Skip to content

King of Gods 1116

King Of Gods

บทที่ 1116 ทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริง

ฝั่งราชวงศ์จันทราทมิฬ สถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง

“ราชาเซียนสังสารวัฏควบคุมเคล็ดวิชาลับที่ให้พลังทายาทเนตรเทพเจ้ารวมเป็นหนึ่ง อีกทั้งในยามนี้ทายาทเนตรเทพเจ้าทั้งสี่ล้วนอยู่ในฝั่งราชวงศ์ต้าเฉียน!”

“นอกจากนั้นยังมีตัวประหลาดอย่างจ้าวเฟิงนี่อีก!”

“ราชาเซียนสังสารวัฏและจ้าวเฟิง จะต้องกำจัดทิ้งหนึ่งคน!”

ในที่นั้นล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่มีชีวิตรอดจากในร่างเทพ ยามนี้ใบหน้าของพวกต่างเผ่าพันธุ์เคร่งเครียด พากันแสดงความคิดเห็นของตน

จากการต่อสู้ในร่างเทพ ขั้วอำนาจชั้นยอดทั้งหมดของราชวงศ์ทั้งสองเสียหายอย่างหนัก ภายในหลายร้อยปีไม่มีทางเปิดศึกขึ้นได้

แต่ในเวลานี้ ราชวงศ์จันทราทมิฬกล้าเปิดศึกกับราชวงศ์ต้าเฉียนเสียที่ไหน พลังของทายาทเนตรเทพเจ้าสยบพวกเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์

“ราชาเซียนสังสารวัฏรับมือค่อนข้างยาก!”

ราชาเซียนผู้หนึ่งแสดงความคิดเห็นของตนออกมา

ทุกคนล้วนรู้ถึงพลังของเนตรสังสารวัฏดี

เขาถึงแม้ว่าจะเป็นขอบเขตขั้นราชาเซียน แต่พลังทั้งหมดน่าจะเทียบเคียงกับครึ่งเทพทั่วไปได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสามารถในการมีชีวิตรอดของราชาเซียนค่อนข้างสูง

“การรับมือจ้าวเฟิงก็ต้องวางแผนในระยะยาว!”

ครึ่งเทพลัทธิเมืองมืดผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สองราชวงศ์จะต่อสู้กัน ฝั่งต่างเผ่าพันธุ์ยากจะแฝงตัวเข้าไปในศูนย์กลางของราชวงศ์ต้าเฉียน

“หึ ในราชวงศ์ต้าเฉียนก็ใช่ว่าจะไม่มีใครอยากจะฆ่าจ้าวเฟิง เชื่อว่าพวกเขาต้องไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของพวกเรา…”

ครึ่งเทพโยวหลงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

……

ใต้พื้นดินลึกลงไปหลายเเสนลี้ ภายในถ้ำที่จ้าวเฟิงเพิ่งขุดขึ้น

“หากได้ร่างประทับทัณฑ์อัสนีที่ไม่เลวคงจะดีไม่น้อย!”

จ้าวเฟิงมีความคิดเช่นนี้

ทุกครั้งที่จ้าวเฟิงลอกเลียนแบบกะโหลกอำนาจเทวะ ก็ได้พลังอัสนีเทวะมาน้อยมาก ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ดังนั้นเขาจึงหวังในร่างประทับทัณฑ์อัสนีเป็นอย่างมาก

หลังจากขัดสมาธิลง จ้าวเฟิงโคจร ‘หมื่นห้วงความเซียน’ และเริ่มทำพลังให้มั่นคง

ในช่วงระยะนี้ ภายใต้ผลประโยชน์จากเลือดร่างเทพและพลังเนตรเทพเจ้า ทุกๆ ด้านของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่เกิดภาวะรากฐานไม่มั่นคง แต่จ้าวเฟิงก็ต้องทำความคุ้นเคยกับพลังในตอนนี้เสียหน่อย เช่นนี้จึงจะสามารถใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้

ความคิดส่วนที่หนึ่ง ใช้ศึกษาดวงตาเทพเจ้าที่ยกระดับในแต่ละด้าน

พลังแต่ละด้านของดวงตาเทพเจ้าที่พัฒนาขึ้น เช่นมองระยะไกล มองทะลุผ่าน วิชาดวงตาวิญญาณ ปกป้องวิญญาณ แยกส่วน และลอกเลียนแบบ ฯลฯ ล้วนไม่เหมือนกับแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง

ความคิดส่วนที่สอง ใช้ฝึกฝน ‘วิชาแปลงเทพ’

แค่เพียงฝึกฝนวิชาแปลงเทพสำเร็จ จ้าวเฟิงก็จะมีพลังเทพ ไม่เพียงแต่พลังยกระดับขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้อาวุธเทพอย่างตราเทพบรรพกาลได้อีกด้วย

ความคิดส่วนที่สาม จ้าวเฟิงนำมาศึกษาพลังเลือดเทพที่เหลือในนิ้วชี้ขวา

ในยามนี้ จ้าวเฟิงหลุดพ้นจากอันตรายแล้ว เขากำลังคิดว่าจะนำเลือดเทพหยดนี้มาใช้เป็นทรัพยากรฝึกฝน หรือจะนำมันมาใช้โจมตี

นอกจากนั้น เลือดเทพหยดนี้อยู่ในนิ้วชี้ของจ้าวเฟิง ทำให้นิ้ว ฝ่ามือ กระทั่งทั้งร่างของเขาชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ระดับขั้นชีวิตและคุณสมบัติร่างกายชุ่มชื้นขึ้นไม่ขาดสายอย่างไร้รูปร่าง

ความคิดที่เหลือ จ้าวเฟิงนำมาสังเกตสถานการณ์โลกภายนอก อีกทั้งติดต่อกับขั้วอำนาจหอควันสมุทรบนสนามรบ

“ปี้ชิงเยวี่ย ส่งค้นไปรวบรวมเคล็ดวิชาร่างแยกมาสักหน่อย!”

จ้าวเฟิงติดต่อกับปี้ชิงเยวี่ยผ่านทางตราผนึกดวงใจทมิฬ

“ต้องเริ่มลองสร้างร่างแยกที่สองแล้ว!”

จ้าวเฟิงตื่นเต้นนิดหน่อย

หากสร้างร่างได้สำเร็จ ร่างแยกที่สองอย่างน้อยก็จะมีขอบเขตพลังขั้นปฐมเซียน ไม่ต้องเหมือนกับร่างแยกแรกที่ต้องเสียเวลาฝึกไปมหาศาล

หลังออกคำสั่งเสร็จแล้ว ความคิดส่วนสุดท้ายของจ้าวเฟิงก็สำแดงพลังมองทะลุผ่าน สังเกตสภาพของซินอู๋เหินใต้พื้นลึกแสนลี้

หลังจากนั้นสามวัน จ้าวเฟิงคุ้นเคยกับพลังในยามนี้ของตนโดยสมบูรณ์พอควรแล้ว

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถึงขั้นเทวาเร้นลับชั้นสุดยอด การโจมตีจากขั้นราชาเซียนลงไปไม่มีทางทำร้ายจ้าวเฟิงเลยสักกระผีก

นอกจากนั้น หลังจากที่พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นแล้ว จ้าวเฟิงก็ทดลองใช้พลังของตาซ้ายรอบหนึ่งจนคุ้นชิน

“ในยามนี้ ต่อให้เป็นราชาเซียนโยวมู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดขั้นราชาเซียน ก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของข้าได้!”

หลังจากที่คุ้นเคยทุกด้านของตนโดยสมบูรณ์แล้ว จ้าวเฟิงก็วิจารณ์พลังของตน

“หืม? นี่คือ?”

พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงค้นพบกลิ่นอายผิดปกติสายหนึ่งที่ผิวของกายวิญญาณอัสนี

“นี่คือพลังสังสารวัฏ?”

จ้าวเฟิงเคยสัมผัสกับพลังดั้งเดิมสังสารวัฏ จึงคุ้นเคยกับพลังกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก

“เหตุใดบนร่างของข้าจึงมีกลิ่นอายวิญญาณของราชาเซียนสังสารวัฏได้?”

ใจของจ้าวเฟิงเกิดความสงสัย

และยามนี้เอง ทั่วทั้งผืนฟ้ามีอานุภาพทำลายล้างที่น่าหวาดหวั่นมาเยือน

“ทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริงจะมาแล้ว!”

สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึงขึ้นโดยพลัน

ในขณะเดียวกันนี้เอง ทั่วทั้งสนามรบ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์ล้วนลืมตาทั้งสองขึ้น เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า

ครึ่ก ครืน ครืน!

ฟ้าดินพลันผันเปลี่ยน มืดครึ้มไปทั่ว สายอัสนีบาตสีขาวมหึมาบิดม้วนไปบนท้องฟ้า ราวกับสัตว์บรรพกาลตัวเขื่อง แผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวที่ไร้รูปร่าง เสียงลั่นคำรามครืนครานราวอำนาจสวรรค์

ทั่วทั้งล้านลี้ สรรพชีวิตได้รับแรงกดดันมหาศาล ในใจเกรงกลัว ยืนตะลึงอยู่กับที่ราวกราบไหว้บูชา

ครืน!

ทันใดนั้น อัสนีสีขาวขนาดมหึมาสายหนึ่งก็ฟาดเปรี้ยงลงมา ราวกับจะฉีกทึ้งโลกอันมืดมิด

บนอัสนีสีขาว เสวียนอ้าวทำลายล้างน่าหวั่นเกรงลอยเอ่อ ทุกที่ที่พาดผ่าน ทุกสรรพสิ่งสลายสิ้น

ครืน บึ้ม! ผืนดินบนสนามรบแยกออก

“พลังอัสนีเทวะน่าหวาดหวั่นอะไรเช่นนี้!”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตะลึง

ลึกลงใต้พื้นดินนับแสนลี้ จ้าวเฟิงยังคงสัมผัสได้ถึงอานุภาพของพลังอัสนีเทวะ

พลังกลุ่มนี้ ครึ่งเทพทั่วไปไม่มีทางรับไหว แน่นอนว่าซินอู๋เหินไม่ใช่บุคคลธรรมดา

สายตาของจ้าวเฟิงจ้องไปยังร่างของซินอู๋เหินทันใด

ซินอู๋เหินในยามนี้ มือทั้งสองวางไว้ด้านหลัง ทั่วทั้งร่างมีแสงอ่อนส่องกระพริบ ใบหน้าเรียบเฉย เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า

“ใจเย็นได้ถึงเพียงนี้เชียว!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง

ท่าทางของซินอู๋เหินเหมือนไม่สนใจกับทัณฑ์อัสนีเทพแท้จริงเลยสักนิด

ฉับพลันนั้น ใบหน้าของจ้าวเฟิงชะงักงัน

เห็นเพียงซินอู๋เหินยื่นมือขวาออกมา เพียงสะบัดไปเบาๆ ก็สกัดกั้นอัสนีเทวะน่าหวั่นเกรงเอาไว้ได้

ครืน บึ้ม! โลกใต้พื้นดิน แสงอัสนีสอดประสาน

“พลังแท้จริงของซินอู๋เหินน่าจะล้ำหน้าเทพแท้จริงทั่วไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง คาดเดาออกมา

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

หลังจากที่ด่านเคราะห์อัสนีสายแรกผ่านไป สายที่สองก็ปรากฏลงมา อีกทั้งพลังยิ่งรุนแรงกว่าเดิม แต่ซินอู๋เหินก็ยังคงต้านทานพลังอัสนีเทวะได้อย่างง่ายดาย

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

หลังจากที่อัสนีหลายสายปรากฏบนฟ้าดินอีก เมฆดำในท้องฟ้าก็เพิ่มมากขึ้นทันใด

ครืน เปรี้ยง!

ครั้งนี้ บนท้องฟ้ามีพลังแห่งอัสนีเทวะสามสายปรากฏลงมาในเวลาเดียวกัน อีกทั้งพลังทั้งสามสายนี้น่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ท้องฟ้าฉีกแยกออกทันใด

เห็นได้ชัดว่าพลังของอัสนีเทวะเกินกว่าที่กำลังของท้องฟ้าผืนนี้จะรับได้

ซินอู๋เหินที่อยู่ในใต้พื้นดิน ดวงตาทั้งสองข้างเพ่งสมาธิ เหนี่ยวนำพลังเทพมหาศาลที่อยู่ลึกในกายออกมา

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่นไม่ขาดสาย ผืนดินสั่นสะเทือนพลังทลาย

บนสนามรบ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของสองราชวงศ์รวมทั้งครึ่งเทพตะลึงงันกันไปเรียบร้อย

ครึ่งเทพบางคนในนั้นได้โอกาสยิ่งใหญ่ในร่างเทพ หลังกลับไปแล้วจะเตรียมตัวทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ จึงยิ่งหวาดหวั่นนัก

“ด่านเคราะห์อัสนีไยจึงน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้?”

ครึ่งเทพผู้หนึ่งของตำหนักไท่หวงเกิดความหวาดกลัว

“น่าจะเป็นเพราะพลังของผู้อาวุโสผู้นี้แข็งแกร่งมากเกินไป จึงดึงดูดอัสนีเทวะที่พิเศษมากระมัง!”

ครึ่งเทพหลงหวงเอ่ยอย่างตื่นตะลึง

เมฆดำในท้องฟ้าค่อยๆ สลายไป

ข้างหน้าบนสนามรบ มีหลุมกว้างหลายหมื่นลี้ปรากฏขึ้น ในหลุมมีแสงสายฟ้านับไม่ถ้วนเวียนวน แผ่กระจายเสวียนอ้าวทำลายล้างน่าหวาดกลัวออกมา

ฟู่ ฟู่!

ครึ่งเทพบางคนของสองราชวงศ์เคลื่อนตัวไปใกล้จุดที่อัสนีเทวะฟาดผ่าลงมา

“เป็นพลังอัสนีเทวะที่น่าหวาดหวั่นอะไรเช่นนี้!”

ครึ่งเทพและราชาเซียนของสองราชวงศ์อยู่ได้แค่เพียงบนหลุม ไม่อาจเข้าไปข้างในได้

ราชาเซียนบางคนรีบฉวยโอกาสนี้นั่งขัดสมาธิแถวๆ นั้น ใช้พลังอัสนีเทวะส่วนนี้ฝึกกายศักดิ์สิทธิ์ทันที

ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ใต้พื้นดินลึกแสนลี้ตรงใจกลางที่อัสนีเทวะฟาดผ่าลงมา จู่ๆ ก็มีเงาร่างสีทองหม่นร่างหนึ่งปรากฏขึ้น

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง!

เสี้ยวขณะที่จ้าวเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ พลังอัสนีเทวะที่หลงเหลืออยู่กดดันไปยังจ้าวเฟิงโดยพลัน

วู้ม แซ่ด แซ่ด!

จ้าวเฟิงโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว ต้านทานพลังอัสนีเทวะที่เหลืออยู่ในที่แห่งนี้สุดพลัง

“ช่างเป็นพลังอัสนีเทวะที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงต้านทานสายฟ้าได้ดีที่สุด อีกทั้งยังผ่านการฝึกพลังสายฟ้าบรรพกาลอีกด้วย

แต่ยามนี้ จ้าวเฟิงยังคงรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะทนพลังอัสนีเทวะที่หลงเหลืออยู่ในมิติแห่งนี้ไม่ไหว

ครืน!

จ้าวเฟิงกระตุ้นสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ เพิ่มพลังป้องกันร่างกาย!

อีกนานหลังจากนั้น พลังอัสนีเทวะถึงค่อยๆ จางลงไป จ้าวเฟิงก็สบายขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

“หาร่างประทับอัสนีเทวะก่อน!”

แววตาของจ้าวเฟิงไหววูบ

และในยามนี้เอง จ้าวเฟิงเห็นเงาร่างหนึ่งที่ส่องประกายแสงเทพเลือนรางทั้งร่างค่อยๆ ใกล้เข้ามา

“ซินอู๋เหิน!”

จ้าวเฟิงตะลึงอยู่กับที่

ซินอู๋เหินในยามนี้ผ่านด่านเคราะห์อัสนีมาได้อย่างราบรื่น ร่างของเขาภายใต้การชำระล้างจากอัสนีเทวะแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ในกายมีพลังแปลกประหลาดมหัศจรรย์เกิดขึ้น

ผ่านเรื่องราวมามากมายเช่นนี้ จ้าวเฟิงก็พอจะเดาความเป็นมาของซินอู๋เหินได้บ้าง

“สหายจ้าว ข้าจะรอเจ้าที่ดินแดนเทพรกร้าง!”

ซินอู๋เหินเอ่ยราบเรียบ

“เจ้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้เชียว?”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

จริงๆ แล้วจ้าวเฟิงสงสัยเล็กน้อย ประโยคนี้ออกมาจากปากของซินอู๋เหินเป็นครั้งที่สองแล้ว

เหตุใดอีกฝ่ายจึงหวังให้ตนมุ่งไปยังดินแดนเทพรกร้างถึงเพียงนี้?

“หากเป็นเจ้าแล้วละก็ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน!”

ซินอู๋เหินเอ่ยอย่างมั่นใจ

ขวับ!

ซินอู๋เหินขยับมือเล็กน้อย หินผลึกสีขาวที่โอบล้อมด้วยสายฟ้าก้อนหนึ่งลอยอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง

“นี่คือ?” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตะลึง

พลังอัสนีเทวะในหินผลึกก้อนนี้มากกว่ากะโหลกครึ่งเทพที่จ้าวเฟิงเคยได้รับหลายเท่า อีกทั้งพลังอัสนีเทวะในหินก้อนนี้บริสุทธิ์ยิ่งกว่า

นี่คือผลึกเทพอัสนีเทวะอย่างแน่นอน!

ซินอู๋เหินเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่เพียงนี้ไว้ให้ จ้าวเฟิงรู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที

ขณะประเมินซินอู๋เหิน จ้าวเฟิงพบว่าร่างของซินอู๋เหินค่อยๆ จางลง ในขณะเดียวกัน รอบด้านก็ปรากฏคลื่นมิติที่มั่นคงไร้ที่ติขึ้น

“สหายซิน ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า!”

ตาของจ้าวเฟิงพลันวาววาบเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นจึงถามขึ้น

“มีวิธีใดสามารถแยกแยะ ‘ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏ’ ได้บ้าง?”

จ้าวเฟิงถามออกไปทันใด

ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจประโยคที่ปราชญ์ลิ่วอูเคยพูดไว้

ผู้ที่เกิดใหม่ตามสังสารวัฏเหมือนกับหลิวฉินซิน บางทีอาจจะเป็นซินอู๋เหิน

“เจ้าน่าจะไปถามราชาเซียนสังสารวัฏ!”

ร่างที่ค่อยๆ โปร่งแสงของซินอู๋เหินเอ่ยขึ้น

“แต่คนที่เจ้าหาอาจจะอยู่ข้างกายราชาเซียนสังสารวัฏ ว่ากันว่าเนตรสังสารวัฏสามารถได้รับพลังดั้งเดิมสังสารวัฏจากวัฏจักรฟ้าดินผ่านการลอบสังหาร ‘ผู้เกิดใหม่ตามสังสารวัฏ’ คนที่เจ้าหา บางทีอาจเป็นคนที่ราชาเซียนผู้นั้นต้องการหาเช่นกัน!”

พูดประโยคนี้จบ ซินอู๋เหินก็หายไปจากโลกสายฟ้าแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ และหายไปจากดินแดนทวีป

สีหน้าของจ้าวเฟิงกลับตกตะลึง ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายเย็นเยียบน่าหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version