Skip to content

King of Gods 1057

King Of Gods

บทที่ 1057 กลับสนามรบ

“สนามรบ?”

หนานกงเซิ่งพลันลืมตาขึ้น พลังชั่วร้ายไร้รูปร่างค่อยๆ แผ่กระจายออก

“ข้าจะไปพบคุนอวิ๋นสักหน่อย!”

จ้าวเฟิงส่งเสียงไป

พูดคุยกับครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเป็นเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งคือจ้าวเฟิงอยากจะพบหน้าหยูเฟยด้วย

อีกทั้งช่วงที่จ้าวเฟิงกลับมานี้ จ้าวหยูเฟยรั้งอยู่ที่ค่ายทหารขององค์ชายสิบสาม สร้างความสำเร็จไม่น้อยให้กับเขา จ้าวเฟิงจะต้องหยุดยั้งเอาไว้

“ข้าจะไป หอสังหารเดียวดายไม่เหมาะกับข้า!”

หนานกงเซิ่งเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

ขอบเขตพลังของหนานกงเซิ่งสูงมากเกินไป ภารกิจลอบสังหารที่หอสังหารเดียวดาย ในหนึ่งเดือนมีหนึ่งหรือสองภารกิจที่ไปถึงระดับขั้นของเขาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

นอกจากนั้น หลังเดินไปมาอยู่ในหอสังหารเดียวดายบ่อยๆ หนานกงเซิ่งได้ยินรายงานข่าวแนวหน้ามาไม่น้อย ช่วงนี้สถานการณ์สงครามดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ระดับการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นทีละน้อย แม้กระทั่งเซียนชั้นสูงก็เริ่มโผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว

เช่นนี้การไปสนามรบน่าจะสนุกกว่าอยู่ที่หอสังหารเดียวดายมากจริงๆ

“เช่นนั้นก็ดี เตรียมตัวเอาไว้ อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะออกเดินทาง!”

จ้าวเฟิงพูดเสียงเรียบ

สำหรับความขัดแย้งของจ้าวเฟิงกับคุนอวิ๋น หนานกงเซิ่งรู้อยู่บ้างเล็กน้อย

จ้าวเฟิงก็ตั้งใจจะหยั่งเชิงหนานกงเซิ่งสักหน่อย

ผลสุดท้ายหนานกงเซิ่งได้ยินว่าจ้าวเฟิงจะไปพบคุนอวิ๋น ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะไปช่วยตน แต่ยิ่งสนใจศัตรูและการสังหาร

เห็นทีการสู้กับวังเก้านิรยครั้งที่แล้ว หนานกงเซิ่งจะได้รับผลกระทบมาก ช่วงระยะนี้ดูดซับพลังเทพปีศาจในปริมาณมากเพื่อยกระดับพลัง ทำให้สติสัมปชัญญะและจิตใจของเขาที่แต่เดิมนับว่ายังมั่นคงเริ่มเปลี่ยนแปลง

นอกจากนั้น ในเวลาหนึ่งเดือนจ้าวเฟิงก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน

แค่ความคิดของจ้าวเฟิงขยับ ก็เข้าไปในมิติตาซ้าย

“สำเร็จแล้ว!” ใบหน้าของจ้าวเฟิงฉายแววยินดี

ครั้งนี้สิ่งที่จ้าวจ้าวเฟิงเลือกลอกเลียนแบบคือหลินจือดินลายทอง วัตถุดิบล้ำค่าที่มีคุณสมบัติสูงมาก

คิดไม่ถึงเลยว่าใช้เวลาห้าวัน ลูกทรงกลมสีทองลึกลับก็เลียนแบบวัตถุดิบล้ำค่าเช่นนี้ออกมาได้สำเร็จ

แต่ในขณะเดียวกัน ในช่วงระยะนี้ เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงอยู่ในระดับกลางหรือล่างมาโดยตลอด สูญเสียไอสวรรค์ในกายไปค่อนข้างมาก

อานุภาพวิชาดวงตาส่งผลกระทบต่อเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิง ส่วนไอสวรรค์ส่งผลกระทบต่อชั้นวัตถุทั้งหมด หากสูญเสียไปอย่างสาหัส อาจจะสร้างความเสียหายให้กับรากฐานของพลัง รักษาได้อย่างยากยิ่ง

จากคุณค่าของหลินจือดินลายทอง จ้าวเฟิงคำนวณอย่างคร่าวๆ ว่าหากเพิ่มระดับวัตถุขึ้นอีกขึ้น ก็น่าจะถึงขีดจำกัดที่สามารถลอกเลียนแบบได้แล้ว

“น่าจะประมาณอาวุธชั้นนภาระดับกลาง!”

จ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย

นั่นก็หมายความว่า ขอเพียงให้เวลาและทรัพยากรที่เพียงพอแก่จ้าวเฟิง เขากระทั่งสามารถลอกเลียนแบบอาวุธเทพจำนวนหนึ่งได้

ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็แน่ใจแล้วว่า ถ้าคิดจะใช้ความสามารถนี้ลอกเลียนแบบศรสังหารเทพนั้นไม่มีทางเป็นจริงได้ ต่อให้เป็นศรสังหารเทพที่ทำเลียนแบบก็ยังคงลำบากมาก

ต่อไป ความคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลึกเข้าไปในลูกทรงกลมสีทองลึกลับ เสี้ยวขณะต่อไปก็มาถึงยังห้วงฝันบรรพกาล

ในห้วงฝันบรรพกาล ใกล้ๆ กับสระน้ำมีเพียงแค่เสืออัคคีปีกทองไม่กี่ตัว

จ้าวเฟิงได้บัญชาเอาไว้ก่อนแล้ว ให้เสืออัคคีปีกทองตัวอื่นสืบค้นลักษณะพื้นที่ของทั้งผืนป่ามา

“นายท่าน ในป่าแห่งนี้ นอกจากเผ่าพันธุ์วัวคลั่งพสุธาทลายกับวานรสายฟ้านภาเพลิง ก็ไม่พบภัยคุกคามอื่น!”

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองรายงานสถานการณ์ที่สืบมาช่วงนี้

“นายท่าน นี่คือทรัพยากรที่ค้นเจอ!”

เสืออัคคีปีกทองนำวัตถุดิบล้ำค่าแปลกประหลาดมากมายออกมาจากโลกมิติส่วนตัวของตนเอง กลิ่นยาที่เข้มข้นแผ่กระจายออกมาทันใด

“ไม่เลวเลย!” จ้าวเฟิงเก็บวัตถุดิบล้ำค่าบรรพกาลเหล่านี้เอาไว้ทั้งหมด

ในมนตราอากาศของจ้าวเฟิงเก็บของล้ำค่าที่ไม่รู้ชื่อเอาไว้มากมาย ทั้งหมดล้วนได้มาจากเบื้องล่างหุบเขาวายุทมิฬเมื่อครั้งที่แล้ว

ของล้ำค่าไม่รู้ชื่อพวกนี้ จ้าวเฟิงไม่กล้าบุ่มบ่ามเอาไปให้ผู้อื่นวินิจฉัย จึงทำได้เพียงเก็บเอาไว้ก่อน

“อัตราความสำเร็จในการโจมตี ‘เผ่าพันธุ์วัวคลั่งพสุธาทลาย’ ของพวกเรามีเท่าใด?”

จ้าวเฟิงถาม

วัวคลั่งพสุธาทลายอยู่ในรายหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ อันดับเหนือกว่าเสืออัคคีปีกทองอยู่สามสิบกว่าอันดับ ระหว่างทั้งสองแตกต่างกันในระดับหนึ่ง

“ในตอนนี้พลังของนายท่านเพิ่มขึ้น พวกเรามีอัตราการสำเร็จห้าส่วน!”

ผู้นำเสืออัคคีปีกทองครุ่นคิดก่อนจะตอบ

“ห้าส่วน?” จ้าวเฟิงขมวดคิ้ว

ในตอนแรก จ้าวเฟิงกับผึ้งจักรพรรดิห้าตัวใช้พลังทั้งหมดจึงจะเอาชนะเสืออัคคีปีกทองตัวนี้ได้ ยามนี้จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ คนเดียวก็สามารถเอาชนะจ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองได้แล้ว

จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองย่อมเข้าใจในจุดนี้ แต่กลับบอกผลลัพธ์เช่นนี้

แสดงว่า ‘วัวคลั่งพสุธาทลาย’ ค่อนข้างไม่ธรรมดา

“ดูท่าแล้วข้าควรจะอบรมฝึกฝนพวกเจ้า!”

จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นช้าๆ

จ้าวเฟิงคิดอยากจะขุดค้นทรัพยากรของห้วงฝันบรรพกาล โดยหลักๆ แล้วก็พึ่งสัตว์อสูรบรรพกาลที่เป็นทาสรับใช้

ตั้งแต่จ้าวเฟิงจับเสืออัคคีปีกทองพวกนี้มาเป็นทาสรับใช้ กลับละเลยการฝึกฝนพวกมัน

ต้องรู้ว่า จ่าฝูงเสืออัคคีปีกทองตัวนี้แท้จริงแล้วเป็นเพียงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มเท่านั้น ทว่ามีพลังที่เทียบเคียงกับเทวาเร้นลับชั้นสูง ส่วนพลังวิญญาณของมัน จริงๆ แล้วยังคงเป็นเทวาเร้นลับชั้นต้น

ดังนั้นตอนจ้าวเฟิงเป็นเพียงปฐมเซียน จึงสามารถเอาชนะมันได้โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านวิญญาณ

แต่ว่าหากคิดจะฝึกฝนเสืออัคคีปีกทอง จ้าวเฟิงก็ลำบากแล้วจริงๆ

เสืออัคคีปีกทองของที่นี่เกือบจะไปถึงขอบเขตเซียน พวกมันอาศัยอยู่ในห้วงฝันบรรพกาล พลังในทุกๆ ด้านแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จ้าวเฟิงควรจะเอาอะไรมาฝึกฝนพวกมันเล่า?

สุดท้ายจ้าวเฟิงก็ตัดสินใจได้

“ให้เสืออัคคีปีกทองทั้งหมดใช้พลังในสระน้ำนี้ให้เกลี้ยง จากนั้นก็ไปโจมตีเผ่าพันธุ์วัวคลั่งพสุธาทลาย!”

จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตักน้ำไปบางส่วน

คิดอยากจะฝึกฝนเสืออัคคีปีกทอง อาศัยได้เพียงทรัพยากรในห้วงฝันบรรพกาลเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงก็ตัดสินใจใช้พลัง ‘ลอกเลียนแบบ’ และเริ่มลอกเลียนแบบทรัพยากรในห้วงฝันบรรพกาล เพิ่มกำลังรบของเสืออัคคีปีกทอง

“รอให้เอาชนะ ‘เผ่าพันธุ์วัวคลั่งพสุธาทลาย’ ได้สำเร็จแล้ว ก็จะเริ่มไปยังพื้นที่ด้านหลังป่า!”

หากอยากได้ทรัพยากร มีเพียงแค่ไม่หยุดค้นหาเท่านั้น

เสืออัคคีปีกทองพยักหน้า เข้าใจถึงความทะเยอทะยานของจ้าวเฟิง

หลังจากพูดจบ จ้าวเฟิงก็ออกจากห้วงฝันบรรพกาล

“ปี้ชิงเยวี่ย อีกช่วงหนึ่ง ข้าจะไปแนวหน้าของสนามรบ…”

จ้าวเฟิงสื่อสารกับปี้ชิงเยวี่ยผ่านตราผนึกดวงใจทมิฬ เริ่มสั่งงานทั้งหมด

จากนั้นจ้าวเฟิงก็หารือกับเซียนราตีทมิฬถึงเส้นทางการพัฒนาหอสังหารเดียวดายในภายภาคหน้า

ต่อมา จ้าวเฟิงมายังหอปรุงยาของหมอเทวดาอวี้หลิง และมอบเสืออัคคีปีกทองหนึ่งตัวกับน้ำในสระของห้วงฝันบรรพกาลสามกาให้กับนาง

หลังจากกลับมายังพื้นที่ต้องห้ามแล้ว จ้าวเฟิงก็หยิบวัตถุดิบยาบรรพกาลที่ได้มาจากห้วงฝันบรรพกาลออกมา

“หญ้ารวมจิตหลอมวิญญาณ สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณ รักษาบาดแผลของวิญญาณ เป็นวัตถุดิบยาชั้นเลิศของยาศาสตร์วิญญาณ….”

หญ้ารวมจิตหลอมวิญญาณเป็นของล้ำค่าศาสตร์วิญญาณที่มีค่ามากที่สุดในนั้น

หลังจากที่กินเข้าไปแล้ว จ้าวเฟิงก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณธาตุไม้อันแข็งแกร่งค่อยๆ แผ่ซ่านในวิญญาณ หล่อเลี้ยงวิญญาณของตน ขณะเดียวกันพลังสำนึกรู้ธาตุไม้ก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของจ้าวเฟิง

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น พลังจิตวิญญาณอันไร้รูปร่างแผ่กระจาย

“พลังวิญญาณยกระดับขึ้น ล้ำหน้าเทวาเร้นลับชั้นต้นทั่วไป!”

จ้าวเฟิงดีใจเล็กน้อย

ดื่มกินสิ่งล้ำค่าวิญญาณของห้วงฝันบรรพกาลครั้งแรก สรรพคุณของยาดีเกินคาด

สิ่งล้ำค่าวิญญาณทั่วไปบนดินแดนทวีป จ้าวเฟิงใช้เวลามากสุดห้าวันก็สามารถดูดซับได้หมด แต่หญ้ารวมจิตหลอมวิญญาณในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงกลับใช้เวลาที่ยาวนานเช่นนี้ แสดงให้เห็นได้ถึงความรุนแรงของสรรพคุณยา

นอกจากนั้น ด้านหน้าของจ้าวเฟิงก็มีวัตถุดิบล้ำค่าบรรพกาลหลายอย่างปรากฏขึ้น จ้าวเฟิงใช้ลูกกลมสีทองลึกลับลอกเลียนแบบทั้งหมดนี้ในขณะปิดด่านหนึ่งเดือน

ฟู่!

เงาร่างของจ้าวเฟิงมาปรากฏอยู่ด้านนอกตำหนักทันใด หนานกงเซิ่งรออยู่ที่นี่นานแล้ว

“ออกเดินทาง!” จ้าวเฟิงพูดออกมา

ขวับ! เกราะแขนในมือจ้าวเฟิงสะบัดอยู่จุดเดิม กายของทั้งสองอยู่ในเงาซ้อนทับสีเงิน ก่อนจะจางลงแล้วเลือนหายไป

หากมีจ้าวเฟิงเพียงคนดียว ทุกครั้งจะสามารถข้ามระยะทางได้หนึ่งมณฑล จากนั้นฟื้นฟูการเผาผลาญพลังประมาณห้าวันก็มาถึงแนวหน้าของสนามรบได้

แต่ในครั้งนี้จ้าวเฟิงพาเซียนเทวาเร้นลับชั้นต้นมาด้วยผู้หนึ่ง จึงสูญเสียพลังเยอะขึ้นมาก ดังนั้นทางที่ข้ามผ่านจะต้องย่นระยะลง

“ไม่เสียทีที่เป็นอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศ สะดวกเสียจริง!”

ระหว่างเดินทางข้ามผ่าน หนานกงเซิ่งเลียริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองมีแสงประหลาดวูบวาบ

สายตาจ้าวเฟิงจับจ้องเล็กน้อย จากแววตาของหนานกงเซิ่ง เขามองเห็นความละโมบในนั้น ท่าทางสติสัมปชัญญะและจิตใจของหนานกงเซิ่งจะถูกพลังเทพปีศาจบิดเบือนหนักยิ่งขึ้นแล้ว

“หนานกงเซิ่ง ลองนี่ดู!”

จ้าวเฟิงหยิบน้ำสระในห้วงฝันบรรพกาลออกมากาหนึ่ง

ประสาทสัมผัสวิญญาณของหนานกงเซิ่งกวาดผ่าน หลังลังเลอยูชั่วขณะก็ดื่มมันลงไป จากนั้นกลิ่นอายความคิดชั่วร้ายที่ผิวกายของเขาก็ค่อยๆ อ่อนจางและเก็บซ่อนลงไป

ใช้เวลาประมาณสิบวัน จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งก็มาถึงสนามรบ

จ้าวเฟิงทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้ที่เมืองเหมิง เขาและหนานกงเซิ่งจึงมายังเมืองเหมิงโดยตรง แต่เมืองเหมิงยามนี้กลับเหมือนเมืองร้าง ในนั้นมีเพียงจักรพรรดิคนหนึ่ง ราชันไม่กี่คน กับผู้แข็งแกร่งในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น

ด้วยขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง หากทั้งสองคิดหลบซ่อน จะไม่มีใครค้นพบพวกเขาได้

“ท่าทางสถานการณ์ของสงครามจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจริงๆ!”

จ้าวเฟิงพึมพำ

ตามที่เขารู้มา สถานการณ์ศึกแนวหน้าดุเดือดเป็นอย่างมาก ไม่ง่ายดายเหมือนกับการรักษาเมืองอีกต่อไป อีกทั้งยังแบ่งกำลังทหารไปตามที่ต่างๆ เริ่มแย่งชิงพื้นที่ทุกนิ้วทุกตาราง

แม้กระทั่งแม่ทัพที่รักษาเมืองยังต้องนำกองทหารเข้าไปในสนามรบที่กว้างใหญ่ด้วยตนเอง องค์ชายเก้าก็เช่นเดียวกัน

“ไป ไปสนามรบ!”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งออกจากเมืองเหมิงทันที

สนามรบแนวหน้าในยามนี้ ระดับกำลังรบสูงมาก อันตรายมีอยู่รอบด้าน

ฆ่าศัตรู แลกผลงานการรบ เมื่อชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ คุนอวิ๋นจะต้องมาหาอย่างแน่นอน หยูเฟยก็น่าจะเช่นกัน

นี่ก็คือแผนการของจ้าวเฟิงในตอนนี้

ปัจจุบันตำหนักราชันไม่ต้องให้จ้าวเฟิงจ่ายทรัพยากรอุดหนุน กลับเป็นจ้าวเฟิงที่ใช้ตำหนักราชันกวาดค้นทรัพยากร แต่นี่ก็ยังไม่เพียงพอ

ลำพังเพียงแค่ทรัพยากรที่ต้องการเพื่อฝึกฝนของจ้าวเฟิงเอง ก็สามารถเทียบเท่ากับทรัพย์สินในบ้านของผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเซียนแล้ว ต่อจากนี้จ้าวเฟิงยังต้องการฝึกฝนเสืออัคคีปีกทองในห้วงฝันบรรพกาลอีก….

ฟุ่บ ฟุ่บ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งบินผ่านฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว

เวลาสองวัน ทั้งสองก็มาถึงยังเขตสงคราม ด้วยสายตามองเห็นระยะไกลของจ้าวเฟิง ไม่นานนักเขาก็ค้นพบกองกำลังทหารของต่างเผ่าพันธุ์กองหนึ่ง

หัวหน้าเป็นขอบเขตปฐมเซียน ในกองกำลังนอกจากจะมีจักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะสามคนแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นราชันระดับสูง

“จักรพรรดิเตาเหอ (ลำธารมีด) ทิศตะวันตกเฉียงใต้มีความเคลื่อนไหว!”

ในกองทหาร สมาชิกที่เชี่ยวชาญการสอดแนมพูดขึ้น

จากนั้น เงาคนสองเงาก็รุดหน้ามาทางเขาอย่างรวดเร็ว

“มีเพียงแค่สองคน?”

“เจ้ามนุษย์สองคนนี้เป็นพวกโง่กระมัง แค่สองคนยังกล้ามาเดินไม่เกรงกลัวผู้ใดในเขตสงคราม!”

ในกองทหารย่อย ราชันต่างเผ่าพันธุ์บางคนหัวเราะขึ้นทันที

“เจ้าพวกโง่ รีบหนีเร็ว!”

จักรพรรดิเตาเหอที่เป็นผู้นำใบหน้าซีดขาว แปลงร่างเป็นเงาประกายสีขาวแล้วรีบหนีทันที

สำนึกรู้ของจักรพรรดิเตาเหอแตะถึงขั้นเซียน จากสัมผัสรับรู้ของเขา ทั้งสองคนนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเซียนอย่างแน่นอน ชายผมยาวสีม่วงโลหิตหนึ่งในนั้นทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

“เขตแดนแก่นแท้อัสนี!”

จ้าวเฟิงบินมาอยู่ที่ท้องฟ้าเหนือกองทหารกลุ่มย่อยนี้ทันที ในกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายอัสนีที่ดึกดำบรรพ์ทรงพลังออกมา

ทันใดนั้น ทั่วไปทั้งบริเวณก็กลายเป็นมิติแรงกดดันอัสนีอันมืดมิด ต่างเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่หยุดอยู่ตรงนั้นถูกสะเทือนตายทันที ไม่เหลือรอดไปได้สักราย

วายุอัสนีธาตุดินของจ้าวเฟิงรวมกับขอบเขตแก่นแท้อัสนี ผลลัพธ์จึงเพิ่มทบเท่า

ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทวาเร้นลับทั่วไป เมื่ออยู่ในขอบเขตแก่นแท้อัสนีของจ้าวเฟิง เพียงครึ่งก้าวก็ล้วนขยับลำบาก

ฟิ้ว!

หนานกงเซิ่งเห็นจ้าวเฟิงจัดการกับต่างเผ่าพันธุ์พวกนี้ทั้งหมด ก็แปลงเป็นประกายสีม่วงโลหิตเย็นเยือกไล่ตามปฐมเซียนที่หนีไปคนนั้น

“เป็นไปได้อย่างไร ที่นี่ไยจึงมีกำลังรบขั้นเซียนที่แข็งแกร่งมาสองคนเช่นนี้? หรือว่ามนุษย์เริ่มโจมตีกลับอย่างสุดกำลังแล้ว?”

จักรพรรดิเตาเหอมองจ้าวเฟิงลงมือ ร่างกายราวกับตกอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น

ฟุ่บ! เงาซ้อนสีม่วงโลหิตพลันปรากฏขึ้น จักรพรรดิเตาเหอราวตกอยู่ในบ่อโคลน การเคลื่อนไหวช้าลง

กรอบ! เงาซ้อนสีม่วงโลหิตรอบด้านหลอมรวมเป็นกรงเล็บมารสีม่วงโลหิต จับจักรพรรดิเตาเหอเอาไว้ ก่อนจะบีบวิญญาณและร่างกายของปฐมเซียนต่างเผ่าพันธุ์ผู้นี้จนแหลกละเอียด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version