Skip to content

King of Gods 1073

King Of Gods

บทที่ 1073 บีบให้ถอย

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราพบกลิ่นอายวายุอัสนีกลุ่มหนึ่งในสถานที่ที่องค์ชายสิบสามโดนสังหารอีกด้วย!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวยิ้มเจ้าเล่ห์

กลิ่นอายวายุอัสนีอ่อนจางกลุ่มนั้น ถึงจะเป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็ยังจับสังเกตได้ยาก มีแต่ต้องควบคุมเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ในฟ้าดินได้ แตะถึงขั้นพลังราชาเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ ถึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยเล็กๆ นี้

คนที่พบย่อมเป็นราชาเซียนอวี่หลิง

ความจริงแล้วฮองเฮาองค์ปัจจุบันก็หมายตาจ้าวเฟิงเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

อย่างแรก องค์ชายเก้าไม่มีความสามารถเช่นนี้ในตอนนั้น

อย่างที่สอง ถึงแม้ว่าจ้าวหยูเฟยจะไม่ยินยอมแต่งงานกับองค์ชายสิบสาม แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องลงมือสังหารอีกฝ่าย ทำให้ทั้งตระกูลตวนมู่ต้องตกอยู่ในอันตราย

อย่างที่สาม หนานกงเซิ่งและครึ่งเซียนคุนอวิ๋นไม่เคยพบกับองค์ชายสิบสามมาก่อน ต่อให้พวกเขาสองคนจะเป็นคนลงมือสังหารองค์ชายสิบสาม คนที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องเป็นจ้าวเฟิงอยู่แล้ว

นอกเหนือจากคนเหล่านี้แล้ว ตอนนั้นก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่เป็นอันตรายคุกคามกลุ่มองค์ชายสิบสามอยู่แถวนั้น

“กลิ่นอายวายุอัสนี? จะบอกอะไรได้?”

สีหน้าท่าทางจ้าวเฟิงสงบนิ่ง ระบายยิ้มบางก่อนถาม

อันที่จริง ในใจจ้าวเฟิงหนักอึ้ง ตอนนั้นเขาเพิ่งจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับได้ไม่นานนัก ยังไม่อาจควบคุมสำนึกรู้ได้ดังใจปรารถนา จึงจัดการบางสิ่งได้ไม่ครบถ้วน และทิ้งร่องรอยเอาไว้

แต่มองดูในตอนนี้แล้ว ราชาเซียนอวี่หลิงผู้นี้เองก็ไม่ใช่ราชาเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับธรรมดาๆ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่าเขายังสังเกตเจอกลิ่นอายวายุอัสนีอีก

“บอกอะไรได้งั้นหรือ?”

ผู้เฒ่าชุดเขียวสีหน้าอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่าจนถึงตอนนี้จ้าวเฟิงจะยังเยือกเย็น ระบายยิ้มทั่วใบหน้า

“กลิ่นอายวายุอัสนีที่หลงเหลือในที่เกิดเหตุ บ่งชี้ได้ว่ามือสังหารใช้เสวียนอ้าววายุอัสนี อีกทั้งเจ้ายังมีอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศที่เดินทางข้ามไปมาได้ การจะสังหารองค์ชายสิบสามจึงง่ายดายอย่างมาก ได้ยินมาว่าเจ้ายังมีทรัพยากรล้ำค่าอย่างรากบัวหิมะหลอมกายา เจ้าใช้รากบัวหิมะหลอมกายาสร้างร่างปลอมขึ้นมาหลอกลวงเซียนเกาหวง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ สรุปแล้วคนที่สามารถลงมือสังหารแบบนี้ได้มีแค่เจ้าเท่านั้น!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวตะโกนเสียงกร้าวอย่างโกรธแค้นทันที

“ฮ่าๆ เจ้านี่ช่างคิดเสียจริง!”

จ้าวเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ไม่ได้ยอมรับแต่อย่างใด

“จ้าวเฟิง คายความจริงทั้งหมดมา!”

ราชาเซียนอวี่หลิงด้านข้างเปิดปากเอ่ยขึ้น

ครั้งนี้พวกเขามาเพื่อสอบสวนจ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงกลับทำท่าทีไม่สนใจ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

บนท้องฟ้า แรงกดดันไร้รูปพุ่งปะทะเข้าหาจ้าวเฟิงในทันที

“ข้าไม่ได้เป็นคนสังหารองค์ชายสิบสาม!”

จ้าวเฟิงปฏิเสธทันที

“แต่นี่ไม่อาจทำให้เจ้าหลุดพ้นจากข้อสงสัยได้!”

ราชาเซียนอวี่หลิงขมวดคิ้วมุ่น

ความจริงแล้ว การตายขององค์ชายคนหนึ่งแห่งราชวงศ์ต้าเฉียนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ที่ผ่านมาก็มีองค์ชายใหญ่หรือองค์ชายรองที่ตายโดยไม่คาดคิดเช่นกัน

อย่างมากก็คงจะส่งขอบเขตเทวาเร้นลับทั่วไปสองสามคนไปตรวจสอบ เมื่อไม่ได้เรื่องอะไรก็ได้แต่ปล่อยให้จบลงไปเท่านั้น

แต่ในครั้งนี้ จักรพรรดิและฮองเฮามาขอร้องให้เขาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง อีกทั้งผู้เฒ่าชุดเขียวข้างกายเขาผู้นี้ก็มีสัมพันธ์อันดีกับเขามาก่อน

มิฉะนั้นแล้วราชาเซียนอวี่หลิงก็คร้านจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

แต่เมื่อราชาเซียนอวี่หลิงยื่นมือเข้ามายุ่งแล้ว ก็ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง อีกทั้งในตอนนี้เขายังเป็นกังวลเรื่องพลังเทพที่สนามรบแนวหน้า เวลาจึงกระชั้นชิด ไม่อยากค่อยๆ เจรจากับจ้าวเฟิง

อีกอย่าง ก็แค่ผู้อาวุโสสูงสุดในสำนักสามดาวผู้หนึ่ง เพียงแต่ขอบเขตพลังในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มเท่านั้น เขาย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา

“เช่นนั้นแล้วราชาเซียนอวี่หลิงคิดจะสืบอย่างไร?”

จ้าวเฟิงมองราชาเซียนอวี่หลิง ก่อนเอ่ยถาม

เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเซียนอวี่หลิง จ้าวเฟิงจำต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามก็เป็นคนในระดับสูงของตำหนักไท่หวง

หากเปลี่ยนเป็นราชาเซียนจากขั้วอำนาจอื่น จ้าวเฟิงจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

ต้องรู้ไว้ว่า ความสามารถในการลอกเลียนแบบของจ้าวเฟิงในตอนนี้ สามารถลอกเลียนศรสังหารเทพชั้นรอง เมื่อเผชิญหน้ากับราชาแห่งเซียนผู้หนึ่ง จ้าวเฟิงสำแดงไพ่ตายต่างๆ ออกมา ก็ยังพอจะมีกำลังรบอยู่บ้าง

“แค่สืบวิญญาณ ทั้งหมดก็กระจ่างแล้ว!”

ราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง ปรายตามองจ้าวเฟิงอย่างเย่อหยิ่ง

ผู้เฒ่าชุดเขียวด้านข้างหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

จากความคิดเขา มือสังหารตัวจริงจะต้องเป็นจ้าวเฟิงอย่างแน่นอน

ทันทีที่พิสูจน์ได้ว่าฆาตกรคือจ้าวเฟิง ผู้เฒ่าชุดเขียวและฮองเฮาองค์ปัจจุบันก็จะมีหนทางกำจัดจ้าวเฟิงให้สิ้นซาก และยังใช้เรื่องนี้โยงไปหาองค์ชายเก้าได้ด้วย

ถึงแม้ว่าองค์ชายสิบสามจะตายลงไปแล้ว แต่เขาและฮองเฮาก็ต้องชำระความแค้นครั้งนี้ พวกเขาไม่อยากเห็นองค์ชายเก้าขึ้นครองราชย์

“ราชาเซียนอวี่หลิง อย่าคิดได้คืบจะเอาศอก!”

สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักไป น้ำเสียงเกรงอกเกรงใจหายไปโดยพลัน

ราชาเซียนอวี่หลิงพูดเช่นนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่เห็นจ้าวเฟิงอยู่สายตาแม้แต่น้อย

อย่างแรกเรื่องถูกคนอื่นสืบวิญญาณ ก็อาจสร้างความเสียหายต่อวิญญาณหรือความทรงจำของเขา

นอกจากนั้น หากความลับจำนวนมากของจ้าวเฟิงเปิดเผยออกมาสักเรื่องหนึ่ง คาดว่าคงทำให้ราชาเซียนอวี่หลิงเกิดความละโมบขึ้นได้

“ข้าก็เกรงใจเจ้ามากพอแล้ว!”

ราชาเซียนอวี่หลิงสีหน้าเคร่งขรึม คำพูดประโยคดังกล่าวของจ้าวเฟิงสร้างความไม่พอใจให้เขาอย่างมาก

ถ้าหากไม่ใช่เพราะตำหนักราชันมีขนาดใหญ่มาก ศักยภาพของจ้าวเฟิงก็ไม่ธรรมดา ราชาเซียนอวี่หลิงก็อาจจะใช้วิชาสืบวิญญาณกับจ้าวเฟิงตั้งแต่แรกแล้ว

“เชิญกลับไปเถอะ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยส่งแขก

ตอนนี้มีพลังเทพปรากฏขึ้นในสนามรบ กำลังรบแข็งแกร่งที่สุดที่ราชวงศ์จะเชิญมาได้ก็คือราชาแห่งเซียน

ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ ก็คงไม่มาสนใจใยดีความเป็นตายขององค์ชายผู้หนึ่ง

อีกอย่าง ที่นี่คือตำหนักราชัน กระทั่งวังเก้านิรยจ้าวเฟิงยังกล้าล่วงเกิน ไหนเลยจะสนใจเซียนผู้หนึ่ง?

ขอแค่จ้าวเฟิงไม่สังหารหรือทำร้ายราชาเซียนอวี่หลิงจนบาดเจ็บหนัก ผู้แข็งแกร่งขั้นครึ่งเทพของตำหนักไท่หวงก็ไม่น่าจะบุกเข้ามาจัดการจ้าวเฟิงถึงที่นี่

“เหอะ พูดดีๆ ไม่ฟัง ต้องให้ใช้กำลังลงมือ วันนี้จะต้องจัดการเจ้าให้ได้!”

ราชาเซียนอวี่หลิงพลันระเบิดโทสะ

ดูจากท่าทีของจ้าวเฟิง คนที่สังหารองค์ชายสิบสามต้องเป็นจ้าวเฟิงแน่

อีกอย่าง ราชาเซียนอวี่หลิงเองก็สนใจในสมบัติที่จ้าวเฟิงครอบครองอย่างมาก เช่นมนตราอากาศหรือทรัพยากรล้ำค่าจำนวนมากจากมิติเทพลวงตา อีกทั้งว่ากันว่าจ้าวเฟิงยังมีศรสังหารเทพดอกหนึ่งด้วย

ผู้เฒ่าชุดเขียวยินดีทันใด เขาไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกล้าอวดดีใส่ราชาเซียนอวี่หลิง คราวนี้จ้าวเฟิงต้องตายแน่

“เจ้าช่างกล้า!”

ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงเปล่งประกายอัสนีสีขาวสุกสกาวนับไม่ถ้วน เสวียนอ้าวทำลายล้างวิญญาณกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาพร้อมกับระลอกวิญญาณที่แข็งแกร่ง

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจับสังเกตได้ว่า ราชาเซียนอวี่หลิงเตรียมจะลงมือ ด้วยเหตุนี้เขาจึงชิงลงมือก่อน

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

จ้าวเฟิงไม่ต้องคิด เขาปลดปล่อยวิชาดวงตาใหม่อย่าง ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ ที่เพิ่งจะคิดค้นมาได้

เห็นเพียงตราอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยวกลุ่มหนึ่ง ดุจลูกไฟที่เผาไหม้บิดโค้ง หอบเอากลิ่นอายวิญญาณที่น่ากลัวเกินจะเปรียบ โจมตีลงไปที่ดวงวิญญาณของราชาเซียนอวี่หลิงทันที

ราชาเซียนอวี่หลิงที่เตรียมจะลงมือถูกจ้าวเฟิงขัดขวาง

“อ๊าก…”

ราชาเซียนอวี่หลิงรู้สึกเหมือนวิญญาณของตนตกลงไปในนรกเพลิงอัสนี แบกรับการโจมตีจากหมื่นสายฟ้าที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง วิญญาณของเขาได้รับอาการบาดเจ็บที่ไม่อาจเยียวยาอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดลึกถึงกระดูกระเบิดออกในหัวของเซียนอวี่หลิง

ผู้เฒ่าชุดเขียวด้านข้างไม่อยู่ในอาณาเขตโจมตีของจ้าวเฟิง แต่ดวงวิญญาณของเขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังอัสนีเทวะที่น่ากลัวนั้น

ผู้เฒ่าชุดเขียวสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มองไปที่จ้าวเฟิงราวกับเห็นสัตว์ประหลาด

“กลับไปซะเถอะ!”

คราวนี้จ้าวเฟิงเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

“จ้าวเฟิง เจ้า…”

ราชาเซียนอวี่หลิงค่อยๆ ฟื้นคืนสติ รู้สึกหวาดกลัว

เขาป้องกันการโจมตีจากวิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิงเอาไว้ไม่ทัน วิญญาณของเขาบาดเจ็บร้ายแรง พลังดวงวิญญาณอ่อนแอจนถึงขีดสุด

ถ้าหากจ้าวเฟิงปลดปล่อยวิชาดวงตาเช่นนี้มาอีกสักกระบวนท่า อาจสร้างความเสียหายที่น่ากลัวเกินจะฟื้นคืนแก่วิญญาณของเขา อย่างน้อยก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาหลายหมื่นปี

พอถึงตอนนั้น การสำรวจหาสมบัติที่ใต้ดินของสนามรบก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุนี้ราชาเซียนอวี่หลิงจึงต้องรีบเร่งกลับไปเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของวิญญาณทั้งหมด

แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ตกก็คือ จ้าวเฟิงเพิ่งจะอยู่ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม เหตุใดจึงสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้?

ในเวลานี้ ราชาเซียนอวี่หลิงจ้องมองจ้าวเฟิงตรงๆ ระแวดระวังมากยิ่งขึ้น

“จ้าวเฟิง เจ้าช่างเก่งกล้าเสียจริง!”

ราชาเซียนอวี่หลิงสีหน้าดำคล้ำ

“ไปกันเถอะ!”

ราชาเซียนอวี่หลิงและผู้เฒ่าชุดเขียวออกไปจากตำหนักราชัน

“ราชาเซียนอวี่หลิง จะปล่อยจ้าวเฟิงไปแบบนี้หรือ?”

เมื่อออกมาจากตำหนักราชันแล้ว ผู้เฒ่าชุดเขียวรีบถามขึ้น

ถึงแม้ออกจะเหลือเชื่อไปสักหน่อย แต่ราชาเซียนอวี่หลิงที่เป็นผู้ปกป้องวังหลวงต้าเฉียนก็เสียเปรียบในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงจริงๆ

“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะเติบโตมาจนถึงขั้นนี้แล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวลอบถอนใจ

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจ้าวเฟิงจะบีบให้ราชาเซียนถอยร่นไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ความแค้นนี้ก็ยากจะเอาคืนแล้ว

“เหอะ ตอนนี้สายตาผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ของตำหนักไท่หวงต่างจดจ่ออยู่กับสนามรบแนวหน้า รอให้สำรวจสมบัติใต้ดินเหล่านั้นเสร็จค่อยกลับมาจัดการเขาก็ยังไม่สาย อีกอย่าง ถ้าจ้าวเฟิงกล้ามาขุดค้นสมบัติใต้ดินด้วยละก็จะยิ่งดีไปใหญ่!”

ราชาเซียนอวี่หลิงหัวเราะเจ้าเล่ห์ และบินจากไปอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่ถูกวิชาดวงตาวิญญาณของจ้าวเฟิงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ราชาเซียนอวี่หลิงย่อมไม่พูดไปแน่

หากถึงตอนนั้นจ้าวเฟิงมาสำรวจหาสมบัติใต้ดินเช่นกัน ราชาเซียนอวี่หลิงก็สามารถชักจูงเซียนส่วนหนึ่งที่มีสัมพันธ์อันดีกับเขามาล้างแค้นครั้งนี้

ในตำหนักราชัน

“นายท่าน ท่านไล่ราชาเซียนอวี่หลิงไปได้งั้นหรือ?”

ปี้ชิงเยวี่ยเอ่ยถามอย่างตื่นใจสงสัย

ราชาเซียนอวี่หลิงเป็นถึงผู้นำระดับสูงของตำหนักไท่หวง ตำหนักไท่หวงยิ่งเป็นถึงผู้ปกครองอยู่เบื้องหลังทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน และเป็นสำนักสี่ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์นี้

“ไม่เป็นอะไร!”

จ้าวเฟิงตอบง่ายๆ

แค่ราชาเซียนอวี่หลิงคนเดียว ไม่อาจเป็นตัวแทนของคนทั้งตำหนักไท่หวง

ราชาเซียนคนหนึ่ง จ้าวเฟิงไม่หวาดกลัวอะไร ในโลกใบนี้สุดท้ายก็วัดกันที่พลังความสามารถทั้งนั้น พลังคือทั้งหมด

“พลานุภาพของเพลิงดวงตาอัสนีเทวะไม่เลวเลยจริงๆ!”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างยินดี

เมื่อครู่จ้าวเฟิงปลดปล่อยตราอัสนีเทวะทั้งหมดออกมา ผลก็คือทำร้ายวิญญาณของราชาเซียนอวี่หลิงจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าลงมือกับตน

“แต่สิ้นเปลืองตราอัสนีเทวะมากเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงประเมินอีกครั้ง

กระบวนท่า ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ เมื่อครู่ใช้ตราอัสนีเทวะทั้งหมดที่จ้าวเฟิงมี หากจ้าวเฟิงต้องการจะปลดปล่อยเพลิงดวงตาอัสนีเทวะเป็นครั้งที่สอง จำเป็นต้องรออีกสักพัก ให้พลังอัสนีเทวะฟื้นฟูอย่างช้าๆ

แต่ในทางกลับกัน เพลิงดวงตาอัสนีเทวะไม่ใช้พลังวิญญาณ ถึงพลังดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงจะอ่อนแออย่างมาก ก็ยังคงสามารถสำแดง ‘เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ’ ออกมาได้

หลังจากพักผ่อนไปหลายวัน จ้าวเฟิงก็เริ่มคัดลอกกะโหลกอำนาจเทวะ

ยิ่งพลังอัสนีเทวะแฝงอยู่ในกายวิญญาณอัสนีของจ้าวเฟิงมากขึ้นเท่าไหร่ พลานุภาพของเพลิงดวงตาอัสนีเทวะก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงระยะเวลานั้น จ้าวเฟิงก็ยังคงใช้ผลึกเซียนระดับล่างฝึกตน หวังว่าจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นต้นได้ในเร็ววัน

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่า อีกไม่นานนัก พลังเทพกลุ่มนั้นจะต้องสลายไป

พอถึงเวลานั้นก็จะเป็นตอนที่ร่างเทพปรากฏขึ้นที่แผ่นดินใหญ่

ดังนั้นตอนที่ฝึกฝน จ้าวเฟิงจึงมักจะใช้ตราผนึกดวงใจทมิฬติดต่อกับปี้ชิงเยวี่ยเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของพลังเทพในสนามรบกลุ่มนั้นอยู่เสมอ

สี่เดือนต่อมา ตำแหน่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ต้าเฉียนเกิดการเปลี่ยนแปลง องค์ชายเก้าขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ

แต่ถึงจะเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ขั้วอำนาจทั้งหมดในราชวงศ์ก็ไม่ได้ใส่ใจจักรพรรดิองค์ใหม่มากนัก ยังคงเอาแต่จดจ่ออยู่กับพลังเทพในสนามรบเสียมากกว่า

ในความเป็นจริงแล้ว คนระดับสูงของสำนักสามดาวทั้งหมดในราชวงศ์ต่างรู้ว่า ราชวงศ์ในวันนี้เป็นก็เพียงแค่คนปกครองดูแลเบื้องหน้า นายเหนือหัวที่แท้จริงของราชวงศ์ต้าเฉียนก็คือตำหนักไท่หวง

และในวันนี้ ปี้ชิงเยวี่ยส่งข่าวแก่จ้าวเฟิง

“นายท่าน วันนี้มีครึ่งเทพลงไปใต้ดินเป็นระยะทางเก้าหมื่นลี้แล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version