค่โชควาสนาเท่านั้น หลังจากที่ได้ครอบครองหนึ่งในพวกมัน ถ้าโชคชะตาเรียกหา มันก็จะกลายเป็นเมล็ดของเวทแห่งเต๋า ถ้าไม่อาจเชื่อมต่อกัน ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้

เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมาอย่างเงียบๆ ทันทีที่เขาแตะสัมผัสไปที่เครื่องหมายสีม่วงนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง เครื่องหมายสีม่วงหลอมรวมผ่านนิ้วเข้าไปในร่าง จากนั้นความมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ กลายเป็นภาพลวงตา

ภายในภาพนั้น เขามองเห็นเงาร่างเลือนลาง กำลังยกมือขึ้น ขณะที่มันยกมือขึ้นมา สวรรค์ชั้นแรกก็ปรากฏขึ้น เมื่อมันโบกสะบัดมือ ก็ทำให้สวรรค์นั้นแยกออกเป็นสองส่วน ก่อตัวเป็นสวรรค์สองชั้นสุดท้าย มีทั้งหมดเก้าชั้น ทำลายล้างสวรรค์ทั้งเก้า ทุกสรรพสิ่งเริ่มกลายเป็นความโบราณ

“เจ้ามีโชคชะตาที่จะเชื่อมต่อกับเวทนี้ ข้าจะส่งมอบเต๋านี้ให้กับเจ้า…มันจะช่วยเติมเต็มเวทอสูรไฟมอดไหม้…ข้าได้รอคอยมาเป็นเวลานาน ใช่หรือไม่ว่าเจ้าก็คือคนที่ข้าเฝ้ารอมาโดยตลอด? มา ผ่านชั้นที่เก้าสิบเก้าไป ผ่านสามภูเขา ผ่านสองดินแดน ถ้าเจ้ามายืนอยู่เบื้องหน้าข้าได้…ถ้าเจ้าทำให้ข้ายอมรับได้…ด้วยเช่นนั้นเจ้าก็จะเป็น…ผู้สืบทอดของข้า” เมื่อเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น เสียงนั้นก็ดูเหมือนจะยังคงดังก้องอยู่ในหูต่อไป ดวงตาเต็มไปด้วยความงุนงง แต่ก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ภายในจิตใจ เครื่องหมายสีม่วงกลายเป็นเมล็ดของเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังหยาบอยู่ ไม่ได้กลั่นสกัดให้ละเอียด เมิ่งฮ่าวจำเป็นต้องครุ่นคิดต่อไป ก่อนที่จะสามารถปลดปล่อยมันออกมาได้เต็มที่

เมื่อเขาลืมตาขึ้น โลกที่เบื้องหน้าก็เริ่มพังทลายต่อไป ขณะที่เป็นเช่นนั้น ชั้นที่แปดสิบเอ็ดก็ใกล้เข้ามา“เสียงนั่น…” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ “มีบางอย่างดูเหมือนจะแปลกๆ เกี่ยวกับเสียงนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีศักดิ์ฐานะที่แตกต่างไปจากบุคคลอื่นทั่วไป วิธีการพูดของมันก็เป็นเช่นเดียวกัน มัน…มันคือใคร?” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองไปยังถุงสมบัติที่เคออวิ๋นไห่มอบให้มา หินอสูร, แผ่นยันต์ และอาวุธเวท ที่อยู่ในนั้นเริ่มลดน้อยลงไป แต่เวทแห่งเต๋าสองวิชาที่เขาต้องการมากที่สุด ก็ยังไม่ได้ปรากฏขึ้น

“ผนึกร่างวิเศษสวรรค์ชั้นเก้า และวิชาลับแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย โดยไม่ลังเล เขาตบมือลงไปบนกระดองของปรมาจารย์เอกะเทวะ เต่าที่ยังคงรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา พุ่งตรงไปยังชั้นที่แปดสิบเอ็ดในทันใด

ทันทีที่พวกเขาผ่านเข้าไป เสียงกระหึ่มกึกก้องก็เต็มอยู่ในบริเวณนั้น และพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เกราะป้องกันของเมิ่งฮ่าว ล้อมรอบไปด้วยแผ่นยันต์จำนวนมากมาย และอาวุธเวทที่เขาโยนออกไปในอากาศ ปรมาจารย์เอกะเทวะส่งเสียงคร่ำครวญและแผดร้อง ใช้ความสามารถในการหลบหลีกทั้งหมดของมันออกมา ตามติดด้วยเสียงคำราม

ชั้นที่แปดสิบเอ็ด แปดสิบสอง…

เมิ่งฮ่าวพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ใช้อาวุธเวทและแผ่นยันต์ที่เคออวิ๋นไห่ให้มา ทะลวงผ่านทุกอุปสรรคที่ขวางกั้น ขณะที่เขามุ่งหน้าต่อไป ศิษย์สำนักเซียนอสูรต่างก็หอบหายใจออกมา ในตอนนี้ พวกมันได้แต่ยอมรับว่า…เมิ่งฮ่าวกำลังจะบรรลุถึงชั้นบนสุด!

แปดสิบสาม!

แปดสิบสี่!

แปดสิบห้า!

แสงของอาวุธเวทสาดกระจายออกมาจากภายในเจดีย์ สาดส่องทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้น เมื่อเมิ่งฮ่าวบรรลุถึงชั้นที่แปดสิบเจ็ด ทั่วทั้งเขตนั้นก็เต็มไปด้วยแสงอันเจิดจ้า เขาใช้หินอสูร รวมถึงแผ่นยันต์เพิ่มมากขึ้น อาวุธเวทมากกว่าครึ่งถูกทำลายลงไป

ด้วยการใช้วิธีการที่น่าเกลียดนี้ออกมาอย่างสุดกำลัง ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ขึ้นไปถึงชั้นที่แปดสิบเก้าทันทีที่เขาผ่านเข้าไป ทิวทัศน์รอบๆ ตัวก็เปลี่ยนไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเขาก็คือ สนามรบในสมัยโบราณอันน่าตกใจ มองเห็นผู้ฝึกตนมากมายนับไม่ถ้วน เต็มอยู่ทั่วทุกทิศทาง พวกมันทั้งหมดตกอยู่ในการทำสงครามอันโหดร้าย

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นในท่ามกลางสนามรบ เวทแห่งเต๋าของผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด ก็พุ่งตรงมายังเกราะป้องกันของเขา ทันใดนั้นก็ทำให้เกราะป้องกันเกือบจะพังทลายไป

ระดับความยากของชั้นนี้ เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยพบเจอมาก่อน สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือ ขว้างแผ่นยันต์ออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ และทำลายอาวุธเวทให้ได้มากที่สุด

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ชั้นที่แปดสิบเก้าก็ยังยากเย็นแสนเข็ญ เกินกว่าจะเทียบเปรียบได้

ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่เป็นจุดศูนย์กลางของสนามรบ ไม่อาจจะมองเห็นจุดสิ้นสุด ถูกห้อมล้อมไว้ทุกด้าน นี่เป็นตำแหน่งที่โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่อาจจะทำสำเร็จได้ด้วยตนเอง ถึงแม้จะมีแผ่นยันต์และอาวุธเวททั้งหมด ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังชีวิตของเคออวิ๋นไห่ก็ตามที ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่แม้แต่จะเดินไปข้างหน้าก็ยังไม่อาจจะก้าวต่อไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว

ผู้ฝึกตนและพลังเวทมากมายนับไม่ถ้วน จนดูเหมือนแทบจะปกคลุมเขาไปโดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวมีใบหน้าซีดขาว และปรมาจารย์เอกะเทวะก็แทบจะอ้าปากหอบหายใจเป็นครั้งสุดท้ายออกมา กลายเป็นว่าจริงๆ แล้ว มันไม่ได้เกลียดชังเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป ตลอดช่วงเส้นทางการต่อสู้จนมาถึงจุดนี้ พวกเขาได้เริ่มก่อตัวเป็นบางสิ่งขึ้นมา ที่แทบจะเหมือนกับเป็นความสัมพันธ์ฉันสหาย

“อย่างมากที่สุด ข้าก็ยืนหยัดอยู่ได้แค่สิบสองลมหายใจเท่านั้น…” เมิ่งฮ่าวคิด สีหน้าเปลี่ยนไป เขาใช้หินอสูร, แผ่นยันต์ และอาวุธเวทหมดไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาสิบสองลมหายใจ เขาก็ไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้อีก และคงต้องเคลื่อนย้ายทางไกลจากไปด้วยความพ่ายแพ้

“อย่าบอกนะว่า ข้าต้องรอคอยโอกาสที่สองจริงๆ…” เมิ่งฮ่าวคิด สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขาไม่ต้องการจะมีโอกาสที่สอง เขาต้องการจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างในครั้งเดียว ถ้าเขาถูกบังคับให้ใช้โอกาสที่สอง ก็จะหมายความว่า เคออวิ๋นไห่ต้องสร้างอาวุธเวทให้เขาเพิ่มขึ้น เมิ่งฮ่าวไม่ยินดีที่จะเห็นเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

ในช่วงวิกฤตอันตรายนี้ ศิษย์สำนักเซียนอสูรที่อยู่ด้านนอก กำลังมองมาด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต่างก็ครุ่นคิดในสิ่งที่แตกต่างกันไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่า ผู้ฝึกตนทุกคนจากดาวหนานเทียน กำลังคาดหวังว่าเมิ่งฮ่าวจะล้มเหลว

ความตั้งใจของพวกมัน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการคาดหวังให้เมิ่งฮ่าวสะดุดอยู่ที่นั่น ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าข้าไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหมายจะได้มันมาด้วยเช่นกัน’ ราวกับว่าความคิดในเชิงลบของพวกมันมีผลเกิดขึ้นจริงๆ เมิ่งฮ่าวสูญเสียเวลาไปที่ชั้นแปดสิบเก้าเกือบครึ่งชั่วยาม

จากมุมมองของพวกที่เฝ้าจับตาดูอยู่ แสงของอาวุธเวทกำลังเริ่มหดตัวและเริ่มสลัวเลือนลางลง ทำให้ผู้ฝึกตนดาวหนานเทียนเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย

หนึ่งในผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากตระกูลจี้แห่งดินแดนตะวันออก โดยปกติแล้วมักจะภาคภูมิใจในชื่อเสียงของมัน แต่กลายเป็นว่ามันได้ลืมตัวไปชั่วขณะ และทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น “มันกำลังจะแพ้!! ฮา ฮา ฮา! มันเปิดประตูของปีศาจออกมา และเดินไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวด้วยวิธีการคดโกงของมัน! แต่สุดท้าย มันก็ไม่มีทางจะได้รับชัยชนะ มันไม่อาจจะผ่านชั้นนี้ไปได้อย่างแน่นอน!”

“สวรรค์ลึกล้ำปฐพีลึกซึ้ง สายลมยิ่งใหญ่และทรงพลัง ผู้ฝึกตนเช่นพวกเราต้องพึ่งพาพลังของตนเองเท่านั้น! จะไปพึ่งพาพลังของผู้อื่นได้อย่างไร? คนผู้นี้ได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ยุติธรรมในวันนี้ ดังนั้น สุดท้ายแล้วมันต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”

ขณะที่ทุกคนกำลังก่นด่าสาปแช่งเมิ่งฮ่าว ขณะที่ทุกคนหวังว่าเขาจะพ่ายแพ้ แสงอาวุธเวทของเขาก็หดตัวและมืดลงไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม…ในตอนนี้เองที่ดวงตาของเคออวิ๋นไห่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทันใดนั้นมันก็ขยับตัวพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกชั้นแปดสิบเก้า ยกมือขึ้น ซึ่งมีเหรียญแห่งประมุขอยู่ในมือ สีหน้ามันเคร่งขรึม และเส้นผมก็สะบัดพริ้วไปมา ขณะที่มันยกเหรียญขึ้น กดลงไปยังพื้นผิวของเจดีย์

ประมุขอีกหกคน เมื่อได้เห็นสิ่งที่มันกำลังทำอยู่นี้ ก็เริ่มพูดออกมาเพื่อพยายามจะหยุดมันในทันที“อวิ๋นไห่ ทำไม่ได้!”

ประมุขยอดเขาเจ็ด เป็นชายชราที่มีหน้าตาเหมือนกับเซียนผู้วิเศษ ดูเหมือนจะมีการแสดงออกมากเป็นพิเศษ มันไปปรากฏตัวอยู่ด้านข้างเคออวิ๋นไห่และกล่าวว่า “อวิ๋นไห่ ช่วยคิดให้รอบคอบก่อนที่ท่านจะทำเช่นนี้!”

เคออวิ๋นไห่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ มองไปยังประมุขยอดเขาเจ็ด กล่าวว่า “ข้ามาถึงขีดจำกัดแล้ว คงมีชีวิตอยู่อีกไม่กี่เดือน”

ชายชราลังเล มองไปยังเคออวิ๋นไห่นานสักพัก ก่อนจะในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “ถ้าทำเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน”

“เหล่าชี (ผู้เฒ่าเจ็ด) ท่านมีชีวิตอยู่เพื่อเต๋า และไม่มีบุตรหลาน ท่านคงไม่เข้าใจถึงความรับผิดชอบของการเป็นบิดา ตอนนี้ ข้ามีบุตรเพียงแค่คนเดียว ไม่สำคัญว่าข้าจะกลายเป็นเถ้าธุลีเมื่อใด ข้าเพียงแต่หวังว่าหลังจากที่ข้าจากไปแล้ว มันก็ยังคงมีความสุขเหมือนกับก่อนหน้านี้”

“จิ่วซือมักจะถูกตามใจอยู่ตลอดเวลา และข้าก็ไม่เคยจะได้พักแม้แต่น้อยเพราะเรื่องของมัน…” เคออวิ๋นไห่ถอนหายใจ และมองไปยังประมุขคนอื่นๆ “แต่ตอนนี้ มันเลือกเส้นทางการฝึกฝนร่างกาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ ให้มันได้ครอบครอง ผนึกร่างวิเศษสวรรค์ชั้นเก้า และ…วิชาลับแห่งร่างศักดิ์สิทธิ์” โดยไม่ลังเลอีกต่อไป มันกดเหรียญแห่งประมุขเข้าไปในพื้นผิวด้านนอกของเจดีย์

เมื่อเหรียญและผิวเจดีย์แตะสัมผัสกัน ทันใดนั้นร่างเคออวิ๋นไห่ก็สั่นสะท้านขึ้น มันแก่ชราอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็เริ่มชราลงมากกว่าเดิม พลังลมปราณมันเริ่มอ่อนแอลงไปในทันที

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งอยู่ที่ด้านในชั้นแปดสิบเก้า ก็ใช้แผ่นยันต์และอาวุธเวทจนหมดสิ้น เห็นได้ชัดว่าเกราะป้องกันเริ่มจางหายไป เสียงระเบิดได้ยินมา ขณะที่เกราะป้องกันเริ่มระเบิดขึ้น

“มันจบแล้ว…” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ มองไปขณะที่เกราะป้องกันระเบิดออก วิชาเวทมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มปกคลุมไปทั่วร่าง แต่ในตอนนี้เองที่เงาร่างอันสูงใหญ่ ฉับพลันนั้นก็มาปรากฏขึ้น ยืนอยู่ที่ด้านหน้าเมิ่งฮ่าว

ใบหน้าของเงาร่างนั้น เป็นเช่นเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวเคยเห็น เมื่อเขามาถึงโลกแห่งนี้ในตอนแรก…เคออวิ๋นไห่

เคออวิ๋นไห่ยืนอยู่ข้างเมิ่งฮ่าว ราวกับว่ามันเป็นโลกทั้งใบของเขา ราวกับเป็นต้นไม้ ที่คอยเฝ้าปกป้องคุ้มครองเมิ่งฮ่าวจากสายลม ปิดกั้นพลังเวทมากมายนับไม่ถ้วนทั้งหมดที่กำลังพุ่งตรงมาที่เขา

ความสามารถศักดิ์สิทธิ์, เวทแห่งเต๋า และเงาร่างนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นทั้งหมดก็เริ่มหยุดนิ่ง ทุกสรรพสิ่งแน่นิ่งไม่ไหวติง ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบสงบ

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นเงาร่างนั้น เขาก็สั่นสะท้าน จิตใจเต้นรัว ขณะที่รู้ตัวดีว่า เขาจดจำเงาร่างนี้ได้ว่าคือ…เคออวิ๋นไห่

เคออวิ๋นไห่ยิ้มให้กับเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ยื่นมือออกมาลูบไปที่ศีรษะของเขา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ราวกับว่าในสายตาของมัน ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงเป็นเด็กชายตัวน้อย ที่ไม่ได้เติบโตขึ้นตลอดไป

“จิ่วซือ ไม่ต้องกลัว เตียเตียจะพาเจ้ามุ่งหน้าต่อไป”

มันเป็นแค่ประโยคธรรมดา แต่ทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้ยิน ก็ไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาได้ เขาคิดไปถึงบิดาของตนเอง แต่ในเวลาเดียวกัน ภาพของบิดาที่อยู่ในจิตใจ ก็ดูเหมือนจะซ้อนทับกับเคออวิ๋นไห่ ในตอนนี้ เขาได้ลืมไปแล้วจริงๆ ว่า เขาไม่ใช่เคอจิ่วซือที่แท้จริง!

“เตีย…” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปยังเคออวิ๋นไห่ด้วยความงุนงง อึดใจก่อนหน้านี้ เขาแทบจะล้มเหลวไปแล้ว อึดใจต่อมา เขาก็มีความหวังขึ้นมาใหม่ สถานการณ์ที่พลิกกลับอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ภาพของเคออวิ๋นไห่ที่ประทับอยู่ในจิตใจ…เป็นภาพของ…บิดาตนเอง

“วางใจได้” เคออวิ๋นไห่หัวเราะ “เตียยังไม่ตายไปชั่วคราว พวกเราจะผ่านสนามรบนี้ไปพร้อมกัน วันนี้พวกเราสองบิดาและบุตร จะต่อสู้และผ่านชั้นนี้ไปด้วยกัน!” ด้วยเช่นนั้น มันก็หันร่างไปโบกสะบัดมือ สวรรค์และปฐพีเริ่มพังทลายลง พลังอันน่ากลัวอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กลายเป็นกระแสน้ำวนที่ส่งเสียงกระหึ่มม้วนกวาดออกไป ขณะที่มันขยายขนาดใหญ่ขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัสโดน ก็จะพังทลายไป ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวเลือนลาง และเงาร่างในบริเวณนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีที่ลอยไปในสายลม

ข้างกายเคออวิ๋นไห่ จู่ๆ ก็มีตะเกียงน้ำมันลอยอยู่ ไส้ของตะเกียงเป็นหงส์ และตัวตะเกียงเป็นมังกร!เมิ่งฮาวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจิตใจก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาพยักหน้าจากนั้นก็ไปยืนอยู่ข้างกายเคออวิ๋นไห่ผู้เป็นบิดา เดินไปด้วยกัน

หนึ่งอยู่ข้างหน้า หนึ่งอยู่ข้างหลัง หนึ่งเป็นบิดา หนึ่งเป็นบุตร!

ดวงตาปรมาจารย์เอกะเทวะเบิกกว้าง ขณะที่มันจ้องไปยังเคออวิ๋นไห่ จิตใจสั่นสะท้าน และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ศีรษะมันหดกลับเข้าไปในกระดอง ขณะที่แสงแห่งความสำนึกได้เต็มอยู่ในดวงตา ตอนนี้มันเข้าใจถึงภูมิหลังของเมิ่งฮ่าวแล้ว

“บัดซบ บิดาของมันก็คือประมุขยอดเขา! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันถึงได้แปลกประหลาดนัก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงสามารถข่มเหงข้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version