Skip to content

King of Gods 1080

King Of Gods

บทที่ 1080 ราบรื่น

“ผู้บุกรุกต้องตายอยู่ที่นี่!”

ในถ้ำก็มียักษ์กายผลึกตัวใหญ่อีกตนหนึ่งตื่นขึ้น

กลุ่มจ้าวเฟิงและเซียนหมื่นปรากฏการณ์เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง

“พี่เฟิง หากเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์จะแย่แล้ว!”

ใบหน้านวลของจ้าวหยูเฟยตึงเครียด

นางอยู่ในเงาแสงวาววับสีม่วงที่หมุนวนอยู่ทั่วร่าง ทุกการกระทำจะมีแสงสกาวสีเดียวกันลากยาวเป็นชุด โจมตีไปบนร่างของยักษ์กายผลึก

กำลังรบของหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยไปแตะระดับราชาเซียน ถึงขั้นที่สามารถตรึงกำลังราชาเซียนต่างเผ่าพันธุ์อย่างเฮยตู๋และจื่อตู๋ได้

แต่เวลานั้น คนทั้งสองทุ่มเทแรงทั้งหมดแล้ว หนานกงเซิ่งใช้พลังเทพปีศาจ จ้าวหยูเฟยก็กระตุ้นสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ

ถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ได้เปรียบเหนือราชาเซียนทั้งสองไม่ได้ กลายเป็นว่าจ้าวเฟิงเอาชนะเซียนที่เหลือ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ในระดับหนึ่ง

ทว่าในตอนนี้ ทุกคนคิดจะสังหารยักษ์กายผลึกที่มีกำลังรบขั้นราชาเซียน ความยากต้องเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

บวกกับมียักษ์กายผลึกตนอื่นเข้ามาร่วมวงด้วย กระทั่งจ้าวเฟิงยังรู้สึกว่าอันตราย

มองย้อนกลับไปที่หนานกงเซิ่งที่ยิ่งสู้ก็ยิ่งบ้าคลั่ง มีเพียงจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยรู้ว่าเขาใช้พลังเทพปีศาจมากเกินไป จิตใจบิดเบี้ยวอย่างร้ายแรง ถูกความละโมบเข้าครอบงำ แต่อันที่จริงหนานกงเซิ่งเหนื่อยล้าอย่างมากแล้ว

“ข้าจะใช้วิชาดวงตาวิญญาณยื้อเอาไว้ ส่วนพวกเจ้าสองคนโจมตีไปที่ส่วนหัวใจของพวกมัน!”

จ้าวเฟิงเอ่ยทันที

พลังชั้นกายเนื้อของจ้าวเฟิงด้อยกว่าหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย ไม่สู้มอบตำแหน่งโจมตีหลักให้กับพวกเขา

ส่วนจ้าวเฟิงใช้วิชาดวงตาวิญญาณก่อกวนยักษ์กายผลึก อีกด้านก็โคจรใช้วิชามากมาย ต้านทานการโจมตีจากยักษ์กายผลึกอีกสองตน

การลดทอนและตั้งรับการโจมตีของปีศาจขั้นราชาเซียน สำหรับจ้าวเฟิงแล้วเป็นหน้าที่ที่ยากเย็นนัก

“เขตแดนคุกมายา!”

ในกายวิญญาณอัสนี พลังวิญญาณมหาศาลทะลักเข้าไปภายในดวงตาซ้าย

ตาซ้ายจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นโลกเขาวงกตสีทองม่วงไร้ขอบเขต สาดซัดแรงดึงดูดรุนแรง รบกวนความคิดและวิญญาณของยักษ์กายผลึกด้านหน้า

“แสงวิญญาณโจมตี!”

ทั่วร่างจ้าวหยูเฟยเปล่งประกายแสงสีม่วง ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับมหาศาล โจมตีไปบนทรวงอกยักษ์กายผลึกตนหนึ่ง

“กรงเล็บมารทลายนภา!”

ดวงตาสองข้างของหนานกงเซิ่งเปล่งแสงสีแดงม่วงวูบวาบ

พลังศักดิ์สิทธิ์โลหิตม่วงที่ชั่วร้ายน่ากลัวเกาะกลุ่มเป็นกรงเล็บมารใหญ่ยักษ์ที่สมจริงอย่างยิ่ง ก่อนลากเงาทับซ้อนสีม่วงเงินเป็นทางยาว ใช้ความเร็วราวสายฟ้าตรงไปแหวกทรวงอกของยักษ์กายผลึก

ยักษ์กายผลึกตนนี้โดนโจมตีรุนแรง จิตสำนึกพลันฟื้นฟูกลับมา มันส่งเสียงเกรี้ยวกราด โบกแขนขนาดยักษ์ทั้งสองข้างเตรียมจะโจมตี

“วิญญาณพิศวง!”

ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงมองเขม็งอีกครั้ง สาดซัดพลังจิตวิญญาณลวงตากลุ่มหนึ่ง หมุนวนรอบความคิดและวิญญาณของยักษ์กายผลึก สร้างการรบกวนส่วนหนึ่งไว้

ในเวลาเดียวกัน การโจมตีของยักษ์กายผลึกก็ตรงเข้ามาจากอีกด้าน

จ้าวเฟิงหลอมรวมขอบเขตแก่นแท้อัสนีและมิติส่วนตัววายุอัสนี ต่อต้านและตัดกำลังอีกฝ่าย

หนานกงเซิ่งเองก็เรียกโล่ทองคำออกมา เพื่อตั้งรับการโจมตีที่น่าหวาดกลัวอีกสายหนึ่ง

“โจมตีต่อเรื่อยๆ!”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างรีบร้อน

ทั้งสามคนร่วมมือกันอย่างสามัคคีเช่นนี้ แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน โจมตีไปยังจุดอ่อนจนยักษ์กายผลึกตนนี้บาดเจ็บสาหัส

ทุกครั้งที่ยักษ์กายผลึกตนนี้เตรียมจะโจมตี จ้าวเฟิงจะใช้วิชาดวงตาวิญญาณเพื่อรบกวนมัน

“มันใกล้จะตายแล้ว!”

หนานกงเซิ่งตะโกนเสียงกร้าว กระตุ้นพลังเทพ ลงมือโจมตีอย่างหนักหน่วง

อีกฟากหนึ่ง กลุ่มของราชาเซียนเฮยตู๋ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยักษ์กายผลึกสามตนในเวลาเดียวกัน ความกดดันก็หนักหนานัก

เซียนหมื่นปรากฏการณ์หลบอยู่หลังสองราชาเซียน ใช้เนตรหมื่นปรากฏการณ์ขัดขวางยักษ์กายผลึกอยู่ตลอด หนำซ้ำยังเป็นกำลังเสริมให้กับราชาเซียนสองคนด้วย

เนตรหมื่นปรากฏการณ์ชำนาญเสวียนอ้าวในธรรมชาติทุกประเภท อีกทั้งพลังเสวียนอ้าวที่สร้างขึ้นยังบริสุทธิ์จนสามารถมอบให้ราชาเซียนทั้งสองได้

“พลังและการป้องกันของยักษ์กายผลึกเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ราชาเซียนจื่อตู๋รู้สึกได้ถึงความยุ่งยาก แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม้ตายของเขาไม่อาจใช้อย่างง่ายดาย อีกด้านก็ยังต้องระแวดระวังพวกจ้าวเฟิงไปด้วย

“กลุ่มพวกมันมีผู้แข็งแกร่งที่ชำนาญวิชาดวงตาวิญญาณ น่าจะสบายกว่าพวกเราไปบ้าง!”

ราชาเซียนเฮยตู๋สีหน้าเคร่งขรึม จ้องไปที่จ้าวเฟิง

ยักษ์กายผลึกเหล่านี้พลังวิญญาณค่อนข้างจะอ่อนแอ การต้านทานพลังก็แข็งแกร่ง

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงผุดลูกไฟสีม่วงประกาย พร้อมคลื่นพลังดวงตาที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่ง

โครม ฟิ้ว! วินาทีต่อมา ยักษ์กายผลึกที่บาดเจ็บสาหัสและเตรียมจะหนีตนนั้นศีรษะระเบิดออก เพลิงอัสนีทองม่วงปะทุลุกลามอยู่บนร่าง

ถัดจากนั้น ยักษ์กายผลึกตนนี้ยังต้องเจอกับการไล่ล่าของหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย

ตูม! หนานกงเซิ่งคว้าหัวใจของยักษ์กายผลึกมาทำลาย แล้วล้วงเอาผลึกเซียนระดับล่างในนั้นออกมา

“ตนที่สอง!”

จ้าวเฟิงรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย

สู้รบมาจนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงสิ้นเปลืองพลังไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์หรือเจตจำนงดวงตา

สถานการณ์ในตอนนี้ของหนานกงเซิ่งไม่แตกต่างอะไรกับจ้าวเฟิงนัก ถึงแม้เขาจะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงแล้ว แต่ขอบเขตพลังยังไม่ได้เสถียร ขอบเขตพลังการโจมตีไม่เพียงพอ มิฉะนั้นพลังของเขาคงจะเหนือกว่านี้

กลับเป็นจ้าวหยูเฟยที่ถึงแม้จะอยู่เทวาเร้นลับชั้นต้นเท่านั้น แต่กลิ่นอายกลับสงบนิ่งผิดปกติ โจมตีติดต่อกันไม่หยุด และยังคงรักษาจังหวะเอาไว้ได้

“เวลาไม่มากแล้ว รีบจัดการยักษ์กายผลึกเหล่านี้ซะ!”

หนานกงเซิ่งมีใบหน้าบ้าคลั่งเหี้ยมโหด ตะโกนเสียงดัง

“เจ้ามนุษย์ ไม่สู้พวกเราเอาไพ่ตายออกมาใช้ แล้วรีบจัดการเรื่องยุ่งยากเหล่านี้เสีย!”

อีกฟากหนึ่ง จู่ๆ ราชาเซียนเฮยตู๋ก็เอ่ยขึ้น

กลุ่มทั้งสองต่างเฝ้าระวัง จึงลดประสิทธิภาพการสู้ไปมาก

คนทั้งหกสิ้นเปลืองพลังไปมหาศาล อีกทั้งยังบาดเจ็บอยู่ระดับหนึ่ง หากยื้อต่อไปเช่นนี้ยังสามารถดึงดูดกลุ่มอื่นมาได้ด้วย

ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง

ด้านนอกของกำแพงผลึกมีระลอกกลิ่นอายลอยมา

“กลุ่มอื่นมาแล้ว!”

หนานกงเซิ่งตึงเครียด

“เป็นต่างเผ่าพันธุ์หรือเผ่าพันธุ์มนุษย์?”

ราชาเซียนเฮยตู๋ใจสั่นระรัว

มีแค่เพียงหกคน ผลเก็บเกี่ยวในท้ายที่สุด อย่างมากก็แค่แบ่งสองกลุ่มเท่าๆ กัน

แต่ในตอนนี้มีกลุ่มอื่นคืบคลานเข้ามาใกล้ เช่นนั้นแล้วราชาเซียนเฮยตู๋จึงหวังว่าผู้ที่เข้ามาใกล้จะเป็นกลุ่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์

‘เป็นพวกต่างเผ่าพันธุ์!’

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุผ่านกำแพงผลึกหลายแนว มองเห็นผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าพันธุ์โบยบินมาด้วยความเร็วสูง

อีกทั้งหากเขาไม่ได้มองผิด หนึ่งในผู้มาเยือนก็คือผู้อาวุโสสูงสุดต่างเผ่าพันธุ์ของวังเวหามาร ครึ่งเทพพั่วเมี่ย!

เป็นผู้สืบทอดมรดกแปดเนตรเทพเจ้าต่างเผ่าพันธุ์!

จ้าวเฟิงหรี่ตาลง สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายร้ายแรง

อีกทั้งคนอื่นในนี้ยังไม่รู้อะไรทั้งสิ้น รอคอยการมาถึงของกลุ่มดังกล่าว

ในขณะที่จ้าวเฟิงเพิ่งเตรียมจะบอกหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟย

วู้ม โครม โครม!

ในเวลานี้เอง กลุ่มแสงรางเลือนเหนือถ้ำส่งคลื่นความคิดที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมา กลิ่นอายน่ากลัวที่อยู่เหนือทั้งจักรวาลแผ่กระจายออก

ยักษ์กายผลึกทั้งหมดในถ้ำสั่นเทา หยุดการรุกโจมตี

“เกิดอะไรขึ้น?”

ราชาเซียนเฮยตู๋มีสีหน้าตื่นตะลึง เมื่อมองไปที่กลุ่มแสงพลังเทพกลุ่มนั้น

“เป็นไปได้อย่างไร? มิน่าล่ะ…”

จ้าวเฟิงตื่นตกใจ ดวงตาข้างซ้ายจ้องไปที่แสงเทพสีขาวเป็นประกาย ก่อนสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด

“แสงสว่างกลุ่มนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีความคิดจิตใจ หรือว่ามันจะเหมือนกับยักษ์กายผลึกเหล่านี้ กลายร่างเป็นปีศาจ!”

ในใจจ้าวเฟิงหวาดกลัวเกินจะเปรียบ ตาซ้ายของเขามองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

ถ้าหากเป็นเพียงพลังเทพกลุ่มหนึ่ง คนทั้งหมดยังมีวิธีจะเก็บไปได้ แต่พลังเทพกลุ่มนี้ก่อกำเนิดจิตใจขึ้น เช่นนั้นก็คือปีศาจ

หากสามารถใช้ปีศาจพลังเทพกลุ่มนี้ จะน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน!

“ครึ่งเทพพั่วเมี่ย ปีศาจพลังเทพ!”

ในตอนนี้ มีเพียงจ้าวเฟิงที่สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตสองกลุ่มนี้ แต่เขายังคงมีท่าทีปกติเหมือนเดิม

“เจ้าแมวขโมยน้อย!”

จ้าวเฟิงโคจรห้วงความคิด สื่อสารกับเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่หลบอยู่ในมุมมืดตลอดเวลา

อีกด้านหนึ่ง

กลุ่มต่างเผ่าพันธุ์อย่างราชาเซียนเฮยตู๋จื่อตู๋และเซียนหมื่นปรากฏการณ์ ก็ถูกดึงดูดด้วยระลอกประหลาดของพลังเทพเหนือถ้ำ

อย่างไรเสีย ทุกคนร่วมมือกันบุกโจมตีที่นี่เป็นการชั่วคราว ก็เพื่อพลังเทพกลุ่มนั้น

ทันใดนั้นเอง!

ด้านหลังเซียนหมื่นปรากฏการณ์ปรากฏประกายแสงเงินเส้นหนึ่งขึ้น

เมี้ยว!

มือทั้งสองของเจ้าแมวขโมยกำพลั่วโลหะธรรมดาเอาไว้ ก่อนจะฟาดลงบนศีรษะของเซียนหมื่นปรากฏการณ์ทันที

เจ้าแมวขโมยน้อยผลักพลังที่ทำให้มึนงงจากกรงเล็บของมันเข้าไปยังพลั่วโลหะ และหลอมรวมเข้ากับพลังส่วนหนึ่งของพลั่ว จึงสามารถควบคุมได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น สติสัมปชัญญะของเซียนหมื่นปรากฏการณ์สั่นไหวพร่าเลือน

ฟึ่บ!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยถอดสร้อยบนคอ เปลี่ยนมันเป็นเงามังกรสีทองรัดรั้งเซียนหมื่นปรากฏการณ์เอาไว้อย่างแน่นหนา

แส้งูมังกรทองที่รัดเซียนหมื่นปรากฏการณ์มีผลดูดซึมพลังศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับและทำให้ชา จึงทำให้เซียนหมื่นปรากฏการณ์ที่กำลังดิ้นรนไร้เรี่ยวแรงไปในฉับพลัน

เมี้ยว เมี้ยว!

หลังจากทำทุกอย่างจนสำเร็จแล้ว เจ้าแมวขโมยอ้าปากกว้าง ปรากฏจุดแสงสว่างสีเขียวมรกตขึ้นกลางอากาศ

จุดแสงสีเขียวมรกตที่ว่าก็คือไหมเมฆาผีเสื้อเซียนนั่นเอง!

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนสยายปีกออกทันที ละอองเกสรหลากสีกึ่งโปร่งรวมตัวกันเป็นพายุหมุนวิจิตรงดงาม แล้วพลันกวาดออกไปปกคลุมทั่วร่างของเซียนหมื่นปรากฏการณ์ ก่อนจะกระจายออกไปทั่วสารทิศ

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยคล่องแคล่วปราดเปรียว ทำทั้งหมดนี้ภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที

ส่วนราชาเซียนเฮยตู๋และจื่อตู๋ที่ถูกล่อใจด้วยแสงเทพเหนือถ้ำ เมื่อได้สติกลับมาหน้าก็เปลี่ยนสี และเตรียมจะลงมือ

ฟู่ ฟู่! ในเวลานี้ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอ้าปากพ่นไหมเมฆาหลากสีสัน

เส้นเล็กละเอียดมากมายทะลวงทั่วไปในอากาศ ใยไหมเมฆาสอดประสานเข้ากับละอองเกสรไฉ่เมิ่ง สร้างความวุ่นวายต่อราชาเซียนทั้งสองอย่างที่สุด

เปรี๊ยะ!

วินาทีต่อมา เจ้าแมวขโมยตัวน้อยจึงกลายร่างเป็นคมแสงสีเงินเข้ม หายไปพร้อมกับเซียนหมื่นปรากฏการณ์ที่ไร้แรงขัดขืน

“เจ้ามนุษย์ พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

ราชาเซียนเฮยตู๋ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

จากการกระเมื่อครู่ของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย เขามองออกว่านี่เป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงวางแผนเอาไว้นานแล้ว

จังหวะที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยลงมือก็พอดิบพอดี

ด้านหน้ามีกลุ่มอื่นกำลังมาถึง ด้านหลังก็มีแสงเทพที่ผิดปกติกะทันหัน ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้สมาธิของพวกเขาแตกกระเจิง ผ่อนการระวังตัวลงไป

“จ้าวเฟิง นี่เจ้า?”

หนานกงเซิ่งอึ้งไป

เห็นได้ชัดว่าการกระทำเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงไม่ได้บอกพวกเขาเอาไว้

“ผู้มาเยือนคือครึ่งเทพพั่วเมี่ยของต่างเผ่าพันธุ์ พวกเราหนีไปกัน!”

จ้าวเฟิงแจ้งข่าวต่อคนทั้งสอง จากนั้นขยับแขนขวาเรียกใช้มนตราอากาศ

“อะไรนะ?”

สีหน้าหนานกงเซิ่งและจ้าวหยูเฟยเปลี่ยนไปทันควัน พวกเขาไม่สงสัยในคำพูดของจ้าวเฟิงแม้แต่น้อย

ถ้าหากกลุ่มที่มาเยือนเป็นครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์จริงๆ เช่นนั้นพวกเขาอาจตายลงที่นี่

บึ้ม! ในเวลานี้เอง มีพวกต่างเผ่าพันธุ์ทะลุผ่านรอยโหว่กำแพงเข้ามา

ผู้นำกลุ่มมีเกล็ดมังกรสีดำทั่วร่าง เหนือศีรษะมีหนึ่งเขาลักษณะเป็นเกลียว เป็นครึ่งเทพพั่วเมี่ยนั่นเอง

“พวกมนุษย์จงอยู่ก่อน”

แววตาครึ่งเทพพั่วเมี่ยมองไปที่จ้าวเฟิงและพวก สาดคมแสงสีทองสว่างเจิดจ้า

แต่สายไปเสียแล้ว ร่างของพวกจ้าวเฟิงหายไปในเงาอ่อนจางสีเงินเรียบร้อย

การโจมตีของครึ่งเทพพั่วเมี่ยพลาดเป้า โจมตียักษ์กายผลึกด้านหลังแทน

“ผู้อาวุโสพั่วเมี่ย!” ราชาเซียนจื่อตู๋และเฮยตู๋มีสีหน้าเคารพนบนอบ

กลุ่มที่มาถึงเป็นต่างเผ่าพันธุ์ ทำให้เขาปีติยินดีอยู่มาก แต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือในกลุ่มต่างเผ่าพันธุ์จะมีครึ่งเทพ!

อีกอย่าง จู่ๆ จ้าวเฟิงและพวกก็พลันลงมือ จับเซียนหมื่นปรากฏการณ์แล้วก็รีบจากไปในทันที

เหมือนว่าพวกเขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่ากลุ่มที่ตามมาจะเป็นกลุ่มครึ่งเทพพั่วเมี่ย

แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? สตินึกคิดของเซียนไม่สามารถผ่านกำแพงเหล่านั้นไปได้ นอกเสียจากมีขอบเขตพลังแตะขั้นครึ่งเทพ อย่างเช่นครึ่งเทพพั่วเมี่ย ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของเขามีประโยชน์อย่างน้อยนิดที่นี่ ดังนั้นครึ่งเทพพั่วเมี่ยจึงสังเกตเจอจ้าวเฟิงได้เสียก่อน ตอนที่เข้ามาจึงโจมตีจ้าวเฟิงทันที

ราชาเซียนเฮยตู๋และจื่อตู๋เพิ่งเตรียมจะรายงานเรื่องอื่น

ครืน! ทันใดนั้น เพดานถ้ำก็ถล่มลงมา เงาร่างขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหน้าของทุกคน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version