บทที่ 1115 ยกระดับพลัง
ใต้พื้นดินลึกแสนลี้ปรากฏหลุมน่าสะพรึงขึ้น ทุกสรรพสิ่งในนั้นล้วนถูกทำลายสิ้น แม้กระทั่งโครงร่างมิติก็ยังได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง
ในร่างเทพที่แหลกลาญเงียบสงัด
“เทพแท้จริงเทียนฝาตายแล้วรึ?”
เนิ่นนานหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าใครถามขึ้น
“นี่เป็นพลังระดับไหนกัน!”
ดวงตาทั้งสองของมังกรวารีเบิกกว้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยประสบการณ์ของเขาก็ยังไม่อาจเข้าใจถึงพลังที่พลิกเปลี่ยนฟ้าดิน ทำลายทุกสรรพสิ่งนั้นได้
ในใจของมังกรวารีล้างโลกา ฐานะของแปดเนตรเทพเจ้าและเหล่าทายาทยกระดับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ตาของมังกรวารีล้างโลกามองประเมินไปรอบด้าน จากนั้นก็เพ่งไปยังร่างของป๋ายหลิน
ฟู่!
มังกรวารีล้างโลกาม้วนตัวป๋ายหลินไป แปลงเป็นเปลวไฟดำทมิฬแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว
“มังกรวารีล้างโลกาหนีไปแล้ว!”
ขณะนี้มีคนร้องขึ้นอย่างตื่นตกใจ
“ช่างหัวมัน!” ครึ่งเทพลัทธิเมืองมืดผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
สู้รบกับเทพแท้จริงเทียนฝา ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์แทบจะได้รับบาดเจ็บหนักกันทุกคน ส่วนมากบาดเจ็บจนถึงรากฐาน ตัวเองยังเอาไม่รอด จะมีใจไปสนใจมังกรวารีล้างโลกาที่ไหนกัน
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดที่ยังมีชีวิต สายตาค่อยๆ จ้องไปยังทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้าและจ้าวเฟิง
ช่วงสำคัญสุดท้าย แทบทุกคนล้วนเห็นด้วยตาตัวเองถึงการปรากฏขึ้นของพลังลึกลับที่ทำลายทุกสิ่งและแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ทายาทเนตรเทพเจ้าร่วมมือกันสองครั้ง พลังกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เหตุผลที่แท้จริงหนึ่งในนั้น แทบทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้ดีอยู่แก่ใจ
และในยามนี้ จ้าวเฟิงที่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ กลับตกอยู่ในสภาวะการรับรู้สำนึกรู้ฟ้าดินแบบหนึ่ง
ประสาทสัมผัสสำนึกรู้ของจ้าวเฟิงในฐานะเจ้าแห่งฟ้าดินค่อยๆ หายไป ความคิดของเขาค่อยๆ กลับคืนสู่ร่าง
“นี่ก็คือพลังดั้งเดิมในดวงตาเทพเจ้าของข้า?”
จ้าวเฟิงพึมพำ
พลังกลุ่มนั้นเพิกเฉยทุกสรรพสิ่ง ทำลายทุกอย่าง ไม่อาจยับยั้งได้
แน่นอนว่าพลังกลุ่มนี้ในดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง เหตุที่สามารถกระตุ้นออกมาได้ ยังคงต้องอาศัยการเหนี่ยวนำพลังดั้งเดิมจากห้าทายาทเนตรเทพเจ้า
นอกจากนั้น จ้าวเฟิงยังรู้สึกว่ายามที่พลังเนตรเทพเจ้าของเขาและพลังทายาทเนตรเทพเจ้าประสานด้วยกัน เหมือนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่ามหัศจรรย์บางอย่างขึ้น
ในยามนี้ จ้าวเฟิงเริ่มสำรวจตาซ้ายของตนเอง
“เอ๋? พลังวิญญาณทะลวงขั้นราชาเซียนแล้ว!”
ตอนจ้าวเฟิงโคจรความคิดก็ค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจของพลังวิญญาณตน
นอกจากนั้น เมื่อครู่ยามที่อยู่ในประสาทสัมผัสสำนึกรู้เยี่ยงเจ้าแห่งฟ้าดิน จ้าวเฟิงก็บรรลุเสวียนอ้าวฟ้าดินทั้งหมดในระดับสูงมาก ขอบเขตสำนึกรู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พลังในทุกด้านของดวงตาเทพเจ้าเหมือนจะผ่านการแปรสภาพรอบหนึ่ง!”
ยามที่ควบคุมดวงตาเทพเจ้าใหม่ จ้าวเฟิงก็ค้นพบว่าดวงตาเทพเจ้าของตนแตกต่างกับแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
พลังของดวงตาเทพเจ้าทุกด้านพัฒนาขึ้นในระดับที่ต่างกัน
ยกตัวอย่างเช่นในตอนแรกสุด อย่างมากจ้าวเฟิงก็ลอกเลียนแบบได้เพียงแค่ศรสังหารเทพชั้นรอง แต่ตอนนี้พลังที่เสียไปเมื่อลอกเลียนแบบศรสังหารเทพชั้นรองอาจจะต่ำมาก และเมื่อรวมกับการทะลวงขอบเขตของพลังวิญญาณ บางทีกระทั่งศรสังหารเทพแท้จริง จ้าวเฟิงก็สามารถลองลอกเลียนแบบได้
และพลังลอกเลียนแบบก็เป็นเพียงแค่หนึ่งชนิดในพลังมากมายของดวงตาเทพเจ้าเท่านั้น
ในขณะเดียวกันนี้ จ้าวเฟิงยังรู้สึกอีกว่าทุกสิ่งในร่างของตนคล้ายไม่เหมือนกับแต่ก่อน
รายละเอียดคืออะไร จ้าวเฟิงก็พูดออกมาไม่ได้เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าการกระตุ้นพลังดั้งเดิมของดวงตาเทพเจ้าและประสานกับพลังทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้าคนอื่นๆ ช่วยกระตุ้นทุกด้านของจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือกระตุ้นพลังวิญญาณและดวงตาเทพเจ้ามากที่สุด
“เนตรดับสูญของข้า!”
อีกด้านหนึ่ง เสียงตื่นตะลึงของครึ่งเทพพั่วเมี่ยดังมา
วู้ม! ครึ่งเทพพั่วเมี่ยลืมตาทั้งสองข้างขึ้น เสวียนอ้าวทำลายล้างไร้รูปร่างแผ่กระจายมา
“พลังของครึ่งเทพพั่วเมี่ยเหมือนว่าจะยกระดับขึ้นมาก!”
ครึ่งเทพโยวหลงที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย
ครึ่งเทพพั่วเมี่ยแต่เดิมก็มีพรสวรรค์สายเลือดเป็นอย่างมาก ในยามนี้พลังของเนตรดับสูญยกระดับขึ้น พลังของเขาเทียบเคียงกับครึ่งเทพชั้นยอดของราชวงศ์จันทราทมิฬแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ราชาเซียนสังสารวัฏหลับตาทั้งสองข้างโดยตลอด พลังสังสารวัฏที่ไร้รูปร่างทำให้เซียนและราชาเซียนรอบๆ รู้สึกอึดอัด ต้องหลีกหนีไปไกล
ส่วนจักรพรรดิแห่งความตาย ถึงแม้จะกลับคืนสู่กายวัฏสงสาร แต่พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งเมื่อครู่ จักรพรรดิแห่งความตายรู้สึกกระทั่งว่าตนเองคล้ายจะหลุดพ้นจากวัฏสงสารแห่งความตายด้วยซ้ำ
จ้าวเฟิงมองทุกอย่างไว้ในสายตา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่ดวงตาเทพเจ้าของเขาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทายาทเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ ก็ได้ผลประโยชน์ไม่น้อยเลย
ทันใดนั้น ดวงตาสองข้างของทายาทเนตรเทพเจ้าทุกคนลืมขึ้น สายตาเพ่งไปยังจ้าวเฟิงทั้งสีหน้าซับซ้อน พวกเขาย่อมรู้ดี การเพิ่มขึ้นของพลังเนตรเทพเจ้าพวกเขาล้วนเป็นเพราะจ้าวเฟิง เพราะพลังดั้งเดิมไม่รู้ชื่อที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น และกระตุ้นพลังสายเลือดดวงตาของพวกเขา
แม้กระทั่งครึ่งเทพพั่วเมี่ย ขณะนี้ก็ยังเกิดความหวาดหวั่นต่อจ้าวเฟิงตามสัญชาตญาณ เหมือนไม่อยากเป็นศัตรูกับเขา
ในยามนี้ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์รอบด้านยังอยู่ในความตะลึง ประหนึ่งไม่อาจเชื่อทุกสิ่งนี้ได้
พลังความร่วมมือของเหล่าทายาทเนตรเทพเจ้า ทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แบบ
พลังที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ เกรงว่าสองราชวงศ์ก็ยากจะเป็นคู่มือด้วย
“ครั้งนี้ดีที่มีพวกท่านทุกคน!
อีกนานกว่าครึ่งเทพหลงหวงจะเอ่ยปากขึ้น
“ใช่แล้ว ดีที่มีเคล็ดวิชาลับของราชาเซียนสังสารวัฏ!”
ครึ่งเทพบางคนเอ่ยไปตามมารยาทสองสามประโยค
“จ้าวเฟิง…”
แต่ตำหนักไท่หวง ราชาเซียนปี้กวงและราชาเซียนอวี่หลิงยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่อาจยอมรับทุกสิ่งนี้ได้
จ้าวเฟิงในยามนี้ราวกับภูเขายักษ์ในใจพวกเขา หนักอึ้งและไม่อาจก้าวข้ามไปได้
“เขาคนเดียวไม่อาจมีพลังน่ากลัวเช่นนี้ได้ ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้า….”
ครึ่งเทพโยวไห่ใบหน้าเคร่งเครียด พึมพำในใจ
บุญคุณความแค้นระหว่างวังเก้านิรยและจ้าวเฟิงไม่อาจคลี่คลายได้แล้ว หากครึ่งเทพโยวไห่หวาดกลัวจ้าวเฟิงเพียงเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นหากจ้าวเฟิงเติบโตขึ้นมาจริงๆ วังเก้านิรยจะต้องดับสูญเป็นแน่
“ตาของจ้าวเฟิงคืออะไรกันแน่?”
หนานกงเซิ่งมีสีหน้าตะลึงสงสัย เขาที่ได้รับโอกาสมหาศาลในร่างเทพ ถูกจ้าวเฟิงสยบเอาไว้โดยสิ้นเชิงอีกครั้ง
“อาจจะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า!”
เสียงระแวดระวังของจิตเทพปีศาจดังออกมาจากในกายของหนานกงเซิ่ง
“ฮิๆ!” จ้าวหยูเฟยที่อยู่ข้างๆ ยิ้มสดใส
สายตามากขึ้นเรื่อยๆ พากันมองไปยังร่างของจ้าวเฟิง
หลังผ่านศึกครั้งนี้ ทุกคนไม่อาจมองข้ามตัวตนของเขาได้
“ไม่รู้ว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลของดินแดนเทพรกร้างจะส่งผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงมาอีกเพราะเหตุนี้หรือไม่…”
ไม่ไกลนัก ราชาเซียนผู้หนึ่งค่อนข้างกังวล เอ่ยขึ้นอย่างสะท้อนใจ
ฟู่!
ในร่างเทพ บรรยากาศที่แต่เดิมผ่อนคลายตึงเครียดขึ้นอีกครั้งทันใด อุณหภูมิรอบข้างลดต่ำลง
จุดนี้ก็เป็นจุดที่ทุกคนกังวลเช่นกัน
แต่ทุกคนก็พยายามพูดโน้มน้าวตัวเอง เทพแท้จริงไม่มาเยือนง่ายๆ แบบนั้นหรอก หรือจะพูดได้ว่าต่อให้เทพแท้จริงมา มีทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งห้าอยู่ก็มีวิธีรับมือ
แต่ในใจของพวกเขายังคงกังวลเป็นอย่างมาก
และในยามนี้เอง เสียงมีชีวิตชีวาลอยออกมาจากส่วนกะโหลกของร่างเทพ
“ทุกท่านไม่ต้องกังวล อีกไม่นานเท่าไหร่ข้าก็จะไปยังดินแดนเทพรกร้าง ตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะไม่ส่งคนมาอีก!”
ผู้แข็งแกร่งของทั้งสองราชวงศ์ ทั่วทั้งร่างตื่นตะลึง สายตาจ้องไปที่กะโหลกร่างเทพ ใบหน้าตื่นตกใจ
ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้ว่าที่กะโหลกร่างเทพจะต้องมีอะไรอยู่แน่นอน
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าที่นั่นจะมีผู้แข็งแกร่งอยู่ผู้หนึ่ง
ยากที่จะจินตนาการได้ว่าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในกะโหลกร่างเทพผู้นี้มีพลังน่าหวาดกลัวเพียงใด
นอกเหนือจากนั้น จากคำพูดของผู้แข็งแกร่งลึกลับผู้นี้ ทุกคนล้วนฟังออกว่าเหตุที่เทพแท้จริงเทียนฝามายังดินแดนแผ่นดินใหญ่ เหมือนจะเป็นเพราะผู้แข็งแกร่งในกะโหลกร่างเทพ
มิฉะนั้น ผู้แข็งแกร่งลึกลับผู้นี้คงไม่พูดเช่นนี้
แต่ว่าต่อให้รู้ในเรื่องนี้ สองราชวงศ์ก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้แข็งแกร่งลึกลับในกะโหลกร่างเทพ
“เช่นนั้นก็ลำบากผู้อาวุโสแล้ว!”
ครึ่งเทพหลงหวงเอ่ยอย่างนอบน้อม
ผู้แข็งแกร่งของทั้งสองราชวงศ์ ในที่สุดก็โล่งอกได้
อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะไม่ส่งผู้แข็งแกร่งมาล้างแค้น
ในตำหนักทองคำขาว แสงเทพทั้งหมดทะลักเข้าไปในร่างของซินอู๋เหิน เขาลืมตาทั้งสองขึ้น
“ในที่สุดก็จบลงแล้ว!”
ซินอู๋เหินค่อยๆ ลุกยืนขึ้น
“ที่นี่ใกล้จะกลายเป็นสถานที่อันตรายแล้ว ออกไปกันเถิด!”
ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงดัง
ในขณะเดียวกัน ซินอู๋เหินก็สะบัดมือ
วูบ! สิ่งก่อสร้างรอบด้านหายไปหมด ของวิเศษล้ำค่าภายในนั้นเข้าไปในมิติเก็บของสักแห่งในกายของซินอู๋เหิน
โลกภายนอก จ้าวเฟิงมองทุกอย่างได้ชัดแจ้งผ่านตาซ้าย
“ที่แท้โอกาสทุกอย่างในที่นั้นล้วนเป็นการวางแผนของซินอู๋เหิน!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตื่นตกใจ
แต่เรื่องที่ว่าเหตุใดซินอู๋เหินจึงทำเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะซินอู๋เหินคาดการณ์ไว้ได้นานแล้วว่าจะมีเทพแท้จริงมาเยือน ในใจของเขารู้สึกผิด จึงจัดสร้างโอกาสเช่นนี้ขึ้นให้ผู้แข็งแกร่งของสองราชวงศ์เข้ามาสำรวจ
ฟู่! พลังเทพมหาศาลที่อ่อนโยนเปี่ยมเมตตาตลบอบอวลออกมาจากกะโหลกร่างเทพ ส่งทุกคนออกมายังผิวโลกทันใด
“จ้าวเฟิง ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ดินแดนเทพรกร้าง!”
ตอนที่ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน ในสมองของจ้าวเฟิงมีคำพูดเช่นนี้ปรากฏขึ้น
หลังออกจากร่างเทพมาแล้ว จ้าวเฟิงก็ใช้มนตราอากาศข้ามมายังจุดที่ทำสัญลักษณ์ไว้แถวๆ นั้น
“ถึงแม้จะสยบทั้งสองราชวงศ์ได้ แต่ก็ถูกขั้วอำนาจทั้งหมดของสองราชวงศ์จับจ้องเช่นกัน!”
จ้าวเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด
……
บนสนามรบมณฑลหลาน ชั่วเสี้ยวขณะที่สมาชิกของสองราชวงศ์ปรากฏตัวขึ้นก็เป็นที่ฮือฮา
ถึงแม้ตัวพวกเขาจะอยู่ด้านนอก แต่ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมหาศาลที่ใต้พื้นดินลึกแสนลี้
“ผู้อาวุโสสูงสุด!”
“ผู้อาวุโสหลงหวง!”
สมาชิกขั้วอำนาจใหญ่ที่เฝ้ารออยู่ต่างขึ้นมารับหน้าผู้นำระดับสูงของขั้วอำนาจที่ออกมา
พวกที่ไม่ได้ออกมา แน่นอนว่าดับดิ้นอยู่ในนั้น
“ ‘ที่อันตราย’ ที่ผู้อาวุโสผู้นั้นพูดหมายถึงอะไรกัน?”
ราชาเซียนผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัย
“ผู้แข็งแกร่งผู้นั้นน่าจะต้องผจญด่านเคราะห์แล้ว!”
ครึ่งเทพหลงหวงกล่าว
ซินอู๋เหินบอกว่าเขาจะไปยังดินแดนเทพรกร้างแล้ว แน่นอนว่าใกล้จะต้องผ่านด่านเคราะห์
“ทัณฑ์อัสนีแห่งเทพแท้จริง!”
ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดตรงนั้นใจสั่นสะท้าน
“ขั้วอำนาจทั้งหมดของราชวงศ์ ห้ามมิให้ใครเข้าใกล้ที่นี่เด็ดขาด!”
ครึ่งเทพหลงหวงออกคำสั่งทันที
ก่อนอื่น ทัณฑ์อัสนีของผู้แข็งแกร่งลึกลับผู้นั้นต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
อีกทั้งจะให้ผู้อื่นรบกวนการผจญด่านเคราะห์ของผู้แข็งแกร่งลึกลับไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง ครึ่งเทพโยวหลงแห่งราชวงศ์จันทราทมิฬก็ออกคำสั่งเช่นเดียวกัน
แต่ว่าทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริง ไม่มีใครอยากพลาดภาพเหตุการณ์เช่นนี้
ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของทั้งสองราชวงศ์ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องรีบปิดด่านรักษาตัว แต่พวกเขาก็ไม่อยากพลาดภาพเหตุการณ์นี้
บางทีนี่อาจจะช่วยพวกเขาในการทะลวงขอบเขตเทพแท้จริง และการผ่านด่านเคราะห์อัสนีในวันข้างหน้าได้ในระดับหนึ่ง
ดังนั้น ผู้นำระดับสูงจากขั้วอำนาจทั้งหลายของสองราชวงศ์ หลังจากที่ถอยห่างออกไปหลายแสนลี้ก็ตั้งฐานที่มั่นขึ้น
……
ไม่มีใครสัมผัสได้เลยว่า ณ มุมมืดแห่งหนึ่งห่างออกไปหลายแสนลี้ มีแสงเย็นเยือกสีม่วงดำส่องประกายอยู่
“บนร่างของเด็กนี่จะต้องมีความลับที่น่าตกใจอยู่แน่!”
เศษเสี้ยววิญญาณของเทพแท้จริงเทียนฝาส่งคลื่นจิตวิญญาณที่ชั่วร้ายออกมา
“เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของข้า ตัวข้าเทพแท้จริงเทียนฝาจะต้องฆ่ามันให้จงได้!”
เทพแท้จริงเทียนฝาตัดสินใจ
ในขณะเดียวกัน เขาก็สนใจดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งของดินแดนเทพรกร้าง ความเข้าใจของเขาต่อเนตรเทพเจ้าทั้งแปดย่อมมากเกินทุกคนที่นี่
ยามนี้ มีราชันทั่วไปที่รูปร่างผอมแห้งผู้หนึ่งบินมาจากที่ไกลๆ
“เป็นเจ้าก็แล้วกัน!”
เศษเสี้ยววิญญาณของเทพแท้จริงเทียนฝาพุ่งไปในกายของราชันผู้นั้นทันที
“อ๊าก…”
หลังจากเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ราชันผู้นั้นดวงตาทั้งสองส่องประกายมืดหม่น เผยรอยยิ้มชั่วร้าย
ตอนที่รับความทรงจำของราชันผู้นี้ เทพแท้จริงเทียนฝาก็หาข้อมูลที่เกี่ยวกับจ้าวเฟิงเจอจำนวนหนึ่ง
“จ้าวเฟิง? ข้าจะต้องสังหารเจ้าด้วยตัวเอง!”