Skip to content

King of Gods 1186

King Of Gods

บทที่ 1186 หินผนึกเทพ

เมื่อเห็นจ้าวเฟิงตกปากรับคำ เผ่าพาหาทองทั้งสามเผยแววดีใจ

ผู้เฒ่าชุดเขียวไม่ใช้ผู้ฝึกร่างกาย ไม่ใช้พลังอื่นๆ เมื่ออยู่ในป่าแห่งความตายก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงให้เขารออยู่ที่ชายป่า

“ไปเถอะ!” จ้าวเฟิงพูดขึ้น

เผ่าพาหาทองทั้งสามก็ทุ่มเทกายใจเหมือนกัน ในตอนที่พวกเขาเห็นตนครั้งแรก ท่าทางคงมีแผนเอาไว้แล้ว คือคิดจะใช้พลังของตน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาทันที แต่ทำความรู้จักจ้าวเฟิงช่วงหนึ่ง กระทั่งคอยช่วยเหลือจ้าวเฟิงตลอด เพิ่มความรู้สึกดีๆ กับพวกเขา

“นี่คือ ‘โอสถพลังเทพ’ ที่ผู้อาวุโสเผ่าข้าเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ สามารถเพิ่มพลังในกายขึ้นหนึ่งขั้น!”

อวี๋เฮิ่นเทยาหลายเม็ดออกมาจากขวดยาแล้วส่งให้จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงรับยามา ลังเลเล็กน้อย

“ข้าเคยพูดเอาไว้ รับประกันว่าสหายจ้าวเฟิงจะไปถึงใจกลางป่าแห่งความตายอย่างปลอดภัย!”

อวี๋เฮิ่นเทยาหลายเม็ดออกมาจากขวดให้เผ่าพาหาทองอีกสองคน อีกทั้งยังกินลงไปตรงนั้นเลย

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าพลังแก่นแท้ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเผ่าพาหาทองทั้งสามเพิ่มมากขึ้น

จ้าวเฟิงกินยาลงไปทันที รู้สึกว่าเพียงชั่วพริบตา ทั่วองคาพยพก็มีพลังยาที่รุนแรงมหาศาลกระจาย หล่อเลี้ยง

“ยาระดับนี้ เกรงว่าจะล้ำค่าอย่างมากกระมัง!”

จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น ยานี้ไม่มีปัญหาใดๆ

ในชั่วขณะนี้ เขาอาศัยพลังกายล้วนๆ ก็สามารถเอาชนะเทพแท้จริงขั้นสอง ต้านทานเทพแท้จริงขั้นสามได้

อีกทั้งโอสถพลังเทพไม่เพียงแต่ทำให้พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังมีส่วนช่วยเพิ่มระดับขั้นชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก ทำให้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เหมือนมีเค้าลางว่าจะทะลวงขั้น

“เมื่อเทียบกับอาวุธเทพในป่าแห่งความตายแล้ว ไม่มีค่าที่จะเทียบได้เลย!”

คำพูดของอวี๋เฮิ่นค่อนข้างอดใจไม่ไหวแล้ว

ฟุ่บ ฟุ่บ…

ทั้งสี่คนกระโดดตรงไปยังใจกลางป่าแห่งความตายทันที

โฮก!

เพิ่งมุ่งหน้าเข้าไประยะหนึ่ง ในหมอกดำก็มีเสียงคำรามน่าหวาดหวั่นดังมาเป็นระยะๆ

ฟู่!

เงาดำไหววูบ เผ่าพันธุ์บรรพกาลที่น่าหวาดกลัวตัวหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนทันที

เผ่าพันธุ์บรรพกาลในป่าแห่งความตาย นอกจากพลังแก่นแท้แล้ว ร่างกายยังมีกลิ่นอายแห่งความตายอีกด้วย บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ในป่าแห่งความตายมาตลอด

แต่พวกมันสติสับสน มีแต่สังหารไม่ว่างเว้นเท่านั้น ดังนั้นทุกคนรับมือได้ไม่ยาก

“บุก!” อวี๋เฮิ่นตะโกนขึ้น บุกไปทันใด

เผ่าพาหาทองก็นับเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฝึกกายเช่นกัน อีกทั้งเชื้อสายของอวี๋เฮิ่นก็เริ่มเตรียมตัวเพื่อป่าแห่งความตายผืนนี้เอาไว้นานแล้ว เคล็ดวิชาฝึกกายของทั้งสามคนฝึกไปจนถึงขั้นสูง

ในนั้น ชายเผ่าพาหาทองร่างสูงใหญ่มีพลังกายแข็งแกร่งที่สุด สูงกว่าจ้าวเฟิงที่ฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ อยู่เล็กน้อย

“ฆ่ามัน!”

กลุ่มคนทั้งสี่บุกไป ไม่นานนักก็จัดการกับเผ่าพันธุ์บรรพกาลตัวนี้ได้

“ท่านพี่ ตรงนั้นมีโครงกระดูกอยู่โครงหนึ่ง!”

สตรีชุดชาววังตะโกนขึ้น

จากนั้นเผ่าพาหาทองทั้งสามคนจึงมายังข้างโครงกระดูกโครงนี้ ก่อนหยิบเอาของบางอย่างไป

“สหายจ้าวอย่าได้หัวเราะเยาะเลย โครงกระดูกในป่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่บุกเข้ามาที่นี่แล้วตายเพราะถูกกลิ่นอายแห่งความตายกัดกิน ของดีบนร่างของพวกเขามีไม่น้อยเลยทีเดียว!”

อวี๋เฮิ่นพูดกับจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงพยักหน้า

สถานที่ยิ่งอันตราย โอกาสก็ยิ่งมาก เมื่อก่อนจะต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่บุกมาที่นี่อย่างแน่นอน และเพราะการไปไม่กลับของพวกเขา ถึงเตือนคนรุ่นหลังได้สำเร็จว่าอย่าเหยียบเข้ามาในป่าแห่งความตายง่ายๆ

ต่อมาตาของจ้าวเฟิงก็ว่องไวขึ้น ตลอดทางเจอโครงกระดูกและมิติเก็บของไม่น้อยเลย

แต่ว่าเทียบกับของที่เก็บเกี่ยวมาได้ อันตรายที่นี่มากยิ่งกว่า แทบจะพบเจอกับเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่แข็งแกร่งอยู่ทุกเวลา

อีกทั้งยิ่งเข้าใกล้ใจกลางป่าแห่งความตาย จำนวนของสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ยิ่งมากขึ้น หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากโอสถพลังเทพ ทั้งสี่คนเกรงว่าคงไม่อาจบุกต่อไปได้

ในยามนี้ จ้าวเฟิงก็เข้าใจอีกเรื่องหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งสายฝึกกายเข้ามาในพื้นที่ลับรกร้างโบราณไม่น้อยเลย บางทีอาจจะมีเทพแท้จริงขั้นสี่หรือกระทั่งขั้นห้า

ตามหลักแล้ว ผู้แข็งแกร่งสายฝึกร่างกายที่ระดับพลังแข็งแกร่ง สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จในการได้มาซึ่งอาวุธเทพของเผ่าพาหาทอง แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆ คือผู้มีฝีมือฝึกกายแก่กล้า แต่ก็อ่อนกว่าพวกเขาทั้งสาม เช่นนี้จึงจะสามารถควบคุมอำนาจตัดสินใจได้

และในสายตาของพวกเขา จ้าวเฟิงก็คือคนประเภทนี้ ไม่ว่าจะในป่าแห่งความตายหรือนอกป่าแห่งความตาย จ้าวเฟิงล้วนไม่ใช่คู่มือของพวกเขาทั้งสาม

แน่นอน นี่เป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาคิด

สุดท้าย ทั้งสี่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ภายใต้การประคับประคองจากโอสถพลังเทพ อาศัยแก่นแท้ร่างกาย บุกเข้ามาในพื้นที่ใจกลางป่าแห่งความตาย

“สหายจ้าววางใจเถอะ มาถึงที่นี่เผ่าพันธุ์บรรพกาลก็ไม่โผล่ออกมาแล้ว!”

อวี๋เฮิ่นหัวเราะเสียงดัง กระตือรือร้นเล็กน้อย

พูดจบ เผ่าพาหาทองทั้งสามก็ทะยานไปข้างหน้า จ้าวเฟิงตามติดอยู่ข้างหลัง

ยิ่งมุ่งเข้าไปในใจกลาง หมอกดำแห่งความตายก็ยิ่งหนา หากใช้พลังอื่นที่นี่ การกัดกินของหมอกดำแห่งความตายก็จะยิ่งเร็วขึ้น ยิ่งตายเร็วขึ้น

ไม่นานนัก หินยักษ์สีดำทมิฬก้อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน บนหินยักษ์มีลายพิลึกของเสวียนอ้าวอยู่รางๆ แผ่กระจายพลังแปลกประหลาดที่บีบอัดฟ้าดิน

รอบๆ หินยักษ์ก้อนนี้ จ้าวเฟิงรู้สึกว่าคิดอยากใช้พลังทุกอย่างในกายก็ยากลำบากเป็นอย่างมาก

“นี่ก็คือหินผนึกเทพ?”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเป็นที่สุด เผยสีหน้าอัศจรรย์ใจออกมา

หินผนึกเทพ ของวิเศษของเผ่าผนึกสวรรค์ที่อยู่อันดับสิบสี่ในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ สามารถผนึกทุกสรรพสิ่งในโลกได้

แต่ยามนี้ พื้นผิวของหินผนึกเทพก้อนนี้กลับมีกลิ่นอายแห่งความตายหนักหน่วงลอยออกมา ราวกับถูกกัดกินอย่างไรอย่างนั้น

ใต้หินผนึกเทพสะกดอาวุธวิเศษอะไรไว้กันแน่ ถึงสามารถกัดกินได้กระทั่งหินผนึกเทพ

เกรงว่าอีกไม่กี่แสนปี รอจนหินผนึกเทพถูกเสวียนอ้าวมรณะกัดกร่อนอยู่เรื่อยๆ จนพลังผนึกคลายลง อาวุธวิเศษใต้หินผนึกเทพก็จะเป็นอิสระทันที

แน่นอน อาจเป็นเพราะระดับขั้นของหินผนึกเทพก้อนนี้ไม่สูงพอ ต่อให้เป็นเผ่าผนึกเทพก็มีแบ่งแข็งแกร่งอ่อนแอเช่นเดียวกัน หินผนึกเทพก็เป็นเช่นนี้

“สหายอวี๋ อาวุธเทพใต้หินผนึกมีพลังถึงเพียงนี้ เมื่อทำลายลงแล้ว เจ้าวางแผนจะควบคุมมันอย่างไร?”

จ้าวเฟิงทำสีหน้าจริงจัง ถามขึ้นทันที

อาวุธเทพที่น่ากลัวเพียงนี้ แม้กระทั่งหินผนึกเทพยังถูกกัดกร่อน หากนำออกมา เผ่าพาหาทองมีวิธีอะไรมาควบคุมมัน?

“สหายจ้าวไม่ต้องกังวล อาวุธข้างใต้ต่อสู้กับหินผนึกเทพมาโดยตลอด ตอนนี้น่าจะอ่อนแอเป็นอย่างมาก แค่เพียงนำมันออกมา การควบคุมก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”

อวี๋เฮิ่นยิ้มพูดขึ้น

“เช่นนั้นพวกเราต้องทำอย่างไร?”

จ้าวเฟิงถามขึ้นอีก

มือขวาของอวี๋เฮิ่นเพียงพลิก ในมือของเขาก็มีอาวุธเทพและของล้ำค่าที่แฝงไว้ด้วยเสวียนอ้าวมรณะปรากฏขึ้นมากมาย

ราคาของของล้ำค่าและอาวุธเทพพวกนี้ไม่แพ้สมบัติวิเศษบางอย่างที่จ้าวเฟิงขโมยมาจากรังหงส์เลย ท่าทางเชื้อสายของอวี๋เฮิ่นคงเตรียมการเอาไว้นานจริงๆ เพื่ออาวุธเทพกลางป่าแห่งความตายชิ้นนี้

“หินผนึกเทพและอาวุธเทพต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน พลังของทั้งสองฝ่ายลดลงเรื่อยๆ และอาวุธเทพกับของล้ำค่าที่แฝงด้วยเสวียนอ้าวมรณะเหล่านี้ สามารถมอบพลังเล็กน้อยให้กับอาวุธใต้หินผนึกเทพนี้ได้ นอกจากนั้นพวกเรายังลดพลังของหินจากด้านนอกได้อีกด้วย!”

อวี๋เฮิ่นบอกขั้นตอนต่อไปกับจ้าวเฟิง

“คุณชายจ้าวไม่เต็มใจรึ?”

สตรีชุดชาววังสีชมพูถามเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“ต่อให้ข้าไม่เต็มใจ พวกเจ้าก็ไม่ให้ข้าจากไปกระมัง อีกทั้งข้าก็อยากจะยืมพลังของอาวุธเทพชิ้นนี้จัดการกับปีศาจวารีสวรรค์ตัวปัญหาด้วย!”

จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น

จ้าวเฟิงแต่เดิมก็ปรารถนาในอาวุธเทพชิ้นนี้เป็นอย่างมากอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังมีไพ่ตายบางอย่าง ไม่ต้องเกรงกลัวเผ่าพาหาทองทั้งสาม หากสามารถใช้ทั้งสามคนให้ได้มาซึ่งอาวุธเทพใต้หินจะไม่ยิ่งเป็นการดีรึ

“เช่นนั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ!”

อวี๋เฮิ่นลงมือทันใด วางของที่แฝงด้วยเสวียนอ้าวมรณะไว้สี่ด้านรอบหินผนึกเทพ

เป็นไปตามคาด พลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งเริ่มควบคุมเสวียนอ้าวมรณะในของพวกนี้ และกัดกร่อนหินผนึกเทพ

“ตามข้ามา!”

จ้าวเฟิงตามเผ่าพาหาทองทั้งสามมายังด้านบนของหินผนึกเทพ

อวี๋เฮิ่นนำป้ายหยกสีขาวออกมาอีกครั้ง บนนั้นปรากฏเค้าร่างของลายอันน่าอัศจรรย์ แผ่กระจายพลังเสวียนอ้าวที่ลึกล้ำแปลกประหลาดออกมาอวี๋เฮิ่นนำป้ายหยกชิ้นนี้ไปวางไว้บนหินผนึกเทพ

“นี่คือป้ายหยกที่ผู้ก่อตั้งของข้าทำขึ้น เมื่อพวกเราโจมตีป้ายหยกแผ่นนี้ มันจะขยายพลังของพวกเราให้มากขึ้น!”

อวี๋เฮิ่นอธิบายกับจ้าวเฟิง

‘กลวิชาของเทพแท้จริงที่แข็งแกร่ง ช่างล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึงจริงๆ!’

จ้าวเฟิงเก็บความคิดดูถูกลงไป

นับตั้งแต่ได้พบกับผู้แข็งแกร่งของเขตผาเก่าในพื้นที่ลับ จ้าวเฟิงก็ได้รู้เห็นกลวิชาอัศจรรย์หลากหลายของพวกเขา เกาะเทียนอวี่เป็นเพียงแค่มุมหนึ่งของพื้นที่ชายขอบในดินแดนเทพรกร้างที่กว้างใหญ่ ความรู้ของจ้าวเฟิงยังตื้นเขินนัก

บึ้ม! ทั้งสี่รวมพลังโจมตีป้ายหยกสีขาวแผ่นนี้

พลังอันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้นจากในป้ายหยก โจมตีไปยังหินผนึกเทพ

วู้ม วู้ม! รอบหินผนึกเทพ เสวียนอ้าวมรณะแต่ละกลุ่มกัดกินไปยังตัวหิน

ภายใต้ผลของพลังทั้งสองชนิด พลังของหินผนึกเทพค่อยๆ อ่อนลง

“หยุด ต่อไปก็ให้อาวุธเทพทำลายสะกดของหินผนึกเทพด้วยตัวเอง!”

อวี๋เฮิ่นเอาป้ายหยกลงมา

ครืน ตูม ตูม!

ใต้หินผนึกเทพเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว พลังของผนึกสะกดเกิดจุดอ่อนและช่องโหว่ขึ้นบางส่วน หมอกดำแห่งความตายแต่ละสายพุ่งออกมาจากข้างใน

“อาวุธเทพชิ้นนี้ใกล้จะปรากฏออกมาแล้ว!”

สายตาล้ำลึกของจ้าวเฟิงปรากฏคลื่นอารมณ์

“สหายจ้าว ถึงเวลาที่เจ้าจะได้สำแดงประโยชน์แล้ว!”

อวี๋เฮิ่นด้านข้างพลันเอ่ยขึ้น เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหี้ยมเกรียม

วูบ! ในมือของเขาปรากฏป้ายหยกสีเงินขึ้นแผ่นหนึ่ง บนนั้นแผ่กระจายเสวียนอ้าวมิติที่แปลกประหลาดออกมา

ขณะเดียวกัน สตรีชุดชาววังสีชมพูและชายสูงใหญ่ก็ลงมือกับจ้าวเฟิง

อยู่ในป่าแห่งความตายที่ไม่อาจใช้พลังอื่นๆ ได้ พลังของจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวไม่มีทางเป็นคู่มือของเผ่าพาหาทองทั้งสามได้แน่

อีกทั้งเพื่อที่จะควบคุมจ้าวเฟิงเอาไว้ให้ได้ สามคนนี้ใช้พลังเทพโดยไม่เกรงกลัวการกัดกินจากกลิ่นอายแห่งความตาย

“สหายจ้าว มอบชีวิตเจ้ามาให้พวกข้าเถอะ!”

อวี๋เฮิ่นยิ้มเหี้ยมเกรียมพลางพูดขึ้น ทั้งสามเอาจ้าวเฟิงเป็นหลัก ลงมือพร้อมๆ กัน

พรึ่บ!

ในยามนี้เอง มือขวาของจ้าวเฟิงสะบัด ชายเกล็ดดำคนหนึ่งปรากฏขึ้นในมิติแห่งนี้

จ้าวเฟิงและมังกรวารีล้างโลกาไม่สนใจการกัดกินจากกลิ่นอายแห่งความตายเช่นกัน ใช้พลังเทพปะทะเข้ากับเผ่าพาหาทองทั้งสาม

เผ่าพาหาทองทั้งสามเห็นจ้าวเฟิงซ่อนไพ่ตายไว้ ใบหน้าก็เคร่งเครียดเล็กน้อย

ชั่วพริบตาที่ประมือกัน พวกเขาก็สัมผัสได้ว่าชายเกล็ดดำคนนี้ไม่เพียงแต่มีพลังกายแข็งแกร่ง ทว่าสายเลือดยิ่งน่าหวาดหวั่นเหนือสิ่งอื่นใด

“ป้ายหยกของข้า!”

อวี๋เฮิ่นพลันร้องตกใจ ป้ายหยกที่เขาเพิ่งจะนำออกมาหายไปแล้ว

เหมียว เหมียว!

ตอนนี้เอง ข้างหลังของเขามีคมคลื่นลายดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น หน้าอกอวี๋เฮิ่นเกิดรอยเฉือนที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต

ครืน!

ในขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงและมังกรวารีทมิฬล้างโลกาก็บุกไป สิ่งที่พุ่งไปยังอวี๋เฮิ่นก็คือหมัดบ้าคลั่งทรงพลัง ทำเอาร่างของอวี๋เฮิ่นลอยกระเด็น

เส้นแสงสีเงินกะพริบวูบผ่าน ป้ายหยกสีเงินแผ่นนั้นติดอยู่บนร่างของอวี๋เฮิ่น

“ไม่…”

ท่ามกลางเสียงหวาดหวั่น พลังมิติกลุ่มหนึ่งหุ้มล้อมร่างของอวี๋เฮิ่นเอาไว้ ก่อนส่งเข้าไปในมิติที่หินผนึกเทพสะกดเอาไว้ผ่านช่องว่างรอบหิน

“ฮ่าๆ อาวุธเทพชิ้นนี้ต่อให้ถูกผนึกไว้ไม่รู้กี่ปี ก็ยังคงต่อสู้กับหินผนึกเทพมาโดยตลอด พลังอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เผ่าพาหาทองคิดจะใช้ชีวิตของท่านไป ‘เซ่นสังเวย’ เพื่อฟื้นฟูพลังของอาวุธบางส่วน!”

ใบหน้าน่าหวาดกลัวของมังกรวารีล้างโลกาเผยยิ้มเยือกเย็น พูดความคิดของคนเผ่าพาหาทองออกมา

เมื่อมาถึงที่นี่ จ้าวเฟิงไร้ซึ่งประโยชน์ ใช้ชีวิตของเขาฟื้นฟูพลังบางส่วนของอาวุธจะไม่ยิ่งดีกว่ารึ

เหมียว เหมียว!

แมวขโมยน้อยยืนอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง สายตาจ้องไปยังหินผนึกเทพ ก่อนโยนเหรียญโบราณสองสามเหรียญออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version