ตอนที่ 912
ความยากจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง!
แผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ตกอยู่ในช่วงการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยรูปแบบการแข่งขัน นักปรุงยาระดับสูงคนแล้วคนเล่าออกมาจากเขตภูเขาด้านในเพื่อให้คำบรรยาย ทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่จะได้รับคะแนนความดีจากเด็กฝึกปรุงยา แผนกเต๋าแห่งการปรุงยากำลังบานสะพรั่ง และคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยิ่งไปกว่านั้น ไฟแห่งการแข่งขันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมด ถึงแม้ว่านักปรุงยาไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก แต่คนทั้งหมดก็รู้ว่าจำนวนของเด็กฝึกปรุงยาที่ให้ความสนใจต่อคำบรรยายของนักปรุงยา จะแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของนักปรุงยาผู้นั้น รวมทั้งระดับเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกมันอีกด้วย
ในที่สุดการแข่งขันระหว่างกลุ่มต่างๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลของความขัดแย้งนั้นก็ต้องสอดคล้องกับกฎของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาเพื่อใช้ควบคุมการแข่งขัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือว่า เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่ในเขตภูเขาด้านนอก จะทำการเลือกเป็นรายวันว่าพวกมันจะไปเข้าฟังคำบรรยายของนักปรุงยาคนไหนดี?
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ยินดีกับเรื่องราวนี้ ผู้เข้าฟังของเขาได้หายไปมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหลืออยู่เพียงแค่ห้าหมื่นคนเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งจากกลุ่มผู้ฟังในตอนแรก ซึ่งก็หมายความว่าเขากำลังสูญเสียคะแนนความดีมากกว่าหนึ่งแสนแต้มไปในแต่ละวัน
ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังมาเฉือนเนื้อเขาออกไป
แต่เขาก็สามารถจะอดทนกับมันได้ นอกจากนี้การบรรยายของเขาเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร และสุดท้าย เด็กฝึกปรุงยาที่มารับฟังคำบรรยายจากเขา ก็มีความเชื่อมั่นเพิ่มสูงขึ้นว่าจะสามารถผ่านการทดสอบชั้นแรกของศาลาโอสถไปได้
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะเริ่มมีโทสะขึ้นมา เหตุผลก็คือว่า บนยอดเขาตรงข้าม ซึ่งเป็นยอดเขาเจ็ดหนึ่งเก้าสอง จู่ๆ ก็มีนักปรุงยาระดับเจ็ดปรากฏตัวขึ้นเพื่อให้คำบรรยาย
เป็นหญิงชราที่ขี่นกยูงห้าสีขนาดใหญ่เป็นพาหนะ และมีสีหน้าที่เย่อหยิ่งอวดดี นางเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด เป็นใครบางคนที่เด็กฝึกปรุงยาได้แต่หวังว่า จะได้พบเห็นนางโดยความบังเอิญเท่านั้นไม่อาจจะออกไปค้นหาได้ นางคือบุคคลที่สูงส่งสำหรับพวกมัน
จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีนักปรุงยาระดับเจ็ดเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ออกมาให้คำบรรยาย ยิ่งไปกว่านั้น นักปรุงยาก็ไม่ได้ออกมาเป็นประจำทุกวัน ที่นั่งที่ว่างเปล่าหนึ่งแสนที่สำหรับการบรรยายนั้น มักเป็นหัวข้อในการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง อันที่จริง ถึงแม้จะมีที่นั่งมากกว่านี้ ก็เป็นที่แน่ใจได้ว่าจะต้องมีผู้คนมาเข้าร่วมรับฟังมากขึ้น
ตอนนี้เมื่อมีนักปรุงยาระดับเจ็ดปรากฏตัวขึ้น และนางก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา เมื่อนางมาให้คำบรรยายอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเมิ่งฮ่าว นักปรุงยามากมายที่เป็นผู้ฟังของเขา ก็ออกไปรับฟังคำบรรยายจากนางในทันที
เพียงวันเดียว เมิ่งฮ่าวก็สูญเสียผู้ฟังที่มีอยู่ในตอนนี้ไปมากกว่าครึ่ง เหลือไว้แต่เด็กฝึกปรุงยาเพียงแค่สองหมื่นคนเท่านั้น เขายืนอยู่ที่นั่นบนแท่นเวที มองออกไปยังกลุ่มฝูงชนหนึ่งแสนคนที่อยู่รอบๆ หญิงชรา กัดฟันแน่นด้วยโทสะ
“หญิงชราผู้นั้นจงใจที่จะทำเช่นนี้เป็นแน่!” เขาคิดขึ้นพร้อมกับแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขตภูเขาด้านนอกกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง และนักปรุงยาที่ให้คำบรรยาย ก็มักจะเลือกสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปจากคนอื่นๆ ไม่เคยมีใครมาอยู่ใกล้กันเช่นนี้มาก่อน เมื่อคิดว่าหญิงชราตั้งใจที่จะเลือกสถานที่แห่งนี้ ถ้ามีใครมาบอกเมิ่งฮ่าวว่า นางไม่ได้ทำเช่นนั้นเพื่อมุ่งเป้ามาที่เขา เขาก็คงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เด็กฝึกปรุงยาใดๆ ก็ตามที่มารับฟังเมิ่งฮ่าว เมื่อมองเห็นภาพที่เบื้องหน้า ก็จะต้องทำการตัดสินใจเลือก ว่าพวกมันจะรับฟังเมิ่งฮ่าวต่อไป หรือเลือกที่จะไปฟังนักปรุงยาระดับเจ็ด? เมิ่งฮ่าวมีโทสะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อหญิงชรานางนั้นคิดเพียงแค่หนึ่งคะแนนความดีต่อการบรรยายสองชั่วยามเท่านั้น
นั่นคือราคาครึ่งเดียวของเมิ่งฮ่าว
กลุ่มผู้ฟังของเมิ่งฮ่าวลดน้อยลงไปอย่างต่อเนื่อง สามวันหลังจากนั้น ก็เหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งหมื่นคนเท่านั้นที่ยังคงรับฟังการบรรยายของเขา
ถ้าเป็นทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้ฟังของเขาจะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดก็ตามที เขาก็ยังคงได้รับคะแนนความดีหนึ่งหมื่นแต้มต่อวัน แต่ในวันต่อมา เมิ่งฮ่าวเริ่มตระหนักว่ามีใครบางคนได้ประทับข้อมูลคำบรรยายของเขาลงไปบนแผ่นหยก และพวกมันก็นำไปแจกจ่ายให้ผู้อื่นโดยไม่คิดเงิน! ข้อมูลที่ผู้คนต้องจ่ายด้วยคะแนนความดีสามแต้มเพื่อได้รับแผ่นหยกเช่นนี้ไป กลับถูกนำไปแจกจ่ายโดยไม่คิดเงิน
ทำให้การบรรยายที่เริ่มใกล้ตายไปของเมิ่งฮ่าว ในที่สุดก็มีกลุ่มผู้ฟังลดลงจากหนึ่งหมื่นคนเหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น
เมิ่งฮ่าวได้แต่มองไปอย่างที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ ขณะที่แผนการซึ่งเขาได้สร้างขึ้นมาต้องพังทลายลงไป กลุ่มผู้ฟังของเขาเริ่มจากมีสมาชิกมากที่สุดหนึ่งแสนคน ทำให้เขาได้รับคะแนนความดีนับแสนแต้มต่อวัน และค่อยๆ ลดลงไปจนเหลือเพียงแค่หนึ่งพันคน ในตอนนี้เขาได้รับคะแนนความดีแค่ไม่กี่พันแต้มต่อวันเท่านั้น
ในวันหนึ่ง เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจบการบรรยาย จากนั้นก็บินตรงไปยังหญิงชรา จ่ายคะแนนความดีออกไป และเริ่มรับฟังคำบรรยายของนาง
หญิงชรานั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นเวที นกยูงห้าสีของนางกำลังบินวนเป็นวงกลมอยู่ในอากาศที่ด้านบน นกยูงตัวนั้นได้รำแพนหางที่สวยงามของมันออกมาเป็นระยะ ทำให้ยิ่งมีความงดงามมากกว่าปกติ หญิงชราพูดจาเสียงราบเรียบเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร และมักจะเอ่ยถึงวิธีการบางอย่างเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยาออกมาเป็นระยะ ทำให้เกิดเป็นเสียงพูดคุยกันขึ้นในท่ามกลางกลุ่มผู้ฟัง สิ่งทั้งหมดที่หญิงชรานางนี้พูดออกมา เป็นเรื่องพื้นฐานทั้งสิ้น
เป็นธรรมดาที่นางจะสังเกตเห็นการมาถึงของเมิ่งฮ่าว และสีหน้าที่ดูถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยามีนักปรุงยาระดับเจ็ดอยู่หนึ่งร้อยคน ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้แข็งแกร่งมากที่สุดในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น แต่ก็ยังอยู่ที่ระดับมากกว่าตรงกลางขึ้นไป นางมีทักษะของนักปรุงยาระดับเจ็ด สามารถผ่านการทดสอบที่ชั้นเจ็ดของศาลาโอสถมาได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับนางที่จะพูดเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร
ความรู้เกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของนางช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง กล่าวกันโดยทั่วไปแล้วนางไม่เคยคิดจะเสนอหน้าออกมายุ่งเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวเหมือนที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามมีคนในตระกูลรองของนาง เป็นคนที่นางไม่อาจจะปฏิเสธได้ ได้เรียกร้องให้นางมา แน่นอนว่านางคือสมาชิกของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎของแผนก แต่ถ้าจะพูดกันโดยทั่วไปแล้ว นางก็ยังคงเป็นสมาชิกของกลุ่มตระกูลตัวเองด้วยเช่นกัน ทำให้นางต้องโผล่ออกมาจากเขตภูเขาด้านใน
ในความคิดเห็นของนาง ช่องว่างระหว่างตนเองและเมิ่งฮ่าวช่างกว้างใหญ่ราวกับเป็นสวรรค์และปฐพี นางไม่จำเป็นต้องใช้พยายามอะไรเลย สิ่งที่นางต้องทำก็คือแค่พูดบรรยายไปเรื่อยๆ ก็เพียงพอที่จะทำลายเมิ่งฮ่าวไปได้แล้ว
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ รับฟังคำพูดเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของหญิงชรา หลังจากที่เวลาชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ดวงตาเขาก็แวบขึ้นและหันหลังจากไป หญิงชราชำเลืองมองไปยังเขาขณะที่กำลังจากไป และจากนั้นก็ไม่สนใจเขาอีก
ในความคิดของนาง การบรรยายของเมิ่งฮ่าว จะต้องมีผู้ฟังลดลงจนกระทั่งเหลือแค่ไม่กี่ร้อยคน จนในที่สุดเขาก็ไม่อาจจะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายได้อีกต่อไป
เหตุผลหลักที่นางมีความเชื่อมั่นเช่นนี้ เป็นเพราะว่านางเคยได้ยินข่าวลือมาว่า กฎของการทดสอบในชั้นแรกของศาลาโอสถกำลังถูกเปลี่ยนไปแล้ว
แน่นอนว่าสามวันต่อมา แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาได้ประกาศออกมาว่า กฎของชั้นแรกในศาลาโอสถได้เปลี่ยนไปแล้ว ต้นสมุนไพรทั้งหมดหนึ่งล้านต้นได้ถูกแทนที่ ตอนนี้ข้อมูลการทดสอบจะใช้ต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันทั้งหมดสิบล้านต้น ช่างเป็นตัวเลขที่สูงลิ่วจนน่าตกใจยิ่ง
นอกจากนี้ กฎอื่นๆ ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยเช่นดียวกัน ตอนนี้การทดสอบจะถูกตัดสินจากจำนวนต้นสมุนไพรที่สามารถจะบอกชื่อออกมาได้ในเวลาที่ถูกจำกัดไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การบรรยายของเมิ่งฮ่าวตกอยู่ในความปั่นป่วน นอกเหนือจากทั้งหมดนี้แล้ว เพื่อป้องกันปัญหาใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เด็กฝึกปรุงยาแต่ละคน จะมีโอกาสเพียงแค่หนึ่งครั้งต่อเดือน ที่จะผ่านเข้าไปในศาลาโอสถ
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะใช้วิธีการฉ้อโกงใดๆ ออกมาได้อีก
ทั้งหมดนี้คือระเบิดอันน่ากลัวสำหรับเมิ่งฮ่าว ภายในเวลาแค่สองวัน กลุ่มผู้ฟังของเขาก็ลดลงจากหนึ่งพันคน เหลืออยู่แค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ส่วนใหญ่ของกลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ฟังที่ติดตามเขามาตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่นาน หลายคนในกลุ่มคนเหล่านี้ก็เลือกที่จะจากไป นอกจากนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ก็แตกต่างไปจากตอนเริ่มต้น ตอนที่เมิ่งฮ่าวได้ส่องประกายไปทั่วทุกคน และตอนนี้พวกมันมีโอกาสที่จะได้ยินคำบรรยายของนักปรุงยาระดับเจ็ด แล้วใครจะยอมพลาดโอกาสเช่นนี้?
ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็มีกลุ่มผู้ฟังเหลืออยู่ไม่เกินเจ็ดสิบคน…
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้ฟาดลงมาราวกับเป็นสายฟ้า ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องหอบหายใจออกมา เขามองไปยังกลุ่มผู้ฟังที่เบาบางไม่กี่สิบคนของเด็กฝึกปรุงยา และทันใดนั้นแสงอันเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นในดวงตา จากนั้นเขาก็หันหน้ามองไปยังภูเขาฝั่งตรงข้ามที่มีกลุ่มคนนับแสนห้อมล้อมเป็นวงกลมอยู่รอบๆ บริเวณนั้น
“พวกเราควรทำอย่างไรดี?” ฟางซีถามขึ้นอย่างเงียบๆ จากด้านข้าง “แม้แต่ซานเหยียและอู่เหยียก็ยังมุ่งหน้าไปยังที่นั่น…” คาดไม่ถึงว่าแม้แต่นกแก้วและผีโต้งก็ยังได้วิ่งไปยังภูเขาอื่น เพื่อไปรับฟังคำบรรยายของนักปรุงยาระดับเจ็ด ยากที่จะบอกได้ว่าพวกมันมีความเข้าใจในสิ่งที่นางกำลังพูดอยู่หรือไม่ แต่จากที่เห็นพวกมันได้ผ่านเข้าไปแล้ว
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าจริงๆ แล้ว นกแก้วกำลังให้ความสนใจต่อนกยูงห้าสีตัวนั้น สำหรับผีโต้งมันได้หลงลืมไปโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ติดตามไปเป็นเพื่อนนกแก้วเท่านั้น เขาจึงกล่าวว่า
“ความยากจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะนำคำตอบมาให้!”
ฟางซีอ้าปากค้าง
“มีใครบางคนกำลังพยายามจะกำจัดเส้นทางสู่ความร่ำรวยของข้าไป! ราวกับว่าพวกมันกำลังเฉือนข้าออกเป็นชิ้นๆ ด้วยคมมีด!” เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ขณะที่บินขึ้นไปในอากาศ
ฟางซีติดตามไปจากที่ห่างไกล มันไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะพูดมาอย่างแท้จริง ดังนั้นมันจึงรีบถามขึ้น “ตอนนี้ท่านมีแผนอะไร?”
“ไม่มีแผนใดๆ” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ “นามของข้ากำลังจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และจะทำให้สถานการณ์เช่นนี้จบลงไป!” ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา เขาได้พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้นขณะที่เขาพุ่งเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน หลีกเลี่ยงเขตป้องกันทั้งหมด มุ่งหน้าตรงไปยังศาลาโอสถ
ไม่นานนักเขาก็ไปถึง
มีเด็กฝึกปรุงยามารวมตัวกันที่ด้านนอกอยู่เพียงไม่กี่คน กำลังลังเลว่าจะผ่านเข้าไปดีหรือไม่ แม้แต่นักปรุงยาเต็มตัวบางคนก็ยังยืนอยู่ที่ด้านข้าง พวกมันทั้งหมดสังเกตเห็นการมาถึงของเมิ่งฮ่าว และทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะถูกกระตุ้นขึ้นมา ทำให้พวกมันเริ่มพูดคุยกันในท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น
“ข้าได้ยินมาจากด้านนอกว่า กฎของชั้นแรกได้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะว่าฟางฮ่าวได้จดจำข้อมูลของชั้นแรกไปได้ทั้งหมด และได้สร้างวิธีการฉ้อโกงขึ้นมา ทำให้เด็กฝึกปรุงยาเหล่านั้นสามารถจะผ่านการทดสอบไปได้อย่างง่ายดาย!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า มันมาปรากฏตัวขึ้น เพื่อพยายามจะหาวิธีฉ้อโกงการทดสอบชั้นแรกอีกครั้ง?”
“น่าสนใจนัก เมื่อคิดว่ากฎการทดสอบได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำได้เช่นนั้น มันสามารถผ่านเข้าไปได้แค่หนึ่งครั้งต่อเดือนเท่านั้น”
เมิ่งฮ่าวไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังศาลาโอสถ สองชายชราโบราณที่กำลังนั่งอยู่ที่ด้านนอกศาลาโอสถลืมตาขึ้นมา และมองไปยังเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าปกติแล้วพวกมันไม่ได้ให้ความสนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกด้านนอกเท่าใดนัก แต่ตอนที่เมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไปที่ชั้นแรกถึงหนึ่งร้อยสี่สิบครั้ง ก็ได้ประทับลึกลงไปในจิตใจพวกมัน เมื่อรวมกับข่าวลือที่พวกมันได้ยินมา ทำให้ตอนนี้พวกมันคิดว่า เมิ่งฮ่าวได้กลับมาเพื่อพยายามจะศึกษาชั้นแรก ด้วยความตั้งใจที่จะไปฉ้อโกงอีกครั้ง
สองชายชรามองดูเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“นี่คือแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา” หนึ่งในพวกมันกล่าวขึ้น “ทำไมถึงมีใครมักคิดว่าจะมีเส้นทางอื่นอีก? พรสวรรค์ของเจ้าที่เกี่ยวข้องกับทักษะต้นพืชสมุนไพรยอดเยี่ยมยิ่ง เจ้าน่าจะเดินตรงไปบนเส้นทางนี้”
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวยอมรับคำแนะนำตรงๆ นี้ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับสองชายชรา กล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส ข้าตระหนักดีถึงความผิดพลาดแล้ว ตอนนี้คือเวลาที่จะกลับใจและเปลี่ยนแปลงใหม่ ข้ามายังที่นี่ไม่ใช่เพื่อที่จะค้นหาวิธีการฉ้อโกง ข้ามาที่นี่เพื่อทำการทดสอบตนเองอย่างแท้จริง!”
สองชายชราพยักหน้าและหลับตาลง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่คนทั้งหมดในบริเวณนั้นมองมา เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปในศาลาโอสถ ทันทีที่ผ่านเข้าไป มีใครบางคนในท่ามกลางนักปรุงยาระดับแปด สิบเก้าคนของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาได้สังเกตเห็นในทันที พวกมันหยุดการปรุงยาและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ
ชายชราที่มีผมเผ้าขาวโพลนสามคนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“อย่าบอกข้านะว่า ฟางฮ่าวผู้นี้กำลังจะหาวิธีฉ้อโกงระบบอีกครั้ง? มันเสพติดจนเป็นนิสัยไปแล้วหรืออย่างไร?”
“ทำไมเจ้าตัวบัดซบน้อยนี่ถึงได้ไม่รู้จักทำตามตัวอย่างที่ดีบ้าง? พวกเราได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะทำให้ชั้นแรกนี้ไร้ข้อผิดพลาดใดๆ แต่มันก็ยังมาแสดงตัวขึ้นอีกครั้ง?!”
“ถ้าเด็กผู้นี้สร้างปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง เหล่าฟูก็จะลากมันออกมาทุบตีไปรอบๆ เอง เหล่าฟูไม่กลัวต่อให้บิดามันปรากฏตัวขึ้นมาก็ตามที เหล่าฟูเคยปรุงยาให้กับบิดามันมาก่อน”
ถึงแม้ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีโทสะ แต่จริงๆ แล้วพวกมันกำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครสร้างปัญหาให้กับพวกมันได้มาก่อน สำหรับพวกมันแล้วสถานการณ์ทั้งหมดนี้ช่างน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีใครจะสามารถรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของพวกมัน ยกเว้นสองชายชราที่เฝ้ารักษาประตูอยู่ที่ด้านนอกของศาลาโอสถ ซึ่งเพียงแค่ชำเลืองมองไปยังพวกมันเท่านั้น