ตอนที่ 978
เซียนบินผ่านท้องฟ้า!
“มันยังไม่บรรลุถึงขีดจำกัดที่แท้จริงอีก…?”
“หนึ่งร้อยสิบหกชีพจรเซียน ทำให้มันกลายเป็นผู้ถูกเลือก? ข้าติดอยู่ในอาณาจักรเซียนมานานหลายปีจนกระทั่งถึงตอนนี้ ถึงข้าจะเป็นแค่เซียนเทียม แต่ก็เปิดชีพจรได้ถึงเจ็ดสิบจุด มัน…มันกลับมีมากกว่าข้าเกือบห้าสิบจุด…”
“ขณะที่มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็แทบจะดูเหมือนว่าขุนเขาทะเลที่เก้าจะไม่ใช่ขีดจำกัดของมัน มันจะต้องมีความก้าวหน้าไปได้อีกไกล!” ขณะที่คนทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าว ความคิดที่แตกต่างกันมากมายได้พุ่งขึ้นมา บ้างก็ผิดหวัง, บ้างก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก, บ้างก็คับข้องใจ, บ้างก็อิจฉา
ฟางเว่ยหลับตาลง มันไม่ยอมมองดูอีกต่อไป สำหรับผู้ถูกเลือกจากสำนักและตระกูลต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วก็กระทำเช่นเดียวกัน มีแต่หลี่หลิงเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังคงสังเกตดูอย่างต่อเนื่อง
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำการตรวจสอบชีพจรเซียนของตนเองอย่างเงียบๆ
หนึ่งร้อยสิบหกชีพจรเซียน!
หนึ่งร้อยจุดคือตัวแทนขีดจำกัดของร่างกายเขา แปดจุดคือชีพจรปราณเซียนที่ออกมาจากตะเกียงวิญญาณสัมฤทธิ์
สองจุดเป็นของกำนัลจากพลังภายนอก เป็นพลังที่ถูกฝังอยู่ภายในร่างเขา
อีกสองจุดได้ก่อตัวขึ้นมาจากความสามารถศักดิ์สิทธิ์ และพื้นฐานฝึกตนของตัวเอง กลายเป็นชีพจรเวทเซียน!
สี่จุดสุดท้ายแตกต่างกันออกไป พวกมันเป็นชีพจรที่ก่อตัวขึ้นมาจากผู้ผนึกอสูร และไม่ใช่ชีพจรเซียนที่แท้จริง แต่เป็น…ชีพจรผู้ผนึกอสูร!
นี่คือขีดจำกัดของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ เขาลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกของประตูเซียน มองออกไปยังมังกรเซียนหนึ่งร้อยสิบหกตัวที่กำลังบินไปมาอย่างร่าเริงอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เขาไม่เคยคาดคิดว่าการเปิดประตูเซียนของตนเองจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาได้เช่นนี้มาก่อน
“การเตรียมตัวคือกุญแจแห่งความสำเร็จ…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ขณะที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ เขาก็ตระหนักว่าในการเปิดประตูเซียน เขาได้ปลดปล่อยโชควาสนาและโชคชะตาทั้งหมดในชีวิตของตนเองออกมา
คล้ายกับเป็นบุปผาที่เบ่งบานอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
“เตีย, เหนียง พวกท่านอยู่บนดาวหนานเทียน แต่ก็ได้เห็นสิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่ในที่แห่งนี้ใช่หรือไม่…?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น มองออกไปยังทิศทางของดาวหนานเทียน
“บุตรชายของท่านไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียหน้าใดๆ ข้าอยู่ที่นี่…เป็นดวงตะวันอันเจิดจ้า กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งมวล”
เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าการกระทำของเขาในตอนนี้ กำลังทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสะท้านใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ถูกเลือกที่เป็นเซียนแท้ จำนวนชีพจรเซียนที่เขาเปิดออก ได้แทงลึกเข้าไปในจิตใจของพวกมัน
แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้สนใจ เป้าหมายของเขาไม่เคยจะไล่ตามผู้ใด เขามีเป้าหมายอยู่ที่การเอาชนะตนเองให้ได้เท่านั้น
“ข้าคิดว่า…สามารถจะเปิดชีพจรเพิ่มได้อีกหนึ่งจุด!” ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงก่ำ แต่ก็สาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ด้านล่างของประตูเซียน ราวกับเป็นกระบี่อันคมกริบที่หลุดออกมาจากฝัก
แทบจะในทันทีที่ดวงตาเขาเริ่มสาดประกายขึ้น ก็มีบางสิ่งได้เกิดขึ้นอยู่ในสำนักบนขุนเขาที่เก้า
ภายในสำนักเป็นอาคารสิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วน ถูกแบ่งออกเป็นสิบเขต แต่ละเขตเต็มไปด้วยกลุ่มฝูงชน พวกมันทั้งหมดอยู่ในท่ามกลางการฝึกตน
ทั่วทั้งสำนักดูเหมือนจะก่อตัวเป็นเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งได้กระจายแรงกดดันที่ทำให้หายใจแทบจะไม่ออก แม้จะอยู่ในที่ห่างไกลก็ตามที มันเป็นสำนักที่มองไปแล้วก็รับรู้ได้ว่า ได้คงอยู่มานานหลายชั่วคนแล้ว
อาคารบ้านเรือนทั้งหมดดูเหมือนจะกระจายความรู้สึกแห่งกาลเวลาออกมา ราวกับว่าพวกมันได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ถ้าตรวจสอบดูแหล่งกำเนิดของอาคารบ้านเรือนเหล่านี้ ก็จะพบว่า…พวกมันมีอายุมากกว่ายุคของราชันจี้หรือแม้แต่ราชันหลี่ก็ตามที พวกมันคงอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้ามาตราบนานเท่านาน
ที่นี่ก็คือ เซียนกู่เต้าฉ่าง! (พิธีเต๋าเซียนโบราณ)
นี่คือกลุ่มเต๋าที่สำคัญมากที่สุดในสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า!
นี่เป็นสำนักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถจะทำให้ตระกูลจี้ต้องยั้งมือหยุดการโจมตีไป เป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดซึ่งคงอยู่บนขุนเขาที่เก้า
ในท่ามกลางเขตทั้งสิบของสำนักนั้น เป็นเขตส่วนรวมสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งถูกปูด้วยแผ่นศิลาสีเขียว กระจายกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกไปทั่วทุกทิศทาง
ในตอนนี้ มีชายชราสี่คนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทุกคนกระจายพลังแห่งอาณาจักรเต๋าออกมา ไม่ว่าใครในคนทั้งสี่สามารถจะทำให้ทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะเทือนขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
“เด็กผู้นี้มีโชคชะตาที่เชื่อมต่อกับเซียนกู่เต้าฉ่าง” หนึ่งในพวกมันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เก่าแก่โบราณ “จากกฎเต๋าของพวกเรา ถ้ามันสามารถเปิดชีพจรได้หนึ่งร้อยสิบเจ็ดจุด พวกเราก็จะปลดปล่อยพลังแห่งพิธีเต๋าออกไป ช่วยให้มันสร้างชีพจรเต๋าเซียนโบราณขึ้นมาได้”
ชายชราอีกสามคนพยักหน้า
“มาดูกันว่ามันจะมีโชควาสนาเพิ่มขึ้นมาได้หรือไม่ ตอนนี้มันมีชีพจรหนึ่งร้อยสิบหกจุดแล้ว มันจะสร้างชีพจรจุดที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ดและของพวกเราเพิ่มขึ้นมาอีกสองจุดได้หรือไม่…?”
“ตำนานได้กล่าวไว้ว่าตี้จ้างต้าจุนแห่งขุนเขาทะเลที่สี่ เปิดชีพจรเซียนได้หนึ่งร้อยยี่สิบจุด!”
“ถ้ามันเปิดได้เพิ่มอีกหนึ่งจุด และได้รับจากพวกเราไปอีกหนึ่งจุด ก็จะทำให้มันมีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบแปดจุด จนไม่อาจจะรู้ได้ว่าอนาคตของมันจะเป็นเช่นไร แต่ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะเหนือกว่าตี้จ้างต้าจุนได้ เด็กผู้นี้ได้บรรลุถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะช่วยให้มันเพิ่มขึ้นมาได้อีกหนึ่งจุด มันก็คงไม่อาจจะเหนือกว่าได้”
“มาดูกันว่าโชคชะตาของมันจะเป็นเช่นใด และสามารถจะมีโชควาสนาได้มากมายแค่ไหน…ถ้าไร้วาสนาก็คงไม่อาจจะทำได้!”
ในเวลาเดียวกันนั้นขณะที่เซียนกู่เต้าฉ่าง กำลังตัดสินใจที่จะช่วยเมิ่งฮ่าว เขาได้ลอยตัวอยู่ที่ด้านนอกของดาวตงเซิ่ง อยู่ที่ด้านล่างของประตูเซียน ดวงตาสาดประกายขึ้นอย่างเข้มข้น เส้นเลือดฝอยกระจายไปทั่วในดวงตาที่ส่องแสงแห่งความมุ่งมั่นอย่างรุนแรงออกมา
“ข้าใช้เวทผนึกอสูรอันยิ่งใหญ่ออกมาสี่เวท เพื่อสร้างเป็นชีพจรเซียนขึ้น แต่เมื่อมองไปยังความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวทอื่นๆ ของข้าแล้ว ข้าจะสามารถทำสิ่งเดียวกันนี้กับหนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาวได้หรือไม่?” แสงดาวเริ่มสาดประกายอยู่ในดวงตาด้านซ้ายของเมิ่งฮ่าว แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการอย่างไรก็ตามที ก็ไม่อาจจะทำให้มันก่อตัวเป็นจุดชีพจรขึ้นมาได้
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องหยุดความพยายาม ที่จะทำสิ่งเดียวกันนี้กับความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ทั้งหมดที่มี เขาได้ลองกระทำกับพวกมันทั้งหมด แต่ก็น่าเศร้านักที่ไม่มีสิ่งใดเลยจะทำให้เขาสามารถสร้างเป็นชีพจรเซียนขึ้นมาได้
ทั้งหมดล้มเหลวไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่หนึ่งรำพึงกลายเป็นดวงดาว
“ยังมีความสามารถศักดิ์สิทธิ์อีกอย่าง…” เมิ่งฮ่าวคิด เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ
“สุดยอดสะพาน! ข้าสามารถใช้ภาพสะท้อนของสุดยอดสะพาน ช่วยสร้างเป็นสุดยอดชีพจรเซียน!” โดยไม่ลังเลอีกแม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยพลังของสุดยอดสะพานออกมา ในทันทีที่พลังนั้นกระจายออกไป เขาก็กระอักโลหิตออกมา การที่เมิ่งฮ่าวใช้มันซ้ำอีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ทำให้เกิดเป็นพลังสะท้อนกลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ในช่วงเวลานี้ แสงเซียนเริ่มจางหายไป ราวกับว่ามันรับรู้ได้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะเปิดชีพจรเซียนเพิ่มขึ้นมาได้อีกแล้ว
ในที่สุดมันก็หายไปโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวกลายเป็นสีดำสนิท และประตูเซียนก็เริ่มปิดลงและจางหายไปอย่างช้าๆ ไม่มีปราณเซียนกระจายออกมาอีก ดูคล้ายกับว่ามันจะหายไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวได้แทบทุกเมื่อ
“วาสนาไม่ถึง” สี่ชายชราในเซียนกู่เต้าฉ่างถอนหายใจออกมา ชีพจรเซียนเต๋าโบราณของพวกมัน ไม่ใช่สิ่งที่จะส่งมอบให้ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมอบให้กับคนที่สามารถเปิดชีพจรได้หนึ่งร้อยสิบเจ็ดจุดเท่านั้น นี่คือกฎแห่งเต๋าของเซียนกู่เต้าฉ่างที่ต้องปฏิบัติตามสืบต่อกันมา
ในตอนนี้เองที่กลุ่มฝูงชนมากมาย ซึ่งอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็ถอนหายใจอย่างยาวนานออกมา เมิ่งฮ่าวไม่ใช่มนุษย์ไปโดยสิ้นเชิงและช่างน่ากลัวยิ่ง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้จบลงไปแล้ว กลุ่มคนเริ่มฟื้นคืนกลับมาจากความตื่นตระหนกทั้งหมด
“หนึ่งร้อยสิบหกจุดก็เกินพอแล้ว!”
“ชีพจรเซียนจำนวนเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามต้องหวาดกลัว”
“ช่างน่าเสียดายนัก ข้าหวังว่าจะได้เห็นมันเปิดออกได้อีกจริงๆ…หือ? เกิด…เกิดอะไรขึ้น?” ในท่ามกลางเสียงพูดคุยทั้งหมด เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกก็ดังก้องออกมาจากเขตพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป
เสียงหอบหายใจได้ยินมา ขณะที่คนทั้งหมดมองไปยังเมิ่งฮ่าว ในตอนนั้นเองที่ประตูเซียนซึ่งกำลังจะปิดลง และจางหายไปตราบชั่วกาลนาน จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ชูสองมือขึ้นไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันนั้น มังกรเซียนทั้งหนึ่งร้อยสิบหกตัว ก็ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน ขณะที่มังกรหนึ่งร้อยสิบหกตัวได้พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่พวกมันกระแทกเข้าไปในร่างเขาและจากนั้นก็หายตัวไป กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวเริ่มระเบิดขึ้น ขณะที่พลังของชีพจรเซียนหนึ่งร้อยสิบหกจุดถูกปลดปล่อยออกมา
“สุดยอดสะพาน ปรากฏขึ้น!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงจ้า ขณะที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถรวบรวมได้ออกมา เงยหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ร่างกายสั่นสะท้านและเสียงกระหึ่มก็ได้ยินมา ผิวหนังระเบิดขึ้นมองเห็นเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อ ขณะที่สุดยอดสะพานได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่ภายในร่างเขา
ในเวลาเดียวกับที่สุดยอดสะพานได้ปรากฏขึ้น ประตูเซียนที่เลือนรางไปก็หยุดชะงักนิ่ง จากนั้นก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่ในทันที แสงเซียนกระจายออกมา ปราณเซียนอันเข้มข้นพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ปราณเซียนอันไร้ขอบเขตไหลซึมเข้าไปภายในร่างเขา ทำให้สุดยอดสะพานได้กลายเป็นชีพจรเซียน คนทั้งหมดที่มองดูอยู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และสี่ชายชราซึ่งอยู่ในเซียนกู่เต้าฉ่างก็มองไปอย่างใกล้ชิด
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ร่างกายเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยระลอกคลื่นแห่งความเจ็บปวด ขณะที่ความเจ็บปวดนั้นท่วมท้นอยู่ในจิตใจ เขาก็กัดฟันแน่นและบังคับให้สุดยอดชีพจรเซียนตกผลึกแข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในสิบส่วน, สองในสิบส่วน, สามในสิบส่วน…
โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และสายตาของเขาก็พร่าเลือน กัดฟันแน่นบังคับให้ชีพจรเซียนทั้งหนึ่งร้อยสิบหกจุดระเบิดพลังออกมา
สี่ในสิบส่วน, ห้าในสิบส่วน, หกในสิบส่วน, เจ็ดในสิบส่วน…
“เปิดออก!” เมิ่งฮ่าวร้องคำราม เกิดเป็นเสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจขึ้น ขณะที่เขาค่อยๆ บรรลุถึงแปดในสิบส่วน จากนั้นก็เก้าในสิบส่วนอย่างช้าๆ…ในที่สุดชีพจรเซียนของเขาก็บรรลุถึงสิบส่วนเต็มโดยสมบูรณ์!
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน กลุ่มผู้ชมนับไม่ถ้วนตกอยู่ในความตื่นตระหนก ผู้คนมากมายที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ได้ลุกขึ้นมายืนอย่างฉับพลัน ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ในท่ามกลางเสียงแตกร้าว แสงเซียนได้หมุนวนไปมา และชีพจรเซียนจุดที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ดก็ได้ก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้นมังกรเซียนตัวที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ดก็ปรากฏขึ้นที่ด้านนอกของประตูเซียน ดูน่าตกใจอย่างถึงที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น มังกรเซียนที่ปรากฏขึ้นนี้ก็กระจายกลิ่นอายแห่งผู้ยิ่งใหญ่ออกมา ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นมังกรเซียนผู้ยิ่งใหญ่!
ภายในเซียนกู่เต้าฉ่าง สี่ชายชรามองไปด้วยแสงแปลกๆ ที่สาดประกายอยู่ในดวงตา หลังจากที่สบตากันไปมา พวกมันก็เริ่มยิ้มขึ้นมาด้วยความมุ่งหวัง
“ปลดปล่อยพลังแห่งพิธีเต๋าเซียนโบราณออกมา หลอมรวมเจตจำนงของผู้ฝึกตนพิธีเต๋า เพื่อเรียกเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีเต๋าโบราณ…”
“ช่วยประทานจุดชีพจรให้!”
สี่ชายชราเริ่มขยับมือร่ายเวทขึ้นมาอย่างฉับพลัน เสียงกระหึ่มอย่างเข้มข้นได้ยินมา ขณะที่สี่กระแสปราณอันน่าตกใจได้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ในเวลาเดียวกันนั้น เจตจำนงแห่งบรรพกาลก็กระจายออกไปจากโครงสร้างทั้งหมดในสำนัก
เสียงแตกร้าวได้ยินมา ขณะที่พื้นดินระหว่างสี่ชายชราฉีกขาดออก เพื่อก่อตัวเป็นตัวอักษร ‘口’ (โข่ว แปลว่าปาก)
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในพิธีเต๋าตกอยู่ในความงุนงง ขณะที่ได้ยินเสียงพูดอยู่ภายในหู พวกมันนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มสวดท่องคัมภีร์เต๋าออกมา เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง
พื้นดินสั่นสะเทือน ขณะที่กระถางสี่เหลี่ยมขนาดยักษ์ เริ่มลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ด้านในของกระถางเป็นม้วนภาพที่กลายเป็นสีเหลืองไปด้วยความเก่าแก่ของมัน ราวกับว่ามันได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ม้วนภาพนั้นประกอบด้วยบุคคลสามคน
หนึ่งหญิงสาว, หนึ่งบุรุษวัยกลางคน และหนึ่งชายชรา
หญิงสาวนางนั้นมีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ พร้อมกับรอยยิ้มที่งดงามราวบุปผา บุรุษวัยกลางคนมีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่บนใบหน้า และพลังกำลังพุ่งขึ้นไป แสงในดวงตาดูเหมือนจะประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สำหรับชายชรามีท่าทางที่สูงส่งและสง่างาม จนดูคล้ายกับเป็นเทพเซียน แต่กำลังขมวดคิ้วอยู่ ถ้ามองดูที่คิ้วของท่านอย่างละเอียด ก็จะต้องตกใจยิ่งเมื่อพบว่า…คิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่นั้นได้ทำให้เกิดเป็นตัวอักษร ‘仙’ (เซียน) ขึ้นมา!
ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ในที่แห่งนี้ จิตใจคงจะต้องหมุนคว้างขึ้นด้วยความตกตะลึงอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะว่า…หญิงสาวที่อยู่ในภาพวาดนี้คือ…ผู้ยิ่งใหญ่ในชุดขาวจากเศษซากเซียน!
แสงอันอ่อนโยนกระจายออกมาจากภาพวาด เต็มไปทั่วทุกอาณาเขต ท้องฟ้าที่ด้านบนของเซียนกู่เต้าฉ่างได้กลายเป็นโลกแห่งภาพลวงตาไป
ภายในโลกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน กำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ รับฟังคำเทศนาเกี่ยวกับเต๋า ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้าของพวกมันทั้งหมด
ชายชราผู้นั้นเป็นชายชราคนเดียวกับที่อยู่ในม้วนภาพวาด ท่านได้โบกสะบัดมืออย่างเฉยเมย ทำให้ตัวอักษร ‘仙’ (เซียน) ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น
ไม่อาจจะอธิบายถึงพลังอันน่าตกใจ ที่กระจายออกมาจากตัวอักษรนี้ได้ ซึ่งดูเหมือนจะสามารถสะกดข่มสวรรค์และปฐพีลงได้
มันกระจายแสงออกมาอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในทันที เกิดเป็นลำแสงระยิบระยับขึ้น ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังดาวตงเซิ่งและเมิ่งฮ่าว!