Skip to content

King of Gods 1020

King Of Gods

บทที่ 1020 ต่างเผ่าพันธุ์บุกโจมตี

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หก!”

ใบหน้าจ้าวเฟิงปรากฏแววตื่นเต้นยินดี

หลายช่วงลมหายใจต่อมา

จ้าวเฟิงสงบจิตใจ ขนาดของร่างกายกลับเป็นปกติ เส้นสายฟ้าแก่นแท้พลังรอบกายหายกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทะลวงไปยังขั้นที่หกแล้ว จ้าวเฟิงไม่ใช้ปราณที่แท้จริงและสายเลือดดวงตา ใช้เพียงพลังกายที่บริสุทธิ์ก็สามารถรับมือกับเซียนทั่วไปได้

ถ้าหากฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อมตะไปจนถึงขั้นสูงแล้ว แก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ทั้งพลัง การป้องกัน และการซ่อมแซมจะไม่มีช่องโหว่ใด

อนึ่ง หลังจากที่ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ไปถึงขั้นที่หก กลยุทธ์เคล็ดวิชาที่สามารถฝึกฝนได้จะมี ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’ และ ‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ เป็นต้น

ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภารุนแรงกว่าหมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีอย่างมาก แรงโจมตีทำลายล้างแข็งแกร่ง มีผลกำราบโลกมิติส่วนตัวและพลังเขตแดนสูงยิ่ง

ขอบเขตแก่นแท้อัสนี มีแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และการใช้ปราณแท้จริงวายุอัสนีเป็นหลัก สามารถสร้างเขตแดนแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่พิเศษอย่างยิ่งชั้นหนึ่งขึ้นรอบกาย มีผลสะกดและพันธนาการ ช่วยเพิ่มพลังให้กับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงได้อย่างมาก

‘ขอบเขตแก่นแท้อัสนี’ คล้ายคลึงกับกลวิธีของเขตแดนและโลกมิติส่วนตัว ทันทีที่ฝึกสำเร็จ จ้าวเฟิงก็คล้ายกับมีเขตแดนใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งด้วย

อีกอย่างตามที่จ้าวเฟิงรู้มา ตอนนี้เขาควรจะเตรียมเงื่อนไขในการฝึกฝน ‘ชุบชีวิตด้วยเลือด’ เพียงแต่ว่าใน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ไม่มีวิธีการฝึกที่สอดคล้องกันนัก

“ฝึก ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’ ก่อนแล้วกัน…”

จ้าวเฟิงตัดสินใจ

ถึงแม้ว่าจะฝึกฝน ‘หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี’ ได้จนสมบูรณ์นานแล้ว แต่จากกายศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งของเซียน หมัดนี้ยากที่จะสร้างความเสียหาย หากเผชิญหน้ากับเซียนที่ฝึกฝนร่างกาย หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีของจ้าวเฟิงน่าจะไม่เจ็บไม่คันเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าเงื่อนไขแต่ละด้านของฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาอยู่เหนือกว่าหมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนีมาก ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาให้ความสำคัญกับการ ‘ทำลาย’ มากกว่า จะทำลายล้างทุกสิ่งไป ยิ่งสิ่งนั้นขนาดใหญ่และสมบูรณ์ ผลในการทำลายล้างก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไป

หนำซ้ำฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาและคุณลักษณะวายุอัสนีธาตุไฟที่จ้าวเฟิงฝึกฝนในตอนนี้ ก็สอดคล้องกันอย่างยิ่ง จนสามารถสำแดงการ ‘ทำลาย’ ได้ไม่สิ้นสุด

ภายในมนตราอากาศ จ้าวเฟิงกดกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ลงไประดับหนึ่ง ฝึกฝนฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาไม่หยุด

โครม แซ่ด!

เห็นเพียงจ้าวเฟิงสะบัดตราประทับฝ่ามือสีแดงทองขนาดใหญ่ออกมา ตราประทับฝ่ามือนับไม่ถ้วนรอบด้านขยายออก การกดดันจากแก่นแท้พลังที่ไร้รูปร่างกระเทือนไปในอากาศ

ในฐานะที่เป็นเจ้านายของมนตราอากาศ จ้าวเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยแปลงใดๆ ของโลกมิติส่วนตัวแห่งนี้

‘มีแรงทำลายที่แกร่งกล้าอย่างยิ่งต่อเขตแดนมิติจริงๆ ด้วย!’

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง

วิชาฝ่ามือนี้มีผลทำลายล้างรุนแรงต่อเขตแดนและโลกมิติส่วนตัว แต่แรงทำลายที่มีต่อกายศักดิ์สิทธิ์ของเซียนก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน เพียงแต่น่าจะด้อยกว่าเล็กน้อย

โครม แซ่ด!

จ้าวเฟิงไม่กล้าใช้แรงทั้งหมดฝึกวิชาหมัด ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อโลกมิติส่วนตัวในมนตราอากาศ

ในเวลาเดียวกันกับที่ฝึกฝน ‘ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา’ จ้าวเฟิงก็ทำความคุ้นเคยกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกเรียบร้อยแล้ว

ช่วงเวลานั้น ลูกหลานทั้งสามของตระกูลจีและเถี่ยหงหลิงต่างเคยมาเยี่ยม เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเข้าฌานอยู่จึงไม่ได้รบกวน

“จ้าวเฟิงผู้นี้ วันๆ เอาแต่ฝึกตนอย่างเดียว!”

เถี่ยหงหลิงกระทืบเท้าอย่างฉุนเฉียวหน้าที่พักของจ้าวเฟิง แล้วจึงจากไป

ขณะเดินทางจากมณฑลหลิงไปยังมณฑลหลาน จ้าวเฟิงฝึกตน เมื่อมาถึงมณฑลหลานแล้ว จ้าวเฟิงก็ยังเอาแต่ปิดด่านฝึกตน จึงทำให้นางไม่มีโอกาสใกล้ชิดกับจ้าวเฟิงเลย

จนวันนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าที่พักของเขามีพลังเจตจำนงกลุ่มหนึ่งกำลังรบกวนอยู่

จ้าวเฟิงออกมาจากในมนตราอากาศ

“ผู้อาวุโสจ้าว รวมตัว!” จีเทียนหมิงรีบเอ่ยทันที

รบกวนการเข้าฌานของเขาเป็นการกระทำที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่เรื่องในตอนนี้เร่งด่วนยิ่งนัก

“เกิดอะไรขึ้น?”

จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย

เขาจำได้ว่าหลังจากที่ประชุมเมื่อครั้งก่อน องค์ชายเก้าบอกเอาไว้ว่าจะนำกำลังทหารที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่งมาจากที่อื่น

ขั้วอำนาจในสังกัดของกำลังทหารเหล่านี้ แทบจะเป็นกลุ่มที่ฝักใฝ่องค์ชายเก้าทั้งสิ้น

จากที่จ้าวเฟิงรู้มา สมาชิกของหอควันสมุทรที่มาสนามรบก็อยู่ที่มณฑลหลานพอดี นี่นับว่าเป็นข่าวที่ไม่เลวเลย อย่างน้อยๆ จ้าวเฟิงก็ปกป้องสมาชิกในขั้วอำนาจของตนเองได้ ทว่าตั้งแต่เขาเข้าฌานมาจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านไปสามวัน คิดจะระดมพลก็ไม่น่ารวดเร็วขนาดนี้

“ศัตรูเข้ามาโจมตี!”

แววตาของจีเทียนหมิงทั้งฮึกเหิมและจริงจัง

“อ้อ?” จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย

หลายหมื่นลี้นอกเมืองเจียเป่าคือเมืองมังกรจันทราที่มีพวกต่างเผ่าพันธุ์ตั้งมั่นอยู่

ถึงแม้ว่าศักยภาพทั้งหมดของเมืองมังกรจันทราจะอยู่เหนือเมืองเจียเป่า แต่พวกต่างเผ่าพันธุ์ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย อยู่ในสภาวะตั้งรับ

ตามข้อมูลในแผนที่ บริเวณที่องค์ชายเก้าอยู่ทั้งหมดถูกฝ่ายศัตรูรุกรานอย่างหนัก เมืองมังกรจันทราเรียกได้ว่า ‘รุกล้ำเข้าไปในถิ่นศัตรูเพียงลำพัง’ ก็ไม่ผิดนัก

ด้วยเหตุนี้ เมืองมังกรจันทราจำต้องรอให้ศัตรูรอบบริเวณค่อยๆ ล้อมโจมตีเข้ามา จากนั้นจึงค่อยบุกโจมตีทั้งหมด

ดังนั้นเมืองมังกรจันทราถึงมีกำลังรบในขั้นเซียนสองคน

จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า ภารกิจที่เบื้องบนมอบให้องค์ชายเก้าหนักหนาสาหัสมากขนาดไหน

แต่สำหรับจ้าวเฟิง นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี

“เซียนต่างเผ่าพันธุ์สองคน ก็คือผลงานการรบสี่หมื่น!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้ม

ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงผู้หนึ่งได้ผลงานการรบสิบจุด ราชันได้ผลงานการรบร้อยจุด ส่วนจักรพรรดิมีผลงานการรบพันจุด และเซียนเทียบเท่ากับผลงานการรบสองหมื่นจุด อีกทั้งในราชวงศ์ทั้งสองมีเซียนแค่ส่วนหนึ่ง เมืองแห่งหนึ่งมีเซียนถึงสองคนนับว่าหาได้ยากยิ่ง

พลังของเซียนเหล่านี้ย่อมอ่อนแอกว่าเซียนมารทมิฬและเซียนวั่นเหลยในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท

“ที่ผ่านมากำลังทหารของเมืองมังกรจันทราแข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่พวกมันกลับไม่บุกเข้ามา!”

“ดูไปแล้วพวกต่างเผ่าพันธุ์ของเมืองมังกรจันทราคงรู้ว่าเมืองเจียเป่าเปลี่ยนทหาร!”

ภายในเมืองเจียเป่า ผู้เข้าร่วมรบในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงที่รับผิดชอบแนวหลังต่างถกกัน

กำแพงเมืองเจียเป่า องค์ชายเก้าและแม่ทัพจำนวนมากรวมตัวอยู่กันด้านบน

ด้านนอกเมืองเจียเป่า กำลังทหารต่างเผ่าพันธุ์แน่นขนัด แผ่จิตต่อสู้ที่ชั่วร้ายน่าสะพรึงออกมา

“ฝ่าบาท พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”

แม่ทัพสองดาวหนึ่งคนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

พวกต่างเผ่าพันธุ์ในเมืองมังกรจันทราบุกโจมตี จะต้องรู้ว่าเซียนเพียงหนึ่งเดียวในเมืองเจียเป่าจากไปแล้ว

ไม่มีกำลังรบขั้นเซียน สถานการณ์เมืองเจียเป่าสุ่มเสี่ยงยิ่งนัก

แต่ขุนพลไม่มีคำสั่งให้ทหารถอยทัพ หากพวกเขาจากไปก็ถือว่าเป็นความผิดฐานหนีทัพ

“ใช้การปกป้องแทนการโจมตี!”

องค์ชายเก้าเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ

ในสายตาของคนอื่น เมืองเจียเป่าอจาจจะไม่มีกำลังรบในขั้นเซียน แต่องค์ชายเก้าและลูกหลานตระกูลจีกลับรู้ได้อย่างชัดเจนยิ่งว่าจ้าวเฟิงไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนทั่วไปเลย

ปกป้องเมืองง่ายดาย โจมตียากเสียยิ่งกว่า เดิมองค์ชายเก้าคิดว่าถึงจะมีความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิงก็ไม่มีความหวังอะไรในการโจมตีเมืองมังกรจันทรา

ในวันนี้ พวกต่างเผ่าพันธุ์ของเมืองมังกรจันทราบุกมาเป็นทัพใหญ่ ทำให้องค์ชายเก้าและตาเฒ่าอิงตื่นตระหนกไม่น้อย

“จ้าวเฟิง เจ้าอย่าเพิ่งปลดปล่อยพลังออกมา!”

ตาเฒ่าอิงและองค์ชายเก้าส่งกระแสจิตบอกจ้าวเฟิง

ตอนนี้พวกเขาไม่รีบร้อนเอาไพ่ตายอย่างจ้าวเฟิงออกมาใช้

สามารถตั้งรับและทำลายกำลังของต่างเผ่าพันธุ์ก่อน จึงรอเวลาที่เหมาะสม แล้วจึงโจมตีกลับ ยึดเอาเมืองมังกรจันทรามาในครั้งเดียว

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็รู้จากคนอื่นๆ ว่าเซียนทั้งสองคนของเมืองมังกรจันทรา แบ่งเป็นเซียนที่บ้าคลั่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์จระเข้ และเซียนซุ่นอิงแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์แมงป่อง

ในนั้น เซียนเงาทมิฬเป็นทหารของฝั่งศัตรู

“ตั้งรับแทนโจมตี?”

เมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชายเก้า แม่ทัพจำนวนมากเกือบจะร่วงลงจากกำแพงเมือง

ในตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานกาณ์เสียเปรียบ น่าจะทุ่มเทพลังทั้งหมดป้องกันเมือง จะให้พูดเรื่องโจมตีได้อย่างไรกัน?

“เฮ้อ…”

แม่ทัพจำนวนไม่น้อยทอดถอนหายใจ องค์รัชทายาทเยาว์วัยเกินไปนัก ยังแบ่งแยกพลังของตนเองและศัตรูไม่ได้

การรบในครั้งนี้พวกเขาอาจจะเสียเมืองก็เป็นได้

“แม่นางหงหลิง การรบครั้งนี้คงต้องพึ่งท่านแล้ว!”

แม่ทัพคนหนึ่งข้างกายเถี่ยหงหลิงเอ่ยกับนาง

เถี่ยหงหลิงมีกำลังรบขั้นปฐมเซียน แล้วบวกกับจำนวนคนส่วนหนึ่ง ก็น่าจะพอยื้อเซียนฝั่งตรงข้ามคนหนึ่งได้

“จ้าวเฟิง การรบครั้งนี้พวกเรามาแข่งผลงานการรบกันเถอะ!”

เถี่ยหงหลิงไม่แยแสในคำพูดของแม่ทัพคนนั้นแม้แต่น้อย นัยน์ตางามจ้องจ้าวเฟิงเป็นประกายแวววับ

สีหน้าแม่ทัพเคร่งขรึมลง ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร กลับปรายตามองจ้าวเฟิงและหัวเราะเยาะในใจ

ยอดฝีมือต่างเผ่าพันธุ์ที่เฝ้าอารักขาทิศตะวันตกเฉียงเหนือไม่รู้ข้อมูลของราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ความสามารถของจ้าวเฟิงในการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท จึงมีคนจำนวนไม่มากนักที่ล่วงรู้

“ตกลง!”

จ้าวเฟิงตอบตกลงอย่างง่ายดาย

“ครั้งนี้ข้าจะไม่ออมมือหรอกนะ!”

เถี่ยหงหลิงยิ้มละมุน

ถึงแม้ว่าการประลองสามกระบวนท่าเมื่อคราวก่อนนางจะเสียเปรียบก็ตาม

แต่เถี่ยหงหลิงคิดว่า หากสู้ขึ้นมาจริงๆ คนที่แพ้น่าจะเป็นจ้าวเฟิง และในวันนี้ ก็เป็นโอกาสที่นางจะได้แสดงความสามารถต่อจ้าวเฟิง

โครม ! ทหารของศัตรูด้านหน้าต่างสะเทือนทันใด

“โจมตีเมืองเจียเป่า แล้วสับพวกมนุษย์ในนั้นให้เป็นชิ้นๆ ซะ!”

ชายรูปร่างประหลาดตัวใหญ่ ทั่วร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียว ตะเบ็งเสียงอย่างกราดเกรี้ยวจากในกองทัพ

ต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้ ก็คือหนึ่งในกำลังรบขั้นเซียนของเมืองมังกร จันทรา เซียนขวงลี่ (บ้าคลั่ง)

“สังหาร!”

กำลังทหารและแม่ทัพต่างเผ่าพันธุ์จำนวนวนับไม่ถ้วน ใบหน้าเกรี้ยวกราดและบ้าคลั่งคืบคลานมาราวเมฆหมอกหนาทะมึน

“ฮ่าๆ พวกเจ้าคิดว่าข้าจะไม่โจมตีเมืองเจียเป่าจึงสลับเซียนไป แล้วจึงส่งนายกองในขั้นปฐมเซียน!”

เซียนขวงลี่หัวเราะร่วน

ถึงแม้ว่าภารกิจหลักของพวกเขาจะเป็นการปกป้องเมืองมังกรจันทรา รอการเคลื่อนไหวของต่างเผ่าพันธุ์ในบริเวณใกล้เคียง

แต่เมืองเจียเป่ากลับย้ายกำลังรบขั้นเซียนไป หลังจากที่เขาและเซียนเงาทมิฬรายงานเรื่องนี้กับระดับสูงแล้วจึงเข้าโจมตี

เมื่อรุกคืบยึดดินแดนไปเรื่อยๆ ก็อาจจะมีความเสี่ยง ดังนั้นการเข้าโจมตีในครั้งนี้ของพวกเขา จึงเป็นไปเพื่อสังหารยอดฝีมือทั้งหมดในเมืองเจียเป่าเท่านั้น

“ป้องกัน!”

แม่ทัพคนอื่นที่เหลือในฟากของเมืองเจียเป่า ต่างโบยบินกระจายตัวออก หนึ่งเพื่อกดดันคนในขั้นแม่ทัพของฝ่ายตรงข้าม และยังเพื่อควบคุมชี้แนะกำลังทหารที่ตนเองนำทัพด้วย

จ้าวเฟิงและพวกต่างบินออกมาตามจักรพรรดิเกล็ดปีศาจ

บึ้ม โครม!

แม่ทัพของต่างเผ่าพันธุ์ร่อนลงมาประหนึ่งสัตว์อสูรที่บ้าคลั่งตัวหนึ่ง พุ่งปะทะกับแนวป้องกันของเมืองเจียเป่าอย่างบ้าคลั่ง

พลทหารและแม่ทัพของเมืองเจียเป่าต้านทานอย่างสุดแรง ระหว่างมนุษย์และต่างเผ่าพันธุ์ลงมือสังหารกันอย่างบ้าคลั่ง

ขณะประมือกัน สายฟ้า น้ำ ไฟ และเหมันต์จำนวนนับไม่ถ้วนสาดซัดออกไปรอบทิศ…

ในตอนนี้เอง จ้าวเฟิงกดกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไว้ห้าส่วน เข้าตะลุมบอนกับมนุษย์อสรพิษในขั้นปฐมเซียนคนหนึ่ง

“เจ้าเด็กน้อย อายุน้อยเพียงเท่านี้ก็มีขอบเขตพลังในขั้นจักรพรรดิแล้ว คงจะต้องเป็นอัจฉริยะของตระกูลไหนเป็นแน่ เสียดาย เจ้าไม่น่ามาที่สนามรบแห่งนี้เลย!”

มนุษย์งูที่ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดงเข้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

จ้าวเฟิงไม่พูดอะไร หลังจากกดกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไว้ห้าส่วนแล้ว เขาก็อยู่ในขอบเขตพลังจักรพรรดิแล้ว

หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!

หมัดสองข้างของจ้าวเฟิงปลดปล่อยออกไม่หยุด ภูเขาอัสนีธาตุทองกลุ่มหนึ่งปะทะเข้าไปหามนุษย์งูต่างเผ่าพันธุ์

“เจ้าเด็กนี่ มีสำนึกรู้วิชาหมัดที่สูงส่งลึกล้ำนัก!”

มนุษย์งูเกล็ดสีแดงเข้มมีสีหน้าเคร่งขรึมลงไป

เขาที่ประมือกับจ้าวเฟิง กลับไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย ถึงกระทั่งรู้สึกหนักหนาสาหัส กระบวนท่าของตนโดนเจ้าเด็กนี่ขัดขวาง จนไม่สามารถจะสำแดงความสามารถออกมาได้

ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้ามืดมิดไกลลิบๆ ก็มีไอเพลิงชั่วร้ายกลุ่มหนึ่งตรงเข้ามา

“ฮ่าๆ ที่เมืองเจียเป่ามีใครกล้าสู้กับข้าบ้าง!”

เซียนขวงลี่ยืนอยู่บนชั้นเมฆ กวาดตามองเมืองเจียเป่าด้านล่าง

เซียนที่คอยอารักขาเมืองจากไป เขาเองก็อยากรู้นัก ที่เมืองเจียเป่าจะยังมีใครสามารถสู้กับเขาได้อีก

“มาประลองกับข้า!”

ทันทีทันใด จู่ๆ เถี่ยหงหลิงก็เสนอตัว สายเลือดทั่วร่างเผาไหม้ร้อนแรง ดุจวงอาทิตย์เจิดจ้าเหนือสนามรบ

เมื่อเห็นเถี่ยหงหลิงห้าวหาญเช่นนี้ แม่ทัพฝั่งเมืองเจียเป่าผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย แม่ทัพสามดาวสองคน พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ติดตามเถี่ยหงหลิงไปต่อสู้กับคนกำลังรบขั้นเซียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version