บทที่ 1014 ตราคำสั่งสวรรค์
“จงแสดงสถานะออกมา ที่นี่คือค่ายกลข้ามมณฑล นอกเหนือจากสำนักสามดาวระดับสุดยอดและราชวงศ์แล้ว ผู้อื่นห้ามเข้าใกล้!”
องครักษ์เกราะดำกลุ่มหนึ่งรีบเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นจ้าวเฟิงและพวก
พวกจ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย
เกรงว่าสมาชิกทั่วไปของสำนักสามดาวระดับสุดยอดและราชวงศ์ ล้วนไม่สามารถใช้ค่ายกลข้ามมณฑลนี้
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจสูดลมหายใจลึก
สำหรับเขาแล้ว สำนักสามดาวระดับสุดยอดและราชวงศ์ต่างเป็นคนระดับสูงของดินแดนทวีป สูงเกินกว่าจะเอื้อม
“พวกเราเป็นคนของตระกูลจีที่เป็นแปดตระกูลใหญ่ ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหอควันสมุทร!”
จีเทียนหมิงเปิดปาก
“แปดตระกูลใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอควันสมุทร จ้าวเฟิง?”
หัวหน้าขององครักษ์เกราะดำกลุ่มนี้แววตาวาววับ ห้วงความคิดลอยออกไปด้านนอก
ด้านหน้าตำหนักค่ายกลข้ามมณฑล ชายวัยกลางคนร่างกำยำในเกราะสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทุกคน กลิ่นอายกดดันที่ไร้รูปร่างกระจายตัวในอากาศ
‘ร่างกายแข็งแกร่งเหลือเกิน แตะขั้นปฐมเซียนแล้ว!’
จักรพรรดิเกล็ดปีศาจตื่นตระหนกในใจ เพียงแค่เผชิญหน้ากับชายเกราะดำผู้นี้ เขาก็รู้สึกกดดันทั่วร่าง
กำลังรบของชายเกราะดำ บางทีอาจจะยังสูงส่งเสียยิ่งกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักคฤหาสน์เทพ
“พวกเจ้ามีเรื่องอะไร?”
ชายวัยกลางคนสวมเกราะดำผู้นี้เปิดปากถาม
เห็นได้ชัดเลยว่าตระกูลจีที่เป็นแปดตระกูลใหญ่ยังพอจะมีหน้ามีตาอยู่บ้าง อีกอย่างชื่อเสียงของจ้าวเฟิงก็โด่งดังไม่เบา
“พวกข้าอยากจะใช้ค่ายกลข้ามมณฑล!”
จ้าวเฟิงแจงเหตุผล
“พวกเจ้ามีคำสั่งอนุญาตของราชวงศ์หรือสำนักสามดาวระดับสุดยอดรึไม่?”
ชายเกราะดำถาม
ถึงจะเป็นราชวงศ์ ก็มีเพียงผู้ที่ฐานะสูงส่งเท่านั้นถึงจะใช้ค่ายกลข้ามมณฑลได้
เพียงแต่มีข้อยกเว้นเช่นกัน คำสั่งอนุญาตคือวิธีหนึ่งในนั้น
“หากไม่มีก็ไม่สามารถใช้ค่ายกลข้ามมณฑลได้!” ชายเกราะดำเอ่ยอย่างขึงขัง
ตระกูลจีทั้งสามคนห่อเหี่ยวไม่น้อย
จ้าวเฟิงครุ่นคิดเล็กน้อย ที่นี่อยู่ห่างจากวังหลวงไม่มากนัก แต่เขาก็ไม่มีคนคุ้นเคยอยู่ในราชวัง
“แบบนี้ได้หรือไม่?”
ในมือจ้าวเฟิงปรากฏตราคำสั่งมังกรทองสี่เหลี่ยมจัตุรัสชิ้นหนึ่งในฉับพลัน ดวงตามังกรสองข้างเปล่งประกายแวววับ ทันใดนั้น พลังชะตามังกรไร้รูปร่างทั่วบริเวณมารวมตัวกันที่ป้ายดังกล่าว
นี่คือตราคำสั่งที่องค์ชายเก้าให้จ้าวเฟิงหลังจากการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลงไป พูดเอาไว้ว่าถึงวังหลวงจะอยู่ในช่วงไม่ปกติ ก็ยังสามารถเข้าออกได้ทุกเวลา
จ้าวเฟิงหยิบตราคำสั่งออกมาในตอนนี้เพื่อจะลองหยั่งเชิงดู
“นี่มันตราคำสั่งสวรรค์!” ชายเกราะดำสีหน้ากระตุกน้อยๆ
“คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจ้าวจะมีตราคำสั่งสวรรค์! จีเทียนหมิงมีสีหน้าตื่นตะลึง
จีหลานและจีอู๋เหยี่ยเองก็ตื่นตระหนกนัก มองตราคำสั่งมังกรทองในมือจ้าวเฟิง
“ดูท่าตราคำสั่งนี้จะเลอค่ากว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก!” จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงมูลค่าของตราคำสั่งนี้
“ในเมื่อเจ้ามีตราคำสั่งสวรรค์ ก็น่าจะมีสิทธิ์ใช้ค่ายกลนี้ได้!”
ชายเกราะดำนำจ้าวเฟิงและพวกเข้าไปภายในตำหนัก
ในขณะที่เดินไป จีเทียนหมิงบอกเล่าความเป็นมาเกี่ยวกับตราคำสั่งสวรรค์ของจ้าวเฟิง
ตราคำสั่งสวรรค์มีเพียงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ถึงจะมีสิทธิ์มอบให้ผู้อื่น โดยปกติแล้วมักจะมอบให้กับผู้มีอำนาจสูงส่งของราชวงศ์หรือไม่ก็องค์ชาย มีความหมายไม่ธรรมดา อีกทั้งตราคำสั่งสวรรค์ยังมีประโยชน์เล็กน้อย สามารถเพิ่มพลังชะตามังกรให้กับผู้ที่ห้อยมันเอาไว้หนึ่งส่วน และตราคำสั่งสวรรค์ชิ้นนี้ในมือจ้าวเฟิงคือตราคำสั่งสวรรค์ขององค์ชายเก้า เท่ากับเป็นความประสงค์จากตัวขององค์ชายเก้าเอง
แต่เดิมถึงจะเป็นตราคำสั่งสวรรค์ ก็ยังมีคุณสมบัติไม่ถึงขั้นใช้ค่ายกลขนส่งได้
แต่กับองค์ชายเก้านั้นต่างออกไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขาเป็นองค์รัชทายาท จึงทำให้มูลค่าตราคำสั่งสวรรค์สูงส่งขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
“รายงานผู้อาวุโส จ้าวเฟิงมีตราคำสั่งสวรรค์ขององค์ชายเก้า อยากจะใช้ค่ายกลข้ามมณฑล!”
ชายเกราะดำเอ่ยอย่างนอบน้อม
“อนุญาติ!” น้ำเสียงชราสะท้อนไปทั่วตำหนัก
แววตาจ้าวเฟิงเป็นประกาย มองผู้เฒ่าที่นั่งขัดสมาธิในห้องหนึ่งด้านหลังตำหนัก
“เชิญตามข้ามาเพื่อทำการจดบันทึก?” ชายเกราะดำเอ่ยปาก
แต่เดิมไม่มีสิทธิ์ในการใช้ค่ายกลข้ามมณฑล ทว่าสามารถใช้ค่ายกลได้เพราะวิธีการอื่นๆ จึงจำเป็นต้องจดบันทึกเอาไว้ให้ครบถ้วน
หลังจากจดบันทึกเสร็จแล้ว จึงจ่ายผลึกเริ่มต้นระดับสุดยอดในชั้นนภา ในที่สุดจ้าวเฟิงและพวกก็สามารถใช้ค่ายกลนี้ได้
วิ้ง! บนแท่นโบราณขนาดใหญ่ เปล่งแสงสว่างขาวกระจ่างแวววับ ลวดลายค่ายกลสีเงินนับไม่ถ้วนแผ่ขยายจนเต็มแท่นค่ายกล ร่างของทุกคนถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีขาววูบวาบ แล้วจึงค่อยๆ อ่อนแสงลงไป
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ณ เมืองขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในมณฑลเฟิง
วิ้ง! จ้าวเฟิงและพวกปรากฏกายขึ้นบนแท่นค่ายกลอันเก่าแก่
ในขณะที่เพิ่งปรากฏกายขึ้น จักรพรรดิเกล็ดปีศาจและลูกศิษย์ตระกูลจีรู้สึกไม่สบายตัว เกือบจะทรุดไปกองบนพื้น
เมื่อใช้ค่ายกลข้ามมณฑล การเปลี่ยนแปลงของระยะทางมิติ แรงกดดันที่ไม่สมดุลเช่นนั้นรุนแรงเกินไป ขนาดจ้าวเฟิงยังรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก
สถานที่ที่ทุกคนปรากฏกายขึ้นเป็นตำหนักวิญญาณของเมืองหนึ่งในมณฑลเฟิง แท่นค่ายกลขนส่งใต้ฝ่าเท้าเป็นค่ายกลข้ามเมืองธรรมดา
“ดูแล้วค่ายกลข้ามมณฑลทำได้แค่ขนส่งทางเดียว”
จีอู๋เหยี่ยเอ่ยพึมพำ
พูดได้ว่า ค่ายกลข้ามมณฑลสามารถเชื่อมต่อกับค่ายกลขนส่งธรรมดาของมณฑลใหญ่อื่นๆ แต่ทุกคนกลับไม่อาจใช้ค่ายกลนี้เคลื่อนย้ายไปที่ค่ายกลข้ามมณฑลของเมืองหลวงได้
“มณฑลเฟิง!” จ้าวเฟิงอ่านอักษรสองตัวเบาๆ
ที่นี่เป็นทำเลของตระกูลตวนมู่ ถึงแม้ตระกูลตวนมู่จะเคืองแค้นจ้าวเฟิง ก็ไม่สามารถขัดขวางไม่ให้เขาใช้ค่ายกลดังกล่าวได้
สำหรับเรื่องการหมั้นหมาย จ้าวหยูเฟยยังคงไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่จ้าวเฟิงเชื่อว่าตระกูลตวนมู่คงจะปกปิดได้ไม่นาน
“ออกเดินทางได้ !”
ทุกคนนั่งบนพาหนะเพลิงวายุ ไอเพลิงเจ็ดสีเส้นหนึ่งลากยาว จากไปด้วยความเร็วอย่างยิ่ง
ก่อนจะออกจากตำหนักวิญญาณ แขนซ้ายของจ้าวเฟิงขยับน้อยๆ ใช้มนตราอากาศทิ้งสัญลักษณ์หนึ่งเอาไว้
ในความเป็นจริงแล้ว ทุกครั้งที่ไปถึงอีกมณฑลหนึ่ง จ้าวเฟิงก็จะทำเช่นนี้เสมอ
หากเป็นเช่นนี้ ในภายหน้าจ้าวเฟิงไม่ต้องใช้ค่ายกลขนส่ง ก็ใช้มนตราอากาศข้ามไปยังแต่ละมณฑลได้ทันที ทว่าด้วยความสามารถในตอนนี้ของจ้าวเฟิง คิดจะข้ามระยะทางระหว่างมณฑลก็ยังค่อนข้างยากลำบาก นับประสาอะไรกับมีผู้ร่วมทางด้วย
เนื่องด้วยใช้ค่ายกลข้ามมณฑล เส้นทางในการเดินทางไปยังสนามรบแนวหน้าก็พลันหดสั้นลง บวกกับความเร็วจนถึงขีดสุดของพาหนะเพลิงวายุ ใช้เวลาไม่ถึงสามเดือน พวกเขาก็จะไปถึงจุดหมายปลายทาง
ทุกคนพากันตื่นเต้นอย่างประหลาด
……
ตลอดทาง คนอื่นที่เหลือต่างมีพัฒนาการไม่น้อยจากการชี้แนะของจ้าวเฟิง
หนึ่งในนั้น จักรพรรดิเกล็ดปีศาจพัฒนาไปมากที่สุด
ของที่เขาได้มาจากภายในสุสานเซียนแห่งนั้นก็คือมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ของที่สำนักคฤหาสน์เทพได้มาคือ วิชามรดกและเคล็ดวิชา แต่ตอนนี้ทั้งหมดนั้นตกเป็นของเขาแล้ว บวกกับจ้าวเฟิงมอบทรัพยากรฝึกตนส่วนหนึ่งให้กับเขา ตอนนี้จักรพรรดิเกล็ดปีศาจยังสามารถสำแดงพลังกึ่งหนึ่งของมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ออกมา กำลังรบเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ภายในมนตราอากาศ
ร่างของจ้าวเฟิงจึงปรากฏขึ้นในฉับพลัน ในละแวกใกล้เคียงปรากฏต้นไม้แห้งและท่อนไม้ที่มอดไม้ดำเมี่ยม
เดิมทีจ้าวเฟิงได้สร้างโลกมิติส่วนตัวเมืองมายาภายในห้วงฝันบรรพกาล ก็เจอพายุฝนเข้าพอดี
“อากาศดีนัก!” จ้าวเฟิงเผยสีหน้ายินดี
พลังอัสนีเทวะในกะโหลกครึ่งเซียนใช้ไปเกือบหมดแล้ว
ดีที่จ้าวเฟิงยังมีที่เก็บเกี่ยวพลังอัสนีได้อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือพลังสายฟ้าบรรพกาลของห้วงฝันบรรพกาล แต่ทว่า อากาศภายในห้วงฝันบรรพกาลเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ เมื่อมาเจอกับสภาพภูมิกาศฟ้าฝนพอดี ก็ต้องดูที่โชคชะตา อีกทั้งพลังสายฟ้าบรรพกาลไม่สามารถเก็บได้นาน
ไม่พูดพร่ำทำเพลง จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ดูดซึมพลังสายฟ้าบรรพกาลในท่อนไม้ดำเมี่ยมเข้าไปภายในกายวิญญาณอัสนี
“จะถึงแล้ว!”
จีหลานที่ควบคุมพาหนะเพลิงวายุทอดสายตาไปยังที่ไกลๆ
ในตอนนี้ ทุกคนอยู่ห่างจากสนามรบแนวหน้าไม่ถึงหนึ่งมณฑลแล้ว
สวบ! ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเอง เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น กลิ่นอายปฐมเซียนเส้นหนึ่งกวาดผ่านในอากาศเหนือกลุ่มคนไป
ผู้มาเยือนก็คือชายวัยกลางคนในชุดม่วงหลวมๆร่างหนึ่ง เขาหรี่ตามองกลุ่มคนในพาหนะเพลิงวายุ ความเร็วในการบินชะงักค้างลงไปเล็กน้อย
คนผู้นี้ไม่ได้รั้งรออยู่นาน เขาแหวกอากาศหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปไม่นานนัก ทุกคนก็เจอสัตว์วิเศษบินได้ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง มีชายหนุ่มแววตาเย็นชาสามคนยืนอยู่ด้านบนตัวมัน สองคนในนั้นมีขอบเขตพลังในขั้นปฐมเซียน
“เอ๊ะ!” ชายหนุ่มผมแดงคนหนึ่งในนั้น กวาดแววตาผ่านพาหนะเพลิงวายุเผยสีหน้าประหลาดออกมา
ในพาหนะเพลิงวายุ มีคนเพียงสี่คน น่าจะอยู่ในระดับขั้นจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสิ้นอีกทั้งความเร็วของพาหนะคันนี้ยังไวกว่าสัตว์วิเศษของพวกเขามาก
ทุกคนต่างล่วงรู้กันถึงมูลค่าของอุปกรณ์บินได้ ย่อมมีมูลค่าสูงกว่าสัตว์วิเศษโบยบิน เหตุเพราะมันบรรทุกได้มาก อีกทั้งยังเผาผลาญแหล่งพลังงานสำคัญโดยไม่ต้องหยุดพัก ดังนั้นอุปกรณ์โบยบินขนาดใหญ่จึงล้ำค่าเกินจะเปรียบ
“พี่ใหญ่ ลงมือดีหรือไม่”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งท่าทีโหดร้ายหัวเราะเจ้าเล่ห์
ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงจู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในพาหนะเพลิงวายุ เรือนผมสีทองสว่างปลิวไสวไปตามสายลม ดวงตาซ้ายสีทองลึกลับ
“อย่าหาเหาใส่หัวเลย ที่นี่มียอดฝีมือมากมายซ่อนตัวอยู่!”
ชายผมแดงมองจ้าวเฟิงที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้น ในใจหวาดระแวง ส่ายศีรษะไปมา
ประสบการณ์ที่เดินบนคมดาบคมหอกมาหลายร้อยปีบอกเขาว่า ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย
ฟิ้ว! สัตว์วิเศษที่โบยบินขนาดยักษ์ตัวนี้ค่อยๆ ไกลลิบออกไป
บนพาหนะเพลิงวายุ
“ที่นี่วุ่นวายมากนัก!” จักรพรรดิเกล็ดปีศาจเลียริมฝีปากน้อยๆ แววตาฉายแววตื่นเต้น ที่นี่ทำให้เขาหวนระลึกถึงช่วงเวลาที่เป็นโจรสลัดในยามก่อน
“ด้านหน้าก็คือตำหนักวิญญาณแล้ว!”
ทุกคนมาถึงตำหนักกำแพงตั้งตระหง่านที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายแห่งหนึ่ง
ยังไม่ได้เข้าไปใกล้ จึงมองเห็นกลุ่มคนทั้งสองฝั่งรบราฆ่าฟันกัน คนที่ด้อยที่สุดในนั้นยังเป็นราชันในระดับลึกซึ้ง
“ไม่ได้วุ่นวายธรรมดา!”
จ้าวเฟิงหรี่ตาลง พวกพ่อค้าภายในตำหนักวิญญาณแห่งนี้ ในร้านต่างเป็นคนที่ดุดันและน่ากลัวอย่างยิ่ง
ในยามที่เข้าเมืองมาไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเข้าเมืองเสียด้วยซ้ำ สัตว์วิเศษโบยบินและพาหนะก็ไม่จำกัด พูดได้ว่าเป็นตำหนักวิญญาณที่ไม่มีผู้ดูแลเลย
ในวินาทีที่จ้าวเฟิงและพวกเข้ามาภายในที่นี่ พาหนะเพลิงวายุที่เดินทางมาอย่างรวดเร็วก็ดึงดูดสายตาละโมบในแถวนั้นไม่น้อย
ฟิ้ว! เงาคนหลายร่างค่อยๆ บินมาจากด้านหน้า
“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าค่ายกลขนส่งจะพังเสียแล้ว!”
“ธรรมดา ค่ายกลขนส่งที่อยู่แถวสนามรบถูกใช้อยู่บ่อยๆ คราวหน้าไปที่ตำหนักวิญญาณของเมืองตู้ไห่แล้วกัน!”
ผู้มาเยือนสามคนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจก่อนจะปลงในความซวยของตนเอง
“ผู้อาวุโสจ้าว ค่ายกลขนส่งพังเสียแล้ว ไม่สู้พวกเราบินตรงไปเลย!”
พาหนะเพลิงวายุที่จีหลานควบคุมค่อยๆ หยุดชะงักลง
ความเร็วของพาหนะเพลิงวายุว่องไวอย่างยิ่ง ตรงไปที่สนามรบเลยก็คงจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก
จ้าวเฟิงทอดสายตาออกไปยังตำหนักค่ายกลที่อยู่ไกลออกไป
ประตูตำหนักถูกปิดลง องครักษ์ในรอบบริเวณก็ตรวจตราด้วยความเข้มงวดอย่างยิ่ง ดูๆ ไปแล้วขั้วอำนาจทั้งหมดที่เจ้าเมืองมีน่าจะจอแจรวมตัวกันที่ตำหนักขนส่งจนหมด
“ก็ดี!” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
จีหลานเพิ่งเริ่มจะควบคุมให้พาหนะเพลิงวายุเปลี่ยนทิศทางนั้นเอง
เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฎกายขึ้นที่ไหล่ของจ้าวเฟิง พลันหยิบเอาตราคำสั่งสวรรค์ออกมา
บนตราคำสั่งสวรรค์ในตอนนี้ปรากฏพลังชะตามังกรไหลวนไปมา ปากมังกรเปล่งเสียงร้อง ที่ค่อนข้างอ่อนแรงออกมา แตกต่างจากที่ผ่านมามาก
“เอ๋?” จ้าวเฟิงรับตราคำสั่งสวรรค์ ใช้ประสาทสัมผัสดำดิ่งลงไปภายใน ความรู้สึกพลันปรากฏขึ้นในหัวของจ้าวเฟิง
“นี่มัน…แย่แล้ว!” จ้าวเฟิงแหงนศีรษะอย่างรวดเร็ว ดวงตาซ้ายสีทองเล็งเป้าหมายไปที่ตำหนักวิญญาณขนส่งที่อยู่ไกลลิบ
ปราการที่แบ่งระหว่างด้านนอกและด้านในตำหนักวิญญาณถูกจ้าวเฟิงมองจนปรุโปร่ง ที่แท้ตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้าก็อยู่ในตำหนักวิญญาณนั้นเอง