Skip to content

King of Gods 1192

King Of Gods

บทที่ 1192 เทพแท้จริงขั้นสาม

เบื้องหน้าของจ้าวเฟิงมีทรัพยากรฝึกฝนธาตุทองอันล้ำค่าลอยอยู่มากมาย ดีที่เขาใช้โลกมิติส่วนตัวปกปิดของเหล่านี้เอาไว้ มิฉะนั้นแล้วหากให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นมาเจอ เกรงว่าคงลงมือแย่งชิงกันทันที

วู้ม!

สรรพคุณยาในทรัพยากรฝึกฝนธาตุทองถูกจ้าวเฟิงดูดเข้าไปในกาย ผ่านการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ จนเข้าไปในแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์

เสี้ยวขณะหนึ่ง พื้นที่สีทองในแสงวนห้าสีของจ้าวเฟิงส่องประกายจนถึงขีดสูงสุด

ครืน แซ่ด แซ่ด!

วายุอัสนีธาตุทองที่อยู่รอบกายก็ส่องประกายถึงขีดสุดเช่นกัน ค่อยๆ แทงทะลุผ่านการอำพรางของโลกมิติส่วนตัว และสาดส่องมายังโลกภายนอก

ปรากฏการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งทั้งหลายบนยอดเขารอบด้าน แต่เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเพียงแค่กำลังทะลวงขั้นครึ่งเทพก็เมินไปทันที

ความเคลื่อนไหวในการทะลวงขั้นครึ่งเทพของจ้าวเฟิงยิ่งใหญ่มากจริงๆ แต่ครึ่งเทพอยู่ที่นี่มีประโยชน์อะไรรึ?

ฟู่!

แสงอัสนีสีทองค่อยๆ หดกลับ ชั้นปกคลุมของโลกมิติส่วนตัวรอบกายจ้าวเฟิงก็สลายไปทีละน้อยเช่นกัน

“ปฐมเทพคงหยวน ปฐมเทพทุนเทียน ปฐมเทพซือคง!”

จ้าวเฟิงลืมตาแวววาวขึ้น เอ่ยชื่อทั้งสามนี้ออกมาเบาๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังฝึกฝน แต่ก็แบ่งความคิดส่วนหนึ่งมาสังเกตสถานการณ์รอบๆ

‘สมกับที่เป็นผู้ถูกเลือกขั้นปฐมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์!’

จ้าวเฟิงทอดถอนใจอยู่ในใจ

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพ สูงส่งกว่าผู้ปกครองขั้วอำนาจห้าดาว

ศักยภาพและพลังของทุกคนในสามคนนี้ล้วนล้ำหน้าจ้าวเฟิงมากนัก จ้าวเฟิงคาดว่าหากสามคนทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ในตอนนี้ โดยพื้นฐานแล้วจะสามารถกลายเป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ได้

บางคนเป็นเพราะไม่อาจพัฒนาได้แม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงทะลวงตำแหน่งเทพ กลายเป็นเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ยกระดับขึ้น แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยากที่จะปีนข้ามผ่านประตูของขั้นเทพโบราณ

แต่ผู้ถูกเลือกเหล่านี้สามารถกลายเป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ได้เลย อัตราการเลื่อนขึ้นเป็นเทพโบราณในภายภาคหน้าก็ยิ่งสูง

นี่ก็คือความแตกต่างของพรสวรรค์!

นี่ก็คือเหตุผลที่ทำไมคนมากมายจึงสะกดพลังฝึกตนและสะสมพลังแฝง ไม่ทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ทันที

“ในวันนี้ข้าห่างชั้นกับพวกเขามากเกินไป แต่เมื่อครู่ข้าเพิ่งถึงขั้นครึ่งเทพ ยังมีเวลายกระดับอีกมากนัก!”

ในใจของจ้าวเฟิงเกิดความตั้งใจแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

อัจฉริยะของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นเป้าหมายของจ้าวเฟิง หากเป็นไปได้ จ้าวเฟิงอยากจะแซงหน้าพวกเขา

“ยินดีด้วยนายท่าน ระดับพลังฝึกตนก้าวหน้าอีกขั้น กลายเป็นปฐมเทพ!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวยิ้มเล็กน้อย เอ่ยอย่างเคารพนบนอบ

ด้วยพลังแท้จริงของจ้าวเฟิง แค่เพียงทะลวงขั้นครึ่งเทพได้ก็สามารถเรียกว่าปฐมเทพได้แล้ว

“ฮ่าๆ เพิ่งจะถึงขั้นครึ่งเทพ ก็กล้าเหลวไหลเรียกว่าปฐมเทพแล้วรึ!”

บนยอดเขาที่จ้าวเฟิงอยู่ ปฐมเทพหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

เทียบกับขั้วอำนาจที่อยู่ที่นี่ จ้าวเฟิงมีเพียงแค่สี่คนเท่านั้น พูดได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุด

สายตาของจ้าวเฟิงกวาดไปเล็กน้อย ขั้วอำนาจที่ยอดเขาแห่งนี้มีเพียงเก้าคน อีกทั้งมีเทพแท้จริงขั้นสี่คนหนึ่งเท่านั้น เป็นหนึ่งในขั้วอำนาจชั้นล่างของที่นี่

ในยามนี้เอง มีกองกำลังกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาจากที่ไกลๆ ด้านหน้าสุดของกองกำลัง สายตาเหี้ยมโหดเย็นชาของปฐมเทพตี้หลินจ้องมายังจ้าวเฟิง

ครั้งนี้ปฐมเทพตี้หลินไม่บุ่มบ่าม ในตอนนั้นจ้าวเฟิงเพียงคนเดียวก็ทำให้เขาเสียเปรียบได้ แล้วยิ่งวันนี้ข้างกายอีกฝ่ายมีเพิ่มมาอีกสามคน

แต่ว่า ปฐมเทพตี้หลินกลับเผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมชั่วร้าย เหมือนกับกำลังบอกว่า ‘เจ้ารอก่อนเถอะ’

ปฐมเทพตี้หลินบินไปยังกองกำลังของเผ่าหยกทองทันที

“เทพแท้จริงเทียนหวา ยามที่พวกเราเดินทางมาที่นี่ ในกลุ่มมีคนผู้หนึ่งถูกเจ้าคนผมทองนั่นสังหาร…!”

ปฐมเทพตี้หลินมายังเบื้องหน้าเทพแท้จริงเทียนหวา ก่อนพูดยิ้มๆ

เทพแท้จริงเทียนหวาเป็นเทพแท้จริงขั้นห้าเพียงคนเดียวของเผ่าหยกทองในมิติลับแห่งนี้ ต่อให้ปฐมเทพตี้หลินมีชาติกำเนิดสูงส่ง ต่อหน้าเทพแท้จริงเทียนหวาก็ยังต้องสงบเสงี่ยม

“หึ เจ้าจะให้ข้าไปจัดการกับคนรุ่นหลังคนหนึ่งที่เพิ่งทะลวงขั้นครึ่งเทพรึ?”

เทพแท้จริงเทียนหวาแค่นเสียงโกรธกริ้ว

ต่อให้เขาวิ่งไปสังหารจ้าวเฟิงจริงๆ เกรงว่าคงเรียกเสียงหัวเราะดูถูกจากขั้วอำนาจทั้งหลายรอบด้าน

“พวกเจ้าห้าคนไปจัดการพวกมันเสีย!”

เทพแท้จริงเทียนหวาถอนใจ พูดกับเทพแท้จริงขั้นสามห้าคนที่อยู่ข้างๆ

ในกลุ่มจ้าวเฟิงสี่คนมีเพียงเทพแท้จริงขั้นสามหนึ่งคน ที่เหลือมีเทพแท้จริงขั้นสองหนึ่งคน ครึ่งเทพสองคน ให้เทพแท้จริงขั้นสามห้าคนจัดการกับจ้าวเฟิงสี่คนค่อนข้างทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

แต่จ้าวเฟิงสามารถสังหารคนเผ่าหยกทองได้คนหนึ่งแล้วจากไปทันที จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เทพแท้จริงเทียนหวาพิจารณาทุกด้าน ดังนั้นจึงส่งเทพแท้จริงขั้นสามห้าคนไป

“ขอรับ!” เผ่าหยกทองห้าคนพุ่งไปยังยอดเขาที่จ้าวเฟิงอยู่ทันที

“เจ้าหนุ่ม รอรับความตายเถอะ!”

ปฐมเทพตี้หลินเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ส่วนบนยอดเขาที่จ้าวเฟิงอยู่ ชายหนุ่มที่หัวเราะเยาะจ้าวเฟิงเมื่อครู่ก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ท่าทางพวกเจ้าจะไม่มีโอกาสได้เห็นของล้ำค่าที่นี่แล้วละ!”

“นายท่าน ทำยังไงดี?” ผู้เฒ่าชุดเขียวมีสีหน้าร้อนรน

“ไป!” จ้าวเฟิงรวมปีกแสงสีทองขึ้นคู่หนึ่ง หนีไปยังที่ไกลๆ ทันที

“ฮี่ๆ นายท่าน ท่านคิดจะเล่นลอบกัดอีกแล้ว!”

มังกรวารีล้างโลกาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

แต่ว่าเขาก็ชอบลอบกัดเหมือนกัน สายเลือดเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกาของเขา จะเปิดเผยออกมาต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ไม่ได้

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

อีกสามคนที่เหลือรีบตามหลังไป

“ตามไป ฆ่ามันให้หมด!”

เทพแท้จริงขั้นสามเผ่าหยกทองคนหนึ่งพลันตะโกนขึ้น

พวกเขาเทพแท้จริงขั้นสามห้าคนลงมือ หากให้อีกฝ่ายหนีไปได้ จะยังมีหน้ากลับไปได้อย่างไร

วูบ…

คนของเผ่าหยกทองไล่ตามไปทันใด

ในบรรดาสี่คน ความเร็วของจ้าวเฟิงสูงที่สุด จ้าววั่นและมังกรวารีล้างโลการองลงมา กลับเป็นผู้เฒ่าชุดเขียวผู้เป็นเทพแท้จริงขั้นสามที่ช้าที่สุด

“นี่มันอะไรกัน? พวกนั้นพลังฝึกตนอ่อนแอ ความเร็วกลับสูงเพียงนี้!”

เผ่าหยกทองคนหนึ่งสบถคำด่า

พวกเขาห้าคนอย่างมากก็ทำได้เพียงแค่ตามผู้เฒ่าชุดเขียวทันเท่านั้น อีกสามคนที่เหลือตามไม่ทันเลย

แต่ทันใดนั้น พวกจ้าวเฟิงที่หนีอย่างรวดเร็วอยู่ข้างหน้าก็หยุดลง

“ฆ่ามัน!” เผ่าหยกทองย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป ลงมือทันที

เทพแท้จริงสามคนโจมตีจ้าวเฟิง จ้าววั่น และมังกรวารีล้างโลกา เทพแท้จริงอีกสองคนที่เหลือตรงไปยังผู้เฒ่าชุดเขียว

“เฮ้อ!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวทอดถอนใจ ค่อนข้างเหนื่อยหน่าย คนข้างกายนายท่านล้วนชอบแสดงเป็นหมูแต่กินเสือ[1]

พลังของเขาเทียบไม่ได้กับมังกรวารีล้างโลกาเลย ส่วนจ้าวเฟิงหลังจากทะลวงขั้นแล้ว พลังอาจจะเทียบเคียงกับเขา แต่หากสำแดงไพ่ตายต้องแข็งแกร่งกว่าเขาแน่นอน

“เจ้าหนุ่ม เป็นเจ้าที่สังหารคนเผ่าหยกทองของข้ารึ?”

เทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งมีสีหน้าโกรธแค้นเล็กน้อย ทำท่าทางสูงส่ง มองต่ำลงมายังจ้าวเฟิง

“พูดไร้สาระเยอะจริง!”

จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น โคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ กระตุ้นเพลิงมารโลหิตโบราณ

ครืน ฟู่!

กายของจ้าวเฟิงขยายใหญ่ขึ้นหลายส่วน เปล่งแสงอัสนีสีทองหม่น จากนั้นก็ถูกเพลิงอาทิตย์สีแดงชาดอีกชั้นพันล้อม ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในชั่วพริบตา

ส่วนเทพแท้จริงขั้นสามเบื้องหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย เขารู้ดี คนข้างหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดา

ครืน บึ้ม!

แสงอัสนีเพลิงสีชาดกะพริบ จ้าวเฟิงพุ่งไปยังเทพแท้จริงขั้นสามคนนี้ทันที

เมื่อถึงขั้นครึ่งเทพ จ้าวเฟิงก็อยากจะรู้ว่าตนเองสามารถต่อสู้กับเทพแท้จริงขั้นสามได้หรือไม่

“แสงทองทำนองหยก!”

เทพแท้จริงขั้นสามกระตุ้นสายเลือดเผ่าหยกทอง สองมือสะบัดออก ท้องฟ้าพลันปรากฏอักขระหยกทองนับไม่ถ้วน

วู้ม ฟิ้ว!

อักขระแสงหยกทองเหล่านี้ก่อร่างเป็นน้ำวนลายก้นหอยเข้าต้านรับจ้าวเฟิง

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

เงาฝ่ามือแสงศักดิ์สิทธิ์อัสนีสีชาดขนาดมหึมา โจมตีไปยังน้ำวนลายก้นหอยนั่น

ครืน บึ้ม บึ้ม!

ก้นหอยหยกทองถูกทำลายไปกว่าครึ่ง เปลวเพลิงทองทำลายล้างกลุ่มหนึ่งเผาไหม้ก้นหอยที่เหลือทันที แผดเผามันจนหมดสิ้น

นี่ก็คือลักษณะพิเศษของการเผาไหม้ในสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณ และเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของเสวียนอ้าวแห่งไฟขั้นที่หนึ่ง

“หลังจากทะลวงขั้นครึ่งเทพ ก็สามารถงัดข้อกับเทพแท้จริงขั้นสามแบบซึ่งหน้าได้แล้ว!”

ในใจจ้าวเฟิงยินดีเล็กน้อย

จ้าวเฟิงยังจำได้ว่า ในยามที่เผชิญหน้ากับเทพแท้จริงกุ่ยช่าก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งกระบวนท่าเดียวของอีกฝ่ายเขาก็ยากจะรับมือ ทำได้เพียงแค่อาศัยอาวุธเทพหรือเนตรเทพลอกแบบต้านทานไว้

แต่เวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนในห้วงฝันบรรพกาล จ้าวเฟิงก็พัฒนาจนถึงขั้นสามารถงัดข้อกับเทพแท้จริงขั้นสามแบบซึ่งหน้าแล้ว

ครืน บึ้ม!

ร่างของจ้าวเฟิงเพียงกะพริบ ก็โจมตีไปยังเทพแท้จริงขั้นสามคนนี้จากอีกด้านหนึ่งทันที

“เจ้าเด็กนี่ เสวียนอ้าวแห่งไฟถึงขอบเขตขั้นที่หนึ่งแล้ว!”

ใจของเทพแท้จริงขั้นสามสั่นสะท้าน อีกทั้งสายเลือดของจ้าวเฟิงก็เหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าเขา และยังฝึกฝนเคล็ดวิชาฝึกกายที่ลึกซึ้งอีกด้วย

หากไม่ใช่ว่าเสวียนอ้าวทองของเขาถึงขั้นที่หนึ่งนานแล้ว เกรงว่าคงไม่ใช่คู่มือของจ้าวเฟิง

ครืน ตูม บึ้ม!

ระหว่างประมือกันช่วงสั้นๆ เทพแท้จริงขั้นสามฝ่ายเผ่าหยกทองพบว่าตัวเองทำอะไรจ้าวเฟิงไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง ผู้เฒ่าชุดเขียวถูกเทพแท้จริงขั้นสามสองคนรุกจู่โจม จ้าววั่นก็ถูกเทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งควบคุมเอาไว้เล็กน้อย

แต่ชายเกล็ดดำเทพแท้จริงขั้นสองนั่นมีเสวียนอ้าวทำลายล้างที่ล้ำลึก การโจมตีดุดันทรงพลัง สยบเผ่าหยกทองได้อย่างสิ้นเชิง

“บัดซบ ฆ่าเจ้าสวะพวกนี้ก็เปลืองแรงถึงเพียงนี้เชียวรึ!”

เทพแท้จริงขั้นสามคนนี้มีใบหน้าโกรธแค้นเล็กน้อย พัดสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

“หยกมอดไหม้!”

พัดทองสะบัด วายุคลั่งสีทองพร่างพรายกลุ่มหนึ่งม้วนโจมตีไปยังจ้าวเฟิงด้วยอานุภาพโหดเหี้ยมที่ทำลายล้างทุกสิ่ง

ติ๊ง ตูม!

ฟ้าดินมีวายุคลั่งแสงทองพวยพุ่ง พร้อมด้วยเสียงที่กังวานราวกับเครื่องหยกแตกร้าวนับไม่ถ้วน

“ในเมื่อเจ้าเอาอาวุธเทพออกมา เช่นนั้นก็จบการต่อสู้เลยแล้วกัน!”

สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา

เหตุที่เขาต่อสู้ซึ่งหน้ากับเทพแท้จริงขั้นสามคนนี้ เพราะคิดอยากพิสูจน์พลังของตนเองหลังจากทะลวงขั้นแล้วล้วนๆ

ฟิ้ว แซ่ด แซ่ด!

จ้าวเฟิงโคจรวิชาปีกแสงอัสนีทอง หลบการโจมตีกระบวนท่านี้

พรึ่บ!

มือเดียวสะบัด เงาร่างมหึมาแต่ละร่างปรากฏขึ้นรอบด้าน แผ่กลิ่นอายปีศาจบรรพกาลอันน่าหวาดหวั่นออกมา

“เจ้าเป็น…ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์!”

เทพแท้จริงขั้นสามอึ้งตะลึง

แต่เดิมเผ่าหยกทองเพียงแค่ได้เปรียบเล็กน้อย แต่ขณะนี้จ้าวเฟิงปลดปล่อยสัตว์วิเศษออกมามากมายเพียงนี้ ถึงแม้พลังของสัตว์วิเศษเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็มากพอจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

“ฆ่ามัน!” จ้าวเฟิงบัญชา

“ลมหายใจมังกรล้างโลกา!”

มังกรวารีล้างโลกาไม่เกรงใจแม้แต่น้อย กระตุ้นพลังสายเลือดส่วนหนึ่ง โคจรพลังทำลายล้างดั้งเดิม

“มิติหมื่นปรากฏการณ์!”

จ้าววั่นใช้ไพ่ตายขั้นสุดยอดทันที ปลดปล่อยมิติหมื่นปรากฏการณ์ กักขังเทพแท้จริงขั้นสามคนนั้นไว้ข้างใน

โฮก!

สัตว์ปีศาจทั้งหมดที่เหลือโจมตีเทพแท้จริงทั้งสองที่รุมล้อมผู้เฒ่าชุดเขียว

“หยกมอดไหม้!”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกเป็นรอยยิ้ม ตาซ้ายทะลักเจตจำนงดวงตาที่น่าพรั่นพรึง

ครืน ฟู่ ฟู่!

พายุคลั่งสีทองพร่างพราย ม้วนโจมตีไปยังเทพแท้จริงขั้นสามคนนั้นด้วยพลังดุดันซึ่งทำลายทุกสิ่ง

เมื่อครู่ตอนเทพแท้จริงขั้นสามสำแดงกระบวนท่านี้ จ้าวเฟิงก็ลอกเลียนแบบอย่างเงียบเชียบโดยสมบูรณ์ ‘เก็บพลังรอโอกาส’ มาโดยตลอด แล้วค่อยปลดปล่อยออกมาในยามนี้

“เป็นไปได้อย่างไร? นี่เป็นกระบวนท่าของข้า!”

เทพแท้จริงขั้นสามสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ใบหน้าตื่นตระหนกยิ่ง

“เพลิงดวงตาอัสนีเทวะ!”

หลังจากสำแดงกระบวนท่านี้แล้ว จ้าวเฟิงกระตุ้นวิชาเนตรโจมตีอัสนีเทวะทันที

ครืน ฉัวะ!

พลังของเพลิงดวงตาอัสนีเทวะสำแดงผลขั้นแรก ปะทุบนวิญญาณของเทพแท้จริงขั้นสาม ทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างปกติ

ครืน!

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็ลอกเลียนแบบ ‘หยกมอดไหม้’ โจมตีเทพแท้จริงขั้นสามคนนี้อย่างบ้าคลั่ง

อีกด้านหนึ่ง มังกรวารีล้างโลกาสังหารเทพแท้จริงขั้นสามไปแล้ว จ้าววั่นอาศัยมิติหมื่นปรากฏการณ์และเนตรหมื่นปรากฏการณ์รับมือกับอีกฝ่ายอย่างสูสี ผู้เฒ่าชุดเขียวมีการช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์บรรพกาลทั้งหลาย บีบจนเทพแท้จริงขั้นสามทั้งสองเข้าสู่ทางตัน

……

บนยอดเขาแห่งหนึ่ง เทพแท้จริงเทียนหวากำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝน

ด้วยพลังเทพแท้จริงขั้นห้าของเขา เผชิญหน้ากับสถานที่ล้ำค่าแห่งนี้ก็ยังไม่กล้าประมาท

ทันใดนั้น เขาหยิบป้ายส่งข่าวแผ่นหนึ่งขึ้นมา จากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนสีทันที เอ่ยอย่างโกรธแค้นว่า “เจ้าพวกไร้ประโยชน์!”

“ตามข้ามา!”

เทพแท้จริงเทียนหวาผุดลุกขึ้นทันที ใบหน้าทรงอำนาจโกรธแค้น นำคนเผ่าหยกทองทั้งหมดจากไปอย่างน่าเกรงกลัว

………………………………………

[1] แสดงเป็นหมูแต่กินเสือ หมายถึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ แกล้งทำตัวอ่อนแอหลอกผู้อื่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายบางอย่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version