Skip to content

King of Gods 1036

King Of Gods

บทที่ 1036 ฉินอิน

ยายเฒ่าเหมันต์ถูกจ้าวเฟิงสะบัดฝ่ามือจนลอยกระเด็น มองไปที่จ้าวเฟิงอย่างไม่เชื่อสายตา

มีเพียงนางถึงจะเข้าใจว่าพลังทำลายล้างของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมากเท่าใด

วิ้ง แซ่ด!

ขอบเขตแก่นแท้อัสนีรอบตัวจ้าวเฟิงรวมตัวกันอยู่บนร่างยายเฒ่าเหมันต์ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงการโจมตีจากสายฟ้าและการกดดันหนักหน่วงตลอดเวลา จนไม่อาจหนีไปได้

“พวกเจ้าสองคนยังไม่รีบลงมืออีก!”

ยายเฒ่าเหมันต์ตะโกนทันที

จ้าวเฟิงจะสังหารนางคนแรก ยายเฒ่าเหมันต์ไม่มีทางหนีรอดไปได้แล้ว

ถ้าหากทุกคนร่วมมือกัน บางทีนางอาจจะยังมีโอกาสหนีรอดจากภัยอันตราย

“โจมตี!” เซียนอีกสองคนสบตากันแล้วพลันพุ่งทะยานออกไป

ในมือของเซียนเกราะดำปรากฏขวานยักษ์ที่หมุนวนไปด้วยแสงเย็นสีดำสนิท ฟาดฟันคมแสงทมิฬมหาศาลที่มีพลังภูติผีพวยพุ่งออกมา

วิ้ง แซ่ด!

ตอนที่แสงสีดำเข้าไปในขอบเขตแก่นแท้อัสนีของจ้าวเฟิง ก็ถูกโจมตีจากสายฟ้าและแรงดึงดูด พลานุภาพลดลงไปเรื่อยๆ

ตุบ!

จ้าวเฟิงต้านทานการโจมตีของเซียนเกราะดำผู้นี้ ในเวลาเดียวกันยังอาศัยแรงผลักนี้สำแดงวิชาปีกอัสนีโบยบิน คืบคลานเข้าไปใกล้ยายเฒ่าเหมันต์อย่างรวดเร็ว

หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี!

จ้าวเฟิงกำหมัดสองข้างแน่น ส่งภูเขาอัสนีสีทองแดงขนาดมหึมาออกมา

ขณะเดียวกัน ขอบเขตแก่นแท้อัสนีรอบบริเวณหลอมรวมเข้าไปในแสงหมัดสายนี้ทั้งหมด

ขอบเขตแก่นแท้อัสนีคล้ายคลึงกับเขตแดนแห่งหนึ่ง ย่อมสามารถหลอมรวมเข้าไปในการโจมตีได้ แต่จะหลอมรวมเข้าในฝ่ามือสายฟ้าทลายนภาก็ค่อนข้างยากลำบาก ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงเลือกใช้หมัดศักดิ์สิทธิ์อัสนี

อึก! ในขณะที่หมัดเพิ่งมาถึง ยายเฒ่าเหมันต์ต้องแบกรับการกดดันของแก่นแท้พลังสายฟ้าที่น่ากลัวจนกระอักเลือดออกมา

“บัวเหมันต์คุ้มกาย!” ยายเฒ่าเหมันต์โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับทันที

ใต้ร่างนางปรากฏฐานดอกบัวชั้นหนึ่ง รอบบริเวณค่อยๆ มีดอกบัวเหมันต์จำนวนมากผุดขึ้น ล้อมรอบนางเอาไว้ภายใน

ตูม แกรก!

ไม่นานนัก เคล็ดวิชาป้องกันกายของยายเฒ่าเหมันต์ถูกจ้าวเฟิงโจมตีจนแหลก พลังน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งที่กดดันทั่วทุกทิศทาง บดขยี้ทุกอย่างทันใด

ฟิ้ว! ฝ่ามืออัสนีธาตุทองใหญ่ยักษ์โจมตีผ่านไป ร่างกายยายเฒ่าเหมันต์ถูกทำลายจนแหลกสลาย วิญญาณดั้งเดิมสีเทาอ่อนรีบหลบหนี

เมี้ยว เมี้ยว!

แสงเงินเข้มเส้นหนึ่งวูบวาบ เจ้าแมวขโมยน้อยเก็บกำไลเก็บของที่ตกอยู่ด้านล่างเอาไว้

“ธนูเหนือนภา!”

จ้าวเฟิงง้างธนูโบราณสีเงินเข้มในมือ โคจรเจตจำนงดวงตาผสานเข้าไปในธนูแสง

เปรี๊ยะ ฟึ่บ!

ในวินาทีต่อมา วิญญาณของยายเฒ่าเหมันต์ที่ยังหนีไปไม่ไกลเท่าไหร่ถูกธนูตรึงไว้กลางอากาศ แสงอัสนีเพลิงม่วงที่น่ากลัวโจมตีวิญญาณของนางไม่หยุดหย่อน

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกลายร่างเป็นเส้นสีเงินเข้ม กวาดคมมีดมืดมิดที่หนาวเหน็บผ่านวิญญาณดั้งเดิมของยายเฒ่าเหมันต์

พรึ่บ! ยายเฒ่าเหมันต์ตายทันทีจากการร่วมมือกับจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

ส่วนด้านหลัง เซียนเกราะดำและผู้เฒ่าผมขาวต่างคนต่างลงมือหนึ่งครั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของพวกเขา จ้าวเฟิงใช้พลังทั้งหมดโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และต้านทานไว้

“รีบหนีเร็ว!”

เซียนเกราะดำพลันเก็บขวานยักษ์ กลายร่างเป็นระลอกแสงสีดำสนิท หลีกหนีไปจากฟากฟ้า

กำลังรบที่จ้าวเฟิงแสดงออกมาทั้งหมดน่ากลัวอย่างมาก

ไม่เพียงแต่พลังของวิชาดวงตาวิญญาณแกร่งกล้า พละกำลังและการป้องกันร่างกายที่น่ากลัวก็ไม่มีจุดด้อยแม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขา สังหารเซียนผู้หนึ่ง ก็สามารถใช้วิธีการเดียวกันสังหารเขาได้

“หนี!” ผู้เฒ่าผมขาวสำแดงวิชาข้ามมิติ ร่างกายหายไปในประกายแสงวูบวาบ

“เหอะ จะไม่มีใครหนีรอดไปได้!”

จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น ในดวงตาซ้ายเปล่งประกายคลื่นจิตวิญญาณรางเลือน

ดวงตาเทพจับเป้าหมาย สำเร็จ!

ระดับขั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงอยู่เหนือกว่าเซียนทั้งสอง พวกเขาย่อมไม่อาจสังเกตพบ

พรึ่บ แซ่ด!

ปีกแสงอัสนีสีชาดเบื้องหลังจ้าวเฟิงระเบิดแสงแสบตา ทะลวงผ่านอากาศไล่โจมตีตามไป

“รวดเร็วจริงๆ รีบขวางเขาเอาไว้เร็ว!”

ผู้เฒ่าผมขาวสำแดงวิชาข้ามมิติ ความเร็วเหนือกว่าเซียนเกราะดำไปเล็กน้อย แต่เขายังคงไม่มีหวังจะสลัดจ้าวเฟิงทิ้งไป

“บ้าเอ๊ย!”

สีหน้าเซียนเกราะดำมืดทะมึน ทว่าเขาก็ไม่ได้มีวิธีใดจะรับมือ หากจ้าวเฟิงไล่ตามมาย่อมต้องลงมือกับเขาก่อน

พรึ่บ! ร่างแยกของเซียนเกราะดำปรากฏขึ้นข้างกายทันที

ร่างแยกร่างของเซียนหยุดนิ่งกับที่ โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ ปลดปล่อยพลังของโลกมิติส่วนตัวกลุ่มหนึ่งออกมา เตรียมตัวขัดขวางจ้าวเฟิง

พรึ่บ แซ่ด!

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ บินผ่านข้างกายอีกฝ่าย ทะลวงพลังของโลกมิติส่วนตัวไปทันที

พลังของร่างแยกร่างนี้ไม่สามารถต้านทานจ้าวเฟิงได้เลย

แต่ในวินาทีต่อมา ภายในร่างแยกเซียนมีภัยอันตรายถึงชีวิตกลุ่มหนึ่งก่อตัวขึ้น

ผัวะ! ร่างแยกของเซียนกระตุ้นพลังทั่วร่าง ก่อนปะทุออก

“อัสนีบาตคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงเพิ่มความเร็วสุดกำลัง และโคจรเคล็ดวิชาป้องกันกายไปในเวลาเดียวกัน

โครม! จ้าวเฟิงถูกระลอกระเบิดที่เหลือจากร่างแยกเซียนจนกระเด็นออกไปหลายลี้

“ประมาทไป!” จ้าวเฟิงเช็ดเลือดบริเวณมุมปาก

พลานุภาพจากการระเบิดตนเองของร่างแยกเซียนไม่อาจดูแคลนได้

ที่น่าเสียดายก็คือเซียนเกราะดำผู้นั้นไม่เด็ดขาดมากพอ เวลาในการระเบิดตัวตายของร่างแยกไม่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นคงสามารถสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสต่อจ้าวเฟิงได้ และทำให้จ้าวเฟิงไม่อาจไล่ตามคนทั้งสองทันในเวลาสั้นๆ

เปรี๊ยะ! จ้าวเฟิงง้างสายธนูเหนือนภา เล็งเป้าไปที่เซียนเกราะดำผู้นั้น

“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”

หลังจากการโจมตีครั้งนี้ จ้าวเฟิงสำแดงเคล็ดวิชาข้ามมิติในทันที กลายเป็นเส้นสายฟ้าสีชาดทะลวงผ่านไปในอากาศ

ฉัวะ! เซียนเกราะดำที่กำลังหนีถูกธนูแสงทองแดงเส้นหนึ่งพุ่งทะลวงผ่าน ทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดเชื่องช้าลงไป

พรึ่บ! วินาทีต่อมา จ้าวเฟิงรุกคืบเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงระเบิดท่าไม้ตายใส่เซียนเกราะดำ

เปรี้ยง แซ่ด แซ่ด!

แสงฝ่ามือลายอัสนีสีทองแดงขนาดยักษ์พร้อมพลังน่าพรั่นพรึงมหาศาล บีบอัดเข้าไปด้วยอานุภาพเกินต้านทาน

โครม! เซียนเกราะดำโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ ในมือปรากฏขวานยักษ์สีมืด ตัดฉับออกมาทันที

“พลังน่ากลัวนัก!”

ในวินาทีนั้นเอง เซียนเกราะดำแบกรับแรงสะท้อนกลับของพลังที่ไม่เคยพบมาก่อน พลังสายฟ้าส่งต่อมาถึงร่างผ่านทางอาวุธวิเศษของเขาจนชาวาบไปทั้งตัว

ตู้ม!

เกล็ดสีดำทั่วร่างเซียนเกราะดำแหลกละเอียด ร่างกายกระเด็นออกไปไกลหลายสิบลี้ ทิ้งไว้เพียงหมอกควันสีเลือดเส้นหนึ่ง

เปรี๊ยะ!

จ้าวเฟิงรุกคืบเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน สายเลือดดวงตาซ้ายทะลักพลังดวงตาวิญญาณสีม่วงที่น่ากลัวออกมา

“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”

ภายในดวงตาซ้ายเกิดระลอกน้ำวนสีม่วงที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง เชื่อมต่อไปถึงหุบเหวมายาไกลสุดสายตาที่มีหมอกควันหมุนวน

เซียนเกราะดำที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั่วร่างหนาวเหน็บ รู้สึกว่าวิญญาณถูกกักขัง ไม่อาจหลุดพ้นออกจากร่างได้

พลังต้องห้ามกลุ่มนั้นเป็นดั่งพลังของเจ้าชีวิต ไม่อาจจะต้านทานหรือยับยั้งได้

“อะไรกัน!” เซียนเกราะดำเหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง ความหวาดกลัวและหมดหวังเกิดขึ้นในดวงตา เหมือนไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหนีจากชะตาที่วิญญาณถูกฉุดดึงเอาไว้ได้

ฟุ่บ! แสงสีเงินเส้นหนึ่งส่งประกายขึ้น เจ้าแมวขโมยน้อยกำกริชจักรพรรดิเงาสังหารแทงทะลุส่วนหัวใจของเซียนเกราะดำไป

พรึ่บ! ในเวลานั้น วิญญาณดั้งเดิมของเซียนเกราะดำหลุดพ้นออกนอกร่าง และถูกจ้าวเฟิงดูดเข้าไปในมิติดวงตาซ้าย

ทันทีที่เข้าไปในมิติดวงตาซ้าย วิญญาณของเซียนเกราะดำคิดจะระเบิดตัวตายก็ยังเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงยังไม่รีบร้อนจัดการ

“ยังมีอีกคนหนึ่ง!”

เสียงของจ้าวเฟิงเย็นชา เขารับรู้ได้ถึงตำแหน่งแน่ชัดของผู้เฒ่าผมขาวผ่านทางดวงตาเทพจับเป้าหมาย

แต่ทันใดนั้นเอง เสียงพิณแทรกซึมเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิง ทำให้จิตสังหารของเขาสงบนิ่งลงทันที

จ้าวเฟิงชำเลืองตาซ้าย จ้องไปที่ป่าไม้เขียวชอุ่มไกลๆ

พรึ่บ! แววตาจ้าวเฟิงมองทะลุทุกสรรพสิ่ง จนมองเห็นเรือนไม้เรียบง่ายในป่าลึก ด้านหน้าเรือนมีลำธารสีเขียวมรกตไหลเอื่อย ดรุณีชุดขาวผู้หนึ่งดีดสายพิณเบาๆ

“เป็นนาง?” สีหน้าจ้าวเฟิงตกตะลึง

หนึ่งปีก่อนตอนที่จ้าวเฟิงช่วยเหลือองค์ชายเก้า เขาได้รับความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าชุดเทาคนหนึ่ง

ดรุณีชุดขาวคนนี้เหมือนจะเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่าชุดเทาที่ลึกลับผู้นั้น

แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ขณะที่จ้าวเฟิงมองเห็นดรุณีชุดขาวผู้นี้ถึงเกิดความรู้สึกประหลาดเหมือนเคยเห็นมาแล้ว หรือเป็นเพราะวาสนาที่ทั้งสองได้พบหน้ากันในคราวก่อน?

จ้าวเฟิงสาวเท้า บินไปทางป่านั้นโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งคลับคล้ายคลับคลากับภาพวาด เสียงพิณที่สงบและใสกังวานทำให้จิตใจของจ้าวเฟิงยิ่งว่างเปล่ามากขึ้น เหมือนตัดขาดจากโลกวุ่นวายนี้ วินาทีนั้น จ้าวเฟิงลืมเลือนปัญหาและภาระหน้าที่ทุกอย่างที่แบกไว้ทั้งหมดไปจนสิ้น

“ระดับความลึกซึ้งในศาสตร์พิณสูงส่งจริงๆ!”

จ้าวเฟิงอุทานอย่างอดไม่ได้

จนมาถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงเคยเห็นยอดฝีมือในศาสตร์ดนตรีมาไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นอัจฉริยะผู้โดดเด่นจำนวนมากใน ‘ดินแดนพิณสวรรค์’ ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของศาสตร์ดนตรี หลีเสวี่ยอี้ของตำหนักเซียนพิณสวรรค์ และยังมีผู้ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาอย่างหลิวฉินซิน

แต่ความลึกซึ้งในศาสตร์ดนตรีของผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ เหมือนจะไม่มีใครเหนือไปกว่าดรุณีเบื้องหน้า

จ้าวเฟิงจึงรั้งอยู่ที่นี่เช่นนี้ เอนหลังพิงต้นไม้เก่าแก่ เงี่ยหูฟังอยู่เงียบๆ

วินาทีที่ปิดเปลือกตาลง เขาเหมือนมาถึงโลกแห่งศาสตร์ดนตรีที่ดรุณีนางนี้สร้างขึ้น หมื่นสรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนแต่เริงระบำไปตามเสียงพิณอันไพเราะนี้

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่ยืนอยู่บนไหล่จ้าวเฟิงก็พิงต้นไม้ใหญ่ เลียนแบบท่าทางของจ้าวเฟิง เผยท่าทีสำราญใจ

“คุณชายรู้สึกว่าข้าน้อยบรรเลงพิณเป็นอย่างไรบ้าง?”

ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงพลันได้ยินเสียงใสดังขึ้นที่ข้างหู

จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น มองวงหน้างามกระจ่างเบื้องหน้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ดรุณีน้อยชุดขาวนางนี้หยุดบรรเลงดนตรี แต่เขายังคงดำดิ่งลงไปในสำนึกรู้ศาสตร์ดนตรีที่งดงามจนหลงลืมเวลา

แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมา จ้าวเฟิงพบว่าพลังวิญญาณและสำนึกรู้ของตนเองเพิ่มขึ้น

ดรุณีน้อยชุดขาวดูไปแล้วอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี ระดับพลังขั้นราชัน แต่เพลงนี้กลับทำให้สำนึกรู้ของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นได้ จ้าวเฟิงจึงอดจะชื่นชมระดับความลึกซึ้งในศาสตร์ดนตรีของนางไม่ได้

“คงต้องรบกวนแล้ว ข้าน้อยไม่มีความรู้ในศาสตร์ดนตรี แต่เสียงพิณของแม่นางเป็นท่วงทำนองที่ไพเราะที่สุดที่ข้าน้อยเคยได้ยินมา”

แววตาของจ้าวเฟิงจ้องดรุณีน้อยชุดขาว ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นยิ้มพลางเอ่ย

“ฮ่าๆ คุณชายช่างจำนรรจาเหลือเกิน!”

ดรุณีน้อยชุดขาวยิ้มแย้มน้อยๆ ทำให้ทิวทัศน์รอบบริเวณเปลี่ยนสีไป

นางรู้สึกสนิทชิดเชื้อกับจ้าวเฟิงอย่างประหลาด และเพราะเหตุนี้ทำให้ตอนที่จ้าวเฟิงบุกเข้ามา นางจึงฝึกฝนดีดพิณต่ออย่างไม่ใส่ใจ

จ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย การแต่งกายและระดับความลึกซึ้งในศาสตร์พิณของดรุณีน้อยนางนี้ ทำให้ร่างของสตรีชุดขาวในส่วนลึกของความทรงจำปรากฏขึ้นต่อเนื่อง

ทว่านิสัยและท่าทางของคนทั้งสองต่างกันอย่างมาก สตรีนางนี้สดใสร่าเริง ดวงตาไร้เดียงสาอย่างยิ่ง เหมือนเซียนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง

“ข้าน้อยจ้าวเฟิง คราวก่อนท่านอาจารย์ของแม่นางเคยช่วยเหลือข้าน้อย ในวันนี้มาเจอกันอีกครั้ง หวังว่าจะได้ขอบคุณท่านด้วยตนเอง!”

จ้าวเฟิงเอ่ยต่อ

“อาจารย์ข้ายังไม่กลับมา หากคุณชายไม่รังเกียจก็รอในบ้านหลังนี้ได้”

ดรุณีน้อยชุดขาวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ

“เช่นนั้นก็ดี หากเป็นแบบนี้ บางทีข้าน้อยอาจยังมีโอกาสฟังแม่นางเล่นพิณอีกสักรอบ”

จ้าวเฟิงเอ่ยหยอกเย้า

ท่วงทำนองของดรุณีนางนี้ช่วยจ้าวเฟิงสงบจิตใจและเพิ่มพูนสำนึกรู้

อีกทั้งดรุณีชุดขาวผู้นี้ให้จ้าวเฟิงรอก่อน แปลว่าอีกไม่นานผู้เฒ่าชุดเทาเกินหยั่งถึงผู้นั้นก็จะกลับมา

“คุณชายจ้าว เรียกข้าว่าฉินอินก็ได้!”

หลิวฉินอินพลันหมุนกายกลับมา เผยรอยยิ้มไร้เดียงสา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version