Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 969

ตอนที่ 969

ภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้าง!

กลุ่มเมฆลงทัณฑ์มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สำหรับใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรเซียน แรงกดดันที่กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ได้ปลดปล่อยออกมา เป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจได้ แต่เมิ่งฮ่าวมีชีพจรเซียนแปดจุดแล้ว เป็นชีพจรเซียนที่ชีพจรเซียนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะเทียบเปรียบได้

นอกจากนี้เขาก็ยังมีกายเนื้อเซียนแท้อีกด้วย!

ระดับการเตรียมตัวเป็นเซียนแท้ของเมิ่งฮ่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน ทำให้เขาสามารถจะเผชิญหน้ากับมันได้อย่างเด่นชัด

เมื่อรวมเข้ากับอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเมิ่งฮ่าว ทำให้ตอนที่เขามองไปยังหัตถ์ยักษ์ซึ่งกำลังฟาดลงมา จู่ๆ ก็เกิดเป็นความคิดบ้าๆ พุ่งขึ้นมาในจิตใจ

ทัณฑ์เซียน…มักจะเปิดโอกาสให้ผู้ฝึกตนสามารถเอาชนะได้ด้วยการหลีกเลี่ยงหรือพุ่งผ่านทัณฑ์สายฟ้าขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง และจากนั้นก็ไปกระแทกประตูเซียนให้เปิดออกในท่ามกลางกลุ่มสายฟ้าที่ฟาดลงมา

คนทั้งหมดต่างก็ใช้วิธีการเดียวกัน ตานกุ่ย, ฝานตงเอ๋อร์ และฟางเว่ยต่างก็กระทำเช่นเดียวกัน เหมือนกับผู้ถูกเลือกอื่นๆ ทั้งหมดที่เพิ่งจะก้าวเข้าไปเป็นเซียนแท้เมื่อเร็วๆ นี้

เมื่อเปิดประตูเซียนได้ แสงเซียนก็จะสาดส่องลงมา และกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็จะกระจัดกระจายหายไป

ในตอนนี้สีหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งขณะที่เกิดความคิดนั้นขึ้นมา กลิ่นอายอันดุร้ายพุ่งขึ้นไปกระจายเป็นความทรนงออกมา ขณะที่มองไปยังหัตถ์ยักษ์และจากนั้นก็ต่อยหมัดออกไป

“ข้าจะก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งเซียนแท้! ถ้าสวรรค์ยอมรับ ก็ดีไป! แต่ถ้าไม่ยอมรับ ก็จำต้องยอม! นั่นคือเส้นทางการกลายเป็นเซียนที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ ของข้า! ดังนั้นข้าควรจะจัดการเรื่องราว…ด้วยวิธีการที่เหนือกว่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์!”

“สำหรับข้าแล้ว มีแต่เป็นเซียนหรือตายไปเท่านั้น!” เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงกู่ร้องอย่างยาวนานออกมา ขณะที่พุ่งขึ้นไปราวกับเป็นดาวตกตรงไปยังหัตถ์ยักษ์ เมื่อทั้งสองกระแทกเข้าหากัน เสียงระเบิดก็ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง อากาศแตกกระจายไป และหัตถ์ยักษ์ก็พังทลายลงมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เส้นผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง แต่อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็พุ่งขึ้นมา และจากนั้นแสงสีโลหิตก็หมุนวนอยู่รอบๆ ร่าง ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกสีโลหิต ซึ่งได้กลายเป็นศีรษะอสูรโลหิตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ศีรษะอสูรโลหิตแวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ และสายฟ้าอันไร้จุดสิ้นสุดที่ด้านบน โดยที่ด้านในของศีรษะอสูรโลหิตเป็นเมิ่งฮ่าว ได้กระแทกเข้าไปในกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง รอยแตกขนาดใหญ่ได้เปิดออกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็ม้วนตัวไปมา และเริ่มซ่อมแซมตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่…ผลของการทำลายล้างและซ่อมแซมตัวเองอย่างต่อเนื่องจนการเป็นวงจรไปเช่นนี้ ได้ทำให้จำนวนของกลุ่มเมฆลงทัณฑ์บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องลดลงไป!

กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ไม่ได้มีจำนวนมากมายอย่างไร้จุดสิ้นสุด ขณะที่เมิ่งฮ่าวทำลายพวกมันไป ก็เริ่มมีจำนวนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าถ้ามีใครมาโจมตีพวกมันไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดกลุ่มเมฆลงทัณฑ์อันน่าตกใจนี้ก็จะ…กระจัดกระจายหายไปโดยสิ้นเชิง

สิ่งเช่นนี้ไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดทั้งหลายปีที่ผ่านมา!

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่า…มันไม่อาจจะเกิดขึ้นมาได้!

ความคิดบ้าๆ ของเมิ่งฮ่าวที่เพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้ากลุ่มเมฆลงทัณฑ์ต้องการจะขัดขวางเส้นทางไปของเขา…เขาก็จะกวาดล้างพวกมันไปให้หมดสิ้น! เขาจะทำลายล้างพวกมันไม่ให้เหลือแม้แต่ซาก!

นี่คือความทรนง!

นี่คือวิธีการจัดการกับสิ่งต่างๆ! เมื่อต้องกลายเป็นเซียนแท้ มีเพียงทางเดียวก็คือทำให้มันดูยิ่งใหญ่ตระการตา!

ศีรษะอสูรโลหิตพังทลายลงไป และเมิ่งฮ่าวก็ลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ ถูกห้อมล้อมด้วยสายฟ้าจำนวนมาก แต่ละสายที่ฟาดลงมาทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน แต่กายเนื้อเซียนแท้ก็สามารถจะต่อต้านได้อย่างง่ายดาย อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ทำการรักษาฟื้นฟูร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นไป ภาพแห่งธรรมทำการโจมตีไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์อย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ

หนึ่งหมัด! อีกหมัด! และอีกหมัด!

สีสันแวบขึ้นไปในท้องฟ้า และสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าวก็ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาถูกสายฟ้าฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด เขายังคงพุ่งตรงขึ้นไปและโจมตีไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

กลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน และในเวลาเดียวกันนั้นก็เริ่มหดตัวเล็กลงไปจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน!

ภาพที่เห็นนี้ทำให้กลุ่มคนในตระกูลฟางทั้งหมด ต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงอย่างที่ไม่อาจจะพูดจาใดๆ ออกมาได้

ผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมดบนดาวตงเซิ่ง ที่กำลังมองดูอยู่ ต่างก็หอบหายใจออกมายังภาพอันน่าตกใจนี้อย่างที่ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้

ฟางเว่ยจ้องมองไปด้วยความประหลาดใจ รังสีสังหารในแววตามันยิ่งมีความเข้มข้นจนถึงระดับที่น่าตกใจยิ่ง คิดอยู่ในใจว่า

“มันประเมินตัวเองสูงส่งเกินไปแล้ว!”

ฟางซิ่วซานจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง หอบหายใจออกมา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่มันกำลังมองเห็นอยู่นี้

ดวงตาของผู้เฒ่าสูงสุดเบิกกว้างขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว มันแทบจะรู้สึกราวกับว่ากำลังมองไปยังท่านปู่ของเมิ่งฮ่าว หรือว่าเป็นบิดาของเขาฟางซิ่วเฟิง คนทั้งสองนี้ต่างก็เป็นคนที่ทำให้มันรู้สึกได้ถึงความบ้าคลั่งเช่นนี้

ใต้พื้นดินตระกูลฟาง เจ็ดปรมาจารย์เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์รุ่นที่เจ็ด ซึ่งค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเมิ่งฮ่าวแล้ว ในตอนนี้มันได้มองขึ้นไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ชื่นชมและยอมรับ

“การกลายเป็นเซียนแท้ที่แกร่งกล้า จะต้องมีเจตจำนงที่กล้าแกร่ง” ปรมาจารย์ปฐพีแห่งตระกูลฟาง ซึ่งเป็นสายโลหิตหลักเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น เสียงของมันแผ่วเบาและดวงตาก็ประกอบไปด้วยความชื่นชมอย่างลึกล้ำ “เด็กผู้นี้…คงจะทำได้สำเร็จ!”

ตระกูลฟางกำลังสั่นสะเทือน ผู้ฝึกตนในสำนักและตระกูลต่างๆ ที่โลกด้านนอกก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด

ฝานตงเอ๋อร์หอบหายใจออกมา เมื่อนางรับรู้ได้ถึงความบ้าคลั่งในตัวของเมิ่งฮ่าว คิดอยู่ภายในใจว่า

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเลือกกระทำด้วยวิธีการเช่นนี้ มัน…มันไม่มีทางจะทำได้!”

จ้าวอีฝานกำลังสะท้านอยู่ภายในใจ ซ่งหลัวตานจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หวังมู่กำลังหอบหายใจออกมา ไท่หยางจื่อมองไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง

คนทั้งหมดมีปฏิกิริยาต่อความบ้าคลั่งในการกระทำของเมิ่งฮ่าวแตกต่างกันออกไป เขากระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ในตอนนี้สายฟ้าที่ฟาดลงมาอยู่รอบๆ ตัวไม่ได้เป็นสีแดงอีกต่อไป แต่เป็นสีดำ และยังมีความแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายขณะที่เผชิญหน้ากับสายฟ้าสีดำ ภาพแห่งธรรมที่ด้านหลังเริ่มมีความสูงเพิ่มขึ้นจากเจ็ดพันจ้างเป็นแปดพันจ้าง!

เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเซียนชั้นที่แปด กำลังต่อสู้อยู่กับทัณฑ์เซียน!

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้!” เมิ่งฮ่าวคิด มองเห็นความมุ่งมั่นอยู่ในแววตา ขยับมือร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูเขาจำนวนมากปรากฏขึ้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ ขณะที่พวกมันระเบิดออก เมิ่งฮ่าวก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ที่จะทุ่มสุดตัวด้วยพลังที่มีทั้งหมดออกไป

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ พื้นดินสั่นสะเทือน และภาพแห่งธรรมที่สูงแปดพันจ้างของเขาก็โจมตีไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ ทำให้พวกมันเริ่มมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไป ยากที่จะบอกได้ว่ามีสายฟ้าสีดำมากมายเท่าใดที่ฟาดลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาได้ทำงานอย่างเต็มกำลัง และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง

แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะหยุดการโจมตีไป

กลุ่มเมฆลงทัณฑ์ขนาดใหญ่ค่อยๆ หดเล็กลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่สายฟ้าสีดำได้กลายเป็นสายฟ้าห้าสี และกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็หดเล็กลงไปสามในสิบส่วนของขนาดเดิมในตอนแรก!

ภาพที่เห็นนี้ทำให้พวกที่มองดูอยู่ทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

เส้นผมเมิ่งฮ่าวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง แต่ก็ยังดูน่าตกใจเหมือนเช่นเคย ขณะที่กำลังกระทำสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในประวัติการณ์ที่ผ่านมา!

“ถึงเวลาที่จะเข้าไปในอาณาจักรแห่ง…เซียนชั้นที่เก้าแล้ว!” เมิ่งฮ่าวที่ถูกปกคลุมด้วยสายฟ้าห้าสี เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงกู่ร้องออกมา ภาพแห่งธรรมระเบิดขึ้นไป จากความสูงแปดพันจ้างกลายเป็นเก้าพันจ้าง!

ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

“นั่นคือ…ภาพแห่งธรรมเก้าพันจ้าง ซึ่งเทียบได้กับเซียนชั้นที่เก้า! ฟางฮ่าวได้เตรียมตัวมามากน้อยเท่าใดกันแน่? มันฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนแบบใดกัน? มันยังไม่ได้เปิดประตูเซียนออกเลยแม้แต่น้อย แต่พลังของมันก็บรรลุถึงระดับอันน่าเหลือเชื่อนี้แล้ว!”

“ผู้ถูกเลือก! นั่นคือผู้ถูกเลือกที่แท้จริง! มันถึงมีความแข็งแกร่งได้เช่นนั้น! ถ้ามันก้าวเท้าเข้าไปเป็นเซียนแท้ มันก็คงจะไร้ผู้ต่อต้านอย่างแน่นอน!”

“ตอนนี้ข้าจำได้แล้ว มันมีกายเนื้อเซียนแท้! ถ้าพื้นฐานฝึกตนของมันบรรลุถึงอาณาจักรเซียนแท้ ถ้าเป็นเช่นนั้น…มันก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียน!!” เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่บนดาวตงเซิ่ง และผู้ฝึกตนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

“ใครจะมาเทียบกับมันได้? ไม่ใช่ฟางเว่ยและไม่ใช่ฝานตงเอ๋อร์ ไม่มีใครในผู้ถูกเลือกเหล่านั้นจะสามารถเทียบได้…บางทีมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถ…”

“คนเดียวเท่านั้นที่สามารถเทียบได้…ฟางมู่!”

“ฟางมู่! มันคือคนที่ได้อันดับหนึ่งในงานแข่งขันที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า!”

“การที่จะเปิดกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ออก และทำลายพวกมันไปให้สิ้นซาก…บางทีฟางมู่ก็อาจจะทำได้เช่นเดียวกัน…!”

คนทั้งหมดมองไปด้วยความตกตะลึง เมื่อภาพแห่งธรรมที่สูงเก้าพันจ้างของเมิ่งฮ่าวโจมตีไปยังสายฟ้าห้าสีด้วยหมัดของมัน กลุ่มเมฆแตกกระจายและพังทลายลงไป สายฟ้ากระจัดกระจายหายไป

ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ตามลำพังในท้องฟ้าอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปยังกลุ่มเมฆลงทัณฑ์อีกครั้ง ภาพแห่งธรรมเก้าพันจ้างของเขาฉีกกระชากพวกมันออก เท่าที่เห็นอยู่นี้ ทัณฑ์เซียนไม่ใช่สิ่งที่ไร้ผู้ต่อต้านเมื่อมันต้องมาเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว

เวลาผ่านไป กลุ่มเมฆในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวยังคงกระจัดกระจายหายไปอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้พวกมันลดลงไปประมาณสี่ในสิบส่วน สายฟ้าห้าสีไม่อาจจะต่อต้านภาพแห่งธรรมเก้าพันจ้างของเมิ่งฮ่าวได้ แต่จากนั้นสายฟ้าก็เริ่มมีเจ็ดสี!

สีทั้งเจ็ดหลอมรวมเข้าด้วยกัน และสายฟ้าก็ดูไม่เหมือนกับสายฟ้าอีกต่อไป ราวกับว่ามันจะประกอบไปด้วยพลังชีวิต และส่งเสียงกึกก้องตรงมายังเมิ่งฮ่าว เหมือนกับไม่อาจจะขัดขวางมันไว้ได้ ขณะที่ใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรง

โดยไม่ลังเลใดๆ เขาปลดปล่อยพลังจากชีพจรเซียนออกมา ภาพแห่งธรรมที่ด้านหลังเริ่มขยายขนาดจากเก้าพันจ้างเป็นหนึ่งหมื่นจ้างอย่างน่าประหลาดใจยิ่ง! ทำให้คนทั้งหมด…ตกตะลึงขึ้นอย่างถึงที่สุดโดยสิ้นเชิง!

ภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้าง!

แสงสีทองกระจายออกมา สาดส่องไปทั่วทั้งพื้นดินที่อยู่ด้านล่าง ขณะที่สายฟ้าเจ็ดสีฟาดลงมา ภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้างก็ต่อยออกไป สายฟ้าระเบิดขึ้น และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากของเมิ่งฮ่าว แต่เขาก็ยังคงลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศเหมือนก่อนหน้านี้ต่อไป

“เป็นไปไม่ได้!” จู่ๆ ฟางเว่ยก็ลุกขึ้นมายืน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง

ที่ห่างออกไปด้านข้าง ฟางซิ่วซานตกตะลึง ถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว ดวงตาเบิกกว้างขึ้น

ผู้เฒ่าสูงสุดอยู่ในกลุ่มฝูงชน จ้องมองไปยังภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าว และสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปมาหลายครั้ง พึมพำขึ้น

“มันสูงถึง…หนึ่งหมื่นจ้างจริงๆ…”

ผู้ที่มีความตื่นเต้นมากที่สุดในกลุ่มคนทั้งหมดก็คือกลุ่มสายโลหิตหลัก รวมทั้งฟางเต้าหงและฟางหลินเหอ คนทั้งสองจ้องมองขึ้นไปในท้องฟ้ายังเมิ่งฮ่าวและภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้างของเขา และพวกมันก็รู้ว่าการกลายมาเป็นผู้ติดตามของเมิ่งฮ่าว จะต้องทำให้ได้รับโชควาสนาอันน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน!

กลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟาง ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนดาวตงเซิ่ง ต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

“หนึ่งหมื่นจ้าง…มันสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้างจริงๆ! ไม่รู้ว่าฟางฮ่าวทำได้อย่างไร แต่มันก็เทียบได้กับ…เซียนชั้นที่สิบก่อนที่จะกลายเป็นเซียนแท้ด้วยซ้ำไป!”

“เซียนชั้นที่สิบ! นั่น…นั่นคืออาณาจักรแห่งตำนาน! แม้แต่ฟางเว่ยและคนอื่นๆ ก็เปิดชีพจรเซียนได้แค่เก้าสิบจุดขึ้นไปเท่านั้น ตัวฟางเว่ยเองก็เปิดได้เพียงแค่เก้าสิบแปดจุด!”

“ฟางฮ่าวผู้นี้…ถ้ามัน…ถ้ามันเปิดประตูเซียนออกได้ แล้วพวกเจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร? มันจะเปิดชีพจรเซียน…ได้เท่าใดกัน? หนึ่งร้อย?”

ทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าตื่นตระหนกไปโดยสิ้นเชิง สีหน้าฝานตงเอ๋อร์สลดลง ขณะที่นางจ้องมองไปยังแก้วผลึก หอบหายใจออกมาคล้ายกับว่านางไม่เคยได้หายใจมาก่อนในชีวิต หญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกายนางมองไปด้วยดวงตาที่สาดแสงเจิดจ้า นางรู้ดีว่าด้วยภาพแห่งธรรมหนึ่งหมื่นจ้างนั้น กลุ่มเมฆลงทัณฑ์เหล่านี้ไม่อาจจะเป็นภัยคุกคามต่อเมิ่งฮ่าวได้อีกต่อไป

แม้ว่าทัณฑ์สายฟ้าจะมีความรุนแรงมากขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรนอกไปจากเป็นทัณฑ์เซียน และจะไม่เกินกว่าพลังของอาณาจักรเซียนไปอย่างแน่นอน

จิตใจจ้าวอีฝานหมุนคว้าง และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความงุนงง

ซ่งหลัวตานจ้องมองไปด้วยความตื่นตระหนก และไท่หยางจื่อก็อ้าปากค้าง หวังมู่หอบหายใจออกมา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เช่นนั้น ซึ่งก็คือหวังเถิงเฟย ดวงตามันเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์สลดลง และหนังศีรษะของซุนไห่ก็เริ่มด้านชา

ผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ เต็มไปด้วยความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง กับภาพแห่งธรรมที่สูงหนึ่งหมื่นจ้างของเมิ่งฮ่าว

“ถ้ามันเปิดประตูเซียนได้จริงๆ…มันจะเปิดชีพจรเซียนได้กี่จุดกันแน่?!” นั่นคือคำถามที่พุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจของผู้ถูกเลือกทั้งหมด และทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความขมขื่นใจ

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ทำให้พวกมันรู้สึกว่าไร้พลังที่จะทำอะไรได้อย่างแท้จริง

สำหรับเหล่าปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ คำถามเดียวกันนี้กำลังวิ่งอยู่ในจิตใจพวกมันทั้งหมด เมิ่งฮ่าวผู้ไร้ที่เปรียบนี้ จะเปิดชีพจรเซียนได้เท่าใดกัน…?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version