Skip to content

King of Gods 1097

King Of Gods

บทที่ 1097 วิธีการแก้ไข

ภายในพื้นที่ผลึกที่กว้างใหญ่ ถ้ำแห่งหนึ่งตรงหน้าผาด้านขวา

สีหน้าราชาเซียนอวี่หลิง ราชาเซียนปี้กวง และราชาเซียนซีไห่ตื่นตระหนก มองกลุ่มคนที่เพิ่งจะปรากฏตรงทางเข้าของอุโมงค์ขนาดยักษ์อย่างคาดไม่ถึง

“จ้าวเฟิง!”

“ยังมีหนานกงเซิ่ง จ้าวหยูเฟย และคุนอวิ๋น!”

ใบหน้าราชาเซียนปี้กวงตื่นตกใจ

“ทำไมพวกนั้นถึงมาที่นี่ได้?”

ราชาเซียนอวี่หลิงนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ในหัวเกิดเสียงดังโครมคราม

พวกของจ้าวเฟิงถูกครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ไล่ล่าสังหารชัดๆ เหตุใดจึงยังมีชีวิตรอดมาถึงที่นี่ได้

“มีอะไร?” ตอนนี้ ในส่วนลึกของถ้ำมีน้ำเสียงชราดังมา

“รายงานผู้อาวุโสไท่จี๋ ตอนแรกผู้เยาว์เห็นพวกจ้าวเฟิงถูกล่าสังหารจากครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ วันนี้เห็นจ้าวเฟิงมาถึงจึงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง!”

ราชาเซียนอวี่หลิงรีบตอบ

บรรพบุรุษของครึ่งเทพไท่จี๋และราชาเซียนอวี่หลิงมีที่มาเกี่ยวข้องกัน หากไม่ใช่เพราะครึ่งเทพไท่จี๋ส่งเสริมราชาเซียนอวี่หลิงอยู่หลายครั้ง เขาก็คงจะไม่เติบโตมาถึงตอนนี้ และอยู่ในตำแหน่งเช่นวันนี้

แต่ความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างตนเองและจ้าวเฟิง ราชาเซียนอวี่หลิงไม่กล้าพูดถึง ในสายตาครึ่งเทพ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กจ้อยที่ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ

ทว่าหลังจากที่ราชาเซียนอวี่หลิงเอ่ยเช่นนี้ ทั่วทั้งถ้ำกำแพงผลึก สมาชิกทั้งหมดของตำหนักไท่หวงมีสีหน้าตะลึง รีบใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณกวาดผ่าน

“นั่นเป็นราชาเซียนโยวมู่และคุนอวิ๋น!”

เสียงของราชาเซียนแห่งตำหนักไท่หวงผู้หนึ่งดังขึ้น

คนอื่นที่เหลือของตำหนักไท่หวงก็เข้าใจในทันที จ้าวเฟิงสามารถหนีรอดจากการไล่ล่าของครึ่งเทพ ย่อมต้องได้ความช่วยเหลือของกลุ่มมุมมืดทมิฬและคุนอวิ๋น

อีกทั้งในเวลานี้ กลิ่นอายของคุนอวิ๋นและราชาเซียนโยวมู่แข็งแกร่งขึ้นมาก พลานุภาพก็สูงส่งไม่ธรรมดา ดังนั้นสมาชิกในตำหนักไท่หวงจึงเชื่อมั่นในเหตุผลนี้

ในทางเดินกว้างขวาง

จ้าวเฟิงย่อมเจอจุดที่ตำหนักไท่หวงรวมตัวกันอยู่

“ตำหนักไท่หวงไม่น่าจะลงมือกับข้า!”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความประหลาดบางอย่าง

ทุกการกระทำของจ้าวเฟิงไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อครึ่งเทพตำหนักไท่หวง จ้าวเฟิงถึงกล้าทำเรื่องพวกนี้

ทางฝั่งราชวงศ์ต้าเฉียน ในฐานะที่ตำหนักไท่หวงเป็นผู้ปกครองสูงสุดของราชวงศ์ ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนแต่ดึงดูดกลุ่มและขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์มนุษย์ในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด

ภายในถ้ำใกล้ผาสูง ในซากปรักหักพังบนพื้น มีประสาทสัมผัสหลายสายกวาดผ่าน แน่นอนว่าสตินึกคิดค่อนข้างมากต่างจดจ่ออยู่บนร่างของคุนอวิ๋นและสมาชิกมุมมืดทมิฬ

มุมมืดทมิฬเป็นขั้วอำนาจที่วางตัวเป็นกลาง ขั้วอำนาจและกลุ่มต่างๆ ในราชวงศ์ต้าเฉียนต่างก็อยากชักจูงมาเป็นพวก

ส่วนคุนอวิ๋นเป็นถึงครึ่งเทพถือกำเนิดใหม่ เรื่องนี้โด่งดังไปทั่วราชวงศ์ทั้งสองมานาน คุนอวิ๋นย่อมเป็นบุคคลที่ขั้วอำนาจจำนวนมากอยากได้มาเป็นพวก

ในหลุมพังทลายบนพื้นดิน ครึ่งเทพโยวไห่กับเซียนโม๋ยวนแห่งวังเก้านิรยจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง แววตาชะงักค้าง

“เป็นไปได้อย่างไร!”

ราชาเซียนตี้กุ่ยจากกลุ่มลัทธิมารพิภพที่เดินทางไปกับวังเก้านิรยเอ่ยเสียงหลง

ดวงตาครึ่งเทพโยวไห่เปล่งประกายเล็กน้อย เตรียมจะพูดอะไรออกมา

โครม! ภายในอุโมงค์ผลึกที่กว้างใหญ่เกินจะเปรียบ พลังเจตจำนงน่าหวาดกลัวที่มีพลานุภาพกระเทือนฟ้าดินแผ่กระจายมา กลุ่มของราชวงศ์ทั้งสองในบริเวณใกล้เคียงยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว ดวงตาสองข้างจ้องเงาร่างราวเทพเจ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตื่นกลัว

“ครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง?”

มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง

“เจ้าแก่หนังเหนียว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอยู่เบื้องหลังของพวกเรา!”

คุนอวิ๋นหัวเราะร่วน

ราชาเซียนโยวมู่ส่ายศีรษะ นำสมาชิกมุมมืดทมิฬเข้าไปภายในพื้นที่กำแพงผลึกที่กว้างใหญ่ด้านหน้า

“ไปตายซะ!”

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ผมยาวปลิวไสวกลางอากาศ กลายร่างเป็นแสงสีเหลืองเข้มที่บ้าคลั่ง ทะลวงไปด้านหน้าพวกจ้าวเฟิง

พวกจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งรีบเข้าไปภายในพื้นที่กำแพงผลึกด้านหน้า จากนั้นจึงโบยบินไปทางด้านขวา

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งรุกไล่ตามเข้าไปภายในนั้น จนมาหยุดที่เบื้องหน้าของพวกจ้าวเฟิงในพริบตา และเตรียมจะลงมือ

“ไสหัวไป!”

ภายในถ้ำภูเขาที่ตำหนักไท่หวงปักหลักอยู่ พลันมีเสียงเกรี้ยวกราดดังมา

ทั่วทั้งอาณาเขตสงบลงทันที กลิ่นอายกดดันที่ไร้รูปร่างทำให้จิตใจเซียนทั่วไปตึงเครียด ไม่กล้าหายใจออก

ในเวลาเดียวกัน เสียงดังกล่าวเปลี่ยนเป็นพลังสำนึกรู้ที่หนักหน่วงเป็นที่สุด โจมตีไปบนร่างครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง

วูบ!

เสียงเกรี้ยวกราดดังกล่าวดำดิ่งลงไปในวิญญาณของครึ่งเทพจวี้เหมิ่ง ในเวลาเดียวกันก็ยังโจมตีพลังที่แกร่งกล้าของเขาจนกระเด็นถอยไป

ในวินาทีเดียวกัน กลิ่นอายแข็งแกร่งปรากฏขึ้นเลือนรางที่เขตด้านขวาของพื้นที่กำแพงผลึก

“กลับมา!”

พื้นที่ด้านซ้าย ในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งบนผาสูง เสียงเย็นชาที่ทำให้ใจระส่ำระส่ายดังมา

ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งรีบบินไปยังด้านซ้าย ที่นั่นถึงจะเป็นอาณาเขตของราชวงศ์จันทราทมิฬ

พวกจ้าวเฟิงรวดปลอดภัย พวกเขายิ้มแย้มแล้วจึงเดินทางต่อ

ในเมื่อพวกเขาหลายคนยังกล้าทำตามอำเภอใจขนาดนี้ แปลว่าย่อมเชื่อมั่นในตัวเองอย่างยิ่ง ครึ่งเทพจวี้เหมิ่งไม่มีทางสังหารพวกเขาที่นี่ได้แน่

ขั้วอำนาจสองราชวงศ์ต่างยึดครองแต่ละฟากภายในพื้นที่กำแพงผลึกขนาดยักษ์แห่งนี้

ถ้าหากครึ่งเทพจวี้เหมิ่งรุกคืบเข้าไปในถิ่นของราชวงศ์ต้าเฉียน และลงมือสังหารพวกจาวเฟิง ตำหนักไท่หวงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะรวมราชวงศ์ให้เป็นหนึ่งได้อย่างไร

แต่ในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงและกลุ่มราชาเซียนโยวมู่กลับเป็นที่สนใจจากขั้วอำนาจทั้งหมดของราชวงศ์ทั้งสองทันที

“ระหว่างพวกเขาและครึ่งเทพจวี้เหมิ่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำให้ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์เกลียดชังเช่นนี้”

ในฟากพวกมนุษย์ ผู้อาวุโสจากขั้วอำนาจสามดาวที่แกร่งกล้าผู้หนึ่งมีสีหน้าตกใจสงสัย

พวกจ้าวเฟิงหยุดอยู่ที่มุมหนึ่ง ส่วนกลุ่มราชาเซียนโยวมู่อยู่ห่างจากกลุ่มจ้าวเฟิง เดินเข้าไปภายใน

ระหว่างทางไปยังศีรษะร่างเทพ ทั้งสองฝ่ายก็เคยปรึกษาหารือกันมาก่อน

จ้าวเฟิงแสดงท่าทีไม่ร่วมมือกับขั้วอำนาจอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันระหว่างราชาเซียนโยวมู่และจ้าวเฟิงจึงจบลงไปนานแล้ว

พวกจ้าวเฟิงบวกกับคุนอวิ๋นเกาะกลุ่มกัน จากนั้นจึงกางเขตปราการชั้นหนึ่งขึ้นสี่ทิศ

ทุกคนยังไม่ได้พูดอะไร นอกปราการพลังก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน

“จ้าวเฟิง ผู้อาวุโสสูงสุดของวังเก้านิรยเชิญเจ้าไป!”

สีหน้าเซียนโม๋ยวนสับสน มองไปที่จ้าวเฟิง

เดิมทีเซียนโม๋ยวนที่เคยโจมตีตำหนักราชันคิดว่ารอให้เขารักษาอาการบาดเจ็บก่อน เมื่อเจอจ้าวเฟิงครั้งต่อไปจะได้ล้างแค้น แต่จ้าวเฟิงในตอนนี้กลับทำให้เขาหวาดกลัวอยู่บ้าง

“วังเก้านิรย!” ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้งไปในทันที

เขาคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสสูงสุดของวังเก้านิรยจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ เมื่อเห็นตนเองแล้วก็เตรียมจะลงมือ

ขอแค่ตนเข้าไปในถิ่นของวังเก้านิรย ครึ่งเทพโยวไห่ของวังเก้านิรยสังหารเขาแล้ว แค่อ้างเหตุผลส่งเดชก็สามารถรอดไปแบบถูไถได้

ครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ในที่นี่คิดจะสังหารมนุษย์คนหนึ่งคนใด แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย ส่วนครึ่งเทพมนุษย์ คิดจะสังหารเซียนมนุษย์คนหนึ่งกลับง่ายดายยิ่ง

ในตอนที่จ้าวเฟิงครุ่นคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา ในถ้ำแห่งหนึ่งตรงผาสูงมีเสียงชราดังสะท้อนไปมา

“ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเถี่ย อยากพบสหายน้อยจ้าวเฟิงสักหน่อย!”

ในถ้ำภูเขา คนชราที่มีเรือนผมสีแดงในชุดคลุมขาวเผยรอยยิ้มละมุน

“ตระกูลเถี่ย!” สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักค้าง หันไปดูต้นกำเนิดเสียงนั้น

จากการปฏิสัมพันธ์กับตระกูลเถี่ยเมื่อคราวก่อน ตระกูลเถี่ยส่งเถี่ยหงหลิงมา คิดจะคลุมถุงชนคนทั้งสอง

แต่จ้าวเฟิงกลับทอดทิ้งเถี่ยหงหลิง จากนั้นจึงเดินทางไปเพียงลำพัง

เดิมจ้าวเฟิงคิดว่าตระกูลเถี่ยโกรธเกรี้ยวเพราะเรื่องนี้ อย่างน้อยก็คงจะไม่มีท่าทีเป็นมิตรอีก

แต่ในตอนนี้ ตระกูลเถี่ยยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ทำให้จ้าวเฟิงตกใจเล็กน้อย และคนที่เอ่ยประโยคเช่นนี้เป็นถึงราชาเซียนซื่อหยาง (อาทิตย์สีชาด) ปู่ของเถี่ยหงหลิงซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเถี่ย

ตรงจุดที่วังเก้านิรยลงหลักปักฐาน สีหน้าครึ่งเทพโยวไห่เคร่งขรึมลงไป

“กลับมา!”

ครึ่งเทพโยวไห่ส่งเสียงบอกเซียนโม๋ยวน

ในเมื่อตระกูลเถี่ยเปิดปากแล้ว เช่นนั้นถึงเขาจะเชิญจ้าวเฟิงมาก็ไม่สามารถลงมือทำร้ายอีกฝ่าย

ถึงแม้ว่าวังเก้านิรยและตระกูลเถี่ยจะเป็นขั้วอำนาจสามดาวระดับสุดยอดเหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเถี่ยและตำหนักไท่หวงต้องดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“เช่นนั้นสหายน้อยจ้าวก็ไปที่ตระกูลเถี่ยก่อนเถอะ!”

เซียนโม๋ยวนยิ้ม ฝืนทำสีหน้าดีๆ

เมื่อเอ่ยจบเซียนโม๋ยวนก็จากไป

แต่ทางฝั่งของจ้าวเฟิงกลับเป็นที่สนใจของขั้วอำนาจและผู้แข็งแกร่งมากมายในราชวงศ์ทั้งสองอีกครั้ง

เซียนทั่วไปคนหนึ่ง เริ่มจากก่อให้เกิดจิตสังหารของครึ่งเทพต่างเผ่าพันธุ์ จากนั้นจึงเริ่มตั้งรับการแย่งชิงอันไร้รูปร่างของขั้วอำนาจระดับสุดยอดทั้งสองแห่งของราชวงศ์ต้าเฉียน คนผู้นี้เป็นเทพเซียนมาจากที่ไหนกันแน่?

แน่นอน ทางฟากราชวงศ์ต้าเฉียนแทบจะรู้จักจ้าวเฟิงกันหมด จึงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวเฟิงและวังเก้านิรยกับตระกูลเถี่ย

จ้าวเฟิงรีบออกไปจากปราการ โบยบินไปยังอาณาเขตของตระกูลเถี่ย

ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะขัดแย้งกับตระกูลเถี่ย แต่ครึ่งเทพในตระกูลเถี่ยจะต้องอยู่ที่นี่แน่ อีกทั้งครั้งนี้ตระกูลเถี่ยก็ช่วยเหลือจ้าวเฟิงแล้ว เขาย่อมไม่อาจไม่ไว้หน้าตระกูลเถี่ย

พรึ่บ! ปราการพลังที่ปากถ้ำตระกูลเถี่ยปรากฏทางสายหนึ่ง จากนั้นจ้าวเฟิงจึงเข้าไปภายใน

ภายในถ้ำภูเขา เซียนและราชาเซียนจำนวนมากของตระกูลเถี่ยมองประเมินจ้าวเฟิงด้วยสายตาเป็นประกาย

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสซื่อหยางที่ออกหน้า!”

จ้าวเฟิงประสานหมัดเพื่อขอบคุณเป็นลำดับแรก

“สหายน้อยจ้าวเฟิง อย่าเกรงใจไป มาด้านหน้านี่!”

ราชาเซียนซื่อหยางผู้เป็นท่านปู่ของเถี่ยหงหลิงเอ่ยเชิญจ้าวเฟิงให้เข้าไปภายใน

ใจกลางของถ้ำภูเขา มีผู้เฒ่าที่เปล่งแสงสีแดงระยิบระยับนั่งขัดสมาธิ อาณาเขตแน่นอนรอบกายเขากลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม

“ครึ่งเทพชื่อเสี่ย (โลหิตชาด) แห่งตระกูลเถี่ย!”

จ้าวเฟิงใจเต้นระรัว

แต่ตอนนี้ครึ่งเทพแห่งตระกูลเถี่ยผู้นี้กลับหลับตาสองข้างแน่น มีท่าทีไม่แยแสโลกภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น

“สหายน้อยจ้าวเฟิง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีคนในดวงใจแล้ว!”

ราชาเซียนซื่อหยางหัวเราะร่วน

จ้าวเฟิงประหม่าเล็กน้อย เขาย่อมรู้ว่าคนที่ราชาเซียนซื่อหยางเอ่ยถึงคือจ้าวหยูเฟย

“ในตอนนั้นข้าคิดจะจับคู่หลานสาวกับสหายน้อยจ้าว ดูไปแล้ววาสนาหลานสาวข้าคงจะมีไม่มากพอ!”

ราชาเซียนซื่อหยางเอ่ยต่อ

เมื่อเปรียบเทียบกับจ้าวหยูเฟยแล้ว เถี่ยหงหลิงผู้เป็นสตรีอันดับหนึ่งของตระกูลเถี่ยด้อยกว่ามากจริงๆ

“มิได้ แม่นางหงหลิงอ่อนหวานงดงาม…”

จ้าวเฟิงเอ่ยกับราชาเซียนซื่อหยางอย่างเกรงอกเกรงใจ

ความประทับใจของราชาเซียนซื่อหยางมีต่อจ้าวเฟิงดีเยี่ยมยิ่ง ในฐานะที่เป็นราชาเซียน แต่กลับไม่มีท่าทียโส ใบหน้าเป็นมิตรและเข้าถึงง่าย

จากนั้น ราชาเซียนซื่อหยางจึงเอ่ยจุดประสงค์หลักของตนเองออกมา

“สหายน้อยจ้าว จะไม่ช่วยสงเคราะห์ความต้องการของข้าแซ่เถี่ย ให้มารโลหิตที่สมบูรณ์แบบได้กลับคืนสู่ตระกูลเถี่ยหรือ?”

ราชาเซียนซื่อหยางทอดถอนใจ

สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลง เขาเองก็ครุ่นคิดคำถามนี้อยู่หลายครั้งหลายคราว ทันทีที่เข้าสู่ตระกูลเถี่ย เขาจะได้รับการคุ้มครองจากตระกูล วังเก้านิรยย่อมไม่กล้ามาหาเรื่องเขา แต่ท้ายที่สุดแล้ว จ้าวเฟิงก็ยังปฏิเสธไม่เข้าร่วมตระกูลเถี่ย ถึงวังเก้านิรยจะไม่มาหาเรื่อง จ้าวเฟิงก็อยากจะไปหาเรื่องวังเก้านิรยเสียเต็มแก่

จ้าวเฟิงคิดหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ออกเมื่อคิดถึงมันบ่อยครั้ง ทว่ามีปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมได้มากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง

“ผู้เยาว์ย่อมยินดีให้ผู้อาวุโสซื่อหยางสมปรารถนาอยู่แล้ว!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ

ฟู่! ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดทในถ้ำภูเขามีสีหน้าตื่นตะลึง กลิ่นอายร้อนระอุไร้รูปร่างทะลักออกมาเต็มถ้ำ

กระทั่งครึ่งเทพชื่อเสี่ยที่นั่งคุกเข่าอยู่ใจกลางถ้ำยังขมวดคิ้วน้อยๆ

“สหายน้อยจ้าวยินดีจะเข้าร่วม…”

ราชาเซียนชื่อหยางออกจะตื่นเต้น

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะตอบรับอย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่จ้าวเฟิงเองก็ไม่มีท่าทีเหมือนล้อเล่นแต่อย่างใด

“จริงๆ แล้วผู้เยาว์มีวิธีพิเศษบางอย่าง ถ้าหากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ ก็สามารถส่งลูกศิษย์สักสองสามคนมาที่ตำหนักราชัน ผู้เยาว์จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างสุดความสามารถ เพื่อปลุกให้มารโลหิตสมบูรณ์แบบที่แท้จริงตื่นขึ้น แต่ผู้เยาว์ไม่กล้ารับรองผลลัพธ์สุดท้าย!”

จ้าวเฟิงตัดบทคำพูดของราชาเซียนชื่อหยาง เอ่ยวิธีแก้ปัญหาที่ตนเองคิดเอาไว้นานแล้วออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version