Skip to content

King of Gods 1145

King Of Gods

บทที่ 1145 อันตรายระหว่างทาง

“ออกเดินทางได้!” ท่านอาชิงเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย

จากนั้นทั้งกลุ่มจึงรีบเดินทางต่อ

“นายท่าน นี่คือเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว เป็นสายเลือดที่เพิ่งจะเข้ามาในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ดูจากสถานการณ์ของพวกเขาแล้วคงจะโดนลอบทำร้ายจากเผ่าพันธุ์ศัตรู วันนี้จึงทำได้เพียงอพยพไปยังพื้นที่อื่น…”

มังกรวารีล้างโลกาอธิบายให้จ้าวเฟิงฟัง

ในดินแดนเทพรกร้างไม่มีอาณาจักรหรือราชวงศ์ใด มีเพียงเผ่าพันธุ์และขั้วอำนาจใหญ่ น้อยก็เท่านั้น

กฎเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กในดินแดนเทพรกร้างเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง การแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างเผ่าพันธุ์ในแต่ละพื้นที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

โชคชะตาของผู้ที่อ่อนแอจะตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้แข็งแกร่งกว่าเสมอ!

เผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวก็คือผู้ที่พ่ายแพ้ในการสู้รบกับเผ่าพันธุ์กวางยักษ์ ในวันนี้จึงต้องลี้ภัยไปยังพื้นที่อื่น

หลังจากที่ได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้ว จ้าวเฟิงอดจะทอดถอนใจไม่ได้

เมื่ออยู่ในดินแดนทวีป ขั้วอำนาจสามดาวนับว่ายิ่งใหญ่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง การต่อสู้แย่งชิงระหว่างสำนักและขั้วอำนาจจึงเป็นเรื่องนานทีปีหนจะเกิดขึ้น

แววตาของจ้าวเฟิงมองไปที่รถม้าด้านหน้า

คนในรถม้าจะต้องเป็นเชื้อสายหลักของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว อวี้หลินเอ๋อร์มีอายุไม่ถึงสามสิบ แต่กลับมีขอบเขตพลังในขั้นจักรพรรดิแล้ว

ด้านข้างของอวี้หลินเอ๋อร์ยังมีเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอยู่ด้วยผู้หนึ่ง

‘เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะอายุประมาณสิบหกปีเท่านั้น แต่ขอบเขตพลังกลับอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ!’

เมื่อจ้าวเฟิงมองทะลุเข้าไปภายในตัวรถ ใจเขาเต้นระส่ำเล็กน้อย

ถ้าหากเด็กหนุ่มผู้นี้อยู่ในดินแดนทวีปละก็ น่าจะถูกนับเป็นผู้ถูกเลือกหรือเป็นเรื่องอัศจรรย์ของทั้งดินแดนทวีปได้

จะต้องรู้เอาไว้ก่อนว่า ในตอนที่จ้าวเฟิงอายุสิบหกปี เขายังหยุดอยู่ที่ขอบเขตรวบรวมปราณ เมื่อเปรียบกับคนในขอบเขตพลังเดียวกันก็นับได้ว่าอายุค่อนข้างน้อย

ยามนี้เมื่อดูๆ ไปแล้ว หากเป็นในดินแดนเทพรกร้าง ผลงานของจ้าวเฟิงในตอนนั้นคงจะน่าอับอายอย่างยิ่ง

จากนั้นจ้าวเฟิงจึงมองประเมินคนอื่นๆ ในกลุ่ม

คนเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวเหล่านี้ โดยมากแล้วคือราชันกับจักรพรรดิ แต่กลิ่นอายบนร่างกลับแข็งแกร่งยิ่งนัก ดวงตาเป็นประกายวูบไหว เห็นได้ชัดว่ารากฐานของพวกเขามั่นคงมาก หนำซ้ำยังประสบพบเจอการล่าสังหารมากมาย มีประสบการณ์การรบสูง

“ราชันระดับสุดยอดของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิทั่วไปในดินแดนทวีปไม่น้อย!”

จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ สนใจในดินแดนเทพรกร้างมากยิ่งขึ้น

“ข้าชื่อหมานจื่อ น้องชายท่านนี้ เจ้ามาจากที่ไหน?”

ชายเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวคนหนึ่งด้านข้างจ้าวเฟิงทักทายเขา

“ข้าน้อยชื่อจ้าวเฟิง เคยอยู่แถวชายแดนฝั่งตะวันตกของดินแดนเทพรกร้าง!”

จ้าวเฟิงตอบด้วยใบหน้าราบเรียบตามที่มังกรวารีล้างโลกาชี้นำ

จากความรู้สึกของจ้าวเฟิง หมานจื่อผู้นี้มาตีสนิทจ้าวเฟิงน่าจะเป็นเพราะคำสั่งของท่านอาชิง เป้าหมายย่อมเป็นไปเพื่อสืบหาความเป็นมาของเขา

“นับว่าไกลเอาการทีเดียว เกาะเทียนอวี่อยู่แถวชายแดนทางเหนือของดินแดนเทพรกร้างเชียวนา!”

หมานจื่อมีท่าทีกังวลใจแทนจ้าวเฟิง

“แต่น้องจ้าวเดินทางมาถึงที่นี่เพียงลำพัง พลังย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!”

หมานจื่อประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด

เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสายเลือดโบราณจากร่างจ้าวเฟิง หากไม่มีสายเลือดโบราณ โดยปกติพรสวรรค์ในการฝึกตนย่อมด้อยไม่น้อย

แต่จ้าวเฟิงอายุยังน้อยนัก กลับออกเดินทางเพียงลำพัง ทำให้คนส่วนหนึ่งในเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวแปลกใจ

พื้นที่แต่ละแห่งในดินแดนเทพรกร้างจะถูกยึดครองโดยขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์ต่างๆ และยังมีบางส่วนที่เป็นพื้นที่อันตราย กลายเป็นพื้นที่ที่สัตว์อสูรยึดครองอาศัย หรือไม่ก็เป็นเขตซึ่งเต็มไปด้วยภัยพิบัติอยู่แล้ว

หากไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง การจะเข้าไปในอาณาเขตของขั้วอำนาจหรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ล้วนต้องจ่ายค่าผ่านทาง ถ้าหากบุกรุกถิ่นที่อยู่ของสัตว์อสูรดุร้ายก็จะโดนล้อมโจมสังหารและโจมตี

และในเวลานี้เอง บนชั้นเมฆมีเสียงแหวกอากาศลอยมา

ไอมารชั่วร้ายที่แข็งแกร่งก็พุ่งทะยานมา

เห็นเพียงวิหคยักษ์สีฟ้าครามจำนวนหลายสิบตัว ปีกสองข้างเน่าเปื่อยจนเห็นกระดูกสีขาว แววตาชั่วร้ายของมันจับจ้องที่คนเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว

“วิหคเวหา ระวังไว้ ปกป้องคุณชายและคุณหนูให้ดี!”

ท่านอาชิงพลันตะโกนเสียงดัง

บรรยากาศของกลุ่มเปลี่ยนแปลงไปในทันที จิตต่อสู้มหาศาลพร้อมจิตสังหารเย็นยะเยือกกระจายตัวปกคลุม

ท่านอาชิงนำคนจำนวนแปดคนพุ่งตรงไป ส่วนคนที่เหลือคอยระวังอยู่แถวตัวรถม้า

“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้ามาลอบโจมตีเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว!”

ท่านอาชิงตะโกนเสียงกร้าว โบกหอกยาวสีเขียวเข้มในมือ ฟาดเงาแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองหลายเส้นสายออกมา

“วารีครามจู่โจม!”

“ประกายหยกสังหาร!”

คนที่เหลือของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวร่วมแรงกับท่านอาชิงโจมตีอีกฝ่าย

ขอบเขตพลังของวิหคเวหาเหล่านี้ส่วนมากอยู่ในขั้นจักรพรรดิ ถึงแม้สมาชิกในเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวจะมีน้อยนิด แต่เมื่อมีท่านอาชิงอยู่จะไม่มีทางเกิดเรื่องใดๆ ขึ้น

วิหคเวหาตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างรวดเร็ว ถูกสังหารไปมากกว่าครึ่ง วิหคเวหาที่เหลือจึงค่อยๆ ถอยร่นหนีไป

“รีบไปเร็ว!” ท่านอาชิงเอ่ยออกมา

ทั้งกลุ่มจึงเร่งเดินทางกันต่อ

“ขายหน้าน้องจ้าวเสียแล้ว ยามนี้พวกเราเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวตกอยู่ในสภาพนี้ กระทั่งวิหคเวหายังกล้าโจมตีพวกเรา!”

หมานจื่อที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย

“ที่ไหนกัน ในเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวก็ยังมียอดฝีมือในขอบเขตเทวาเร้นลับอยู่มิใช่หรือ? พอจะนับว่าเป็นเผ่าพันธุ์สามดาวได้อยู่กระมัง!”

จ้าวเฟิงอมยิ้มเอ่ย

“น้องจ้าวอย่าเย้าพวกเราเล่นเลย เผ่าพันธุ์สามดาวในดินแดนเทพรกร้างก็เป็นแค่ชนชั้นล่างเท่านั้น ด้วยจำนวนประชากรของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวในวันนี้ เกรงว่าจะเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในเผ่าพันธุ์สามดาวแล้วกระมัง!”

หมานจื่อเอ่ยอย่างไม่พอใจกับคำพูดเมื่อครู่ของจ้าวเฟิง

สีหน้าจ้าวเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย ขั้วอำนาจสามดาวในดินแดนเทพรกร้างเป็นแค่ชนชั้นล่างเช่นนั้นหรือ?

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะเข้าใจสถานการณ์ของดินแดนเทพรกร้างแล้วบางส่วน แต่ขั้วอำนาจสามดาวที่นี่คงไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนี้กระมัง

“นายท่าน เป็นเช่นนี้จริงๆ เผ่าพันธุ์สองสามดาวในดินแดนเทพรกร้างเป็นชนชั้นล่าง เป็นก็แค่เครื่องมือแย่งชิงทรัพยากรของขั้วอำนาจและเผ่าพันธุ์ที่แกร่งกล้าอื่นเท่านั้น!”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ย

“มีเพียงพวกสี่ดาวอย่างเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองเท่านั้นถึงจะนับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในดินแดนเทพรกร้าง…”

ในตอนที่หมานจื่อเอ่ยถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง แววตาฉายแววเคารพนับถือ

และเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขาก็คือเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลงไป เผ่าพันธุ์สามดาวเป็นชนชั้นล่างในดินแดนเทพรกร้าง หากจ้าวเฟิงต้องการแผนที่โดยละเอียด คงต้องเอาจากเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองที่หมานจื่อเอ่ยถึงเท่านั้น

หลังจากได้แผนที่แล้ว จ้าวเฟิงถึงจะรู้ทิศทางแน่ชัดได้ เป้าหมายที่เขาต้องทำเป็นอย่างแรกในตอนนี้ย่อมเป็นการตามหาจ้าวหยูเฟย

ส่วนเป้าหมายที่สองก็คือเข้าร่วมสำนักหรือขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งสักแห่งในดินแดนเทพรกร้าง เก็บสะสมทรัพยากรในการฝึกเพื่อเพิ่มพลัง

อย่างไรเสียหลังจากมาถึงดินแดนเทพรกร้างแล้ว ถึงแม้พลังของจ้าวเฟิงจะไม่อ่อนแอ แต่ก็นับว่าไม่แข็งแกร่งนัก

เพียงพริบตา เวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านไป

ในช่วงนั้น เผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวโดนโจมตีจากสัตว์อสูรดุร้ายถึงห้าครั้ง ครั้งที่หนักหนาที่สุดก็คือโดนงูมายาเกล็ดขาวดำขั้นเซียนตัวหนึ่งโจมตี

ท้ายที่สุด ท่านอาชิงและลูกศิษย์จำนวนมากของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อยจึงจะเอาชนะอีกฝ่ายได้

“ท่านอาชิง มาพักฟื้นด้านในสักครู่เถอะ!”

อวี้หลินเอ๋อร์กังวลใจ

ระหว่างประมือกับงูมายาเกล็ดขาวดำ อาการบาดเจ็บของท่านอาชิงหนักขึ้นไปอีกขั้น

“ไม่ต้องกังวลใจไป อาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก อีกแค่ห้าวันก็จะถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองแล้ว!”

ท่านอาชิงฝืนยิ้มออกมา

ขอแค่เข้าไปในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองได้ เผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวก็จะสามารถแย่งชิงพื้นที่ที่ถูกเผ่าพันธุ์กวางยักษ์ยึดครองไปมาได้

แววตาจ้าวเฟิงเป็นประกายบางเบา มองไปในท้องฟ้าที่มืดมิด

วู้ม! ตอนนี้เอง ไอมารชั่วร้ายที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกค่อยๆ กระจายตัวปกคลุม

คนของเผ่าพันธุ์ในกลุ่มพลันรู้สึกละม้ายตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ร่างกายสั่นเทิ้ม

“กลิ่นอายกลุ่มนี้คือ…ขอบเขตปราณเทวะระดับสูง!”

สีหน้าของท่านอาชิงเปลี่ยนไปทันที สีหน้าซีดขาวอ่อนแรง

ฟิ้ว! เหยี่ยวยักษ์เกล็ดดำตัวหนึ่งหอบลมทมิฬที่หนาวเหน็บม้วนกวาดเข้ามา

คนทั้งหมดโคลงเคลงไปมาประหนึ่งเปลวเทียนในสายลมเมื่อเผชิญพลานุภาพของเหยี่ยวยักษ์เกล็ดดำตัวนี้

เหยี่ยวยักษ์เกล็ดดำบินวนเวียนเหนือเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว สายตาเย็นชาฉายแววเจ้าเล่ห์ จับจ้องเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวด้านล่าง

“เหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำ?”

“ทำอย่างไรกันดี ท่านอาชิง!”

สมาชิกคนอื่นๆ ของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวลนลานทำอะไรไม่ถูก สายตามองที่ท่านอาชิง

อย่างไรเสีย ท่านอาชิงก็คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่

“แลกชีวิตปกป้องคุณหนูและคุณชาย!”

สีหน้าเขาเผยแววเด็ดขาด มองจ้าวเฟิงอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะส่งกระแสจิตไป “รบกวนสหายจ้าว อีกสักครู่ขี่จิ้งจอกยักษ์ปีกฟ้าพาคุณหญิงและคุณชายของข้าเดินทางไปที่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองที พอถึงตอนนั้นเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองต้องตอบแทนสหายจ้าวอย่างงามแน่!”

เผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่เช่นนี้ เขาย่อมไม่คาดหวังให้คนนอกต้องมาสู้ตายพร้อมกับเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว

ดังนั้นท่านอาชิงจึงคาดหวังให้จ้าวเฟิงคุ้มกันอวี้หลินเอ๋อร์และคุณชายอีกคนไปเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง และยังใช้รางวัลมาดึงดูดใจอีกฝ่าย

“เหอะๆ ต่อให้ทั้งสองคนนี้เป็นเชื้อสายตรงของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียว เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองระดับสี่ดาวก็ไม่มีทางแยแสพวกเขา…”

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยพลางหัวเราะ

เห็นได้ชัดว่าท่านอาชิงกำลังหลอกลวงจ้าวเฟิง ให้จ้าวเฟิงส่งเชื้อสายตรงของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวไปอย่างปลอดภัย แต่เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองไม่มีทางตอบแทนจ้าวเฟิงแน่

จ้าวเฟิงไม่ตอบท่านอาชิง เขาแค่แหงนศีรษะมองเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำในอากาศ

ท่านอาชิงเห็นจ้าวเฟิงไม่ตอบ ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้ว่าตนกำลังหลอก

“หรือว่าคิดจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวของข้า?”

ท่านอาชิงมีท่าทีโกรธแค้น จ้องเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำที่ทรงพลังบนฟ้า

แต่ในเวลานี้เอง ในดวงตาของเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำตัวนั้นปรากฏแสงสีทองม่วงพาดผ่านเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวในทันที

เหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำชะงักกลางอากาศ ก้มศีรษะมองด้านล่าง เหมือนกำลังกำลังคุกเข่าสำนึกผิด

ฟิ้ว! จากนั้น เหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำขยับปีกสองข้างโบยบินไปไกลอย่างรวดเร็ว

แต่ทั้งเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวอึ้งอยู่กับที่ ใบหน้างงงวย

มีเพียงท่านอาชิงกับอวี้หลินเอ๋อร์ที่อยู่ในรถหรี่ตามองจ้าวเฟิงเหมือนจะตั้งใจและไม่ตั้งใจ

“ระลอกพลังดวงตาเลือนรางเมื่อครู่นี้…”

ท่านอาชิงใจเต้นระส่ำ

ในตอนที่เหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำมีท่าทีประหลาดเมื่อครู่ เขาพบระลอกพลังดวงตาบางเบามาจากร่างของจ้าวเฟิง

ถึงแม้พลังดวงตาเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงจะไม่ชัดเจน แต่กลับแข็งแกร่งอย่างมาก

ถ้าหากเขาเดาไม่ผิดละก็ ชายหนุ่มผมทองผู้ขอร่วมเดินทางกับเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวในระหว่างทางผู้นี้ อาจจะเป็นยอดฝีมือในขอบเขตเทวาเร้นลับช่วงบริบูรณ์

มีเพียงยอดฝีมือในขอบเขตเทวาเร้นลับช่วงบริบูรณ์เท่านั้น ถึงจะสามารถใช้พลังไร้รูปร่างเอาชนะเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำที่มีพลังขั้นเซียนชั้นสูง

“คุณหนูท่านเองก็สังเกตเห็นหรือ?”

ท่านอาชิงส่งกระแสจิตคุยกับอวี้หลินเอ๋อร์

บนร่างของอวี้หลินเอ๋อร์มีสมบัติจากบรรพชน น่าจะสัมผัสได้ถึงการลงมือของจ้าวเฟิง ในจุดนี้มีเพียงท่านอาชิงและคุณชายน้อยที่รู้

“ไม่ต้องเปิดโปงหรอก ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย!”

อวี้หลินเอ๋อร์มองจ้าวเฟิง ในแววตากระจ่างฉายแววตื้นตันใจ

“รีบเดินทางต่อกันเถอะ!” ท่านอาชิงเอ่ยทันที

จากนั้นกลุ่มของเผ่าพันธุ์แพะหยกเขียวจึงค่อยๆ จัดกระบวนแล้วเดินทางต่อ ยังมีเวลาอีกห้าวันถึงจะไปถึงจุดหมายปลายทาง

“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ไม่คิดเลยว่าเหยี่ยวเหมันต์เกล็ดดำจะปล่อยพวกเรา!”

สมาชิกหลายคนในกลุ่มพูดคุยกันอย่างสงสัย

และทันใดนั้นเอง อวี้หลินเอ่อร์พลันเดินออกมาจากรถม้า

“คุณชายจ้าว หากไม่รังเกียจก็เชิญเข้ามาพักด้านในสักครู่ก่อน ระหว่างทางมีข้อผิดพลาดมากนัก หวังว่าจะไม่ถือสา!”

วงหน้างามของอวี้หลินเอ๋อร์ขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาหยกงดงามบนศีรษะนางทอแสงประกายอ่อนๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version