ตอนที่ 591
สระน้ำเซียนอสูร
“เจ้ามีคุณสมบัติของประมุขได้อย่างไร?!” จื่อเซียงถามอย่างมีโทสะ มองไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาก้าวเนิบนาบผ่านประตูกระบี่เข้ามาหานาง
ทันทีที่นางถามเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าตนเองโง่ขึ้นในทันใด นางจะไปมีคำถามโง่ๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน…?อันที่จริง การที่เขามีคุณสมบัติของประมุข ก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกมานานแล้ว แต่นางรู้สึกเสียหน้า ไม่เพียงแต่จะเสียหน้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้น แต่รู้สึกเสียหน้าทั้งสำนัก
สำนักนางใช้พลังทั้งหมดเท่าที่จะรวบรวมได้ ต้องสูญเสียทรัพยากรไปมากมาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะได้ครอบครองเหรียญคำสั่งที่มีคุณสมบัติระดับสาม แต่เพียงชั่วพริบตา ก็มีใครบางคนมาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้านาง เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าเหรียญคำสั่งของนาง เป็นคุณสมบัติของประมุข
ใครก็ตามที่มาเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ ก็คงจะต้องคลุ้มคลั่ง และเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ใครบ้างจะไม่รู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ช่างน่าหงุดหงิดและไม่ยุติธรรมยิ่ง? ตอนนี้จื่อเซียงรู้สึกเช่นเดียวกับสิ่งที่ทุกคนรู้สึก ตรงด้านนอกของเจดีย์เซียนอสูร เมื่อไม่นานมานี้
“ข้าแค่ขอจากท่านพ่อ” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ยิ่งเขาแสดงท่าทีเช่นนี้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทำให้จื่อเซียงรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น นางกัดฟันและกำมือเป็นหมัดจนแน่น
“คนที่น่ารำคาญมากที่สุด เท่าที่ข้าเคยพบเจอมาตลอดชีวิตก็คือ เด็กที่ถูกตามใจเช่นเจ้า” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก “เจ้ามีตัวตนของเคอจิ่วซือแล้วจะอย่างไร? มีบิดาเป็นประมุขแล้วจะยังไง…?” แม้แต่จื่อเซียงก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ไม่พอใจในคำพูดของนาง
เมิ่งฮ่าวหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่กล่าวอันใด จื่อเซียงมองไปจนควันแทบจะออกมาจากหู ขณะที่เขาเดินตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก ราวกับว่าเขาไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ ในที่สุด นางก็ไม่มีทางเลือกได้แต่สะกดข่มโทสะไว้และเดินตามไป
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดลง และมองมายังจื่อเซียง
“ท่านนำทาง” เขากล่าว “ข้าจะไปไหนก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ท่านมีเส้นทางที่จำกัด เพื่อไปยังสระเซียนอสูร ข้าจะเดินตามท่าน”
จื่อเซียงเพิ่งจะสะกดข่มเพลิงโทสะไว้ได้ แต่ก็ต้องปล่อยให้มันระเบิดออกมาอีกครั้ง นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ พยายามที่จะปลอบใจตนเองให้มองไปยังภาพรวม นางพยักหน้าอย่างมีโทสะ และเดินตรงไป
เมิ่งฮ่าวเดินตามไป มองดูเรือนร่างที่โค้งเว้าอ่อนช้อยของจื่อเซียง ขณะที่นางเดินผ่านเข้าไปในกลุ่มหมอก ช่างเป็นภาพที่สวยงามและแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่คนทั้งสองรีบเร่งเดินตรงไป กลุ่มหมอกก็แยกออกให้กับพวกเขา เผยให้เห็นเส้นทางที่คดเคี้ยววกไปวนมา จื่อเซียงเดินนำและเมิ่งฮ่าวก็เดินตาม คนทั้งสองมุ่งหน้าต่อไปจนธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ในที่สุด กลุ่มหมอกก็เริ่มกระจายออกอีกครั้ง เผยให้เห็นพื้นที่ซึ่งมีความกว้างประมาณหนึ่งพันจ้าง
มองเห็นภูเขา ถึงแม้ว่ามันไม่ได้สูงมากนัก
มีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขา ลงไปในสระน้ำที่กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น หลังจากที่มองไปยังภาพนี้เพียงแวบแรก ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ แต่ในเวลาต่อมา เมิ่งฮ่าวก็ได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมไปมาน้ำไหลลงไปในสระ เสียงวิหคลอยมาตามสายลม และกลิ่นหอมของบุปผานานาพันธุ์ก็เต็มอยู่ในอากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างปกคลุมอารมณ์ความรู้สึก แม้แต่กลิ่นอายของวิญญาณเซียน ที่หอมหวานก็ดูเหมือนว่าจะเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ โลหิตและปราณในร่างเขาก็ประดังพรั่งพรูขึ้น
“นี่ก็คือสระเซียนอสูร?” เมิ่งฮ่าวถาม ชำเลืองมองไปรอบๆ ในที่สุดสายตาก็หยุดอยู่บนผิวน้ำ เห็นได้ชัดว่าเป็นน้ำที่ใสสะอาด จนทำให้มองลงไปถึงพื้นด้านล่างได้ กลุ่มหมอกแปลกๆ จางๆ พุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ ทำให้ภาพที่เห็นทั้งหมดนี้ ราวกับเป็นภาพลวงตาที่หลากสี
ก้อนศิลาประดับโบราณ ตั้งเรียงรายกระจายกันออกไป ส่วนใหญ่จะถูกแกะสลักเป็นรูปสัตว์อสูร ซึ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยวิญญาณอสูร ภาพที่เห็นทั้งหมดนี้ ราวกับเป็นภาพในสวรรค์
“ถ้ามันไม่ใช่สระเซียนอสูร แล้วมันคืออะไร?” จื่อเซียงกล่าวอย่างไม่พอใจ “สระตกปลาที่สวนหลังบ้านของเจ้า?” ความรู้สึกอิจฉาของนาง ได้หายไปแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
โดยไม่สนใจเมิ่งฮ่าว นางเดินตรงไป มีท่าทางค่อนข้างจะตื่นเต้น ขณะที่มองไปยังสระเซียนอสูร ยกมือขวาขึ้นถูไปที่ศิลาประดับบางก้อน สีหน้านับถือเต็มอยู่บนใบหน้า
“ดูเหมือนว่าจะง่ายดายไปนะ ใช่หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม
“ง่ายดาย?!” จื่อเซียงพุ่งกลับไปด้านหลัง หมุนตัวจ้องไปที่เขาอย่างมีโทสะ มีท่าทางขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก “มันอาจจะง่ายสำหรับเจ้า แต่สำนักข้าต้องใช้เวลาหลายปีจนนับไม่ถ้วนเพื่อจัดเตรียม และต้องใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อให้ข้าเข้ามายังที่แห่งนี้! นี่ก็คือสุดยอดของการทำงานหนักด้วยความเพียร ความหวังและความฝันทั้งหมดของสำนักข้า ก็คือสถานที่แห่งนี้”
“สำนักข้าต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่ว เพื่อ ‘ความง่ายดาย’ นี้ และยังมีผู้คนมากมายต้องตายไปอีกด้วย!”
“เจ้าบอกว่าสถานที่แห่งนี้ช่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าตัวตนของเจ้า ใครก็ตามที่ไม่ใช่เจ้า แม้แต่เซียนอมตะ ก็อาจจะถูกทำลายลงไปโดยกลุ่มหมอกนี้ได้ เวทป้องกันของที่แห่งนี้ ทำให้แม้แต่คนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าก็ยังต้องขมวดคิ้ว”
“ในอดีตที่ผ่านมา รูปปั้นที่ถือกระบี่ทั้งสองรูปที่ด้านนอกนั่น เคยสังหารประมุขที่อยู่ในขั้นอาณาจักรเต๋ามาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน!”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว มองไปยังจื่อเซียงด้วยสายตาที่เย็นชา
“ระวังปากของเจ้าบ้าง” เขากล่าว “เจ้าเป็นคนที่เชิญข้ามายังที่แห่งนี้เอง”
จื่อเซียงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลังจากเงียบไปสักพัก นางก็โค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว
“ข้าเสียกิริยาไป” นางกล่าว “ขออภัยด้วย”
ด้วยเช่นนั้น นางก็โค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็หันหลัง และกดมือลงไปบนศิลาโบราณก้อนหนึ่ง เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่นางส่งจิตใจเข้าไปในก้อนศิลา จากนั้นเขาก็เข้าไปใกล้ขอบสระน้ำ ก้มตัวมองลงไปในน้ำ แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตา
“น้ำนี้สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายได้?” เมิ่งฮ่าวคิด “ถ้าใครมีคุณสมบัติเพียงพอ ก็สามารถเปลี่ยนร่างกายตนเองให้กลายเป็นร่างเซียนอสูรได้? เป็นไปได้ว่าคุณสมบัตินั้น ไม่เหมือนกับคุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้ามายังที่แห่งนี้ แต่ก็ทำให้ได้ครอบครองร่างกายแปลกๆ เช่นนั้นได้” ขณะที่ครุ่นคิด เขาก็จุ่มมือขวาลงไปในน้ำ
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวแตะสัมผัสโดนน้ำ แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง รู้สึกถึงบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นความเย็นเยียบ วิ่งผ่านนิ้วกระจายเข้าไปทั่วทั้งร่างกาย
จื่อเซียงลืมตาขึ้นมา “เจ้าและข้าเข้ามาในสมัยโบราณแห่งนี้ด้วยวิญญาณเท่านั้น” นางกล่าวเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าจิตใจกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว “ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ดูเหมือนของจริง แต่ก็ไม่ใช่ ด้วยเช่นนั้น จึงไม่จำเป็นต้องทดสอบน้ำนั่น เจ้าไม่อาจจะดูดซับอะไรเข้าไปได้ ไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น”
“เรียบร้อย ข้าทิ้งเครื่องหมายไว้แล้ว ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนี้ เมื่อพวกเรากลับมายังที่นี่ หลังจากที่เข้าไปในอาณาจักรที่สามแล้ว เจ้าก็จำเป็นต้องทิ้งเครื่องหมายไว้ด้วยเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ กลิ่นอายของเจ้าก็จะอยู่ที่นี่ในอาณาจักรที่สาม และทำให้เจ้ากลับมาได้” ด้วยเช่นนั้น จื่อเซียงก็เริ่มสำรวจไปรอบๆ สังเกตดูพื้นที่บริเวณนั้น ทำการศึกษามัน ราวกับว่านางต้องการจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนี้ไว้ในความทรงจำ
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนาง ดวงตาสาดประกาย จู่ๆ เขาก็เดินลงไปในสระน้ำ
ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็ลงไปในน้ำที่ลึกถึงหน้าอก เมื่อหลับตาลง เขาก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นความหนาวเย็นที่อยู่ในน้ำรอบๆ ตัว ซึ่งพุ่งตรงมาที่เขาและผ่านเข้าไปในร่าง
เมิ่งฮ่าวเดินขึ้นมาจากสระพร้อมกับขมวดคิ้ว หยดน้ำไหลลงมาจากร่าง
“ไร้ประโยชน์จริงๆ” เขากล่าวเสียงราบเรียบ “ดูเหมือนว่าสระน้ำนี้ ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับกายเนื้อ และไม่มีประโยชน์สำหรับวิญญาณ” เมิ่งฮ่าวเดินตรงไปยังทิศทางเดียวกับจื่อเซียง ทิ้งเครื่องหมายไว้ที่มุมหนึ่งของศิลาที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นก็หันหลังและจากไป
ดูเหมือนว่าจื่อเซียงไม่ได้สงสัยในการกระทำใดๆ ของเมิ่งฮ่าว อันที่จริง ถ้าเขาไม่ได้ลองทดสอบน้ำในสระ นางก็คงจะรู้สึกผิดปกติ การที่เมิ่งฮ่าวทดสอบน้ำด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
คนทั้งสองไม่ได้พูดจากันขณะที่เดินทางกลับ จนกระทั่งแยกจากกัน ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวไม่เคยจะคิดว่า คำพูดตามสบายของเขา จะทำให้จื่อเซียงรู้สึกไม่พอใจมากเช่นนั้น
หลังจากที่ออกมาจากโลกแห่งหมอก เมิ่งฮ่าวก็กลับไปยังยอดเขาสี่ เพื่อเข้าฌาณอยู่สองสามวัน ในยามสนธยาของวันหนึ่ง เขาแอบกลับไปอย่างเงียบๆ ผ่านเข้าไปในกลุ่มหมอก พร้อมกับแววตาแปลกๆ เดินย้อนไปตามเส้นทางเดิมจากก่อนหน้านี้ด้วยความเร่งรีบ
ไม่นานนักเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงสระเซียนอสูรอีกครั้ง
“ต้องมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสระเซียนอสูร ซึ่งจื่อเซียงได้ปกปิดข้าไว้อย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อว่าสระน้ำที่สำคัญเช่นนี้ จะสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น”
“ต้องมีความลับบางอย่างเกี่ยวกับน้ำในสระอย่างแน่นอน”
“นอกจากนี้ สระน้ำนี้ก็สามารถใช้ฝึกฝนร่างกายได้ และอ่อนโยนกว่าถ้ำโลกันต์มากนัก ซึ่งก็เหมาะสำหรับข้าอย่างแท้จริง ที่จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเดินลงไปในสระน้ำอย่างช้าๆ จนเหลือแต่ศีรษะที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ขณะที่หลับตาลง และรับรู้ถึงความเย็นเยียบมากมายอยู่รอบๆ ตัวในตอนนี้
รู้สึกราวกับว่าเส้นใยแห่งน้ำแข็ง กำลังไหลซึมเข้าไปในร่าง เพียงชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวก็สั่นไปทั้งตัว ปราณและโลหิตพลุ่งพล่านปั่นป่วน เขาเริ่มดูดซับความหนาวเย็นนั้นเข้าไปอย่างช้าๆ
ร่างกายเขามีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว หลังจากที่ได้ฝึกฝนอยู่ในถ้ำโลกันต์ และสำเร็จในเวทกลืนภูเขา แต่ก็ไม่อาจจะทะลวงผ่านจุดที่ต้องการได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักมากเพียงใดก็ตามที เมื่อเขาอยู่ในวิญญาณดวงแรก พลังของร่างกายที่เขาใช้ได้ทั้งหมดเทียบเท่ากับวิญญาณดวงที่สาม
“บางทีสถานที่แห่งนี้จะทำให้ข้าแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น” เมิ่งฮ่าวคิด ขณะที่ปราณและโลหิตพุ่งขึ้นมา กลุ่มหมอกเริ่มลอยขึ้นมาจากพื้นผิวของสระน้ำ ก่อตัวเป็นไอน้ำไหลเข้าไปในปากและจมูก จนกระทั่งแทบจะเหมือนกับว่า เขากำลังหายใจกลุ่มควันเข้าไป
ร่างกายเมิ่งฮ่าวเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างช้าๆ ทุกๆ เส้นใยแห่งความหนาวเย็น ซึ่งได้ไหลซึมเข้าไปในเลือดเนื้อ ทำให้พลังถูกกระตุ้นขึ้นมา จนดูเหมือนว่าเป็นการฝึกฝนร่างกายจากภายในสู่ภายนอกนี่เป็นวิธีที่แตกต่างไปจากการฝึกฝนอยู่ในถ้ำโลกันต์โดยสิ้นเชิง
เวลาผ่านไป โดยที่เมิ่งฮ่าวก็ไม่แน่ใจว่านานเท่าใดแล้ว ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมา เสียงกระหึ่มกึกก้องเต็มไปทั่วร่าง ขณะที่จุดตีบตันในก่อนหน้านี้ที่เขาติดอยู่ ฉับพลันนั้นก็ระเบิดออก ในที่สุด ร่างเขาก็บรรลุถึงความแข็งแกร่งที่เทียบเท่ากับวิญญาณดวงที่สี่ ขณะที่เขาอยู่ในวิญญาณดวงแรกเท่านั้น!
ความรู้สึกถึงพลังเต็มเปี่ยมอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว เขารับรู้ได้ถึงพลังอันน่าตกใจ ระเบิดขึ้นมาภายในร่าง ทำให้เขาสามารถจะบดขยี้โลหะหรือศิลาได้ภายในหมัดเดียว
“ยิ่งข้าลงไปลึกมากเท่าใด ก็จะยิ่งได้รับความหนาวเย็นมากขึ้นเท่านั้น” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาได้ตัดสินใจที่จะใช้ประโยชน์จากโลกในสมัยโบราณนี้ เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากที่คิดวิเคราะห์ ร่างกายเขาจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด มากว่าความรู้แจ้งในเวทแห่งเต๋า ที่เขาจะนำออกไปได้จากอาณาจักรเซียนอสูรโบราณนี้
เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้ว เขาก็จมลงไปมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งลงไปถึงจุดกึ่งกลางในน้ำ ร่างกายสั่นสะท้าน และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมาจากภายในร่าง มีบางสิ่งเกี่ยวกับร่างกายเขาที่ดูเหมือนจะผิดปกติ ขณะที่ความหนาวเหน็บได้กดทับลงมาในตอนนี้
ความหนาวเหน็บที่ไร้ขอบเขต น่ากลัวและบ้าคลั่ง ขณะที่ไหลเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว เขาไม่จำเป็นต้องพยายามจะดูดซับมันแม้แต่น้อย กระแสความหนาวเหน็บนี้ค้นพบเขาเอง ราวกับว่าพวกมันกระหายที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่ทำให้ปราณและโลหิตไหลเวียนต่อไป
สิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่รู้ก็คือว่า ถึงแม้สำนักเซียนอสูรในช่วงเวลานี้ จะไม่ได้อยู่ในจุดเฟื่องฟูก็ตามที แต่ก็อยู่ในช่วงที่ดีกว่าหลังจากเวลานี้มากนัก ซึ่งเป็นช่วงขาลงของมัน ในช่วงเวลานี้ สำนักเซียนอสูรเต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ยกตัวอย่างเช่น สระน้ำนี้ อยู่ในช่วงที่ได้สะสมความหนาวเย็นมานานนับหมื่นปีเมื่อในอดีต จนนำมาซึ่งสภาพอันไร้ขอบเขตในตอนนี้
การสะสมของความหนาวเย็นในที่แห่งนี้…ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ในทำนองเดียวกัน พลังที่มันเก็บรักษาไว้ก็ช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งจนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ร่างเมิ่งฮ่าวได้บรรลุจนถึงขั้นที่น่ากลัว และมีแต่จะแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้น
“ถ้าข้าสามารถฝึกฝนได้ต่อไป ในที่สุด ข้าก็จะมีร่างกายที่เทียบเท่ากับวิญญาณดวงที่เจ็ด ขณะที่อยู่ในวิญญาณดวงแรกเท่านั้น! คงจะไม่หมายความว่า…ข้าจะมี…ร่างตัดวิญญาณ เมื่อบรรลุถึงจุดนั้นนะ!?!?” ในสระน้ำ จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมาในทันที เผยให้เห็นแสงอันคมกริบจนทำให้ใครก็ตามที่มองมา ต้องสั่นสะท้านไปจนถึงแก่นกาย